เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 17:51:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ความเข้าใจผิด 14 ข้อของผู้ใช้รถ‏
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ความเข้าใจผิด 14 ข้อของผู้ใช้รถ‏  (อ่าน 2061 ครั้ง)
Mylovesss
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 376



« เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 13:38:48 »

การใช้รถอย่างถูกต้อง และดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ช่วยให้ประหยัดและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น พฤติกรรมผิดๆ ของผู้ใช้รถ ซึ่งอาจส่งผลเสียกับรถยนต์ทันที หรือแสดงผลในภายหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากความเข้าใจผิด โดยเฉพาะใน 14 เรื่องต่อไปนี้

ผิด 1. "สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง"
ถูก...อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง "เย็น" อยู่  เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ และละลายปนกับฟีล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่  ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ สร้างความสึกหรอในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมด  และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้ ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง  ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

ผิด 2. "ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดช่วยยืดอายุใบปัด"
ถูก...สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วย ใบปัด แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์ ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด

ผิด 3. "เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง"
ถูก...ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิดได้มาก คู่มือการใช้และดูแลรักษายางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน ก็แนะนำตรงกันว่า ผู้ใช้รถควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2- 3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทางไกล ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับโครงสร้างยางได้ และมีโอกาสเกิด "ยางระเบิด" มากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี

ผิด 4. "ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก"
ถูก...เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้ อุบัติเหตุ  จึงเกิดขึ้น ด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่...ผิดทาง

ผิด 5. "ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน"
ถูก...อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า การชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหลทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ การใช้ สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสีย และต้องจอดอยู่ริมถนน เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา ใช้ความระมัดระวัง และชะลอความเร็วในจุดที่รถจอดเสียอยู่

ผิด 6. "สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย"

ถูก...ไม่ถนัดจริง และอันตรายไม่ควรทำ การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัย เพื่อเลี้ยวรถ เป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว จึงทำให้รู้สึกว่าออกแรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน แต่การทำแบบนั้นมี "อันตราย" มาก ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย ดึงมือออกมาไม่ทันก้านพวงมาลัยจะตีมืออย่างแรง การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรจับในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งแขนจะงออยู่เล็กน้อย และเพียงพอที่หมุนพวงมาลัยได้จนครบรอบ เมื่อต้องเลี้ยวรถมากกว่าหนึ่งรอบ จะปล่อยมือที่อยู่ด้านหลัง เพื่อมาจับในตำแหน่งเดิม โดยทำในลักษณะนี้ทั้งเลี้ยวซ้าย/ขวา

ผิด 7. "ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง"
ถูก...ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี  ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง  แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น จำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุกๆ ครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้ว ในหม้อกรองน้ำมันเครื่องจำนวนหนึ่งปนเปื้อน ไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์  แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง  ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้ว  ควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่องสะอาดที่สุด  และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า

ผิด 8. "ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์"
ถูก...อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง  และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่างๆ อยู่ในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม จึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลายสัดส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุล และกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น ส่วนหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืด อาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย วิธีที่ถูกต้องคือ การซ้อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ 

ผิด 9. "ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม."
ถูก...ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการของเครื่องยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย กำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละรุ่นต้องการใช้ อยู่ในคู่มือประจำรถ และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่น จะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นระยะทางที่สั้นกว่ารถยุโรป เช่น ทุกๆ  5,000  กม. และ 10,000 กม. ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ และมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง เช่น ระดับ  SJ  สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน จะกำหนดระยะทางถึง 15,000  กม. หรือมากกว่านั้น ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด เป็นของรถ เปอโฌต์ คือ  ทุกๆ 30,000  กม. แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย เพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง ผู้ใช้รถควรใช้วิจารณญาณในการร่นระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง  ตามสภาพการใช้งาน เช่น กรณีที่ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่  เหลือ 70 %  ที่กำหนดในคู่มือ  หรือถ้าต้องสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ  และ "รถติด"  เป็นประจำด้วย เหลือเพียง 50 % ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" คุณภาพสูง  แล้วใช้งานหนักมาก  เปลี่ยนทุก 5,000 กม. ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 %  เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้  เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่กำหนดที่ปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการ ฯ  ลดทอน เพราะต้องการขายน้ำมันเครื่อง

