เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 14 พฤษภาคม 2025, 12:25:04
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  เณรหิวข้าวมื้อเย็น กินแล้วผิดใหม
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์
ผู้เขียน เณรหิวข้าวมื้อเย็น กินแล้วผิดใหม  (อ่าน 20393 ครั้ง)
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:18:28 »

เดียวถามสมาชิก ท่านละอ่อนโบราณ
เลยครับ รอท่า่นมาตอบ
ท่านเป็นสมาชิก เชียงรายโฟกัสฯ ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสฯ
วัดฝั่งหมิิ่่น ต.แม่กรณ์ เป็นพระวิทยากรฯ(ครูพระ) ครับ
 เป็น แอดมิน ห้องศาสนา และห้องอู้ห้องอู้กำเมือง เรื่องเล่าล้านนา่
สมาชิกบางท่านบ่าฮู้จัก ท่านเปิดตัวตอนงานผ้าป่าเวปฯครับ
ยินดีครับที่ เวปเรามีคนหลากหลายสาขาอาชีพ+หน้าทีั่ี่่
บางครั้งจะได้เข้าใจกัน



ป.ล.หาเรื่องหื้อตุ๊ปี้ละก้า จะบาปก่อหาพี่น้อง ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม


IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:20:59 »

ตามวินัยสงกินได้มื้อเดียวใน กทม ไม่เคยเห็นนะกิน2-3มื้อแต่มาอยู่ที่นี้เห็นพระเณรไม่ต้องอะไรเจ้าอาราวาดยังกินเรื่องจริงๆๆๆล้านเปอเลยบ่ายก็กินเอาว่าอยากกินเมื่อไหร่มีคนไปส่งถึงวัดแต่ต้องหลบกินนะไม่เคร่งเหมือน กทม เลยเห็นแล้วอดจะบอกตุไม่ได้ว่าสึกดีไหมแต่ที่บวชคุณรู้กันไหมทำไมถึงบวชแต่เด็กเท่าที่รู้นะเพื่อเงินเพราะยุคนี้เค้าเรียกว่าพุทธทะพาณิช

พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ ทางเหนือมีวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบนี้มานาน พูดง่าย ๆ ก็คือ คนทางเหนือเขาไม่ถือ..ปกติ ก็ฉันได้สองมื้อครับ ไม่ใช่มื้อเดียว ถ้ามื้อเดียวส่วนมากจะปฏิบัติกันในสำนักปฏิบัติธรรม เหมือนกับทางภาคกลางหรือกรุงเทพ อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นกุฏิพระได้ แต่ทางเหนือจะถือเรื่องแบบนี้มาก ผู้หญิงจะไม่ขึ้นบนกุฏิพระ (ชั้นสอง) ครับ ผมว่ามีคนบวชนะดีแล้วดีกว่าปล่อยให้วัดร้างนะ ส่วนวัตรปฏิบัติก็ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปตามโลกยุคโลกาภิวัตน์ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
tongchai
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 552


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:26:46 »

ตามนั้นเพราะไม่เคยเจอกิน2-3มื้อเข้าใจแล้วครับ
IP : บันทึกการเข้า
Tora
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:29:15 »

โหย...ต้องการสารอาหาร คิดได้ไงนิ ฮืม ฮืม ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
maxthailand
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:30:13 »

โหย...ต้องการสารอาหาร คิดได้ไงนิ ฮืม ฮืม ฮืม
55
IP : บันทึกการเข้า
นายเหตุผล
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 22:49:53 »

ตามวินัยสงกินได้มื้อเดียวใน กทม ไม่เคยเห็นนะกิน2-3มื้อแต่มาอยู่ที่นี้เห็นพระเณรไม่ต้องอะไรเจ้าอาราวาดยังกินเรื่องจริงๆๆๆล้านเปอเลยบ่ายก็กินเอาว่าอยากกินเมื่อไหร่มีคนไปส่งถึงวัดแต่ต้องหลบกินนะไม่เคร่งเหมือน กทม เลยเห็นแล้วอดจะบอกตุไม่ได้ว่าสึกดีไหมแต่ที่บวชคุณรู้กันไหมทำไมถึงบวชแต่เด็กเท่าที่รู้นะเพื่อเงินเพราะยุคนี้เค้าเรียกว่าพุทธทะพาณิช

พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ ทางเหนือมีวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบนี้มานาน พูดง่าย ๆ ก็คือ คนทางเหนือเขาไม่ถือ..ปกติ ก็ฉันได้สองมื้อครับ ไม่ใช่มื้อเดียว ถ้ามื้อเดียวส่วนมากจะปฏิบัติกันในสำนักปฏิบัติธรรม เหมือนกับทางภาคกลางหรือกรุงเทพ อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นกุฏิพระได้ แต่ทางเหนือจะถือเรื่องแบบนี้มาก ผู้หญิงจะไม่ขึ้นบนกุฏิพระ (ชั้นสอง) ครับ ผมว่ามีคนบวชนะดีแล้วดีกว่าปล่อยให้วัดร้างนะ ส่วนวัตรปฏิบัติก็ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปตามโลกยุคโลกาภิวัตน์ ครับ

พระ เณร ฉันได้ 2 มื้อ (เช้า กับ เพล)
ส่วนพระอาพาธ(ป่วย) ไม่จำกัด หรือฉันเลยเวลาได้  พระวินัยสงฆ์อนุโลม
หากจะอธิษฐานเคร่งหน่อย หรือไม่อยากจะยุ่งยากเรื่องขบฉัน ก็ฉันมือเดียว

อ้อ...พระที่ไหนๆ ก็ไม่ค่อย ต่างกันมากหรอกครับ
ตามที่ คุณtongchai กล่าวมา  แสดงว่า  ยังไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับพระใน กทม ว่างๆ แนะนำไปสมัครเป็นเด็กวัดและทำตัวสนิทสนทบ้างนะ  แล้วคุณจะร้อง  อ๋อ...มันเป็นจังซี่ๆ อิอิ

หรือจะลองเวนไป สังเกตหลายๆ ที่ หลายๆ จังหวัด แล้วเปรียบเทียบกันก็ได้  เค้าก็จะมีวัตรปฏิบัติ และประเพณีที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น

สรุปแล้ว พระวินัย ไม่ใช่ กฎเหล็ก 
ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง

เปรียบเสมือนดั่ง ศีล 5 ของฆราวาส(คนทั่วไป) นั่นแหละ  คุณรักษาได้กี่ข้อ.... ฯลฯ (เมื่อยมือ  เหนื่อย อิอิ ^_^!)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 23:25:22 โดย thamma-thammo » IP : บันทึกการเข้า
นายเหตุผล
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 23:37:46 »

กฏตั้งได้ก็ลบได้ครับเพราะพระก็มนุษย์เหมือนกัน
พระวินัย  ถูกบัญญัติขึ้นโดยพระพุทธเจ้า เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว
และก่อนที่จะบัญญัติพระวินัย  พระพุทธเจ้าจะอาศัยเหตุที่เกิดขึ้นก่อนเสมอ

พระสงฆ์ทั้งมวล(ในไทย) ไม่กล้าที่จะยกเลิกพระวิันัยบัญญัติของพระพุทธเจ้า
ดังนั้น แม้เวลาจะล่วงเลยมา สองพันกว่าปีแล้ว  แต่พระสงฆ์ไทยยังรักษา พระธรรมวิันัยได้อย่างมั่นคง มากกว่าพระสงฆ์นิกายอื่นๆ ฯ
IP : บันทึกการเข้า
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,930



« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 00:16:23 »

โดยหลักแล้วอาหารเย็นไม่จำเป็นเท่าอาหารเช้าอยู่แล้ว
คนธรรมดาทั่วไปที่รักษาศีลแปด ก็ปฏิับัติได้ไม่ลำยาก
เป็นการฝึกละกิเลสความอยากของตัวเราได้อีกทางหนึ่ง

การไม่ฉันมื้อเย็นถือว่าเป็นเรื่องที่ควรต่อการปฏิบัติ
และไม่ควรสนับสนุนให้พระเณรฉันมื้อเย็นด้วยครับ

ผมเคยปฏิบัติธรรมอยู่ช่วงหนึ่งประมาณยี่สิบวัน
และกินข้าวมื้อเช้ามื้อเดียวตลอด ก็อยู่ได้ไม่ลำบาก
ถึงแม้ตอนเย็นท้องจะร้องจ๊อกๆ  บ้าง เพราะกลางวันใช้พลังงาน
กวาดๆ ถูๆ ลานวัด  แต่ดื่มนมดื่มน้ำก็อยู่ได้

