เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 01 พฤษภาคม 2025, 11:45:32
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  พระเครื่อง-วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ความเชื่อ ลี้ลับ (ผู้ดูแล: NOtis, micky13)
| | |-+  รุ่นไหนครับ หลังคาโบทไหม
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน รุ่นไหนครับ หลังคาโบทไหม  (อ่าน 15678 ครั้ง)
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« เมื่อ: วันที่ 06 พฤษภาคม 2013, 23:56:57 »

]




หลังคาโบทไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 พฤษภาคม 2013, 00:48:03 โดย jompezad » IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 00:27:18 »

พระสมเด็จวัดระฆังปิดทองล่องชาด (ปิดทองทึบ) กรุเพดานวิหารวัดระฆัง

โดย อาจารย์ไพรพนา ศรีเสน

การสร้างพระสมเด็จชุดลงรักปิดทองล่องชาดนี้ จากการสืบค้นทางประวัติศาสตร์และจากประสบการณ์ตรงของครูอาจารย์และท่านผู้รู้อีกหลายท่าน มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกันว่าพระสมเด็จชุดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ พร้อมๆ กับการสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้ว (พระสมเด็จวัดพระแก้วเริ่มสร้างครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๐๘ ? พ.ศ. ๒๔๒๕) มูลเหตุในการการสร้างพระสมเด็จชุดนี้เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อมอบให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นเบื้องต้น นอกจากนั้นก็มอบให้แก่คหบดี และประชาชนโดยทั่วไป การสร้างจึงจัดเป็นวิจิตรศิลป์ โดยใช้พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังซึ่งปัจจุบันเป็นพิมพ์นิยม และพิมพ์อื่นๆ ที่มีความหมายในทางพระพุทธศาสนาเป็นต้น มวลสารที่นำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างนั้นจัดได้ว่าเป็นมงคลวัตถุยิ่ง กล่าวคือมีความเป็นมงคลในตัวเองส่วนหนึ่งและผสมกับผงวิเศษอันทรงไว้ด้วยพุทธคุณ และอิทธิคุณอย่างอเนกอนันต์ ส่วนการลงรักปิดทองล่องชาดนั้นถือได้ว่าเป็นประณีตศิลป์จากฝีมือช่างหลวง (ช่างสิบหมู่) ที่หาชมได้ยากมากในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายมากที่พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ไม่ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชน ผู้เขียนได้พยายามศึกษาสืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่งดังที่กล่าวมาแล้ว และได้เขียนเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ที่เคารพกราบไหว้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เพื่อเป็นแนวทางในการสืบค้นข้อมูลให้มากขึ้นต่อไป
จากข้อเขียนของ พ.ต.ต. จำลอง มัลลิกะนาวิน (ซึ่งตรงกับเรื่องเล่าของ พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม หรือ พระอาจารย์จิ้ม กันภัย วัดดงมูลเหล็ก) เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า พระสมเด็จชุดนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘ จำนวนหลายพันองค์ เป็นเนื้อผงลงรักปิดทองล่องชาดทั้งสิ้น และเมื่อท่านได้ถึงชีพิตักษัยพระชุดนี้ได้ถูกนำมาเก็บไว้บนเพดานวิหารวัดระฆัง และมิได้มีผู้ใดพบเห็นจนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๕ จึงมีผู้ค้นพบพระชุดนี้ และในปีนี้เองเป็นปีที่ครบ ๑๐๐ ปี ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านสิ้นชีพิตักษัย ได้มีการค้นพบพระสมเด็จบนเพดานวิหารวัดระฆังเป็นจำนวนมาก มีหลายพิมพ์แต่จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฏชัด ทราบแต่เพียงว่าทางวัดไม่ได้มีการบอกกล่าวให้ประชาชนได้ทราบเลย คงรู้กันเฉพาะในหมู่พระภิกษุไม่กี่รูป ช่างที่เข้าไปบูรณะ กรรมการวัดและบุคคลใกล้ชิดเท่านั้น ประจวบกับในขณะนั้นทางวัดได้จัดสร้างพระสมเด็จขึ้นมาใหม่มีพิธีและงานฉลองอย่างมโหฬาร เนื่องเป็นปีที่ครบรอบท่านสิ้นครบ ๑๐๐ ปี (อันจะด้วยเหตุผลนี้ก็เป็นได้)
พระสมเด็จที่พบนี้กล่าวกันว่าวางสุมกองไว้บนเพดานวิหารมิได้มีการใส่ภาชนะใดปกปิดไว้ จำนวนมากถึงหลายพันองค์ แต่ที่แปลกและสำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือพระสมเด็จที่พบนั้นปิดทองล่องชาดทั้งสิ้น ( พระสมเด็จที่ปิดทองล่องชาด จัดเป็นพระสมเด็จที่มีการจัดทำเป็นพิเศษเพื่อมอบให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ในสมัยนั้น) พิมพ์งดงามชัดเจนสมกับเป็นพระสมเด็จที่สร้างในยุคท้ายๆ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพิมพ์ที่ช่างหลวง ( ช่างสิบหมู่ )ได้แกะถวาย รักชาดทองยังไม่หลุดลอก พบเพียงความแห้ง แกร่ง มีฝุ่นเกาะอยู่ทั่วไป บางองค์พบรอยทางเดินปลวก ขี้มอด เกาะติดแต่มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนแบบพิมพ์มีมากมายนับได้เป็นร้อยกว่าพิมพ์ และมีลักษณะเป็นพิมพ์แปลกๆที่มีความหมายทางพระพุทธศาสนาหลายอย่างหลายประการ ส่วนพิมพ์พระหลักที่มีความสำคัญคือพิมพ์วัดระฆัง พิมพ์วัดบางขุนพรหม ซึ่งส่วนมากเป็นพิมพ์ใหญ่มีเป็นจำนวนมากกว่าพิมพ์อื่นๆ (เป็นพิมพ์นิยมในปัจจุบัน)
พระสมเด็จเนื้อผงปิดทองล่องชาดเพดานวิหารวัดระฆังรุ่นนี้เมื่อได้นำมาลบทองและชาดออก ปรากฏว่าลบยากเพราะเป็นของโบราณทำด้วยความประณีตและฝีมืออย่างแท้จริง ทองคำเปลวที่นำมาติดนั้นจะสุกอร่ามไม่หมองค้ำเลย เมื่อลบออกแล้วเนื้อในขององค์พระจะงามมาก ขาวดังงาช้าง มีแตกลายงา แต่ละพิมพ์เนื้อจะคล้ายคลึงกันมาก