ผิด 10.  "น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา"
ถูก...ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงไหลไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส  ซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอาจน้อยกว่าเล็กน้อย จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง จึงไม่ "ใส"  เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งาน  น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % กับราคาน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" ระดับคุณภาพสูงสุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4 เท่า  จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า "คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา" ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง  ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่

ผิด 11. "ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด"
ถูก...ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม หรือไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น  ทุก 3,000  หรือ  4,000  กม. แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย  แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมา ก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้ วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องเลือก "ยี่ห้อ"  และสถานที่จำหน่ายที่น่าไว้วางใจได้  เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด  หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50  หรือ  20W-50 ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย คือ ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API (AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE) ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน  ควรใช้น้ำมันเครื่อง ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG - 4  หรืออย่างน้อย  CF - 4   

ผิด 12. "เปลี่ยนแบทเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย"
ถูก...แบทเตอรีขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม ใหญ่ไปก็หนักรถ การใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเครื่องยนต์ ไดสตาร์ท และไดชาร์จ ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำเป็น เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแทนวางแบทเตอรีใหม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเตอรี ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็ม

ผิด 13. "ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว"
ถูก...ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์ ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม การปิดพัดลมหลังดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัน และตู้รั่ว การปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5 -10 นาที  จะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์ ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดพร้อมๆ กับความชื้นอีกด้วย

ผิด 14. "แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า"
ถูก...แอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน ต่ำกว่าของเบนซิน  การที่แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน หรือ ค่าความร้อน (HEATING VALUE) ต่ำกว่าของเบนซิน เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก  แต่มีความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอๆ กัน และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว
IP : บันทึกการเข้า
^เด็ก_วัด^
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,001



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 13:42:02 »

ขอบคุณมากๆครับ
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 13:54:05 »

แนะนำให้ใช้หลัก ธาตุทั้งสี่  สำหรับผู้ใช้รถ  รักรถ และต้องการใช้รถได้ยาวนาน
มีความปลอดภัยในเบื้องต้น  เป็นวิทยาทานแก่ทุกท่าน  มีดังนี้คือ
ดิน
น้ำ 
ลม
ไฟ

ใครอยากทราบรายละเอียด  ขอเสียงหน่อย ว่างจะมาขยายความให้
หรือใครพอเดาได้ลองทดสอบความรู้หน่อย ไม่มีผิดถูกครับ
IP : บันทึกการเข้า

Mylovesss
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 376



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 14:29:09 »

แนะนำให้ใช้หลัก ธาตุทั้งสี่  สำหรับผู้ใช้รถ  รักรถ และต้องการใช้รถได้ยาวนาน
มีความปลอดภัยในเบื้องต้น  เป็นวิทยาทานแก่ทุกท่าน  มีดังนี้คือ
ดิน
น้ำ 
ลม
ไฟ

ใครอยากทราบรายละเอียด  ขอเสียงหน่อย ว่างจะมาขยายความให้
หรือใครพอเดาได้ลองทดสอบความรู้หน่อย ไม่มีผิดถูกครับ

ขอรายละเอียดหน่อยครับ
IP : บันทึกการเข้า
tongchai
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 552


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 17:19:27 »

เป็นความรู้ไปอีกแบบขอบคุณมากเลยครับ
IP : บันทึกการเข้า
ตาต้อม
ผู้ดูแลบอร์ด
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,564


รับสร้างบ่อปลาแฟนซีคาร์ฟ สระว่ายน้ำราคาประหยัด


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 19:19:16 »

ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากมายครับ

ขับรถมาหลายแสนกิโลแล้ว

บางข้อก็พึ่งจะรู้เนี่ยแหละครับ
แนะนำให้ใช้หลัก ธาตุทั้งสี่  สำหรับผู้ใช้รถ  รักรถ และต้องการใช้รถได้ยาวนาน
มีความปลอดภัยในเบื้องต้น  เป็นวิทยาทานแก่ทุกท่าน  มีดังนี้คือ
ดิน
น้ำ  
ลม
ไฟ
ใครอยากทราบรายละเอียด  ขอเสียงหน่อย ว่างจะมาขยายความให้
หรือใครพอเดาได้ลองทดสอบความรู้หน่อย ไม่มีผิดถูกครับ

[/color][/b]
รออ่านอยู่นะครับพี่โด้ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ณฐมน Aquarium รับสร้างบ่อปลาคาร์ฟ ตู้ปลา ระบบกรอง  080-8099866,083-7655542
  กด > https://www.facebook.com/NathamonAquarium
รับสร้างสระว่ายน้ำ ราคาประหยัด น้ำตกหินเทียม ไม้เทียม บ้านโครงสร้างเหล็ก
NEONAZI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 476


รัก กล้วยไม้ รักษ์ ต้นไม้


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 19:30:58 »

ขอบคุณครับเจ๋งมาก
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำดี เพียงเพื่อ ดีกว่าคนอื่น
zombie01
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,516


ความสุขเกิดขึ้นได้ เพียงแต่รู้จักใช้ชีวิต


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 22:04:10 »

ข้อ 1 ไม่เห็นด้วยครับ การอุ่นเครื่องโดยการจอดเฉย ๆ กับการออกรถเบา ๆ ไม่กระชาก อย่างหลังจะดีกว่าครับ หลังสตาร์ทไม่ควรกดคันเร่งแรง ๆ จะทำให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอเพราะไม่มีน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยง ควรวิ่งเบา ๆ สักพักก่อนสัก 1-2 กม แล้วค่อยใช้ความเร็วสูงขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

pol
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 139



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2010, 23:02:49 »

เห็นด้วยครับ ออกตัวค่อยค่อยได้
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 10:47:12 »

มาตอบแล้วครับ ผมได้มาจาก วิชายานยนต์ ดูแลพวกรถถัง รถเกราะ เอามาใช้ได้
ธาตุอันแรก       ดิน
ก่อนอื่น  ให้ดูรอบๆรถท่าน ไม่ว่าจะเป็นหลังคา กันชน ขอบ ซอกหลืบ บังโคลน กระทะ
ในตัวรถ พื้นยาง คอนโซล ถ้าดูถึงใต้ท้อง เพลา คัชซี ฯลฯ ทั้งคันว่างั้นเถอะ
ท่านจะพบธาตุตัวแรก  มาแปดเปื้อนรถท่านใช่ไหมครับ
ท่านต้องทำอะไรกับมันล่ะ  ทำความสะอาดไงล่ะครับ
เบื้องต้น แค่ไม้ขนไก่  ผ้าเช็ดฝุ่น ฉีดน้ำล้าง แล้วแต่หนักเบา ของปริมาณดินหรือฝุ่น
ถ้าทำได้หมด ทั้งคันรถ ท่านก็จะได้มีโอกาสเห็นสิ่งผิดปกติอื่นด้วย เช่น เจอน็อตหลวม
เข้าใจในเรื่องธาตุดินแล้วทำตาม ท่านผ่านการดูแลรถข้อแรกแล้วครับ
(มีต่อ) ขอเสียงอีก
รถส่วนตัวผม(ไม่บอกยี่ห้อ กรุณาอย่าถามป วิ่งมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ กี่ปีแล้วครับ
ยังไม่เคยมีผิดปกติ รวนเรให้เห็น วิ่ง ไกล พัทยา-ช.ร. ก็ผ่านตลอดมาแล้วครับ

