เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 20:41:26
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  !!!น่าทึ่ง มนุษย์ย้อนเวลาสำรวจอดีตเมื่อ70ปีที่แล้ว มีรูปด้วย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] พิมพ์
ผู้เขียน !!!น่าทึ่ง มนุษย์ย้อนเวลาสำรวจอดีตเมื่อ70ปีที่แล้ว มีรูปด้วย  (อ่าน 11584 ครั้ง)
ปวดตับ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,549


ถ่ายรูปคือความสุข ..


« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 29 ตุลาคม 2010, 18:04:31 »

ทำไมไม่ซื้อหวนแทนหุ้น ถ้าอยากจะรวยช้าๆ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

อนิจจาผู้ไม่เคยมีความฝัน ... ไม่มีวันได้เจอสุข
yem
ปรึกษา การเงินทุก อย่าง
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 602


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 29 ตุลาคม 2010, 19:04:10 »

ดันๆๆๆ
IP : บันทึกการเข้า
อะไร?ยังไง?
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 357


« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 29 ตุลาคม 2010, 22:03:39 »

เจื่อในหลักวิทยศาสตร์ แต่ในเรื่องย้อนกลับไปในอดีตหรืออนาคตกึดว่ามันยากไปตี่คนจะแป๋งเครื่องเดินทางผ่านทะลุมิติ

โอกาสเป๋นไปใด้น้อยและยาก
IP : บันทึกการเข้า
MCL.Morchula shop
รถตู้ให้เช่า เชียงราย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,195

รถตู้ให้เช่า เชียงราย


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 29 ตุลาคม 2010, 23:00:49 »

มันเป็นไปได้นะค่ะเนี้ยยย
IP : บันทึกการเข้า

รถตู้ให้เช่า เชียงราย (บริการทั่วไทย รถสวยบริการดี ต้อง AECรถตู้ตะลอนทัวร์)

081-6748776 เอรวัล
K€nGja1
ผู้ดูแลบอร์ด
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,608



« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 15:57:45 »

อ่านเพลินเลย กระทู้นี้    ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

รับซ่อม ซื้อขาย คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อุปกรณ์ IT
IDEAcomputer 082-0186679
 
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 21:08:30 »

10 สัตว์ลึกลับที่โลกไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่

                สาเหตุ ที่ตอนที่แล้วออกมาช้าเหลือเกินก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ คือว่าอีก 5 วันผมจะต้องเขียนฆาตกรโหดสะท้านโลกให้เสร็จนะครับ ดังนั้นผมเลยทุ่มเวลาเขียนเรื่องฆาตกรให้หมด ตอนนี้เหลืออีก 3 เรื่อง (จะทันไหมเนี้ย)

 

                cryptids มีความหมายว่า สัตว์ลึกลับวิทยา สัตว์ลึกลับในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสัตว์ในตำนานนะครับ อยากให้เข้าใจกันใหม่ พวกไฮดรา กรีฟฟิน มังกร คิไมร่า ฯลฯ นี้ตัดไปเลย เพราะคำว่าสัตว์ลึกลับคือสัตว์ที่วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้จัก หมายถึงเป็นสัตว์พื้นเมืองที่คนในท้องถิ่นรู้จักกันดี และพูดถึง แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จักตัวตนจริงๆ เข้าใจกันว่ามันอาจเป็นแค่ตำนานในท้องถิ่น ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน เช่น รอยเท้า เหยื่อที่มันฆ่า เส้นขน เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึง สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่กลับปรากฏตัวอีกครั้ง หรือพบเห็นสัตว์ที่ไม่น่าเชื่อว่าในท้องถิ่นจะมีการพบเห็นสัตว์ชนิดนั้น เป็นต้นตัวอย่างเจ้าตัวที่ดังๆ ก็เช่น เยติ, บิ๊กฟุต, เนสซี ฯลฯ

                โลก นี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกนับไม่ถ้วนสปีชี่ส์ที่รอให้เราค้นพบอยู่ และนี้คือ 10 อันดบ สัตว์ลึกลับที่หลายคนไม่ค่อยสนใจนัก แต่กระนั้นก็มีรายงานการปรากฏตัวของมันเรื่อยๆ จนเหลือเชื่อว่ามันมีตัวตนอยู่จริงเหรอ??

 

10. Champ

               

                แชมป์ถือได้ว่าเป็นญาติของเนสซีที่ถูกขนานนามว่า “เนสซีอเมริกัน” มีคนรายงานการพบเห็นสัตว์เหล่านี้ในทะเลสาบแชมเปลน(Champlain) ประเทศอเมริกา มันเป็นทะเลสาบที่ลึกมากแต่แคบและยาวอยู่ระหว่างรัฐเวอร์มอนต์และรัฐ นิวยอร์ก จากรายงานการพบบ่บอกว่ามันมีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่เป็นพวกอาศัยอยู่ในน้ำ ในยุคดึกดำบรรพ์ ยาวประมาณ 4.5-9 เมตร ลำตัวคล้ายถังเหล้า มีตัวสีดำหรือเทา หัวคล้ายงูหรือม้า มีเขาหรือหงอนสองอัน  สัตว์ ลึกลับตัวนี้มีการพบเห็นมายาวนานกว่าสามร้อยปีมาแล้ว และปัจจุบันมีผู้พบเห็นตัวมันมากมายโดยเฉพาในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ ร่วงซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว  และมี รูปถ่ายของมันด้วย จนหลายคนเชื่อว่ามันมีจริง ถึงขนาดสภาผู้แทนรัฐเวอร์มอนด์ได้ออกกฎหมายคุ้มครองแชมป์ “ห้ามกระทำการใดโดยเจตนาเพื่อจะฆ่าหรือทำให้บาดเจ็บหรือไปรบกวนมัน” กฎหมายที่ว่าออกในเดือนเมษายน 1986 ต่อมารัฐนิวยอร์กก็ออกกฎหมายเดียวกัน

                มีหลายคนสันนิษฐานว่าสัตว์ลึกลับนี้ตัวตนที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ บางคนบอกว่ามันน่าจะเป็นซูโกลดอน(Zeuglodon) ปลาวาฬที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อสิบล้านปีก่อน บางคนบอกว่าเป็นคลื่นใต้น้ำเนื้องด้วยโครงสร้างของทะเลสาปที่ทำให้เกิดคลื่น ใต้น้ำขนาดใหญ่

 

9. Chupacabra

 

ชูปราคาบรา เป็น คำในภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ...แต่มิได้หมายความว่าเหยื่อของมันจะเป็นแพะเท่านั้น สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ไม่ว่า เป็ด ไก่ ห่าน หมา แมว กระต่าย หรือวัวก็ยังโดนมันดูดเลือดด้วย ซึ่งมันเป็นสัตว์ที่สร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้านในเปอร์โตริโก ในช่วงราวปี ค.ศ.1994-1995 เป็นอย่างมาก  จาก คำบอกเล่าของพยานผู้รู้เห็น จากซากสัตว์ที่โดยทำร้าย และจากซากของชูปาคาบรา พบว่าชูปราคาบรานั้นมีรูปร่างหลายแบบ แตกต่างกัน บ้างก็เหมือนมนุษย์ต่างดาว  เหมือน หนูตัวใหญ่ บ้างก็เหมือนลิง บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน บางก็มีเสียงเห่าหอน โดยในอเมริกาพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์ไหนที่เป็นโรคเรื้อนทำ ให้มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด แต่กระนั้นก็ยังมีการพบตัวมันจนถึงปัจจุบัน ในอมเริกาใต้และอเมริกาเหนืออยู่ดี จนหลายคนไม่เชื้อว่ามันคือหมาขี้เรื้อน บ้างก็บอกว่า ฐบาลสหรัฐเคยมาสร้างสถานีวิจัยทางทหารลับๆ ไว้แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อปี 1989 เกิด พายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำ ลิงกลายพันธุ์ที่ทดลองทางพันธุ์วิศวกรรม หรืออาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เหลือรอดจากยุคดึกดำบรรพ์ก็เป็นได้

 

8.Ebu Gogo



 
มี หลายคนพบสัตว์ลึกลับชนิดหนึ่งเป็นกลุ่มคนตัวเล็กๆ มีใกล้เคียงกับมนุษย์มากมีแขนยาว เดินเหมือนมนุษย์ สูงประมาณหนึ่งเมตร ขนดก มักจะพึมพำคุยกันด้วยภาษาที่พวกเขาไม่เข้าใจ พวกเขาอาศัยในเกาะ Flores  เกาะ ป่าร้อนชื้นของอินโดนีเซียที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจก็เป็นได้ ตั้งแต่สมัยโบราณไปจนถึงศตวรรษที่ 19 มีตำนานเล่าว่าพวกเขาถูกเรียกว่า "อีบู โกโก" เป็นมนุษย์ตัวเล็กที่ชอบทำลาย พืชและสัตว์ของมนุษย์เพื่อกินเป็นอาหาร ทำให้พวกมนุษย์โกรธแค้นและสืบหาร่องรอยจนฆ่าพวกเขาจนสูญพันธุ์ในถ้ำแห่ง หนึ่ง ซึ่งในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบกระดูกพวกเขาในถ้ำหินปูนชื่อ Liang Bua และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะถือว่ากระดูกที่ค้นพบเป็นของมนุษย์พันธุ์ใหม่ และตั้งชื่อเล่นว่าฮอบบิต

 แต่ ทว่ามีหลายคนออกมาถกเถียงข้อสันนิษฐานนี้โดยบอกว่าซากมนุษย์จิ๋วที่ค้นพบคือ โฮโม ซาเปียนส์ทั่วไป แต่มีร่างกายแคระแกร็น หยุดการเจริญเติบโต อันเนื่องจากภาวะขาดสารไอโอดีนระหว่างครรภ์มารดา อันเนื่องจากเกาะแห่งนี้มีอาหารอยู่น้อยนี้เอง


