ยอดคุณพ่อตำรวจยศ "พ.ต.ท." สภ.บางระกำ สู้ชีวิตทำงานทุกอย่างหาเงินรักษาลูกชายเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ที่ตลาดเมืองทอง หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากทราบว่า พ.ต.ท.ปวริศ สอนวิชัย อายุ 56 ปี ตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สภ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ใช้เวลาหลังเลิกงานเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย เพื่อหารายได้เสริมเป็นค่ารักษาตัวบุตรชายที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
เมื่อเดินทางไปถึง พบว่า พ.ต.ท.ปวริศ กำลังเร่งผัดก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนจนแน่นร้าน แม้ว่าจะเป็นวันแรกของการเปิดร้าน แต่วันนี้ก็มีลูกค้ามาอุดหนุนมาก มีรายได้จากการขายแล้ว 2,000 บาท ขณะที่ช่วงเวลาที่ว่าง พ.ต.ท.ปวริศ พร้อม นางกฤตพร ภรรยา ก็จะช่วยกันดูแลบุตรชาย ที่นั่งบนรถเข็น และบางครั้งก็นอนอยู่หลังร้าน
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องทำงานหนักทำงานทุกอย่างที่ได้เงินนั้น เพราะว่าจำเป็นต้องหาเงินมารักษาตัว นายโชติเพชรศักดิ์ สอนวิชัย อายุ 17 ปี บุตรชาย ที่ประสบอุบัติเหตุ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 ของปีที่ผ่านมา หลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านพักหลังเลิกเรียน แต่ยังไม่ทันถึงบ้านรถจักรยานยนต์ได้ชนเข้ากับท้ายรถ 6 ล้อ ที่จอดอยู่ข้างถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส แพทย์ต้องทำการผ่าตัดสมองโดยตัดกะโหลกที่แตกออกเป็นบางส่วนและตัดม้ามที่แตกออกไป บุตรชายนอนไม่รู้สึกตัวถึง 25 วัน เมื่อลืมตาฟื้นขึ้นมาก็ไม่สามารถพูดจาตอบโต้ได้ซ้ำยังจำใครไม่ได้เลย
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า เมื่อรายได้จากเงินเดือนของตนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ภายในครอบครัวและรักษาตัวบุตรชาย ตนจึงต้องดิ้นรนด้วยการหาสินค้าต่าง ๆ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภคไปเดินเร่ขายหลังเลิกจากการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ และจะมาต่อด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. จึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน เดิมมีร้านขายที่ ใกล้ โรงพัก อ.บางระกำ แต่วันนี้เปิดร้านวันแรกที่ย่านหอพัก หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร
" ถึงแม้จะมีผู้คนมองด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าตนเป็นนายตำรวจแต่ต้องมาเดินเร่ขายของ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอายและน้อยใจแต่อย่างใดในเมื่อสิ่งที่ได้ทำไปมันเป็นอาชีพที่สุจริต และต้องพยายามทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อครอบครัวที่ผมต้องดูแล และต้องหารายได้ให้ทันกับรายจ่ายค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ในการรักษาบุตรชาย คือยาบำรุงสมอง เข็มละ 2,500 บาท ฉีดทุกสัปดาห์ แต่ปัจจุบันฉีดเดือน ละ 1-2 ครั้ง กายภาพบำบัด 300-400 บาท ทำวันเว้นวัน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าขายตรงเดือนละ 4-5 พันบาท ขายอาหาร ก๋วยเตี๋ยวหักต้นทุนเหลือกำไรเฉลี่ยเดือนละ 7-8 พันบาท ยังไม่เพียงพอ แต่ก็สู้ทำงานทุกอย่างที่มีรายได้เพิ่มเข้ามา "
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้วันนี้ คือ อยากได้กำลังใจ เวลาทำงานหนักเหนื่อย บางครั้งก็ท้อบ้าง แอบร้องไห้ แต่พอเห็นหน้าลูกก็ทำให้สู้ ทำงานเหนือนอนพัก เช้าก็หาย ทำงานต่อที่โรงพัก เย็นก็มาขายก๋วยเตี่ยว ส่วนสิ่งที่อยากได้ให้ลูกชายคือ อยากได้ อุปกรณ์ช่วยทำกายภาพบำบัด ลูกชายยืนไม่ได้ ถ้ามี ทิ้วช่วยพยุงเวลายืน ก็จะช่วยแบ่งเบาได้มาก เพราะผมหลังจากเลิกจากการขายของ และตอนเช้าก่อนไปทำงานต้องทำกายภาพบำบัดให้ลูกชายก่อน อยากได้ที่นอนลม และเตียงนอนสำหรับผู้ป่วย เพื่อป้องกันแผลกดทับ และช่วยให้ลูกนอนสบายขึ้น
สำหรับผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือสามารถบริจาคสมทบเงินได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาบางระกำ เลขที่บัญชี 6240118451 ชื่อบัญชี พ.ต.ท.ปวริศ สอนวิชัย
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349746846&grpid=01&catid&subcatid