เผยพระแต๋วไม่ผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง โทษแค่เตือน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก พระตุ๊ด พระแต๋ว พระกระเทย
ชาวเน็ตวิจารณ์เละ! ภาพพระแต๋วใส่จีวรเปิดเอว แถมยังใช้ผ้าคลุมไหล่ลายเสือ ด้าน พศ. ขอตรวจสอบก่อน ถ้าเป็นพระจริงสั่งสึกทันที
ทำเอาวงการศาสนาต้องเสื่อมเสียอีกแล้ว สำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ ซึ่งในคราวนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับรูปภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่ง สวมจีวรในลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยพันผ้าคล้ายสไบเปิดเผยช่วงเอว แถมยังมีผ้าคลุมลายเสือดาว นั่งคุกเข่ายิ้มอยู่ในเต็นท์ ซึ่งภายในเต็นท์นั้นยังเห็นกระเป๋าเดินทางยี่ห้อหรูอย่าง "หลุยส์ วิตตอง" อีกด้วย
เมื่อสืบทราบที่มาของภาพพบว่า ภาพดังกล่าวมาจากเฟซบุ๊กของ นราวิชญ์ เมธีประยูร เอ็มม่า ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้ได้ลบการใช้งานแล้ว และจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า นราวิชญ์ เมธีประยูร เอ็มม่า เป็นชายอายุ 28 ปี เป็นพระสงฆ์อยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ก่อนหน้านี้เคยเป็นทหารเกณฑ์ประจำการอยู่ที่ จ.เพชรบุรี อย่างไรก็ดี เมื่อภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกไซเบอร์ บรรดาชาวเน็ตก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างมากมาย
ทางด้าน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ออกมากล่าวว่า ตนยังไม่เห็นภาพดังกล่าว เลยยังไม่ทราบว่าเป็นพระสงฆ์จริง ๆ หรือเป็นบุคคลที่แต่งกายเลียนแบบขึ้นมา แต่ถ้าหากพบว่าเป็นภาพของพระสงฆ์ สามเณร จริง ๆ ก็จะต้องแจ้งให้เจ้าคณะผู้ปกครองให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่บทลงโทษถึงขั้นให้สึก
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ พศ. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนได้ประสานไปยังกระทรวงไอซีทีแล้ว เพื่อให้ช่วยระงับการเผยแพร่ และทางมหาเถรสมาคม (มส.) ก็เข้มงวดเรื่องนี้มาก แต่ก็ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวแก้ไขได้ยาก เพราะคนพวกนี้ไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมาว่าเกิดความเสียหายต่อสถาบันศาสนาแค่ไหน อีกทั้งยังทำประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อพระสงฆ์มากขึ้นทุกวัน
ทางด้าน พระราชวิมลโมลี ป.ธ. 9 เจ้าอาวาสวัดพายัพ พระอารามหลวง และ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะได้รับบัญชาทำหน้าที่ดูแลการปกครองพระภิกษุ สามเณร ได้กล่าวถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชน จึงไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า พระสงฆ์ดังกล่าวทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ซึ่งตนจะดำเนินการตรวจสอบ และลงโทษตามกระบวนการอย่างเร่งด่วน ตนขอยืนยันว่า ตนไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องนี้แน่นอน และตนจะลงมือดำเนินการเอง เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ทั้งนี้ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวอีกว่า บุรุษที่มีความผิดปกติทางเพศ และเข้ามาบวชในสังฆมณฑลนั้น ย่อมทำให้สังฆมณฑลเกิดความวิบัติ ตนจึงอยากขอให้พระอุปัชฌาย์เข้มงวดแต่ผู้ที่ประสงค์จะบวชให้มากขึ้น โดยให้สังเกตุเรื่องเสียงที่ผิดเพี้ยน กิริยาท่าทาง และขอให้ผู้บวชเข้ามาอยู่วัดก่อนบวชระยะหนึ่งด้วย เพื่อศึกษาพฤติกรรมว่ามีความผิดปกติทางเพศหรือไม่ ถ้าพบว่าน่าสงสัยก็ต้องงดการบวชไว้ก่อน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
พระราชวิมลโมลี ยังกล่าวอีกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บวชไม่ยอมรับความจริงว่าผิดปกติ และมาเข้าบวช จึงทำให้มีการแสดงออกเป็นบัณเฑาะก์ หมายถึง ผู้ที่มีเครื่องหมายของบุรุษหรือสตรีเพศขาด ตกบกพร่องไป ส่วนพระสงฆ์ในรูปภาพดังกล่าว ตนทราบมาว่าเป็นพระในเขต อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งคงจะตามตัวได้ไม่ยากนัก และขณะนี้ได้เร่งให้พระที่รับผิดชอบการปกครอง ตามตัวพระสงฆ์รูปนั้น และรายงานความคืบหน้าต่อไป
ล่าสุดช่วงเที่ยงของวันนี้ (29 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่าพระแต๋วเป็นลูกวัด ที่วัดโบสถ์คงคาล้อม ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยทาง พระครูชลธารชัยเขต รองเจ้าคณะอำเภอโชคชัย เจ้าอาวาสวัดโบสถ์คงคาล้อม ยอมรับว่า เป็นพระลูกวัดจริง ซึ่งมีชื่อว่า พระนราวิชญ์ ฉันทะธัมโม หรือชื่อเดิม นายนราวิชญ์ เมธีประยูร อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ภายในตำบลกระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา แต่ขณะนี้ตัวของ พระนราวิชญ์ ไม่อยู่ที่วัด เนื่องจากได้เดินทางเข้าไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งอยู่ที่ในตัวเมืองนครราชสีมา
เจ้าอาวาส กล่าวต่อว่า พระนราวิชญ์ ได้บรรพชา และจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มาแล้ว 3 พรรษา และก่อนหน้าที่จะบวชมีท่าทางในลักษณะที่ตุ้งติ้งชอบแต่งหน้าทาปาก แต่ตนก็ไม่เห็นว่าจะผิดบัญญัติที่พระพุทธเจ้าได้กำหนดไว้ แถมพระนราวิชญ์ ยังมีสติปัญญาดีเยี่ยม ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจังหวัดนครราชสีมา คณะสังคมศาสตร์ ปีที่ 2 แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่ทราบว่า พระนราวิชญ์ จะแต่งกายดังกล่าว และโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งตนก็เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเหมือนกัน
พระครูชลธารชัยเขต ยังกล่าวอีกว่า ความจริงแล้ว การแต่งหน้าทาปากของพระนราวิชญ์นั้นไม่ถือว่าเป็นการประพฤติตนผิดวินัยสงฑ์ร้ายแรงถึงขั้นอาบัติปราชิก และเป็นเพียงการผิดวินัยสงฆ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือที่เรียกว่า โลกะวัชชะ โดยมีความผิดดังกล่าว มีโทษแค่ตักเตือน แต่ถ้าหากยังประพฤติกรรมเช่นนี้ ก็จะมีบทลงโทษขั้นต่อไป
ขณะที่ นายอวยพร จินดาโต ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าอาวาส หรือพระอุปัชฌาย์ ที่จะยึดถือพระธรรมวินัยมาตัดสินว่าจะลงโทษพระภิกษุที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมเช่นใด และทางเจ้าอาวาสก็ได้บอกเพียงแค่ให้ตักเตือนเท่านั้น ซึ่งคงต้องปฏิบัติตามนั้น
หน้าหลักเว็บไซต์
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."
ผู้เขียน