          7.Springheel Jack



เรื่องราวของชายส้นเท้าสปริงเกิดขึ้นในสมัยที่อเล็กซานดรีนา วิกเตอเรีย( โดยชายส้นเท้าสปริงเริ่มออกมาอาละวาดในช่วง 1836-1986    โดย สัตว์ประหลาด(อาจเป็นคนปลอมตัว) นั้นมันมีความสามารถพิเศษคือ สามารถกระโดดสูงอย่างที่มนุษย์คนไหนสามารถกระโดดได้เหมือนกับว่าร้องเท้าของ มันติดสปริงด้วย(และนี้คือที่มาของชายส้นเท้าสปริง) นอกจากนั้นรูปร่างของมันก็ไม่เหมือนกับคน ซึ่งพยานคนหนึ่งได้เคยเผชิญหน้ากับมันและบรรยายอย่างน่าขนลุกว่า “รูป ร่างของมันสูงและผอม หน้าของมันเหมือนภูตผีปีศาจ ที่มือของมันมีอุ้มเล็บยาว ตาเหมือนลูกบอลสีแดงที่ลุกเป็นไฟ ใส่หมวก กางเกงมีสีขาว สวมเสื้อคลุมสีดำชอบปรากฏตัวจะกางผ้าคลุมทำให้เวลาดูราวมันเป็นมนุษย์ค้าง คาวยังไงอย่างงั้น”นอก จากนั้นยังมีรายงานเวอร์ๆ ออกมาเป็นระลอกที่ส่งเสริมให้ชายส้นเท้าสปริงกลายเป็นสัตว์ประหลาดเข้าไป ใหญ่ เช่น ลมหายใจออกสีน้ำเงินมีฟันแหลมคล้ายแวมไพร์ หูและจมูกแหลม สามารถพ่นเปลวไฟสีขาวออกจากปากได้

มีทฤษฎี,ข้อ สันนิษฐานจำนวนมากที่นำอธิบายฆาตกรเหนือธรรมชาติรายนี้ เช่นมันอาจเป็นลิงที่หลุดจากละครสัตว์ นักแสดงชายชราโรคจิต นักมายากล หรือสัตว์ลึกลับ นอกจากนี้บางคดีก็มีคนมาลอกเลียนแบบชายส้นเท้าสปริงอีก แต่สุดท้ายคดีนี้ก็เป็นปริศนาตลอดกาล และกลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา โดยชื่อของมันปรากฏอยู่ในนิทาน, นวนิยาย หนัง ชายส้นเท้าสปริงปรากฏในฐานะฮีโร่ปราบปรามผู้ร้าย

 

6.Shadow People



          น่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับมากกว่าสัตว์ลึกลับครับ สำหรับ “คนเงา” ที่คนทั่วโลกได้พบเห็นตัวมันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รูปร่างลักษณะคือจะเห็นเงาที่มีรูปร่างคนและเคลื่อนไหวได้อิสระทั้งๆ ที่พื้นที่โดยรอบไม่มีคนเป็นๆ อยู่เลย บางคนก็เห็นในรูปเงามืดกึ่งโปร่งใส ไม่มีหน้าไม่มีจมูก และพวกเขาจะหายไปทันทีที่มีคนเห็นตัวมัน นอกจากนี้ยังมีรายงานการถูกทำร้ายและล่าโดยสิ่งที่เป็นเงารูปร่างคนด้วย ซึ่งบางครั้งขนาดของมันก็ใหญ่กว่าคนปกติ แน่นอนครับสำหรับคนไม่เชื่อก็ค้านว่ามันเป็นภาพลวงตาของแสง  หรืออาการประสาทหลอนที่เห็นเงากลายเป็นรูปร่างคนขึ้นมา หรือจะเป็นอาหารหลับตื่น(Hypnagogoia) ที่บุคคลอยู่สภาพระหว่างนอนและตื่น ทำให้สภาพแวดล้อมมีจิตนาการเหมือนฝัน เห็นเงาเคลื่อนที่อิสระได้ ส่วนคลิปนี้ถ่ายในปี 1997 โดยอิเมอร์สัน

 

5.Beast of Bray Road


 

“สัตว์แห่งถนนเป่าแตร” เป็นสัตว์ลึกลับที่พบในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1936(แต่รายงานจริงๆ จัง ในปี 1980)  รูป ร่างมันเหมือนมนุษย์หมาป่าแหละครับ คือสุนัขเดินสองขาแบบมนุษย์ สูงประมาณหกฟุต ผมกระเซิง ใบหน้าคล้ายสุนัขป่าตาสีเหลืองเรืองแสง บางคนก็บอกว่าคล้ายกับบิ๊กฟุต และมันสามารถแปลงร่างเป็นสุนัขป่าได้ มันมีกลิ่นเหม็นสุดจะทน สาเหตุที่ผมถูกเรียกชื่ออย่างนี้ก็เพราะว่ามันมักปรากฏบนถนน  แน่นอนคนที่ค้านก็บอกว่ามันเป็นแค่หมาป่าธรรมดา ที่คนพบเห็นเข้าใจผิดแล้วเกิดอุปทานหมู่



