มีพยาบาลอยู่ท่านหนึ่งโชคดีได้แต่งงานกับหมอ เป็นหมอที่มีชื่อเสียงระดับ ประเทศ ที่จริงแล้วเธอไม่ต้องทำงานก็ได้ เธอเพียงแต่ดูแลลูกดูแลสามี ทุกวัน เธอตื่นเช้าทำอาหารให้สามี ส่งลูกไปโรงเรียนและหลังจากนั้นก็ไปทำงาน แล้วพอ บ่ายๆ ก็ไปรับลูกกลับบ้าน คนที่มีความสุขที่สุดก็คือลูกของเธอ แต่ในความรู้สึกของ เธอ เธอคิดว่าถ้าไม่ทำงานเลยชีวิตก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นเธอจึงเลือกทำ งานในโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง อยากทำงานเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำงาน อยู่มาวัน หนึ่งสามีได้รับโทรศัพท์กลางดึก ว่ามีคนไข้ต้องผ่าตัดด่วน หลังจากการผ่าตัดที่ต้องใช้เวลามาก เพื่อนๆ หมอบอกให้สามีเธอพักที่โรงพยาบาล แต่คุณหมอสามีเธอบอกว่าชอบที่จะกลับบ้าน มากกว่า ระหว่างทางกลับบ้านไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเพราะความง่วง ความ เพลีย หรือเพราะถนนลื่น รถแฉลบตกลงข้างทางชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิตทันที หลัง จากนั้นชีวิตของพยาบาลคนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีอย่างหนึ่งที่เธออยากจะ ให้เหมือนเดิม และตั้งใจว่ามันจะต้องเป็นเหมือนเดิม คืออนาคตลูกที่ตั้งใจ ไว้มันจะต้องเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ การที่เธอเคยทำงาน เพียงได้ชื่อมีงานทำ เธอจะต้องเริ่มหางานที่ทำให้มีรายได้เพียงพอ ตอนกลาง วันเธอทำงานโรงพยาบาลของรัฐ ตอนค่ำเธอไปทำงานโรงพยาบาลเอกชน บางครั้งเธอ เฝ้าไข้จนถึงเช้า ลูกที่เคยส่งเองรับเอง ก็ฝากเพื่อนบ้านไปรับไปส่ง แต่มี อย่างหนึ่งที่เธอพยายามที่จะรักษาไว้ก็คือ ทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันของ ลูก เธอจะใช้เวลาในการดูแลพาลูกไปในที่ต่างๆ มีเวลาที่จะอยู่เป็นเพื่อนลูก เวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงปีใหม่ เธอถามกับลูก ว่า “ลูกรัก ทุกปีใหม่คุณพ่อคุณแม่จะมีของขวัญให้หนู ปีนี้หนูอยากได้อะไร” เด็กน้อยบอกว่า “หนูไม่อยากได้หรอกคะ คุณแม่” เมื่อเธอรบเร้ามากๆ เด็กน้อยก็บอกว่า “ที่หนูอยากได้ คุณแม่คงให้หนูไม่ได้หรอกค่ะ” เธอบอกว่า “ไม่บอก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าให้ไม่ได้” และเมื่อเธอรบเร้ามากๆ จริงๆ เด็กน้อยก็เดินไปที่กำแพง ชี้ไปที่ปฏิทินแล้วบอกว่า “คุณแม่คะ กระดาษแบบนี้ที่เป็นสีแดงทั้งใบ คุณแม่ให้หนูได้ไหมคะ” (สีแดงที่หนูน้อยเข้าใจก็คือวันหยุด)เด็กรู้ว่าถ้าวันใดกระดาษปฏิทินเป็นสี แดง คุณแม่จะเป็นของเธอ เพื่อนๆ ที่รักครับ จริงไหมวันที่ลูกเสียพ่อ คือวันที่เด็กต้องการแม่มากที่สุด แต่ ความจริงของชีวิต จริงไหมที่ลูกเสียพ่อเป็นวันที่เขาต้องเสียคุณแม่ด้วย คำถามก็คือแล้วใครล่ะที่จะทำให้ลูกไม่รู้สึกว่าขาดทั้งพ่อและแม่ได้ ถ้าไม่ใช่ตัวแทนประกันชีวิตแบบพวกเรา ไทยประกันชีวิตแม้แต่ไอ้ไบ้ยังรักครอบครัวครับ................
ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ครับ................
กองทุนเงินออมทรัพย์ประกันรายได้ แผน 1
ฝาก 20 ปี ครบสัญญา 20 ปี
อายุ 1-5 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 900 บาท ออมวันละ 10 บาท
อายุ 6-29 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 1,000 บาท ออมวันละ 11 บาท
อายุ 30-39 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 1,100 บาท ออมวันละ 12 บาท
อายุ 40-49 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 1,300 บาท ออมวันละ 14 บาท
อายุ 50-60 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 1,600 บาท ออมวันละ 18 บาท
กองทุนเงินออมทรัพย์ประกันรายได้ แผน 2
ฝาก 20 ปี ครบสัญญา 20 ปี (ความคุ้มครองอีก 1 เท่าตัว)
อายุ 1-5 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 1,800 บาท ออมวันละ 20 บาท
อายุ 6-29 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 2,000 บาท ออมวันละ 22 บาท
อายุ 30-39 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 2,200 บาท ออมวันละ 24 บาท
อายุ 40-49 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 2,600 บาท ออมวันละ 28 บาท
อายุ 50-60 ปี ชำระราย 3 เดือน ฝาก 3,200 บาท ออมวันละ 36 บาท
กองทุนเงินออมทรัพย์ประกันรายได้
เงินเก็บออมเพื่ออนาคตของบุตรหลาน และตัวท่านเอง (ครบสัญญารับเงินคืนพร้อมเงินปันผล 55,000 บาท)
ชดเชยรายได้วันละ 500 บาท (กรณีเจ็บป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาล)
คุ้มครองฟรี (7 โรค) โรคร้ายแรงสูงสุด (กรณีเสียชีวิต) 150,000 บาท และจ่ายเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง10,000 บาทฟรี!(ได้แก่ โรคมะเร็ง,เอดส์,ตับแข็ง,โปลิโอ,ถุงลมโป่งพอง,กล้ามเนื้อเสื่อม,การแข็งตัว ของเนื้อเยื่อฯ)
ชดเชยรายได้สัปดาห์ละ 300 บาท และชดเชยการสูญเสียอวัยวะที่สำคัญ (กรณีบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุ)
คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี 50,000 บาท, คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 100,000-150,000 บาท
คุ้มครองการเสียชีวิตจากการฆาตกรรมทำร้าย 100,000 บาท
ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
ฟรี! บริการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินทุกที่ทั่วโลกสำหรับลูกค้า 1124
สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่
คุณกรรตพล เลี่ยมขันทอง (หนุ่ม)
โทร.082-0378555
E-mail.