จากหนังสือประวัติวัดระฆังโฆสิตารามและประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ที่พบหลายสิบเล่มต่างมีข้อความคล้ายคลึงกันว่า
กล่าวกันว่า ภายหลังเจ้าคุณสมเด็จฯ ถึงมรณภาพ พระสมเด็จที่ใส่บาตร สัต และกระบุง ตั้งไว้ที่หอสวดมนต์นั้น ได้ขนย้ายเอาไปไว้ที่ในพระวิหารวัดระฆัง (ว่าเอาไว้ที่บนเพดานวิหารก็มี) โดยมิได้มีการพิทักษ์รักษากันอย่างไร เป็นต้นว่าประตูวิหารก็ไม่ได้ใส่กุญแจ ในปีหนึ่งเป็นเทศกาลตรุษสงกรานต์มีทหารเรือหลายคนมาเล่นการพนันที่หน้าวัด เช่น หยอดหลุม ทอยกอง เป็นต้น จะเนื่องด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ทหารเรือเหล่านั้นได้วิวาทชกกัน ทหารเรือคนหนึ่งได้เข้าไปเอาพระสมเด็จในวิหารมาอมได้ ๑ องค์ แล้วกลับมาชกต่อยตีรันประหัตประหารกันต่อไป ที่สุดปรากฏว่าทหารเรือคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างไร แม้รอยฟกช้ำก็ไม่มี ส่วนทหารเรือคนอื่นๆ ต่างได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย มีบาดแผลมากบ้างน้อยบ้างทุกคน
อีกเรื่องหนึ่งว่า คราวหนึ่งมีชายคนหนึ่งอยู่บ้านตำบลไชโย จังหวัดอ่างทอง ป่วยเป็นโรคอหิวา คืนวันหนึ่งฝันว่า เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มาบอกว่า ? ยังไม่ตาย ให้ไปเอาพระสมเด็จที่บนเพดานวิหารวัดระฆังมาทำน้ำมนต์กินเถิดพวกญาติได้พยายามแจวเรือกันมาเอาพระสมเด็จไป อธิษฐานทำน้ำมนต์ให้กินก็หายจากโรคนั้น ทั้งสองเรื่องที่เล่ามานี้ ว่าเป็นมูลให้เกิดคำเล่าลือถึงอภินิหารพระสมเด็จเป็นประถม?
ข้อสรุปในการศึกษาการสร้างพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
๑. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ถึง ๒๔๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ส่วนการสร้างพระเมื่อครั้งยังเป็นสามเณรนั้นคงยังนับไม่ได้ว่าเป็นพระสมเด็จ
๒. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี การสร้างพระของท่านมิได้ยึดถือกำหนดว่า กดพิมพ์เป็นองค์พระแต่เมื่อใดแต่ท่านยึดถือว่าพระเครื่องรุ่นนั้น ๆ สำเร็จตั้งแต่เป็นผงวิเศษแล้ว
๓. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างพระสมเด็จจำนวน ๘๔?,๐๐๐ องค์เท่ากับพระธรรมขันธ์ อันเปรียบได้ถึงการระลึกถึงพระคุณอันประเสริฐของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และการสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า
๔. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างแบบพิมพ์มากกว่า ๒๐๐ พิมพ์ โดยแบ่งเป็น
- พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยช่างหลวง (ช่างสิบหมู่)
- พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบตามความต้องการของท่าน
- พิมพ์ที่มีความหมายในทางพุทธศาสนา เรื่องราวพุทธประวัติ และ เหตุการณ์ต่าง ๆ
- พิมพ์ที่ล้อจากพิมพ์พระที่กำลังมีความนิยมในยุคนั้น ๆ
-พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยฝีมือช่างชาวบ้านมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
๕. พระสมเด็จวัดระฆังมีทั้งสร้างแล้วแจก กับสร้างแล้วนำบรรจุกรุ เชื่อได้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สร้างถาวรวัตถุอันเป็นมงคลวัตถุ หรือจะเรียกว่าปูชนียสถานในทางพุทธศาสนาที่ใด ท่านจะนำพระพิมพ์ที่สร้างที่วัดระฆังบรรจุกรุ ณ ที่นั้น
พระสมเด็จ (Phrasomdej) ขอสงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด ห้ามทำสำเนาโดยวิธีการใดๆ ห้ามตัด ต่อเติมข้อเขียนนี้ ห้ามนำไปลง Website และส่งทาง E-mail การทำสำเนาเพื่อการศึกษา และเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต นายกวินทร์ ศรีเสน เป็นผู้ดูแลสิทธิ์
E-mail : phrasomdejthai@hotmail.com
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม www.phrasomdej.in.th
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 00:28:05 »

หลักการพิจารณาพระสมเด็จวัดระฆังปิดทองล่องชาด (ปิดทองทึบ)

๑. พิมพ์ทรงพระสมเด็จวัดระฆังปิดทองทึบ พิมพ์นิยมในปัจจุบัน พิมพ์คมชัดสมส่วนสวยงาม จัดเป็นประณีตศิลป์ มีทั้งตัดขอบ (พิมพ์แบบเดิมเป็นพิมพ์ชิ้นเดียวตัดขอบข้างและปาดหลัง) และไม่ตัดขอบ (พิมพ์สองชิ้นประกบกัน จัดเป็นพิมพ์แบบใหม่ เป็นฝีมือช่างในตระกูลช่างสิบหมู่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ให้จดจำพิมพ์ทรงให้แม่นยำ
๒. พิมพ์ทรงพระสมเด็จวัดระฆังปิดทองทึบพิมพ์พิเศษอื่นๆ มีจำนวนมากหลายสิบพิมพ์โดยมากจะเป็นพิมพ์รูปเหมือนหรือพิมพ์ที่มีความหมายถึงวัฏปฏิบัติของสมเด็จพระพุฒาจ ารย์ (โต) พรหมรังสี เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา เป็นฝีมือการแกะพิมพ์ของช่างยุคเก่าที่มีลักษณะสวยงามตามแบบฉบับช่างในยุคนั้น (การพบพระชุดนี้ปะปนกับพระชุดปิดทองทึบ สันนิษฐานว่าเป็นการเจตนานำมาเก็บไว้ในกรุเดียวกัน แต่นำมาลง รัก ชาด ทองใหม่ให้เหมือนกัน)
๓. พิจารณาจาก รัก ชาด ทอง (รักสมุกสีดำ ชาดจอแสสีแดงจัด ทองคำเปลวสีดอกบวบ)
- ลักษณะการปิดทองแบบปิดทองล่องชาดทึบทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
- ลักษณะการปิดทองแบบปิดทองล่องชาดทึบทางด้านหน้า และด้านหลังลงชาด
- ลักษณะการปิดทองแบบปิดทองล่องชาดทึบทางด้านหน้า และด้านหลังลงรัก
ลักษณะของรัก ชาด ทอง จะติดกับองค์พระแน่นมากไม่หลุดลอกออกง่ายตามกาลเวลา (ประมาณ๑๔๔ปี) ให้สังเกตจากการที่เราได้ดูสิ่งก่อสร้างโบราณในพิพิธภัณฑสถานที่มีการลงรักปิดทองล่องชาด มีความงดงาม และมีความคงทนอย่างไร การลงรักปิดทองล่องชาดของพระสมเด็จชุดนี้จะเป็นอย่างนั้น
๔. พิจารณาจากเนื้อในขององค์พระ ถ้าลอก รัก ชาด ทองออกเนื้อในจะเป็นสีขาวเหมือนกับปูนขาว จึงมีน้ำหนักเบา และถ้าแช่ไว้ในน้ำนานเป็นสัปดาห์จะละลาย (พระชุดนี้ทำจากปูนขาว) พบทั้งมีการแตกลายงา และไม่แตกลายงา สิ่งที่แปลกและน่าอัศจรรย์ยิ่งก็คือถ้านำพระชุดนี้มาขึ้นคอบูชายิ่งนานวันเนื้อขององค์พระจะขาวมันวาวมีน้ ำหนัก แกร่งขึ้น และไม่ละลายน้ำ (จากการทดลองปฏิบัติ) นี่คือลักษณะแห่งอัจฉริยะภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และวิธีการอันชาญฉลาดของทีมช่างสิบหมู่ที่สร้างพระสมเด็จชุดนี้
๕. คุณลักษณะด้านอื่น ๆ ให้ศึกษาได้จากหลักการพิจารณาพระสมเด็จวัดระฆัง
บรรจุกรุ ณ ที่นั้น

การลงรัก ปิดทอง (ลงรักปิดทองล่องชาด)
โดย อาจารย์ไพรพนา ศรีเสน
การลงรักและการปิดทองถือได้ว่าเป็นงานประเภทประณีตศิลป์ และประเภทวิจิตรศิลป์ จัดอยู่ในสกุลงานช่างสิบหมู่ แขนงหมู่ช่างรักซึ่งช่างรักอยู่ในหมู่ช่างเขียนอันเป็นช่างแม่บท ได้มีวิวัฒนาการสืบต่อกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีจนถึงปัจจุบัน ใช้ในการตกแต่งประดับสิ่งของเครื่องใช้ตามโบราณราชประเพณีสำหรับพระมหากษัตริย์ ราชนิกุล ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ชนชั้นสูง รวมทั้งประชาชนโดยทั่วไป นอกจากนั้นยังมีการลงรักปิดทองพระพุทธรูป และเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่สำคัญสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้สร้างและจัดสร้างพระสมเด็จและได้ทำการลงรักปิดทองไว้มากมายหลายสิบพิมพ์ จึงอยากจะเขียนเรื่องนี้ให้ผู้ที่กำลังศึกษาในเรื่องพระสมเด็จได้มีความรู้ที่แท้จริงในการพิจารณาเพราะนั บวันความรู้ด้านนี้ได้ถูกลบเลือนและลดความสำคัญลงมากจะด้วยสาเหตุแห่งการเข้าใจที่ผิด ความไม่รู้ รู้แต่ไม่มีข้อมูล หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ จนเป็นสาเหตุให้ขาดองค์ความรู้ที่สำคัญทั้งๆที่องค์ความรู้ทางด้านนี้นักนิยมพระเครื่องสกุลพระสมเด็จในสม ัยโบราณให้ความสำคัญมากถึงขนาดพิจารณารัก และทองคำเปลวก็สามารถบ่งบอกว่าพระสมเด็จองค์นั้นแท้หรือเทียมเป็นต้น ก่อนที่เราจะศึกษาถึงการลงรักปิดทองในพระสมเด็จจะอธิบายถึงเรื่องของรักและทองให้เข้าใจเป็นเบื้องต้นก่อน ดังนี้
รัก เป็นชื่อยางไม้ชนิดหนึ่งที่ได้มาจาก ต้นรัก (ชื่อพฤกษศาสตร์ Melanorrhoea Usitata) ทั่วไปเรียกว่า ?ต้นน้ำเกลี้ยง? เป็นไม้ป่ายืนต้นอายุยืนมากกว่า ๒๐๐ ปี ชอบขึ้นและเจริญเติบโตในที่มีอากาศค่อนข้างเย็น อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ ๑๔๐๐ ฟุต ขึ้นไป อายุประมาณ ๑๐ ปีจึงจะให้น้ำรัก และจะให้น้ำรักไปจนถึง ๒๐๐ ปี น้ำรักจะมีสีขาวและมีพิษ การได้น้ำรักจะใช้วิธีการกรีดหรือสับที่ลำต้นเช่นเดียวกับการกรีดยาง ยางรักมีคุณสมบัติในการสมุกกับวัสดุต่างๆหรือสีต่างๆเข้าด้วยกัน ใช้ลงหรือถมพื้นเคลือบผิววัสดุต่างๆในงานตกแต่ง คงทนต่อ ความร้อน ความชื้น กรดหรือด่างอ่อนๆได้ ในสมัยก่อนประเทศไทยจะมีการปลูกกันมากทางภาคเหนือ ภาคอิสาน และภาคใต้ ส่วนในต่างประเทศนิยมปลูกกันที่ จีน พม่า เขมร มาเลเซีย ฯลฯ
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 00:29:00 »

การลงรักปิดทองล่องชาดพระสมเด็จ
การลงรักปิดทองล่องชาดในพระสมเด็จที่สร้างและจัดสร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สันนิษฐานว่าเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๗๘ อายุ ๔๗ ปี พรรษา ๒๘ พรรษา ในขณะที่ท่านเป็นพระครูปริยัติธรรม จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ถือเป็นยุคแรก ส่วนยุคหลังปี พ.ศ. ๒๔๐๘ จนถึง ปี พ.ศ. ๒๔๑๒ มีมูลเหตุแห่งการสร้างที่สำคัญก็คือให้เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีนิยม เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา การรักษาพุทธศิลป์ เนื้อมวลสารให้มีความคงทนสวยงาม และแสดงความเป็นสิริมงคลสูงสุด
การลงรักปิดทองพระสมเด็จในยุคแรก (ปี พ.ศ. ๒๓๗๘ จนถึง ปี พ.ศ. ๒๔๐๗)
การเริ่มลงรักปิดทองพระสมเด็จในยุคแรกนี้ สมเด็จฯท่านเป็นผู้ริเริ่มจนถือได้ว่าเป็นต้นแบบที่ได้มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์หลักก็เพราะการสร้างพระสมเด็จในยุคแรกๆนั้น ยังมีปัญหาในเรื่องของการเกาะยึดตัวของมวลสาร การกะเทาะ บิ่น แตกหักได้ง่าย หรือพิจารณาให้ชัดก็คือการรักษาเนื้อมวลสารและพุทธศิลป์นั่นเอง การลงรักปิดทองในยุคแรกนี้บ่งบอกว่าเป็นไปตามอัธยาศัย ไม่กำหนดว่าเป็นพิมพ์ใด เนื้อมวลสารใด สมเด็จฯ และสานุศิษย์ได้ร่วมกันจัดทำขึ้น ในขณะนั้นลงรักเพียงชั้นเดียวหรือสองชั้นเท่านั้น เช่น การลงรักสมุกสีดำ หรือลงรักสมุกชาดจอแส หรือเป็นการลงรักสมุกสีดำ และทับด้วยการลงรักสมุกชาดจอแส ต่อมาจึงมีการปิดทองทับทั่วองค์บ้างไม่ทั่วองค์บ้างซึ่งก็ทำเป็นจำนวนน้อย ปัญหาก็คือฝีมือไม่ละเอียดและยังขาดความรู้ในทางช่าง การลงรักขณะพระไม่แห้ง ปิดทองไม่เรียบ ทำให้ขาดความสวยงาม เป็นต้น นอกจากนั้นก็จะเป็นฝีมือชาวบ้านที่นำพระสมเด็จมาลงรักปิดทองกันตามอำเภอใจด้วยความประสงค์ที่แตกต่างกันออ กไปตามความเชื่อของแต่ละคน จึงไม่สวยงาม และไม่ต้องใจ บางท่านถึงกับลอกรักทองออกจนเนื้อของพระเสียหายก็มาก จนมาถึงช่วงปลายของยุคแรกได้เริ่มมีการพัฒนาการลงรักปิดทองโดยฝีมือสกุลช่างมากขึ้น แต่ไม่ได้มีการสร้างอย่างเป็นทางการ และยังไม่เป็นที่นิยม

