หนอนที่เป็นศัตรูข้าวแบ่งเป็นหลายประเภทครับเช่น
หนอนกระทู้กล้า ใช้ปากกัดและทำลาย ต้นข้าวในระยะที่เป็นตัวหนอนเท่านั้น ตัวแก่ของมันมี ลักษณะคล้ายผีเสื้อ ใช้ปากกัดกินใบในระยะที่ต้นกล้ามีอายุประมาณ ๒๕- ๓๐ วัน ต้นกล้าข้าวที่ถูกทำลายจะ ไม่มีแผ่นใบเหลืออยู่เลย ลักษณะคล้ายๆ ถูกควายหรือวัวกิน
หนอนกอ มีหลายชนิด เช่น หนอนกอสีครีม หนอนกอสีชมพู หนอนกอสองชนิดนี้พบมากกว่าชนิดอื่นๆ หนอนกอเข้าทำลายต้นข้าวในระยะที่เป็นตัวหนอน ตัวแก่ของมันมีลักษณะเหมือนผีเสื้อ วางไข่ลงบนใบข้าว เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอน จะเจาะเข้าไปทำลายต้นข้าวที่กำลังแตกกอ ตัวหนอน ก็จะกัดกินใบอ่อนจนทำให้ใบอ่อนแห้งตาย และต้นที่ออกรวงจะทำให้คอรวงขาดจากส่วนอื่นของต้น แห้งเหี่ยวตาย
หนอนม้วนใบเป็นตัวหนอนที่ชอบอาศัยอยู่ที่ใบข้าว โดยมันทำให้ใบม้วนเข้าหากัน เพื่อจะได้ห่อหุ้มตัวมันเอง ไว้ พบมากในระยะที่ต้นข้าวกำลังแตกกอ โดยรอยกัดจะเป็นทางยาวขนานกับเส้นใบ ฉะนั้น หนอนม้วนใบจึงเป็นตัวทำให้ใบเสียหาย และมีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงน้อยลง
หนอนกระทู้คอรวงตัวแก่มีลักษณะเหมือนผีเสื้อ ซึ่งไม่ทำลายต้นข้าว แต่ตัวอ่อนซึ่งเป็นตัวหนอนจะทำลายต้น ข้าวในระยะออกรวง โดยกัดคอรวงขาด แล้วร่วงหล่น ลงดิน เก็บเกี่ยวไม่ได้ หนอนพวกนี้จะออกมากัดคอรวง ข้าวในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันมันจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ พื้นดิน
วิธีการกำจัดยอดนิยมแบบเร่งด่วนของชาวนาทั่วไปคือการใช้สารเคมีฉีดพ่นครับ เพราะเห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่มักจะพบว่าชาวนาที่ทำแบบนี้มักจะได้พ่นแทบทุกปี สาเหตุคือกระบวนการทำนาเนี่ยแหล่ะครับ ชาวนาบางคนชอบใส่ปุ๋ย N มากบำรุงให้ต้นอวบอ้วนเร่งการแตกกอทำให้หนอนกอชอบ หากพบการระบาดมาก ๆ การเผาตอซังข้าวก็เป็นวิธีการหนึ่งในการทำลายไข่และหนอนกอเพื่อกำจัดในช่วงการทำนาต่อไป ควรเผาตอซังในช่วงที่มีลมเพื่อช่วยลดความเสียหายของดิน การพ่นน้ำส้มควันไม้ก็เป็นผลดีในการขับไล่แมลง ทำลายไข่แมลง แต่ห้ามใช้อัตราส่วนเข้มข้นมากเกินไป การฉีดพ่นใบพืช จะทำให้ใบพืชไหม้ เนื่องจากความเป็นกรดสูงมากเกินไป ส่วนใหญ่จะใช้อัตราไม่เกิน 1:200 อาจไปพ่นเป็นช่วงตามความเหมาะสมหรือการใช้สมุนไพร่กำจัดและไล่แมลงก็เป็นการป้องกันที่ดีครับการไม่ใช้สารเคมีฉีดพ่นจะไม่ทำอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์กับข้าว ทำให้เกิดการควบคุมปริมาณกันเอง ไม่เกิดการระบาดซึ่งอาจมีเสียหายบ้างแต่ก็ไม่มาก เช่น