           4. Mothman

 

ม็อท แมน เป็นสิ่งมีชีวิตปริศนา ที่พบกันที่ รัฐเวสท์เวอร์จิเนียมีลักษณะคล้ายๆค้างคาวปนตัวมอธ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวเหมือนค้างคาวบวกผีเสื้อกลางคืน พบเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พ.ย. ค.ศ. 1966 และก็พบเห็นกันเรื่อยมา

อาจกล่าวได้ว่าทศวรรษที่ 70-80 นั้น ม็อทแมน ถือเป็นตัวประหลาดแห่งปี เพราะมีข่าวของการพบมันกันหนาหูมากๆ แรกทีเดียวนั้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ คิดว่าเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของวัยรุ่นหรือพวกจิตป่วนที่คิดจะแต่งตัวเลียน แบบ แบล็คแมน ซึ่งเป็นทีวีซีรี่ย์ที่ดังมากๆในสมัยนั้น เอาไปเอามาชักไม่ใช่แล้วสิครับ เพราะ ม็อทแมน ไปเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์แปลกๆ น่ากลัวหลายๆครั้ง เช่น การถล่มของสะพาน Silver Bridge ตึกถล่ม หรือแม้แต่การปรากฏของ UFO ใน หลายๆครั้ง แบบว่าไปที่ไหนซวยถึงนั้น โดยลักษณะคร่าวๆ เกี่ยวกับเจ้าม็อทแมนนี้ก็จากคำบอกเล่า สรุปได้มันสูงประมาณเจ็ดฟิท ไม่มีหัว ตาอยู่แถวๆ อก ปีกกว้างประมาณ 10 ฟิท สีปีกสีเทา ผิวมีเกล็ดมาก ตาสีแดง เปร่งแสงได้ และมีอำนาจสะกดจิต บินได้ สามารถบินไกล ความเร็วประมาณ 100 ไมล์ ชั่วโมง มีเสียงกรี๊ดร้องเหมือนสุนัข บางครั้งเสียงร้องแหลมเหมือนเกี่ยวกับสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ หรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า สามารถก่อกวนเคลื่อนวิทยุ โทรทัศน์ได้ มีพลังจิตรู้อนาคต

ไม่ มีใครรู้ว่า ม็อทแมนแท้ที่จริงคือตัวอะไรกันแน่ แต่ข่าวที่เชื่อได้ก็คือ ในช่วงที่ ม็อทแมนปรากฏตัว จะมีชายแปลกหน้าใส่ชุดสีดำ หรือ น้ำตาลป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณใกล้เคียงเสมอๆ (ยังกะ MIB เลยแฮะ)

 

3.Rods

 

ร็อดซ์เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994 ที่มิดเวย์ในรัฐนิวเม็กซิโก โดยช่างตัดต่อฟิลม์ชื่อโฮเซ่ เอสคามิลล่า (Jose Escamilla) ได้พบบางอย่างที่ปรากฏขึ้นในฟิลม์เมื่อทำการฉายด้วยสโลโมชั่นของนักท่อง เที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ได้ไปถ่ายรูปเมื่อตอนไปกระโดดร่มเล่นที่หน้าผาที่ทะเล ทราย ในรัฐนิวเม็กซิโก  บางอย่าง ที่ว่ามีลักษณะเป็นแท่งยาว ด้านข้างมีแผ่นครีบบางๆซึ่งโบกพัดไปมาด้วยความเร็วสูง โจเซ่จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต เขาได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมันจนสามารถถ่ายภาพที่เกี่ยวข้องเก็บไว้ ได้ถึง 500 ชั่วโมงและเรียกสิ่งมีชีวิตปริศนานี้ว่า  Rods หรือFlying Rods ที่ แปลว่าแท่งไม้บินนั่นเอง (แต่โดยทั่วไปแล้ว สิ่งมีชีวิตนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่ละที่จึงเรียกชื่อไปต่างๆกัน) จากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวเรื่องพบเห็นรอดซ์ตามมาอีกอีกมายมาย ทั่วทุกมุมโลก อย่างไม่เคยมีมาก่อน....มีทั้งอเมริกา แคนาดา อังกฤษ หรือกระทั่งล่าสุดก็มีการพบร็อดซ์ที่แบกแดดด้วย

โดยรอดซ์ส่วนมากนั้นมีมีรูปร่าง เป็นแท่งยาว มีปีกหรือครีบอยู่รอบลำตัว ขนาดเล็ก เฉลี่ยประมาณ 4 นิ้ว สีผิวค่อนข้างที่จะขาวหรือขาวใส โดยรูปร่างของร็อดซ์ก็มีการแบ่งแยกย่อยออกไปอีกครับ มีความสามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงถึง 270-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งบนฟ้าและในน้ำ นอกจากนี้ยังมีปริศนาเกี่ยวกับตัวมันมากมาย เช่นทำไมเราไม่เคยมีการค้นพบซากของร็อดซ์เมื่อเวลามันตายแล้ว ?,  เวลาที่ร็อดซ์บินนั้นมันไม่ชนถูกอะไรเลยหรือ ?, มันควบคุมทิศทางยังไง ? , มันจะสืบพันธุ์กันยังไงหว่า ในเมื่อบินซะเร็วขนาดนั้น  นอกจากนี้ยังมีการตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับร็อดส์มากมาย ว่ามันเป็นแมลงชนิดใหม่ เป็นยูเอฟโอ, สัตว์ตระกูลนก, ภาพลวงตา แต่ถึงอย่างไร  การที่ยังไม่มีผู้สามารถจับร็อดซ์ที่มีตัวตนอยู่จริงได้ จึงเป็นที่โต้เถียงกันจนทุกวันนี้ว่าร็อดซ์มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่



