ไม่เว้นแม้แต่กับวัดกับวา คนเราสมัยนี้หากินทุกรูปแบบจริงๆ...
ใช่ครับได้เงินเยอะด้วยกำไรบนความศรัทธา

แล้วแต่ตกลงกัน คราบ
ไปว่ามากไม่ได้ ในเมื่อชาวบ้านไม่ได้จัดเองแต่แรก
ประมาณว่าชาวบ้านไม่อยากจัดเองแต่ตกลงกันเป็น เปอร์เซนส่วนใหญ่คิดว่าไม่ได้เยอะและสบาย
แต่ผลออกมาหากจัดงานออกมาได้ดี ส่วนแบ่งของคนจัดก็เยอะไปด้วยก็เลยอย่างที่เห็น
แต่กลับกันถ้างานออกมาไม่ดีเงินน้อยคนจัดก็มีสิทธิ์เจ็บ เหมือนกัน เรื่องนี้ต้องดูว่าตกลงกันยังไงมากกว่า
รอท่านต่อไป
อันนี้ไม่แน่ใจนะครับแต่ว่าส่วนแบ่งก็ตามที่แจ้งไปตะกี้แหล่ะครับ ความจริงเรื่องลงทุนก็ได้ทุนคืนนะอย่างทองแท่งอะไรที่ใช้หล่อก็มีคนมาบูชาอีกทีน่าจะได้กำไรด้วยซ้ำ
วัดในหมู่บ้าน เวลาจะจัดงานอะไร ก็จะเรียกประชุมคณะกรรมการวัด/ผู้ใหญ่บ้าน/อบต/คนเฒ่าคนแก่
ว่าจะจัดงานยังไง แบ่งกลุ่มกันว่ากลุ่มไหนรับผิดชอบอะไรบ้าง พองานเสร็จมาเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่าย
เงินเหลือเท่าไหร่ยกให้วัดทั้งหมด
เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีนายหน้าจัดงานด้วยเหรอ
ผมว่าแค่ทำบุญกันแค่นี้ ยังขี้เกียจจัดงานกัน (ไม่มีความสามัคคี)
ก็อย่าไปจัดเลยครับ ให้วัดตั้งโต๊ะรับบริจาคกันไปเลยดีกว่าผมว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นนะครับ เพราะปกติเวลาจัดงานปอยหรืองานวัดอะไรชาวบ้านก็ช่วยกันจัดตลอดครับเด็กๆที่เป็นช่างไฟก็มี ช่างไม้ก็มีช่วยกันจัดมาตลอดเลยครับ งานฌาปณะกิจตุ๊ลุงคราวก่อนจัดใหญ่กว่านี้ดีกว่านี้ชาวบ้านก็ช่วยกันครับเจ็ดวันเจ็ดคืน แต่คราวนี้มีคนนอกมากมายเข้ามา ไอ่เราก็คิดว่าเป็นพวกลูกศิษย์ลูกหาแต่ก็เกรงๆเพราะไม่ค่อยคุยเคยกันและเป็นหน่วยงานอื่นด้วยครับ เคยอ่านเจอแถวระยองพระท่านก็เคยกล่าวไว้เหมือนกันเรื่องการจัดงานประมาณมีคนมาเชิญให้จัดแล้วพอเสร็จงานวัดได้น้อยเดียว หลวงพ่อท่านยังต้องบอกบุญให้สร้างวิหารอยู่ดีครับหลอวพ่อท่านบอกว่าเข็ดแล้วไม่เอาแล้ว คิดว่าจะมีอะไรมากกว่านั้นเหมือนเป็นการทำธุระกิจยังไงไม่รู้ครับ