 พ่อหลวงของเรา ท่านรักษาศีลแปด ทุกวันศีล
(คือไม่ทานอาหารเย็น) มานานแล้วครับ





IP : บันทึกการเข้า
AlcoholDevil
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,714


ถึงไม่มีเกียร์แต่แรงนะ


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 00:26:44 »

ตามคำสอน ท่านบอกว่าให้เดินทางสายกลาง
 ถ้าฉันเย็น  อีกวันก็ต้อง ปลงอาบัติ ครับ เหมือนเป็นการบอกให้รูถ้ถึงความผิดที่ตนได้กระทำไปครับ
  "ท่านสอนให้เดินทางสายกลาง ไม่เคร่งเกินไป และไม่หย่อนเกิดไปให้อยู่ในทางที่พอดี"
 ความคิดส่งนตัวนะครับ คงไม่ว่ากันนะ เพราะเคยเป็นคนหลังวัดมาก่อนครับ
IP : บันทึกการเข้า

เรียบเฮดเดอร์ บริการ ท่อไอเสีย หม้อน้ำ รับเชื่อมมิเนียม สอบถามTel.053700166 เปิดบริการ 8.30 - 17.00น. จ.-ส. และเปิด วันอาทิตย์ 2 อาทิตย์แรกของเดือน
คนไกลบ้านเกิด
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,874



« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 04:06:28 »

ติดตามอีก รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,468



« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 05:52:00 »

สามเณรสิกขา
( สิกขาบท ๑๐ ประการ )

อะนุญญาสิ  โข  ภะคะวา,      
พระผู้มีพระภาคเจ้า   ทรงอนุญาตไว้แล้ว แล
สามะเณรานัง  ทะสะ  สิกขาปะทานิ,       
ซึ่งสิกขาบท ๑๐ ประการแก่สามเณรทั้งหลาย
เตสุ  จะ  สามะเณเรหิ  สิกขิตุง,   
และเพื่อให้สามเณรศึกษาในสิกขาบทเหล่านั้นคือ
ปาณาติปาตา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป
อะทินนาทานา เวระมะณี,      
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
อะพรัหมะจะริยา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์
มุสาวาทา  เวระมะณี,      
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดปด
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท  คือการดื่มสุราและเมรัย เป็นต้น
วิกาละโภชะนา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
นัจจะคีตะวาทิตะ  วิสูกะทัสสะนา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการขับร้องฟ้อนรำ และประโคมดนตรีและดูการละเล่นต่างๆ
มาลาคันธะ  วิเลปะนะ  ธาระนะ  มัณฑะนะ  วิภูสะนัฏฐานา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทัดทรงดอกไม้  ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้  ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา
อุจจาสะยะนะ  มะหาสะยะนา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการนั่งหรือนอน เหนือที่นั่งที่นอนอันสูงอันใหญ่
ชาตะรูปะระชะตะ ปะฏิคคะหะนา  เวระมะณี,
เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการรับเงินและทอง 
( สาสนังคะ ๑๐ )
[/b]
อะนุญญาสิ  โข  ภะคะวา,   
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
ทะสะหิ  อังเคหิ  สะมันนาคะตัง  สามะเณรัง  นา  เสตุง,
เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบให้ฉิบหาย
กะตะเมหิ  ทะสะหิ,      
องค์สิบคืออะไรบ้าง
ปานาติปาตี  โหติ,      
คือสามเณรชอบทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป
อะทินนาทายี  โหติ,      
สามเณรชอบถือเอาสิ่งของที่เจ้า ของไม่ได้ให้
อะพรัหมะจารี  โหติ,   
สามเณรไม่ชอบประพฤติพรหมจรรย์
มุสาวาที  โหติ,   
สามเณรชอบพูดปด
มัชชะปายี  โหติ,   
สามเณรชอบดื่มกินของมึนเมา
พุทธัสสะ  อะวัณณัง  ภาสะติ,   
สามเณรกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า
ธัมมัสสะ  อะวัณณัง  ภาสะติ,   
สามเณรกล่าวติเตียนพระธรรม
สังฆัสสะ  อะวัณณัง  ภาสะติ   
สามเณรกล่าวติเตียนพระสงฆ์
มิจฉาทิฏฐิโก  โหติ,    
สามเณรเป็นผู้มีความเห็นผิดจากธรรมวินัย
ภิกขุณีทูสะโก  โหติ,    
สามเณรชอบประทุษร้ายภิกษุณี
อะนุญญาสิ  โข  ภะคะวา,   
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
อิเมหิ  ทะสะหิ  อังเคหิ สะมันนาคะตังสามะเณรัง  นาเสตุนติ, 
เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบเหล่านี้ให้ฉิบหาย  ดังนี้
( ทัณฑกรรม ๕ )
อะนุญญาสิ  โข  ภะคะวา,   
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
ปัญจะหิ  อังเคหิ  สะมันนาคะตัสสะ  สามะเณรัสสะ  ทัณฑะกัมมัง  กาตุง,
เพื่อทำทัณฑกรรมคือลงโทษแก่สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ห้าอย่าง
กะตะเมหิ  ปัญจะหิ,      
องค์ห้าอย่างมีอะไรบ้าง
ภิกขูนัง  อะลาภายะ  ปะริสักกะติ,
คือสามเณรพยายามทำให้ภิกษุเสื่อมลาภที่ควรจะได้
ภิกขูนัง  อะนัตถายะ  ปะริสักกะติ,    
สามเณรพยายามทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย
ภิกขูนัง  อะนาวาสายะ  ปะริสักกะติ,   
สามเณรพยายามทำไม่ให้ภิกษุอยู่อย่างสงบ
ภิกขู  อักโกสะติ  ปะริภาสะติ,   
สามเณรด่าและขู่ภิกษุทั้งหลาย
ภิกขู  ภิกขูหิ  เภเทติ,      
สามเณรยุให้ภิกษุแตกกัน
อะนุญญาสิ  โข  ภะคะวา,   
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
อิเมหิ  ปัญจะหิ  อังเคหิ  สะมันนาคะตัสสะ  สามะเณรัสสะ  ทัณฑะกัมมัง  กาตุนติ,
เพื่อทำทัณฑกรรมแก่สามเณรผู้ทำผิดประกอบด้วยองค์ห้าอย่างเหล่านี้  ดังนี้ ฯ

(นอกจากนี้แล้ว  สามเณรยังจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามเสขิยวัตร ๗๕ ข้อ  ในหนังสือนวโกวาทอีกด้วย  เพื่อรักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อย  สมกับความเป็นเหล่ากอของสมณะที่ดี)



IP : บันทึกการเข้า

..............
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,468



« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 06:11:29 »

สามเณรสิกขา  (จะได้อ่านเข้าใจง่ายๆ)


    
พระผู้มีพระภาคเจ้า   ทรงอนุญาตไว้แล้ว แล
    
ซึ่งสิกขาบท ๑๐ ประการแก่สามเณรทั้งหลาย

และเพื่อให้สามเณรศึกษาในสิกขาบทเหล่านั้นคือ

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดปด

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท  คือการดื่มสุราและเมรัย เป็นต้น

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการขับร้องฟ้อนรำ และประโคมดนตรีและดูการละเล่นต่างๆ

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทัดทรงดอกไม้  ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้  ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการนั่งหรือนอน เหนือที่นั่งที่นอนอันสูงอันใหญ่

เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการรับเงินและทอง  

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล

เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบให้ฉิบหาย (ทำให้ฉิบหายคือ ให้สึก ฉิบหายจากเพศพรหมจรรย์)

องค์สิบคืออะไรบ้าง

คือสามเณรชอบทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป

สามเณรชอบถือเอาสิ่งของที่เจ้า ของไม่ได้ให้

สามเณรไม่ชอบประพฤติพรหมจรรย์

สามเณรชอบพูดปด

สามเณรชอบดื่มกินของมึนเมา

สามเณรกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า

สามเณรกล่าวติเตียนพระธรรม

สามเณรกล่าวติเตียนพระสงฆ์

สามเณรเป็นผู้มีความเห็นผิดจากธรรมวินัย

สามเณรชอบประทุษร้ายภิกษุณี

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล

เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบเหล่านี้ให้ฉิบหาย  ดังนี้


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล

เพื่อทำทัณฑกรรมคือลงโทษแก่สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ห้าอย่าง (ลงโทษ ให้ทำความสะอาดวัดเป็นต้น)
  
องค์ห้าอย่างมีอะไรบ้าง

คือสามเณรพยายามทำให้ภิกษุเสื่อมลาภที่ควรจะได้
  
สามเณรพยายามทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย

สามเณรพยายามทำไม่ให้ภิกษุอยู่อย่างสงบ

สามเณรด่าและขู่ภิกษุทั้งหลาย

สามเณรยุให้ภิกษุแตกกัน

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล

เพื่อทำทัณฑกรรมแก่สามเณรผู้ทำผิดประกอบด้วยองค์ห้าอย่างเหล่านี้  ดังนี้ ฯ

(นอกจากนี้แล้ว  สามเณรยังจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามเสขิยวัตร ๗๕ ข้อ  ในหนังสือนวโกวาทอีกด้วย  เพื่อรักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อย  สมกับความเป็นเหล่ากอของสมณะที่ดี)
IP : บันทึกการเข้า

..............
maxthailand
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 09:44:04 »

ผิด 100000000000000000000000000%
ไม่ใช่เพราะความสงสาร ความเห็นใจ
แต่ผิดวินัยสงฆ์อย่างยิ่ง
ความสงสารกับกฏกติกาบางอย่าง น่าแยกแยะออก
ถ้าพระฉันอาหารเย็น เพราะต้องการสารอาหาร
ก็ต้องเห็นใจ ว่างั้นเถอะ


ปล.ตั้งสมาคมรักเด็กดีมั้ยน๊อ

ว่าไงพี่อาร์ท ลูกโตละยัง ผมไปทำไรให้พี่หรอครับ เวลาพี่เจอผมก็ทักทายกันดีนี่ครับ

IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 09:46:22 »

.........สาตุ๊.............
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
tongchai
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 552


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 18:52:52 »

ตามวินัยสงกินได้มื้อเดียวใน กทม ไม่เคยเห็นนะกิน2-3มื้อแต่มาอยู่ที่นี้เห็นพระเณรไม่ต้องอะไรเจ้าอาราวาดยังกินเรื่องจริงๆๆๆล้านเปอเลยบ่ายก็กินเอาว่าอยากกินเมื่อไหร่มีคนไปส่งถึงวัดแต่ต้องหลบกินนะไม่เคร่งเหมือน กทม เลยเห็นแล้วอดจะบอกตุไม่ได้ว่าสึกดีไหมแต่ที่บวชคุณรู้กันไหมทำไมถึงบวชแต่เด็กเท่าที่รู้นะเพื่อเงินเพราะยุคนี้เค้าเรียกว่าพุทธทะพาณิช

พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวครับ ทางเหนือมีวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบนี้มานาน พูดง่าย ๆ ก็คือ คนทางเหนือเขาไม่ถือ..ปกติ ก็ฉันได้สองมื้อครับ ไม่ใช่มื้อเดียว ถ้ามื้อเดียวส่วนมากจะปฏิบัติกันในสำนักปฏิบัติธรรม เหมือนกับทางภาคกลางหรือกรุงเทพ อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นกุฏิพระได้ แต่ทางเหนือจะถือเรื่องแบบนี้มาก ผู้หญิงจะไม่ขึ้นบนกุฏิพระ (ชั้นสอง) ครับ ผมว่ามีคนบวชนะดีแล้วดีกว่าปล่อยให้วัดร้างนะ ส่วนวัตรปฏิบัติก็ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปตามโลกยุคโลกาภิวัตน์ ครับ

พระ เณร ฉันได้ 2 มื้อ (เช้า กับ เพล)
ส่วนพระอาพาธ(ป่วย) ไม่จำกัด หรือฉันเลยเวลาได้  พระวินัยสงฆ์อนุโลม
หากจะอธิษฐานเคร่งหน่อย หรือไม่อยากจะยุ่งยากเรื่องขบฉัน ก็ฉันมือเดียว

อ้อ...พระที่ไหนๆ ก็ไม่ค่อย ต่างกันมากหรอกครับ
ตามที่ คุณtongchai กล่าวมา  แสดงว่า  ยังไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับพระใน กทม ว่างๆ แนะนำไปสมัครเป็นเด็กวัดและทำตัวสนิทสนทบ้างนะ  แล้วคุณจะร้อง  อ๋อ...มันเป็นจังซี่ๆ อิอิ

หรือจะลองเวนไป สังเกตหลายๆ ที่ หลายๆ จังหวัด แล้วเปรียบเทียบกันก็ได้  เค้าก็จะมีวัตรปฏิบัติ และประเพณีที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น

สรุปแล้ว พระวินัย ไม่ใช่ กฎเหล็ก 
ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง

เปรียบเสมือนดั่ง ศีล 5 ของฆราวาส(คนทั่วไป) นั่นแหละ  คุณรักษาได้กี่ข้อ.... ฯลฯ (เมื่อยมือ  เหนื่อย อิอิ ^_^!)
เด็กวัดเป็นมาแล้วครับหลวงพี่ก็กินก่อนเที่ยงนะแต่หลังเที่ยงกินแต่น้ำนอกจากหมอสั่งให้กินยาก็ต้องกินขนมปังเอาไม่กินข้าวนะแล้วที่ว่าเหมือนกันทุกวัดผมว่าอยู่ที่พระแล้วหละเพราะอุ้ยที่บ้านถือศิล8กินก่อน11.00แล้วไม่กินเลยนะเพราะผิดศิลอุ้ยบอกงั้นนะกินมา45ปีแล้วตอนนี้84แต่ที่พระหรือตุที่นี้กินผมว่าอาจจะมีอยู่พอมควรแต่เราไม่รู้เองแต่ผมไม่เคยเจอเจอที่นี้ที่แรกครับผมไปอยู่วัดก็ไม่เคยเห็นนอกจากนม
IP : บันทึกการเข้า
gigza
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 19:09:27 »

ผิด 100000000000000000000000000%
ไม่ใช่เพราะความสงสาร ความเห็นใจ
แต่ผิดวินัยสงฆ์อย่างยิ่ง
ความสงสารกับกฏกติกาบางอย่าง น่าแยกแยะออก
ถ้าพระฉันอาหารเย็น เพราะต้องการสารอาหาร
ก็ต้องเห็นใจ ว่างั้นเถอะ


ปล.ตั้งสมาคมรักเด็กดีมั้ยน๊อ

ว่าไงพี่อาร์ท ลูกโตละยัง ผมไปทำไรให้พี่หรอครับ เวลาพี่เจอผมก็ทักทายกันดีนี่ครับ



จริง ๆผมว่าก็จะไม่ตอบ
แต่อย่างที่เรารูปมาโชว์ให้ดูด้านล่างนี้
อ่านประกอบไปแล้วกัน
คนที่สนิทกันมาก ผมก็เคยด่ามาแล้ว ถ้าสังคมนี้ที่น่าอยู่ กลับต้องลุกเป็นไฟ
เพราะที่นี่..เราอยู่กันอย่างสุขใจ ถามทุกคนที่รู้จักผมได้
กระทั่งบางท่านที่คุณเอ่ยถึงใครต่อใคร คนเหล่านี้ก็คือเพื่อน คือพี่ คือน้องหมด
เรารู้จักกันด้วยศรัทธา ความดีงาม เอาใจแลกใจกัน เมื่อคุณเอ่ยถึงในแง่มุมที่เป็นลบ
ผมคนนึงที่ควรจะใช้สิทธิ์ของคนในชมรมที่จะปกป้องบุคคลที่ผมเคารพและรัก

คุณตั้งหัวข้อเป็นประเด็น เมื่อประเด็นมันกลายเป็นเด็กงอแง (ที่ควรจะตั้งถามในประทู้เดียวเลย)
หลายความคิดเห็นก็ตามมา

อยากทำความเข้าใจว่า การตอบของผมครั้งนี้ ไม่ได้สร้างจุดเดือดและไม่ต้องการความไม่เข้าใจต่อกัน
ถ้าจะคิดว่าผมเป็นนักมวยก็ได้ ขึ้นชกตามอาชีพ สุดท้ายก็ต้องกราบไหว้กัน แต่สุดแล้วแต่ เพราะผมไม่ต้องการอย่างนั้น
เพื่อทำให้เหทือนใส่หน้ากากเข้าหา

แต่ให้จำไว้อย่างนึงว่า สังคมที่คุณอาศัยโดยใช้แป้นคีย์บอร์ด จะด้วยความผิดพลั้ง หรือด้วยการฟังความข้างเดียว
วันนี้ ถ้าคุณเป็นครูคนนึงที่ต้องใช้การท่องตำราเพื่อจะสอนเด็ก เพิ่มบทเรียนในใจคุณด้วย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ต่อไป เพราะท้ายสุดของเรื่อง คุณก็ต้องมาถอนหายใจ และรำพึงเองว่า "ไม่น่าเลย"

หรือจะไม่ต้องคิดตามผมก็ได้ เพราะนี่คือกระทู้แสดงความคิดเห็นเท่านั้น ที่ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป

และตราบใดที่สังคมในเว็บที่น่าอยู่นี้ มีแผลแบบนี้ขึ้นมาอีก ก็จะมีผมคนนึงที่ร่วมอุดมการณ์ปกป้องบ้านหลังนี้แน่นอน

ด้วยความเคารพ


* abc.jpg (191.73 KB, 743x263 - ดู 207 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 19:13:01 โดย ☀☂พ่อมดไซเบอร์☂☀ » IP : บันทึกการเข้า
maxthailand
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 20:09:47 »

อยากให้บอร์ดเป็นสุข ก็อย่าทะเลาะกันเลยครับ ผมเงียบสงบแล้วครับ นอกเสียจากว่า พี่อยากยั่วให้ผมลุกเป็นไฟอย่างที่ทำสำเร็จ พี่หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ แล้วเสียบแทงสุดลึก แล้วยั่วโมโห เป็นวิธีทีี่ใช้ได้เลยทีเดียว ครั้งนี้ผมไม่ติดกับอีกแล้วครับ ยอมรับว่าพี่มีพรสวรรคทางนั้นจริงๆ

ที่ผมพลาดก็เพราะการยั่วยุของพี่แหละครับ กลับไปอ่านดูนะครับ แล้วอย่าแก้ไขอะไรนะครับ เพราะผมก็ไม่ได้แก้ไขอะไร ปล่อยไว้อย่างนั้น

แถมใส่ร้ายว่าผมโดนเชิญออกจากงาน โกหกทุกคนว่าพี่ไม่รู้จักบริษัทที่เราเคยทำงานด้วยกัน

ส่วนเรื่องของพี่ อย่าให้ผมได้พูดยาวเลย เพราะต้องการความสงบเงียบให้บ้านหลังนี้
ให้ไฟมันเผาผลาญในใจมันดับลงซะครับ ผมยอมรับคำด่า คำสั่งสอนของทุกคนแล้วครับ
ผมเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป

พี่อาร์ทครับ ผมขอโทษทุกคนไปแล้วครับ ผมวางมือแล้ว
อย่างน้อยเราก็เคยร่วมงานกันมา ฝีมือกราฟฟิกยังเยี่ยมเหมือนเดิมนี่ครับ
วันใหนว่างๆ ช่วยออกแบบโลโกให้หน่อยนะครับ

ขอนะครับ พอครับ
IP : บันทึกการเข้า
inta
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 20:23:47 »

สมัยก่อนคนที่จะบวชส่วนใหญ่จะตัดความโลภ โกรธ หลง ได้แล้ว ค่อยไปบวช ปัญหาจึงมีไม่มากแต่เดี๋ยวนี้เราตัดไม่ได้และการบวชก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายไปสู่ความสงบ  ใครที่ว่าแน่ๆลองถือศีลอยู่ที่บ้านก่อนแล้วค่อยไตร่ตรองดูว่าตัวเองทำได้กี่ข้อ  กี่วัน  ผมเองก็ทำไม่ได้แต่ก็พอเข้าใจในความเป็นไปของมนุษย์ธรรมดาอยู่บ้าง ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า


สนใจ โทร 086-9176511
gigza
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 20:27:56 »

จบ
IP : บันทึกการเข้า
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,596



« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 20:58:29 »

จบ
ก๊าบ.ป๋ม..
IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!