2.Goatman

         

โกทแมนเป็นสัตว์ลึกลับที่ออกจากเว่อร์ๆ พบเห็นในเมือง ปรินซ์จอร์จรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1970 มีรายงานว่าผมเห็นสัตว์มีชีวิตประหลาดเหมือนลูกผสมระหว่างมนุษย์กับแพะลึกลับ  บรรยาย ท่อนล่างของร่างกายขาและเท้ามีกีบเหมือนแพะ ท่อนบนของร่างกายเป็นมนุษย์ ศีรษะมีเขาแพะ ผิวหนังบนร่างกายปกคลุมไปด้วยขน สูงประมาณสองเมตร หนักกว่า 130 กิโลกรัม ฟังดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายตัวหนึ่งมี เสียงร้องแหลม มีผู้พบเห็นศพของสัตว์ที่ตายอย่างโหดเหี้ยมบ่อยครั้งในเขตพื้นที่ที่พบเห็น โกทแมน ครึ่งหนึ่งของศพสัตว์ที่ตายถูกนำไป คาดว่าโกทแมนน่าจะฆ่าสัตว์เหล่านี้เพื่อนำไปเป็นอาหาร  มีเหตุการณ์หนึ่งในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริการายงานว่า มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งถูกเจ้าโกทแมนวิ่งไล่และเขวี้ยงซากยางรถยนต์เข้าใส่ และมีเหตุการณ์การใช้อาวุธที่ เกิดขึ้นในรัฐแมรีแลนด์ที่เจ้าโกทแมนไปอาละวาดเอาขวานจามรถยนต์หลายคันใน เวลาไร่เรี่ยกันและมักทำร้ายสัตว์เลี้ยงของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น  หลายคนเชื่อว่าโกทแมนน่าจะเป็นญาติห่างๆกับบิ๊กฟุต หรือมีความได้โกทแมนเกิดขึ้นจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในการตัดต่อพันธุกรรมของคนและแพะเข้าด้วยกันโดยศูนย์ค้นคว้าและวิจัย beltsville แห่งเมืองปรินซ์จอร์จ อัน เป็นแหล่งกำเนิดของตำนานโกทแมน แต่อย่างไรก็ตาม ตามแบบฉบับสิ่งมีชีวิตลึกลับมักจะไม่ค่อยให้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่า เชื่อถือซึ่งแสดงถึงการมีตัวตนอยู่จริงของมัน

 

1.Pongo



เป็น ตำนานสัตว์ลึกลับของแอฟริกา ที่เล่ากันว่าในดินแดนแห่งนี้มีสัตว์ครึ่งคนครึ่งลิงแอบอาศัยหลบซ่อนอยู่ มีนมีพลังวิเศษและชอบรสชาติของเนื้อมนุษย์ และสัตว์ตัวนี้สามารถกลายเป็นหญิงสวยเพื่อล่อผู้ชายและสามารถมีเพศสัมพันธ์ กับมนุษย์ได้และกำเนิดเป็นเหมือนพวกมัน ในปี 1847 มีการพบสัตว์ลึกลับตัวนี้ แต่กระนั้นดูยังไงก็เหมือนลิงอุรังอุตังเสียมากกว่า

IP : บันทึกการเข้า
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 21:27:50 »

ถ้าชอบแนวไซไฟเหนือจินตนาการ ลองไปหาหนังสือของวิินทร์ เลี้ยววาริณครับ ชื่อหนังสือ เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว ถึงชื่อจะไม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ แต่เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่สนุกมากเล่มหนึ่ง เนื้อหาเกี่ยวกับไซไฟครับ คนเขียนได้รางวัลซีไรต์ 2 สมัย สนุกมากๆ คอมเฟริม

เอามาสักท่อนในเรื่อง เขียนความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว กับสุนทรภู่

เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว...
จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย...
ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย...
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว
IP : บันทึกการเข้า
yem
ปรึกษา การเงินทุก อย่าง
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 602


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 21:28:27 »

พึ่งได้อ่าน ได้รู้ ก็วันนี้แหละ ขอบคุณมากครับ
มีอีกไหมครับ
สุดยอดมาก
IP : บันทึกการเข้า
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 00:13:25 »

พบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ลักษณะคล้ายโลกที่สุด




นักดาราศาสตร์ประกาศว่าค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่อาจมีลักษณะ คล้ายโลกมากที่ สุดเท่าที่เคยเจอมา โดยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต

เหล่านักดาราศาสตร์ แถลงข่าวที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเมืองซานตาครูสเมื่อวานว่า ดาวดวงนี้มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตที่เรียกกันว่าเขตมีชีวิต หรือ โกลดิล็อคโซน ซึ่งไม่เหมือนกับดาวเคราะห์อีกเกือบ 500 ดวงที่นักดาราศาสตร์ค้นพบนอกระบบสุริยจักรวาลของโลก

นักดาราศาสตร์บอกว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นดาวแม่ของมัน และมันอาจจะมีน้ำในสถานะที่เป็นของเหลวด้วย

นอกจากนั้น ตัวดาวเองก็ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ซึ่งจะมีผลต่อเรื่องของพื้นผิว แรงโน้มถ่วง และชั้นบรรยากาศของดาว
นายอาร์. พอล บัตเลอร์ จากสถานบันคาร์เนอกี้ กรุงวอชิงตัน หนึ่งในผู้ร่วมค้นพบดาวดวงนี้บอกว่า ก่อนหน้านี้เราพบดาวเคราะห์มากมาย แต่ส่วนมากถ้าไม่อยู่ในเขตที่หนาวเกินไป ก็อยู่ในเขตที่ร้อนเกินไปเมื่อวัดระยะห่างจากดาวแม่ แต่ในที่สุดเราก็เจอดาวที่อยู่ในระดับกึ่งกลางพอดี

แต่ก็ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับดาวประหลาดดวงนี้ ที่มีมวลมากกว่าโลกราว 3 เท่า มันมีความกว้างกว่าโลกเล็กน้อย แต่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ของมันมากกว่าโลก โดยมันอยู่ใกล้เพียง 22.5 ล้านกิโลเมตร ขณะที่โลกอยู่ห่างถึง 150 ล้านกิโลเมตร ทำให้มันโคจรรอบดาวแม่ในเวลาแค่ 37 วัน นอกจากนั้นมันก็ไม่ค่อยหมุนรอบตัวเองมากนัก เพราะด้านหนึ่งมักจะสว่างอยู่เสมอ
สำหรับอุณหภูมิพื้นผิวก็อาจจะสูงถึง 71 องศาเซลเซียส หรือเย็นถึงลบ 4 องศาเซลเซียส แต่บริเวณระหว่างกึ่งกลางของทั้งสองโซน อาจจะมีสภาพอากาศสบายๆ ได้

ดาวดวงนี้โคจรรอบดาวแม่ที่ชื่อ กลีซ 581 จึงมีชื่อว่า กลิซ 581 จี มันอยู่ห่างจากโลกเราถึง 195 ล้านล้านกิโลเมตร ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าไกล แต่หากเทียบกับขนาดของจักรวาล ก็ถือได้ว่ามันอยู่ใกล้โลกมาก

คอลัมน์ โลกสามมิติ

โดย บัณฑิต คงอินทร์ bandish.k@psu.ac.th



อีก ครั้งหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีขนาดใหญ่กว่า โลกไม่มากนักซึ่งเรียกกันว่า ซุปเปอร์เอิร์ธ (super-Earth) แต่ดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้อาจจะมีความสำคัญกว่าดาวเคราะห์ซุปเปอร์เอิร์ธดวง อื่นๆ ที่ค้นพบก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่ามันมีขนาดเล็กที่สุดเท่านั้น แต่เพราะว่ามันน่าจะมีน้ำอยู่บนพื้นผิวและมีอุณหภูมิเหมาะกับสิ่งมีชีวิตที่ จะอาศัยอยู่ได้

การค้นพบนี้เป็นผลงานของทีมนักดาราศาสตร์นำโดย สเตฟาน อูดรี นักดาราศาสตร์ของหอสังเกตการณ์เจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาด 3.6 เมตรของหอสังเกตการณ์ยุโรปใต้ (European Southern Observatory-Eso) ที่ ลาซิลลา ในประเทศชิลี ค้นหาดาวเคราะห์เพิ่มเติมที่ดาวแคระแดง “กลีส 581″ (Gliese 581) ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 20.5 ปีแสง ในกลุ่มดาวคันชั่ง (constellation Libra)

ก่อน หน้านี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่ดาวแคระแดงกลีส 581 แล้ว 1 ดวง คือกลีส 581 เอ (GLIESE 581 A) ดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ มีมวลมากกว่าโลก 15 เท่าและโคจรอยู่ใกล้ดาว กลีส 581 มาก

กล้อง โทรทรรศน์ไม่สามารถส่องเห็นดาวเคราะห์ได้โดยตรงเพราะแสงจากอันเจิดจ้า ของดาวฤกษ์ ดังนั้น การค้นหาจึงต้องใช้วิธีโดยอ้อม คือตรวจจับการส่าย “wobble” ของดาวแคระกลีส 581 ถ้ามีดาวเคราะห์อยู่ที่นั่นแรงดึงดูดของมันจะทำให้ความเร็วของดาวแคระแดงกลี ส 581 เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย นักดาราศาสตร์สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ในแถบสเปกตรัม และสามารถคำนวณหา ตำแหน่งมวล และความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์ได้