IP : บันทึกการเข้า

corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 13:02:55 »

ธาตุที่สอง   น้ำ
จากตัวอย่างแรก อันสองนี่คงพอเดากันได้ แต่จะบอกให้ไล่ไปตรวจเช็ค
เปิดดู ตั้งแต่ น้ำมันรถ น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ น้ำกรด น้ำกลั่น
น้ำมันเบรค  อะไรที่เป็นน้ำ ที่ต้องหมั่นตรวจสอบให้ดี อยู่ในระดับ เกณฑ์พอดี
ยกตัวอย่างน้ำมันรถ ถ้าเชื่อแต่เกย์หน้าปัด มันกระดกฟูลเต็ม แต่จริงๆแล้วเกย์วัดมันเสีย
น้ำมันรถมีน้อยกว่า แล้วจำไม่ได้ว่าเติมล่าสุดเท่าใด  แล้วบังเอิญขับไปหมดเครื่องดับบนดอยมืดเปลี่ยว ท่านจะโทษใคร

หรือแม้แต่น้ำขวดสำรองไว้ในรถ ไว้ดื่ม ไว้เติมหม้อน้ำยามฉุกเฉิน(ตะก่อนอู่รถมีน้อยหายาก ปั๊มก็ไม่มีครบวงจรเช่นปัจจุบัน ต่างจังหวัดต่างอำเภอ ใช่ว่าจะเจอช่างได้ง่ายๆ)
ลองดูนะครับ ว่าถ้าท่านขาดเรื่องดูน้ำในรถท่าน จะเกิดไรขึ้น
ใครยังไม่เป็น ไม่รู้ว่า น้ำทั้งหมดที่ว่า อยู่ในส่วนใดของรถ เช็คตรวจด้วยตัวเองยังไง
ก็อาศัยดูและถามช่างหรือผู้รู้เอานะครับ

ลองทำอย่างที่ผมแนะนำ เจออะไรผิดปกติ จะได้ทราบก่อนออกรถไปติดขัดข้างหน้า
มีต่อ ธาตุที่สาม (ขอเสียงนิดนะครับ)
IP : บันทึกการเข้า

วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,210



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 13:57:43 »

ให้อีก 1 เสียงค่ะ  ยิงฟันยิ้ม
ธาตุที่สอง   น้ำ
จากตัวอย่างแรก อันสองนี่คงพอเดากันได้ แต่จะบอกให้ไล่ไปตรวจเช็ค
เปิดดู ตั้งแต่ น้ำมันรถ น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ น้ำกรด น้ำกลั่น
น้ำมันเบรค  อะไรที่เป็นน้ำ ที่ต้องหมั่นตรวจสอบให้ดี อยู่ในระดับ เกณฑ์พอดี
ยกตัวอย่างน้ำมันรถ ถ้าเชื่อแต่เกย์หน้าปัด มันกระดกฟูลเต็ม แต่จริงๆแล้วเกย์วัดมันเสีย
น้ำมันรถมีน้อยกว่า แล้วจำไม่ได้ว่าเติมล่าสุดเท่าใด  แล้วบังเอิญขับไปหมดเครื่องดับบนดอยมืดเปลี่ยว ท่านจะโทษใคร

หรือแม้แต่น้ำขวดสำรองไว้ในรถ ไว้ดื่ม ไว้เติมหม้อน้ำยามฉุกเฉิน(ตะก่อนอู่รถมีน้อยหายาก ปั๊มก็ไม่มีครบวงจรเช่นปัจจุบัน ต่างจังหวัดต่างอำเภอ ใช่ว่าจะเจอช่างได้ง่ายๆ)
ลองดูนะครับ ว่าถ้าท่านขาดเรื่องดูน้ำในรถท่าน จะเกิดไรขึ้น
ใครยังไม่เป็น ไม่รู้ว่า น้ำทั้งหมดที่ว่า อยู่ในส่วนใดของรถ เช็คตรวจด้วยตัวเองยังไง
ก็อาศัยดูและถามช่างหรือผู้รู้เอานะครับ

