รถไฟความเร็วสูง คิดให้ดีก่อนเจ๊ง (สาวก อย่าเครียด)
การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะต้องคิดให้รอบคอบ คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ ผู้โดยสารเป็นใคร มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นโครงการ “ก่อหนี้” เพื่อ “หาเสียง” แบบเดียวกับ ประเทศกรีซ สุดท้ายประเทศก็มีหน้ีก้อนโต จนล่มจมในที่สุด เมืองไทยวันนี้เพิ่มหนี้อีกไม่กี่แสนล้านบาท เพดานหนี้ ก็จ่อคอหอยประเทศแล้ว
เรื่องรถไฟความเร็วสูงนี้ ผมเคยคุยกับ รัฐมนตรีชัชชาติ ตอนที่ท่านมารับตำแหน่งใหม่ๆว่า ต้องคิดให้ดี คุ้มหรือไม่คุ้ม จะสร้างมา บรรทุกผู้โดยสาร หรือสร้างมา บรรทุกสินค้า เพราะ รถไฟความเร็วยิ่งสูง ค่าก่อสร้างก็ยิ่งแพง ทำให้ค่าโดยสารและค่าบรรทุกสินค้าแพงตามไปด้วย อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน
ผมได้ยกตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูงชินกันเซน ของญี่ปุ่น ซึ่งวิ่งด้วยความเร็ว 200-250 กม.ต่อชั่วโมง
ค่าโดยสารแพงเท่าเครื่องบิน แต่สะดวกกว่าเครื่องบินตรงที่ขึ้นลงใจกลางเมือง ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไปสนามบินทีละ 2 ชั่วโมงดังนั้น ผู้โดยสารที่สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงได้ จึงเป็นผู้โดยสารที่มีฐานะ และนั่งเครื่องบินเป็นประจำอยู่แล้ว กับนักธุรกิจที่ต้องอาศัยความรวดเร็วในการเดินทาง ไม่ใช่ผู้โดยสารประเภทนักท่องเที่ยว หรือชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
เหมือนอย่าง
รถไฟความเร็วสูงเวียดนาม ที่ต้อง ล้มเลิกโครงการ เพราะคำนวณออกมาแล้ว ฐานะรายได้ของคนเวียดนาม ไม่มีปัญญานั่งรถไฟความเร็วสูงราคาแพงได้ สร้างเมื่อไรก็เจ๊งเมื่อนั้น มีคนรวยนั่งได้ไม่กี่คน ก็ต้องเลิกฝันขนาด
ประเทศจีน ที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2–3 ของโลก ประกาศอย่างอหังการจะสร้างรถไฟความเร็วสูงให้ได้ 13,000 กม. ภายในปี 2012 คือปีนี้ ปรากฏว่า
สร้างได้ไม่ถึง 6,000 กม.ด้วยซ้ำ สัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงรถไฟจีน ก็ประกาศ ระงับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เหลือทั้งหมด 23 สาย รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง 9 สาย ที่จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ก็ต้องยกเลิก เพราะมีหนี้ท่วมหัว รายได้ไม่พอ ไม่มีเงินที่จะก่อสร้างอีกต่อไปรถไฟความเร็วสูงหลายสิบสายที่จีนเปิดให้บริการไปแล้ว ก็ไม่ได้กำไรอย่างที่คิด อย่างสาย ปักกิ่ง–เซี่ยงไฮ้ ที่ลงทุนไปนับล้านล้านบาท วันนี้ก็ขาดทุนบักโกรก ต้องลดความเร็วลงจาก 350 กม.ต่อชั่วโมง ลงมาต่ำกว่า 300 กม.ต่อชั่วโมง
ไปอ่านดูเอง
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/241443 สร้างเมื่อไหร่ก็เตรียมแบกรับภาระขาดทุนไปอีกอย่างน้อยๆ 30 ปีได้เลยครับ พร้อมกับหนี้สิน 2.5 แสนล้านบาทกับภาระที่ต้องแบกค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเลี้ยงเลี้ยงตัวเองได้อีก 20 ปีเป็นอย่างน้อยๆ
ตอนนี้การรถไฟมีหนี้สินแค่ 7.5 หมื่นล้านบาท นี่เราก็ว่าหนักแล้ว แต่ถ้าสร้างทางรถไฟสายนี้ลงไป บริษัทที่บริหารงานจะเจอภาระขาดทุนก่อนเลย 2.5 แสนล้านบาท โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้
เอาอยู่ค่ะ