แมลงพวกตัวห้ำซึ่ง หมายถึง แมลงที่กินแมลงเป็นอาหาร มีลักษณะคือ
1. ส่วนมากมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าเหยื่อที่ใช้เป็นอาหาร
2. ส่วนมากกินเหยื่อโดยการกัดกินตัวเหยื่อ ทำให้เหยื่อตายทันที
3. ตัวห้ำจะกินเหยื่อหนึ่งตัวหรือมากกว่าในแต่ละมื้ออาหาร ดังนั้นจึงกินเหยื่อได้หลายตัวตลอดช่วงชีวิตการเจริญเติบโตของมัน
4. ตัวห้ำจะอาศัยอยู่คนละที่กับแมลงที่เป็นเหยื่อ และออกหาอาหารในที่ต่าง ๆ กันในแต่ละมื้อ
ได้แก่ ตั๊กแตนตำข้าว แมลงปอ มวน ด้วงดิน ด้วงเต่า เต่าลาย ด้วงเสือ ด้วงก้นกระดก แมลงวันหัวบุบ แมลงวันดอกไม้ ต่อรัง มด
แมลงตัวเบียน เป็นศัตรูธรรมชาติแมลงตัวเบียนจะกินแมลงชนิดอื่นเป็นอาหารในลักษณะที่แตกต่างจากแมลงตัวห้ำ คือ
1. อาศัยกินอยู่ตัวเหหยื่อภายนอกหรือภายใน และอาศัยกินอยู่ในลักษณะนี้เป็นเวลานานตลอดวงจรชีวิต หรืออย่างน้อยก็ระยะหนึ่งของวงจรชีวิต
2. ตัวเบียนมีขนาดเล็กกว่าเหยื่อมาก ส่วนใหญ่เหยื่อหนึ่งตัวจะมีตัวเบียนอาศัยอยู่จำนวนมากมาย
3. ตัวเบียนจะค่อย ๆ ดูดกินอาหารจากเหยื่ออย่างช้า ๆ และทำให้เหยื่อตายเมื่อตัวเบียนเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
4. ใช้เหยื่อเพียงตัวเดียวตลอดระยะการเจริญเติบโตของตัวเบียน
ได้แก่ แมลงวันก้นขน แมลงวันหลังลาย ต่อเบียน แตนเบียน
ซึ่งแมลงที่ยกมา ส่วนใหญ่ก็จะมีเพลี้ย และ หนอนเป็นเหยื่อทั้งนั้นครับ ช่วยลดปริมาณหนอนและเพลี้ยได้มากครับ ที่ผ่านมาผมยังไม่มีโอกาสได้ใช้สารเคมีสำหรับฉีดพ่นฆ่าพวกหนอน หรือ เพลี้ยเลย เพราะยังไม่เจอการระบาด ถามว่าที่นามีไม๊ ก็มีบ้างแต่ไม่มาก เพียงแค่เราลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง ไม่ปล่อยน้ำขังในนานาน หมั่นปล่อยทิ้งให้ดินแห้งบ้าง แถมยังช่วยลดปริมาณหอยเชอรี่ได้อีก บางคนชอบใช้ยาฆ่าแมลงชนิดน้ำมาฆ่าหอยเชอรี่เป็นอันตรายต่อคนอีกต่างหาก การใช้น้ำส้มควันไม้ สมุนไพรป้องกันและขับไล่แมลง นอกจากได้ผลดีแม้ไม่ได้ผลทันทียังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มปริมาณผลผลิตด้วยครับ