ลองทำอย่างที่ผมแนะนำ เจออะไรผิดปกติ จะได้ทราบก่อนออกรถไปติดขัดข้างหน้า
มีต่อ ธาตุที่สาม (ขอเสียงนิดนะครับ)
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 14:11:59 »

ธาตุที่ สาม ที่ต้องเอามาใช้เตือนตนเองในการดูแลรถยนต์
ธาตุ  ลม   

ครับ จากสองธาตุแรก คงพอจะเดากันได้แล้วนะครับ ว่าไอ้ลมนี่มันต้องเป็นอะไร
อยู่ที่ส่วนไหนของรถ  เอาเป็นว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดลม ที่เก็บลม เกี่ยวกับลม
หรืออากาศ อุปกรณ์ประกอบ ปุ่มสวิทช์ที่ทำให้มันเกิดลม  เอามาเกี่ยวหมด เช่น
หน้าต่างรถ เกี่ยวกับลมไหมครับ มันเปิดขึ้นลงผิดปกติ ลมร้อนภายนอกก็เข้ามา
ล้อยาง ความดันลมตามเกณฑ์ หรือไม่  ยางอะไหล่ก็เกี่ยวข้อง
ท่อลมแอร์ ก็ใช่ หรือในห้องเครื่องยนต์ พัดลมหม้อน้ำ ก็ลมใช่ไหมครับทำให้เครื่องยนต์
อยู่้ในอุณหภูมิทำงาน(เสริมธาตุน้ำในหม้อน้ำจากที่กล่าวมาแล้ว)

เว้นลมปาก ของคนขี้จ่มที่นั่งข้างคนขับนะครับ อันนี้ไม่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ๕ ๕ ๕
คงพอเข้าใจ และไปตรวจเช็ค ระบบที่เป็นลมทั้งหมดให้ครบ ว่าทำงานดีอยู่ไหม
หรือเจอสิ่งผิดปกติ แก้ไม่เป็นอย่างน้อยได้เห็นก่อน เรียกช่างมาดู แก้ไข
ดีกว่าไป เกิดเหตุระหว่างทาง และทำให้เสียหายเพิ่มมากขึ้น
เช่น สายพานพัดลม ถ้ามันเริ่มเสื่อม เราต้องรู้เห็นก่อน ถ้าวิ่งไปมันขาดกระทันหัน
รถเสียหลักจะเกิดไรขึ้น   , ลมยางแข็งเกิน เจอถนนร้อนจัด ยางระเบิด ท่านนั่งขับอยู่
จะเกิดไรขึ้น ยิ่งมีครอบครัวนั่งไปด้วย ภาพนี้ไม่อยากบรรยายครับ

ต่อไปธาตุที่สี่ คงจะเดากันได้แล้วนะครับ เดี๋ยวได้สักเสียงจะมาต่อครับ
 
IP : บันทึกการเข้า

ordinaryboy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 16:56:45 »

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่นำมาแชร์กันนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

มิตรภาพ-ไม่มีวันตาย
SemBe
ไทยมุง 100%
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 456


i Feel GooD


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 18:48:20 »

มารออ่านธาตุไฟ เน้อครับ ขอบคุณครับ ยิ้มกว้างๆ ขอบคุณ จขกท.ตวยครับ  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

Que sera,sera Whatever will be,will be.The Future's not ours to see Que sera,sera ***
Chuch
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 604



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 16 กรกฎาคม 2010, 09:13:31 »

 ยิ้มกว้างๆ :Dขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีครับ..
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 16 กรกฎาคม 2010, 12:07:22 »

วันนี้มาต่อธาตุสุดท้ายกัน สำหรับเป็นหัวข้อไว้ไปตรวจสภาพรถของท่าน
ธาตุ   ไฟ   
ไม่ใช่ไฟที่ลุกไหม้ในเตา หรือริมทางหลวงนะครับ ตัดออกไปเลยเรื่องนี้
ไฟในที่นี้ คือ ระบบไฟในรถครับ เริ่มตั้งแต่แบตเตอรี่ที่เก็บประจุไฟฟ้า
ก็ย้อนไปที่ธาตุน้ำ คือตรวจระดับน้ำในแบตฯ เติมน้ำกลั่น ไฟจะโชว์หน้าปัทน์
มีไฟแล้ว ก็มาดูระบบต่อเนื่องกัน เช่น ไฟในเก๋ง ไฟหน้าสูงต่ำ ไฟหรี่ ไฟเลี้ยว
พวกหลอดไฟทั้งหลาย ถ้าขาดสักหลอด จะทำให้ระบบไฟไปโอเวอร์โหลดหลอดอื่น
แม้แต่สายไฟภายในรถ ภายใต้กระโปรงรถ ผุกร่อน สายบวกแตกเปลือยมาสัมผัสโลหะ
ของรถ นั่นคือสัมผัสขั้วลบ ประกายไฟเกิด เจอกับแก๊สรั่วซึม(สำหรับรถใช้แก๊ส) หรือพวก
ใช้น้ำมันแล้วเยิ้มแถวคาบูเรเตอร์  ไฟลุกไหม้รถมาหลายรายแล้ว ไปสอบถามดูเถอะ
มาจากสาเหตุนี้ทั้งนั้น 

หรือระบบไฟเลี้ยว ท่านตั้งใจเลี้ยว เปิดแล้วหน้าปัทน์โชว์ แต่ไฟเลี้ยวหน้ารถไม่โชว์
ท่านนึกว่ารถอื่นเข้าใจ พอหักเลี้ยวเกิดการประสานงากัน จะเป็นความผิดใครดี

หรือแม้แต่ระหว่างขับ เผลอเปิดไฟเลี้ยวค้าง ทำให้รถข้างเคียงเข้าใจผิดได้อีก
สรุปแล้ว ธาตุไฟ คือ ให้ไปตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถของท่านนั่นเอง
ไฟเบรค ไฟท้าย ก็สำคัญ ทำให้รถอื่นทราบว่าท่านอยู่ระยะห่างเท่าใด กำลังเบรค
หรือแค่ชลอความเร็ว เห็นบางคัน ติดข้างเดียว หลอดไม่กี่สิบบาท แลกกับชีวิต
เพื่อนร่วมถนน ก็ลองคิดดูล่ะกันคุ้มกันไหม  ไม่เชื่อออกไปขับรถแล้วสังเกตุดูเถอะ
ไม่เว้นแม้แต่ จยย.ไฟหรี่ไฟท้ายไม่ติด ก็ไม่สนใจตรวจและให้ช่างเปลี่ยนให้
ไม่รู้ผ่านระบบการตรวจก่อนเสียภาษีได้ไง  ตรวจสภาพรถเอกชน รับไปด้วยนะครับ

ให้ความรู้ เรื่องธาตุไฟ เพิ่มการบ่นให้ฟัง ก็ถือเป็นการส่งท้ายนะครับ
สุดท้าย หากท่านรักรถ เอาแนวทางการตรวจรถจากผมไปใช้นะครับ

.............ดิน............น้ำ................ลม.................ไฟ.....

IP : บันทึกการเข้า

Mylovesss
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 376



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 16 กรกฎาคม 2010, 12:15:55 »

ขอบคุณ คุณ corolado4 สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
IP : บันทึกการเข้า
เท้าสะเอวคลับ Ver.CaZzAmAnIaN
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,306


LuV me LuV My CatZ


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2010, 16:48:07 »

ขอบคุน สำหรับ ข้อมูลคับ

IP : บันทึกการเข้า

Ford Fiesta Chiang Rai Club ทักทายกันได้คับ
https://www.facebook.com/groups/227123194107248/
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!