สามเณรสิกขา
( สิกขาบท ๑๐ ประการ )
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอนุญาตไว้แล้ว แล
สามะเณรานัง ทะสะ สิกขาปะทานิ, ซึ่งสิกขาบท ๑๐ ประการแก่สามเณรทั้งหลาย
เตสุ จะ สามะเณเรหิ สิกขิตุง, และเพื่อให้สามเณรศึกษาในสิกขาบทเหล่านั้นคือ
ปาณาติปาตา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป
อะทินนาทานา เวระมะณี, เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์
มุสาวาทา เวระมะณี, เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดปด
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือการดื่มสุราและเมรัย เป็นต้น
วิกาละโภชะนา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
นัจจะคีตะวาทิตะ วิสูกะทัสสะนา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการขับร้องฟ้อนรำ และประโคมดนตรีและดูการละเล่นต่างๆ
มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระนะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทัดทรงดอกไม้ ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการนั่งหรือนอน เหนือที่นั่งที่นอนอันสูงอันใหญ่
ชาตะรูปะระชะตะ ปะฏิคคะหะนา เวระมะณี,เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการรับเงินและทอง
( สาสนังคะ ๑๐ )
[/b]
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
ทะสะหิ อังเคหิ สะมันนาคะตัง สามะเณรัง นา เสตุง,เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบให้ฉิบหาย
กะตะเมหิ ทะสะหิ, องค์สิบคืออะไรบ้าง
ปานาติปาตี โหติ, คือสามเณรชอบทำสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป
อะทินนาทายี โหติ,
สามเณรชอบถือเอาสิ่งของที่เจ้า ของไม่ได้ให้
อะพรัหมะจารี โหติ,
สามเณรไม่ชอบประพฤติพรหมจรรย์
มุสาวาที โหติ, สามเณรชอบพูดปด
มัชชะปายี โหติ, สามเณรชอบดื่มกินของมึนเมา
พุทธัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ, สามเณรกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า
ธัมมัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ, สามเณรกล่าวติเตียนพระธรรม
สังฆัสสะ อะวัณณัง ภาสะติ สามเณรกล่าวติเตียนพระสงฆ์
มิจฉาทิฏฐิโก โหติ, สามเณรเป็นผู้มีความเห็นผิดจากธรรมวินัย
ภิกขุณีทูสะโก โหติ, สามเณรชอบประทุษร้ายภิกษุณี
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
อิเมหิ ทะสะหิ อังเคหิ สะมันนาคะตังสามะเณรัง นาเสตุนติ, เพื่อยังสามเณรผู้ประกอบด้วยองค์สิบเหล่านี้ให้ฉิบหาย ดังนี้
( ทัณฑกรรม ๕ )
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
ปัญจะหิ อังเคหิ สะมันนาคะตัสสะ สามะเณรัสสะ ทัณฑะกัมมัง กาตุง,เพื่อทำทัณฑกรรมคือลงโทษแก่สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์ห้าอย่าง
กะตะเมหิ ปัญจะหิ, องค์ห้าอย่างมีอะไรบ้าง
ภิกขูนัง อะลาภายะ ปะริสักกะติ, คือสามเณรพยายามทำให้ภิกษุเสื่อมลาภที่ควรจะได้
ภิกขูนัง อะนัตถายะ ปะริสักกะติ, สามเณรพยายามทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย
ภิกขูนัง อะนาวาสายะ ปะริสักกะติ, สามเณรพยายามทำไม่ให้ภิกษุอยู่อย่างสงบ
ภิกขู อักโกสะติ ปะริภาสะติ, สามเณรด่าและขู่ภิกษุทั้งหลาย
ภิกขู ภิกขูหิ เภเทติ, สามเณรยุให้ภิกษุแตกกัน
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้แล้วแล
อิเมหิ ปัญจะหิ อังเคหิ สะมันนาคะตัสสะ สามะเณรัสสะ ทัณฑะกัมมัง กาตุนติ,เพื่อทำทัณฑกรรมแก่สามเณรผู้ทำผิดประกอบด้วยองค์ห้าอย่างเหล่านี้ ดังนี้ ฯ
(นอกจากนี้แล้ว สามเณรยังจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามเสขิยวัตร ๗๕ ข้อ ในหนังสือนวโกวาทอีกด้วย เพื่อรักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อย สมกับความเป็นเหล่ากอของสมณะที่ดี)