yodmanud_cub@hotmail.comมีแม่ม่ายคนหนึ่งย้ายจากเมืองใหญ่ไปอยู่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อเดินทางไปถึงเธอก็ซื้อบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งพร้อมกับรถ หนึ่งคัน เธอนำลูกสาว 2 คน ซึ่งมีอายุ 12 ปี และ 14 ปี เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดที่เมืองนั้น ทุกวันคนในเมืองนั้นต้อง แปลกใจว่าทำไมแม่ม่ายคนนี้จึงไม่ต้องทำงาน หลังส่งลูกไปโรงเรียนแล้วเธอก็ไป ทำอะไรที่เธออยากทำ
วันหนึ่งก็มีคนถามเธอด้วยความสงสัยว่า “ทำไมเธอถึงไม่ต้องทำงาน มีรายได้มาจากไหน” เธอจึงตอบ “เดิมฉันเป็นแม่บ้าน สามีของฉันเป็นนักเคมีทำงานอยู่ในห้องทดลองของโรงงานยาแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก แต่เขาไม่ชอบประกันชีวิต มี ตัวแทนมาพบคนแล้วคนเล่าก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง แต่มีตัวแทนอยู่คนหนึ่งเขาถูก ปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่เขาก็กลับมาทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธ ในที่สุดสามีฉันก็ทน ไม่ได้และได้โทรไปบอกผู้จัดการของบริษัทที่ตัวแทนนั้นสังกัดอยู่ว่า ตัวแทนของคุณยอดเยี่ยมมาก ช่วยบอกเขาได้ไหมว่าไม่ต้องมาหาผมอีกแล้ว ผู้จัดการก็ตอบกลับไปว่า ได้ ครับ แต่นั้นเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของบริษัทเราเลยนะครับ เอาอย่างนี้ได้ไหม ครับให้โอกาสเขาอีกครั้งถ้าครั้งนี้คุณไม่สนใจซื้อเราจะไม่ไปรบกวนคุณอีกเลย แล้ว เย็นวันนั้น ตัวแทนและผู้จัดการก็ไปพบสามีของฉัน เขาให้ฉันและลูกๆ นั่งอยู่ ด้วย ผู้จัดการเริ่มคุยแต่แทนที่จะคุยกับสามีของฉัน เขากลับคุยกับลูกสาวคน เล็กว่า “หนูโชคดีมากเลยที่มีคุณพ่อ คุณแม่ มีโรงเรียน หนูมีทุกอย่างที่เด็กคนหนึ่งควรจะมี หนูคิดว่าใครเป็นคนที่ให้ทุกอย่างนี้กับหนู” ลูกสาวฉันตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้าค่ะ” ผู้จัดการถามต่อ “แต่ตอนนี้พระเจ้ามีงานมากท่านคงมอบหมายคนบางคนทำงานแทนท่านหนูคิดว่าใคร” ลูกสาวฉันก็ตอบอีกว่า “คุณพ่อหนูค่ะ” แต่ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ถ้าสักวันหนึ่งคุณพ่อหนูไม่อยู่แล้วใครจะดูแลแทน ล่ะ เด็กนิ่งไม่ตอบและเริ่มร้องไห้ แล้วเข้าไปกอดคุณพ่อพร้อมร้องว่า “คุณพ่ออย่าตายนะคะ คุณพ่อต้องอยู่กับเรานะคะ” หลัง จากนั้นอีก 15 นาที สามีของฉันก็ได้จ่ายเช็คให้กับคนทั้งสอง ต่อจากนั้นประมาณ 6 เดือนโรงงานที่สามีฉันทำอยู่เกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นที่ห้องทดลองที่สามี ฉันทำ งานอยู่ทำให้สามีฉันต้องเสียชีวิตทันที หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นตัวแทน ท่านนั้นได้มาพบฉันเพื่อดำเนินเรื่อง จากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ เขาก็ได้นำเช็คมาให้ฉบับหนึ่ง ถึงแม้เงินจำนวนนั้นดูไม่มากมาย แต่ มันช่วยให้ฉันมีโอกาสเลือกที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ได้ เงินก้อนนี้ไม่ได้ทำ ให้ฉันรวยแต่มันช่วยให้ฉันใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ถ้ามีใครถามคุณว่าใครคือ ตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าฉันไม่ทราบว่าคำตอบของคุณจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับ ฉันและลูกๆ เราไม่เคยลืมตัวแทนคนนั้น สำหรับเรา เขาคือ “ตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง”