ร้อยป่า
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,864

|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2011, 17:15:22 » |
|
หนุมานชาญสมร ขุนกระบี่ หลวงปู่ทิม อิสริโก (ปฐมบท) เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์ Monday, 29 October 2007
คุณเชื่อหรือไม่ครับ? ถ้าผมจะบอกว่า มีดหมอของหลวงปู่ทิม แพงที่สุดในโลก! มีคนใจถึงซื้อมีดหมอหลวงปู่ทิม อิสริโก ไปแล้วในราคาเล่มละ ๓๕๐,๐๐๐ บาท!(ข้อมูล ณ. ปี ๒๕๔๕ นะครับ) ไม่ใช่คนเดียวนะครับที่กล้าซื้อเล่มละเกือบครึ่งล้าน แต่มีถึงสามคน! ถ้าไม่เชื่อ? คุณลองถามนักเลงพระสายหลวงปู่ทิมดู หลายคนรู้เรื่องดี!
มีดหมอเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งในกระบวนเครื่องรางของประเทศไทย หลวงปู่ทิม อิสริโกหรือ พระครูภาวนาภิรัติ อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง สร้างขึ้นเมื่อคราวทำพิธีไหว้ครูครั้งสุดท้ายของท่าน เมื่อพฤหัสบดีที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๑๘ สร้างเพียง ๒๐ เล่ม สำเร็จเป็นมีดหมอเพียง ๑๙ เล่ม
นอกจากมีดหมอแล้ว หลวงปู่ทิม ได้สร้างเครื่องรางของขลังไว้หลายอย่างเช่นเดียวกับพระเกจิอาจารย์ในยุคก่อนๆ ท่านสร้างได้ขลังไม่แพ้อาจารย์องค์ใดๆเลย เครื่องราวที่หลวงปู่ทิม สร้างครั้งแรกๆได้แก่ ตะกรุด มีหลายชนิดหลายขนาดด้วยกัน นอกจากนั้นก็มี ลูกอม, ลิงแกะ ซึ่งส่วนมาแกะเป็นรูปลิงจับหลัก, เสือแกะ, ปลักขิก, หนุมาน, มีดหมอ, ผ้ายันต์, และผงพรายกุมารทอง
มีดหมอ หลวงปู่ทิม อิสริโก รุ่นแรก มีราวๆ ๕ เล่ม หนุมาน เป็นเครื่องรางของหลวงปู่ทิม ชนิดหนึ่งที่ผม มีส่วนในการสร้างนอกเหนือไปจาก พระกริ่งชุดชินบัญชร, เหรียญต่างๆ และพระเนื้อผง สาเหตุของการสร้างมาจากลูกชายคนโตของผมซื่งขณะนั้น (ปี พ.ศ.๒๕๑๗) มีอายุเพียงสามขวบเศษ เป็นเด็กที่เลี้ยงยาก มักป่วยไข้และเจ็บป่วยอยู่เสมอ เป็นมากเข้าภรรยาผมถึงกับเครียดหนัด ต้องเข้าหาที่พึ่ง พระองค์หนึ่งท่านจึงดูให้และทำนายว่า เด็กคนนี้มีบุญบารมีเกินพ่อเกินแม่ ต้องเอาไปยกให้เป็นลูกของผู้มีศีลบริสุทธิ์ มิฉะนั้น จะอายุไม่ยืน พอดีกับในระยะนั้น ผมไปพบหลวงปู่ทิมเข้าพอดี จึงเอาลูกชายนั่งรถไปหาหลวงปู่ทิมด้วยและยกให้เป็นลูกท่าน หลวงปู่ทิมก็รับเป็นลูกและฝากผมกับภรรยาผมช่วยเลี้ยงให้ด้วย แล้ว ท่านปรารถว่าอยากจะทำของขวัญให้ลูกไว้ติดตัว และท่านก็มองมาที่ผม บอกเอาของในกระเป๋าเสื้อมา ก่อนไปหาหลวงปู่ทิม ครั้งนั้น ผมได้ไปเช่าหนุมานของ หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม จังหวัดบุรีรัมย์ มาองค์หนึ่ง ผมจึงหยิบออกมาให้ท่าน หลวงปู่ทิมท่านรับไปแล้วก็เอาเข้าไปในกฏิ วันนั้นเป็นวันเสาร์และคืนนั้นผม, ภรรยา, ลูกชายและเพื่อนๆ ก็ค้างอยู่หน้ากุฏิท่าน ก่อนที่ผมจะลากลับกรุงเทพฯในเย็นวันอาทิตย์ หลวงปู่ทิม ท่านก็เอาหนุมานมาให้ลูกชายผม บอกเอาไปติดตัวห้อยคอไว้ นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นที่ผมเกิดความคิดที่จะสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเพื่อนำเงินรายได้ เป็นค่าก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดละหารไร่
หลวงปู่ทิม อิสริโก, คุณชินพร สุขสถิตย์ นั่งข้างล่างกับลูกชาย
ผมจึงได้ไปปรึกษา นายช่าง เกษม มงคลเจริญ ช่างแกะพระ ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม นายช่างเกษม มงคลเจริญ ก็รับปากด้วยความดีใจเพราะเป็นปีเกิด(เกิดปีวอก) และยังไม่เคยแกะหนุมานให้วัดไหนมาก่อนเลย ช่างเกษมทำการแกะหินอ่อนเป็นต้นแบบคือ หนุมานหลวงปู่ทิมที่รู้จักกันดีอยู่นั้นเอง เมื่อ ช่างเกษม มงคลเจริญ แกะหินอ่อนเสร็จแล้ว ก็หล่อเป็นตัวอย่างขึ้นมาชุดหนึ่ง ผมก็เอาไปให้หลวงปู่ทิม หลวงปู่ทิมท่านชอบใจมากถึงกับหัวเราะให้พวกเราเห็น เพราะปกติหลวงปู่ทิมท่านจะนั่งนิ่งเฉย ไม่พูดไม่คุยกับใคร การที่หลวงปู่หัวเราะหรือยิ้ม พวกเราแทบจะไม่เคยเห็น ท่านจะนั่งสงบอยู่ในอารมณ์เดียว แต่เมื่อท่านเห็นหนุมาน ท่านก็หยิบไปพิจารณาดูแล้วหัวเราะ ยิ้มด้วยความชอบใจ และรับปากว่าท่านจะปลุกเสกให้ ๕ เสาร์ ๕ อังคาร ในระหว่างปลุกเสกต้องนั่งทับอาวุธมี มีด หอก ดาบ ปืน ซึ่งถือเป็นการข่มอาวุธ เพราะหนุมานนั้นมีฤทธิ์เดชมาก ใครฆ่าไม่ตาย และเวลาปลุกเสกต้องนั่งทับ หอก ดาบ แล้วมีหนังเสือปูทับอีกชั้นหนึ่ง
องค์ที่หลวงปู่ทิม เอาเข้าไปปลุกเสกในคืนวันเสาร์แล้วให้เป็นของรับไหว้ ที่รับ ด.ช.ชินวุธ สุขสถิตย์ เป็นลูกบุญธรรม องค์นี้เป็นต้นกำเนิดหนุมาน ๕๐๐ ของหลวงปู่ทิม ด้านหลัง
ด้านข้าง ใต้ฐาน
หนุมานทหารเอกของพระราม ที่บรรดาพระเกจิอาจารย์ นำมาสร้างเป็นเครื่องรางนั้นก็คงเพราะว่า หนุมานนั้นมีฤทธิ์มีเดช ใครฆ่าก็ไม่ตาย ประการสำคัญหนุมานนั้นมีความซื่อสัตย์ กตัญญูเป็นอย่างยิ่ง คงจะด้วยคุณสมบัติของหนุมาน พระเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่มีตบะเดชะแก่กล้าจึงนำเอานามของหนุมาน มาสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง ในรูปของผ้ายันต์ รูปลอยตัวหนุมาน รอยสักหนุมานในรูปแบบทรงต่างๆ แม้แต่คาถาอาคมที่เป็นหัวใจขอหนุมาน ก็เอามาภาวนากันให้เกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้คุ้มครองป้องกันตัว หนุมาน ยอดเครื่องรางของขลังที่เกจิอาจารย์นำมาสร้างเป็นเครื่องรางนั้น มีกำเนิดมาจาก พระพาย(คือลม)กับ นางสวาหะ กล่าวคือ นางสวาหะนั้นเป็นลูกสาวของ นางกาลอัจนา นางสวาหะได้นำเรื่องที่แม่คือ นางกาลอัจฉาลอบเป็นชู้ ทำรักกับพระอินทร์ และพระอาทิตย์ จนเกิดลูกคือ พระยาพาลีและ พระยาสุครีพ ไปบอกพระฤาษีโคดม พระฤาษีจึงสาปให้นางกาลอัจนา กลายเป็นหินไปถมถนนเข้ากรุงลงกา ก่อนที่นางกาลอัจนาจะกลายเป็นหิน ได้สาปนางสวาหะให้ไปยืนเท้าเดียว อ้าปากกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาลจนกว่าจะมีลูกเป็นลิง จึงจะพ้นคำสาป
ลิงจับหลัก เครื่องรางอีกชนิดหนึ่งของหลวงปู่ทิม แกะจากไม้ ตัวเล็กที่สุดสูงเพียง ๐.๙ ซม. พอดีกับนนทุกข์ ยักษ์ที่มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดา จนได้รับพรจาก พระอิศวร ให้มีนิ้วเพชรชี้ตายได้ ต่อมานนทุกข์ถูกพระนารายณ์ฆ่าตาย (เรื่องพระนารายณ์ปราบนนทุกข์ พระเกจิอาจารย์สมัยโบราณได้สร้างเครื่องรางชนิดหนึ่ง เพื่อเอาเคล็ดปราบมาร จึงสร้างรูปพระนารายณ์เหยียบยักษ์นนทุกข์ขึ้นโดยแกะงากำจัด เมื่อครั้งที่ผมไปพบหลวงปู่ธรรมรังษีที่จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้พบเครื่องรางนารายณ์ปราบนนทุกข์ ขึ้นจึงขอบูชามาด้วยความดีใจและได้นำมาเป็นแบบสร้างพระผงนารายณ์ปราบนนทุกข์) และได้เกิดเป็นพระยายักษ์ ทศกรรณฐ์ได้ทำความเดือดร้อนให้แก่เทวดาและมวลมนุษย์ พระนารายณ์อวตาลมาเกิดเป็น พระราม เพื่อปราบทศกรรณฐ์ พระอิศวรทรงเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะให้ผู้มีฤทธิ์เดชไปเกิดเป็น ทหารเอกของพระรามเพื่อช่วยปราบยักษ์ พระอิศวร จึงอาวุธสามอย่าง ให้พระพายนำไปซัดเข้าปากนางสวาหะ ที่ยืนกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามอย่าง คือ ๑.คฑาเพชร ๒.ตรีเพชร ๓.จักรแก้ว เมื่อพระพายซัดอาวุธ ๓ชนิดเข้าปากนางสวาหะแล้ว นางสวาหะก็ท้อง แต่ก็ต้องยืนกินลมอยู่นานถึง ๓๐ เดือน จึงคลอดหนุมานออกมาจากปาก หนุมานก็เผ่นออกมาทันทีแล้วเหาะขึ้นไปในอากาศลอยอยู่ตรงหน้านางสวาหะผู้เป็นแม่ มีแสงรัศมีโชติช่วงออกมา โดยรอบกายมีขนเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว ส่งแสงแวววับ แล้วหาวเป็นดาวเป็นเดือน เรียกว่าพอคลอดออกมาจากท้องแม่ก็สำแดงเดชทันที ด้วยหนุมานเป็นผู้มีฤทธิ์ ไม่มีใครฆ่าให้ตายได้ เพราะมีพระพายเป็นพ่อ พระเกจิอาจารย์จึงนำมาทำเครื่องรางของขลัง ประกอบกับ หนุมาน เกิดจากอาวุธวิเศษ ๓ อย่างของพระอิศวร ดังนั้นเวลาพระเกจิอาจารย์ปลุกเสกหนุมาน จึงต้องนั่งทับอาวุธร้ายแรงต่างๆเพื่อเป็นการข่มอาวุธ
หนุมานเนื้อผง ของวัดโพธิท่าเตียน สร้างปี ๒๕๑๕ คุณอารมย์ บูชามาหลายตน แล้วนำมาให้หลวงปู่ทิมปลุกสกอีกครั้ง
เมื่อผมเอาต้นแบบของหนุมานมาให้หลวงปู่ทิมดู แล้วท่านชอบใจมาก บอกผมให้รีบทำมา จะปลุกเสก ๕ เสาร์ ๕ อังคาร ในวันเสาร์ต่อมาผมก็มาหาท่านที่วัดละหารไร่อีกและเมื่อผมลาท่านกลับตอนบ่ายวันอาทิตย์ท่านก็เข้าไปในกฏิ หลวงปู่ท่านหยิบเอาแผ่นทองแดงมาให้ปึกหนึ่ง ประมาณ ๑๐ แผ่น ลงอักขระเลขยันต์เต็มไปหมด บอกให้เอาไปผสมในเนื้อหนุมาน ผมได้นำไปให้ช่างเกษม มงคลเจริญ ที่บ้านบุคคโล เมื่อไปถึงช่างเกษมบอกว่า หล่อหนุมานเนื้อนวโลหะเสร็จหมดแล้ว เพราะผมได้สั่งกำชับให้เสร็จเร็วๆ เนื่องจากหลวงปู่ทิมท่านสั่งมา นายช่างเกษมจึงเอาแผ่นยันต์นี้ทำให้ใหม่อีกชุดหนึ่ง และนำชนวนแผ่นยันต์ส่วนหนึ่งผสมในเนื้อเงิน ซึ่งกำลังจะหล่อ หนุมานเนื้อนวโลหะทั้งหมด รวมทั้งเนื้อเงินมีชนวนพระกริ่งชินบัญชร ผสมด้วยทุกตัว แต่มีอยู่อีกประมาณ ๕๖ องค์ ที่มีแผ่นยันต์ของหลวงปู่ทิมผสมลงไปด้วย และแยกตอกโค๊ตให้แตกต่างออกไป
หนุมาน เนื้อนวโลหะ ด้านหลัง
ด้านข้าง ด้านล่าง
อีกอาทิตย์ถัดมาผมก็เอาหนุมานทั้งหมด มีเนื้อเงินขาวบริสุทธิ์ จำนวน ๓๙๖ ตัว, เนื้อนวโลหะ จำนวน ๒,๐๕๐ ตัว และเนื้อโลหะพิเศษที่ผสมแผ่นจารอักขระเลขยันต์ที่หลวงปู่ทิม ลงให้มาอีกประมาณ ๕๖ ตัว ใส่กล่องลูกปืนของทหารอเมริการไปให้หลวงปู่ทิม ก่อนจะนำหนุมานทั้งหมดกลับมา ผมสั่งกับ ช่างเกษม มงคลเจริญ ให้รีบทำหนุมานเนื้อดีบุกให้อีก ๓,๕๐๐-๕,๐๐๐ ตัว เพื่อจะเอาไปให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกแล้วเก็บไว้ออกบูชาเพื่อหาปัจจัยมาทนุบำรุงวัดละหารไร่ สำหรับจุดประสงค์ในการสร้าง หนุมานชุดนี้ ผมขอนำข้อความที่ผมเขียนลงในนิตยสาร อภินิหารและพระเครื่อง ฉบับที่ ๓๘ ปี ๔ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๑๘ ที่ผมเป็นบรรณาธิการมาลงไว้อีกครั้ง เพื่อให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างดังนี้ ก่อนจะถึงงานยกช่อฟ้า ทางวัดมีความจำเป็นที่จะต้องรื้อกุฏิเก่าๆ และปลูกใหม่ขึ้นมาทดแทน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องการเงินมาใช้เพื่อการนี้ แต่การที่จะออกพระเครื่องรุ่นใหม่ๆอีก ผมเห็นว่าจะเป็นการเฟ้อมากรุ่นมากแบบไป หลวงปู่ทิมท่านจึงบอกให้สร้างเครื่องรางขึ้นมาชิ้นหนึ่งในรูป หนุมาน โดยท่านจะปลุกเสกให้เต็มตามกำลังและอำนาจสมาธิวิชาของท่าน ผมจึงได้ขอให้นายช่างเกษม มงคลเจริญ เป็นผู้ออกแบบและหล่อให้ เมื่อนำแบบ ไปให้หลวงปู่ทิมดูแล้ว ท่านชอบใจมาก และสั่งให้เจาะก้นบรรจุด้วย ผงพรายกุมาร ท่านสร้างไว้โดยพิสดาร ผสมกับ ว่านหนุมาน พร้อมทั้งลงแผ่นโลหะตามตำหรับการสร้างหนุมานให้จำนวนหนึ่งเพื่อนำมาผสมเป็นเนื้อเครื่องรางชิ้นนี้ สำหรับวิธีการปลุกเสกนั้นเมื่อท่านสั่งให้ตระเตรียมของแล้ว ผมเองถึงกับขนลุกซู่ ! ท่านสั่งให้นำเอา มีด ปืน ไม้พลอง ไม้คมแฝก หอก ดาบ และอาวุธต่างๆ เท่าที่หาได้มาให้ท่านด้วยเพราะเวลาปลุกเสกท่านจะนั่งปลุกเสกบนกองอาวุธเหล่านี้ ที่ผมบอกว่า ขนผมลุกซู่นั้น เพราะผมได้อ่านวิธีการปลุกเสก หนุมานของหลวงพ่อดิ่งที่คุณเฉลียว จันทร์ทรัพย์ เขียนไว้ในหนังสือเหรียญพุทธคุณ ก็เป็นแบบเดียวกันจะต่างก็เพียงตัว หนุมานของหลวงพ่อดิ่งสร้างด้วยรากไม้ แต่ของหลวงปู่ทิม สร้างด้วยเนื้อโลหะ ผมจึงมั่นใจว่าหนุมานของหลวงปู่ทิม คงจะมีอานุภาพใช้คุ้มครองป้องกันอันตราย ทั้ง มีด, ไม้, หอก, ดาบ, และปืน ตลอดจน แคล้วคลาดอันตรายจากอาวุธทั้งปวงดุจเดียวกับหนุมานหลวงพ่อดิ่ง
หนุมาน เนื้อเงิน ตอกโค๊ตตัว อิ ที่ฐานด้านหลัง
ใต้ฐานอุดผงพรายกุมาร
หนุมานหลวงปู่ทิม ที่ช่างเกษม มงคลเจริญ ออกแบบและแกะพิมพ์ให้นี้มีรูปร่างน่ารักมาก เล็กกระทัดรัดและสวยงามอย่างยิ่ง ช่างเกษมก็ทำให้อย่างสุดฝีมือ เพราะบอกว่าเป็นปีเกิด(เกิดปีวอก) ต้องทำให้สุดฝีมือหน่อย หนุมานที่สร้างคราวนั้นจึงมียอดสร้างและเปิดให้บูชาไม่มากและไม่น้อยดังนี้
เนื้อเงิน สร้าง ๓๙๖ ตัว ตัวละ ๓๐๐ บาท
เนื้อนวโลหะ สร้าง ๒,๐๐๐ ตัว ตัวละ ๑๒๐ บาท
เนื้อชิน สร้างอีก ๕,๐๐๐ ตัว ตัวละ ๔๐ บาท
จากยอดทำที่กล่าวมานี้ เมื่อออกได้หมดประมาณว่าจะได้เงินไปเป็นทุนในการสร้างกุฏิหลังใหม่ ไม่น้อยกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อหักค่าหล่อออกแล้ว ท่านที่เลื่อมใส ศรัทธาและประสบในพุทธคุณของหลวงปู่ทิมมาแล้วควรหาไว้ ผมรับรองว่าหนุมานจะสร้างรุ่นนี้รุ่นเดียว และจะทำไม่จำหน่ายมากไปกว่าจำนวนที่แถลงไว้
ข้อความทั้งหมด คือวัตถุประสงค์ในการสร้างหนุมาน ซึ่งผมแถลงลงในหนังสืออภินิหารและพระเครื่อง ที่ผมเป็นบรรณาธิการ โดยใช้หนังสือเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ จะเห็นว่า การสร้างหนุมานเป็นดำริของหลวงปู่ทิม เพื่อหาเงินไว้สำหรับสร้างกุฏิแทนของเก่าที่จะรื้อทิ้งไปเพื่อเตรียมไว้รับงานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญภาวนาภิรัต ซื่งกำลังก่อสร้างอยู่และใกล้จะแล้วเสร็จ จำนวนหนุมานที่นำไปปลุกเสกทั้งหมด ราว ๒,๕๐๐ ตัว พอดีพวกเราจึงตั้งชื่อว่า หนุมาน ๕๐๐ เพราะถือว่าเลข ๕๐๐ เป็นเลขที่แรงมาก ประกอบกับหลวงปู่ทิม มีเมตตาจะปลุกเสกให้ ๕ เสาร์ ๕ อังคาร จึงตั้งชื่อให้คล้องกัน และต่อมาหนุมานก็แรงสมชื่อ มีประสบการณ์มากมาย หนุมานจำนวน ๒,๕๐๐ ตัว นั้นเป็น หนุมานเนื้อเงิน ๓๙๖ ตัว,เป็นหนุมานเนื้อนวโละที่มีชนวนพระกริ่งชินบัญชรผสม ๒,๐๐๐ ตัว, ส่วนอีก ๑๐๘ ตัวเป็นเนื้อนวโลหะผสมกับแผ่นยันต์ทองแดงจำนวน ๑๐แผ่นที่หลวงปู่ทิม ลงมาให้ และลงประกาศเมื่อออกให้บูชาว่ามี ๕๖ ตัว ส่วนที่ไม่ได้บอกไว้อีก ๕๒ ตัวนั้นก็กันไว้เป็นชุดกรรมการ
หนุมานนั่งแท่น ปลุกเสกพิธีรูปหล่อยืนหลวงปู่ทิม ปี ๒๕๓๗ จำนวน ๕๐๐ ตัว ด้านหลัง
ด้านล่างปกติเรียบ แต่ตัวนี้พิเศษ กรรมการ จารอักขระเต็ม มีจำนวนน้อยมาก
หลวงปู่ทิม ปลุกเสกหนุมานได้ ๓ เสาร์ ๓ อังคาร ท่านก็ป่วยจนต้องนำท่านส่งโรงพยาบาลสมเด็จศรีราชา เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๑๘ ท่านรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ ๑ เดือน ก็นำท่านกลับวัดละหารไร่ เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๘ อยู่ที่วัดได้ ๒-๓ วัน ท่านก็มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา ๒๓.๒๕ น. ของคืนวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๘ ระหว่างที่หลวงปู่ทิม ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ผมได้เอาหนุมานซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องใส่ลูกปืน ไปไว้ที่โรงพยาบาลด้วย เพราะหนุมานมีคนจองไว้จะหมดแล้ว และกำหนดให้มารับหนุมานได้ ในวัดเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๑๘ ผมพูดกับหลวงปู่หายดีแล้วกลับวัด ช่วยปลุกเสกหนุมานต่อให้เสร็จด้วยเพราะเลยกำหนดเวลารับหนุมานมานานแล้วหลวงปู่ทิมท่านบอกผมว่าทำให้เสร็จแล้ว ผมถามท่านว่าหลวงปู่ป่วยจะทำให้อย่างไร ท่านบอกผมว่า กายป่วยแต่ใจไม่ป่วย ท่านทำ (หนุมาน) ให้เสร็จแล้วใช้ได้แล้ว ให้เอาไปแจกผู้ที่จองไว้ เมื่อหลวงปู่ทิมมรณะภาพแล้ว เพื่อนๆหลายคนต่อว่าผมว่า เห็นมั้ยเพราะมึงทำหนุมานมาให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกท่านเลยตาย หนุมานหลวงปู่ทิมดีอย่างไร? แรงอย่างไร? สมกับชื่อหนุมาน ๕๐๐ หรือไม่? แล้วผมจะนำมาเล่าให้ฟัง! หลังจากหลวงปู่ทิมมรณภาพแล้วร่วมๆ ๒๐ ปี ผมพบเกจิอาจารย์ที่เก่งเรื่อง ธาตุ องค์หนึ่งเมื่อท่านรู้ว่าผมสร้างหนุมานจนโด่งดังมาแล้วท่านจึงบอกผมว่า สร้างลูกมันอีกซิเพราะลูกมันเก่งทั้งในน้ำและบนบกเก่งกว่าพ่อมันอีก
หนุมานงาแกะ ของอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ พิมพ์นี้น่าจะเรียกว่า หนุมานครองเมือง ด้านหลัง
ด้านล่าง
ผมจึงสร้างลูกหนุมานที่ชื่อ “มัจฉานุ” ขึ้นมาอีกครั้ง เอาชนวนหนุมานเดิมที่เก็บไว้และยอมสละ หนุมานหลวงปู่ทิมเนื้อเงิน ๑ ตน ผสมให้เกิดเป็นมัจฉานุ ลูกหนุมานผู้มีฤทธิ์ไม่น้อยกว่าผู้เป็นพ่อให้ หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร และหลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม ปลุกเสกในน้ำมันและผงพรายกรุมารของหลวงปู่ทิมผสมกับน้ำมันเหล็กไหลของหลวงปู่พรหมมา มีผู้คนเห็นเป็นตัวเป็นตนและดังไม่แพ้หนุมานผู้เป็นพ่อ หลวงพ่อ เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ถึงกับทัก ต่อหน้าองคมนตรี ท่านปรีชา นุชนาถ เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๓๘ ว่า “ลูกลิงตัวนี้แรงจัง” เรื่องนี้ คุณอาลักษณ์ นุชนาถ ลูกชายองคมนตรี ซึ่งเข้าไปพบหลวงพ่อเกษมด้วย เล่าให้ฟัง
|