ในที่สุดนัก ดาราศาสตร์ทีมนี้ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อค้นพบ ดาวเคราะห์ที่ดาวแคระแดงกลีส 581 เพิ่มอีก 2 ดวง ดวงแรกคือ กลีส 581 บี (GLIESE 581 B) มีมวลมากกว่าโลกประมาณ 8 เท่า และโคจรรอบดาวแคระแดงกลีส 581 เป็นเวลา 84 วัน อีกดวงหนึ่งคือ กลีส 581 ซี (GLIESE 581 C) มีมวลมากกว่าโลกประมาณ 5 เท่าและโคจรรอบดาวแคระแดงกลีส 581 เป็นเวลา 13 วัน และดาวเคราะห์ดวงหลังนี้ได้กลายเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยพบมา

ดาว เคราะห์กลีส 581 ซี อยู่ใกล้ดาวแคระแดงกลีส 581 มากเมื่อเปรียบเทียบกับระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ มันจึงน่าจะร้อนเหมือนดาวพุธในระบบสุริยะ ทว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะดาวแคระแดงกลีส 581 มีขนาดเล็กและเย็นกว่าดวงอาทิตย์ ดังนั้น จึงทำให้ดาวเคราะห์กลีส 581 ซี อยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยได้ (habitable zone) ที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า “โซนโกลดิล็อกส์” (Goldilocks Zone)

ทีมค้นพบเชื่อว่าอุณหภูมิของดาวเคราะห์กลีส 581 ซีจะอยู่ในระหว่าง 0-40 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะทำให้น้ำอยู่ในรูปของเหลวได้

“มัน เป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดและเบาที่สุดที่เรารู้ในขณะนี้ และมันมีระยะห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสมซึ่งเป็นไปได้ว่ามีน้ำในรูปของเหลว อยู่บนพื้นผิวของมัน” อูดรีกล่าว

“ยิ่งไปกว่านั้นรัศมีของมันใหญ่ กว่ารัศมีของโลกเพียง 1.5 เท่าเท่านั้น และโมเดลก็ได้ทำนายว่าดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะเป็นหินเหมือนโลก หรือปกคลุมด้วยมหาสมุทร”

ซาเวียร์ เดลฟอสเซ นักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกรโนเบิลของฝรั่งเศส หนึ่งในทีมค้นพบ กล่าวว่า “น้ำในรูปของเหลวมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตอย่างที่เรารู้กัน”

เด ลฟอสเซเชื่อว่า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะในปัจจุบันจะกลายมาเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญมาก สำหรับปฏิบัติการสำรวจอวกาศในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก

ปฏิบัติการ ดังกล่าวจะต้องส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปในอวกาศเพื่อที่จะเห็น ลักษณะของแสงที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางชีวะ โดยการหาร่องรอยจากก๊าซในบรรยากาศเช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น

การค้นพบ ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง อลิสัน บอยล์ จากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ลอนดอน กล่าวว่า ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมดที่เราพบที่ดาวฤกษ์ต่างๆ ดาวเคราะห์กลีส 581 ซี เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่ดูราวกับว่ามันจะมีองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตที่ เหมาะเจาะ

ศาสตราจารย์เกลนน์ ไวท์ จากห้องปฏิบัติการรัทเทอฟอร์ด แอ็บพลิตัน ซึ่งกำลังช่วยพัฒนาโครงการกล้องโทรทรรศน์อวกาศดาร์วิน ขององค์การอวกาศยุโรปที่จะถูกส่งไปค้นหาดาวเคราะห์และสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ที่ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะในทศวรรษหน้า กล่าวว่า มันเห็นได้ชัดว่าการค้นพบดาวเคราะห์และคู่ของมันที่ดาวแคระแดงกลีส 581 จะกลายมาเป็นเป้าหมายที่เด่นมากสำหรับปฏิบัติการของกล้องอวกาศดาร์วินของ องค์การอวกาศยุโรป (Esa”s Darwin) และกล้องอวกาศเทอเรสเทรียลพลาเนท ไฟน์เดอร์ของนาซ่า (Nasa”s Terrestrial planet Finder) เมื่อกล้องอวกาศทั้งสองขึ้นสู่อวกาศในทศวรรษหน้านี้

ปัจจุบันนัก วิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่จะตรวจจับสูญญาณของสิ่งมี ชีวิตซึ่งจะนำไปใช้กับกล้องอวกาศดาร์วินและกล้องอวกาศเทอเรสเทรียลพลาเนท ไฟน์เดอร์

เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจหาน้ำและก๊าซต่างๆ เช่น ออกซิเจนและมีเทนซึ่งเป็นสัญญาณทางชีวะได้จากแสงสลัวๆ ที่สะท้อนออกมาจากดาวเคราะห์ เหมือนกับแสงสลัวๆ ที่เกิดแสงของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นโลกไปยังอวกาศที่เรียกกันว่า เอิร์ทไชน์ (Earthshine)

ในกรณีของโลก แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกบนพื้นโลกจะสะท้อนไปที่ดวงจันทร์และสะท้อนกลับมายัง โลกอีกครั้งหนึ่ง แต่จะมีแสงเอิร์ทไชน์ซึ่งสลัวๆ จะอยู่ที่ด้านมืดของดวงจันทร์ แสงนี้จะเป็นตัวนำข้อมูลของบรรยากาศและสมบัติของพื้นผิวของโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจหาก๊าซต่างๆ แม้กระทั่งพฤกษชาติของโลกได้ วิธีการนี้กำลังจะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์นอก ระบบสุริยะ

ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ เรียกกันว่า Exoplanets แล้วมากกว่า 200 ดวง ส่วนใหญ่เป็นดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ เป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์เหมือนโลกและสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีสิ่งมี ชีวิต
IP : บันทึกการเข้า
sweetP
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 14:30:42 »

ขอบคุณพี่เสือไฟ ที่นำเรื่องน่าสนใจมาแชร์
ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นไปได้มากเรื่องย้อนเวลา
ยิ่งติดตาม ยิ่งรู้ว่ามันเป็นไปได้อย่างมาก
+10 ค่ะเรื่องนี้
IP : บันทึกการเข้า
เทพ_ผางาม(รักในหลวง)
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,631



« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 14:38:36 »

อือ..
IP : บันทึกการเข้า
may111
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 14:48:07 »

สุดยอดจริงๆคับ
IP : บันทึกการเข้า
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 15:13:39 »

เรื่องการยืดหดของเวลามันเป็นไปได้จริงๆครับ

หากศึกษาทฤษฏี สัมพันธภาพของ ไอน์สไตน์ เราจะเข้าใจทันทีเลยว่า ไอน์ไตน์คิดว่าเวลาไม่เท่ากันและเวลาสามารถยืดหดได้ ซึ่งเป็นทฤษฏีสร้างชื่อของไอน์สไตน์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า ไอน์สไตน์สร้างนิวเคลียร์ ผิดครับไอน์สไตน์ไม่ได้สร้างนิวเคลียร์ แต่อาจมีส่วนนิดหน่อย

เกี่ยวกับทฤษฏีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์นะครับ
ยกตัวอย่างเช่น เวลาเรานั่งอยู่ที่ร้อนบนเตาไฟ (ที่ๆมีความทุกข์) เราจะรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปนานแต่เวลาอยู่ที่เย็นๆ สบาย(ที่ๆมีความสุข) เวลาจะผ่านไปเร็วมาก
นี่แค่ตัวอย่างเชิงนามธรรมครับ

ยกตัวอย่างเชิงรูปธรรม ไอน์สไตน์คิดว่า หากเราเดินทางไปนอกอวกาศด้วยยานความเร็วแสง ออกไปเดินทาง 10 ปี และกลับมาที่โลก เวลาในโลกได้ผ่านไปแล้ว 50 ปี เพราะว่าแสงยืดหดเวลาได้ครับ แต่ต้องเดินทางด้วยความเร็วแสงนะครับ

ซึ่งเมื่อใครตีโจทย์นี้แตก ก็อาจสามารถสร้างเครื่องไทม์แมชชีนสบายๆ เลย

ลองไปอ่านหนังสือ พระพุทธเจ้าพบ ไอน์สไตน์เห็นก็ได้ครับสนุกๆ ได้ทั้งความรู้และสาระด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 15:48:22 โดย เสือไฟ (คิดดี ทำดี เพื่อสังคมที่ดี) » IP : บันทึกการเข้า
หลานอุ้ยเกี๋ยง
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,611


ขอแบบ เพียวๆได้ไหม


« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 15:39:53 »

จะติดตามเรื่อยๆครับ   ขอบคุณพี่เสือไฟด้วยครับ
IP : บันทึกการเข้า

ทหารเสือพระองค์ดำ ๑/๔๘ พิชิตปรีชากร
---------------------------------------------
จ.ส.อ.ศุภวัฒน์ มโนรัตน์
โรงพยาบาลค่ายขุนเจืองธรรมิกราช
[T][o][d]SaPhon
My name's Todsaphon
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,064

พื้นที่ส่วนบุคคล


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 14:07:42 »

มีการทดลอง อยู่น่ะที่จำได้ เขาเอานาฬิกา อะตอม ซึ่งเป็น นาฬิกาที่ตรงที่สุดในโลก สองเครื่อง ตั้งเวลาเท่ากัน แล้วอันนึงเอาไว้ที่ ห้องทดลอง อีกอันเอาขึ้นเครื่องบินที่บินเร็วกว่าเสียง แล้วบินรอบโลก พอกลับมา อันที่อยู่บนเครื่องเวลาเดินช้ากว่า อันที่อยู่ห้องทดลอง แสดงว่า ถ้าเราเดินทางได้เร็วเท่าไหร่เวลาจะเดินช้าเท่านั้น
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!