ลงรักสมุกสีดำด้านหน้า หลัง ปิดทองทับเฉพาะด้านหน้า (ลงรักหนา)

ลงรักสมุกสีดำปิดทองทับเฉพาะด้านหน้า (ลงรักไม่หนาไม่บาง)


ลงรักสมุกสีดำด้านหน้า หลัง ปิดทองทับเฉพาะด้านหน้า (ลงรักบางมากขณะพระยังไม่แห้ง)

หลักการวิเคราะห์และการพิจารณา
๑. รักสมุกจะมีความแห้งมากแต่การเกาะยึดไม่ดีนัก จึงพบว่าการหลุดลอกของรักสมุก จะมีทั้งการร่อนออกเป็นแผ่นเล็กๆ หรือเป็นขุยจากการลงรักสมุกที่บาง และการกะเทาะอันเนื่องมาจากการลงรักสมุกที่หนา
๒. สีของรักสมุกส่วนใหญ่จะเป็นสีดำที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยซึ่งเรามีชื่อเสียงมากแต่การลงรักสมุกที่ไม่มีกฎเก ณฑ์ที่แน่นอน และเงื่อนไขแห่งกาลเวลา จึงพบว่าถ้าบางมากจะเป็นสีน้ำตาล (คล้ายสีของตาของกุ้ง) ถ้าหนามากจะเป็นสีดำมันดูเหมือนรักใหม่
๓. พระสมเด็จบางองค์สีของรักสมุกจะซึมเข้าเนื้อพระอันเนื่องจากการลงรักเมื่อพระยังไม่แห้ง และน้ำรักใสอันเกิดจากการสมุกไม่ได้ส่วนทำให้ผิวของพระชั้นต้นจะเห็นเป็นสีเทาดำอ่อนๆแต่เนื้อมวลสารข้างใ นยังคงเป็นสีขาว ถ้าพิจารณาไม่ลึกซึ้งจะเข้าใจว่าเนื้อมวลสารมีความผิดเพี้ยนและหลายท่านที่ไม่ชำนาญจึงพิจารณาว่าเป็นพระส มเด็จไม่แท้
๔. ทองคำเปลวที่ปิดทับส่วนใหญ่จะเป็นทองนพคุณ ที่เรียกกันทั่วไปว่าทองเนื้อเก้าเป็นทองคำเปลวบริสุทธิ์แต่วิธีการลงไม่ใช่ฝีมือช่าง จึงไม่คงทนต่อการเกาะยึดหลุดลอกออกจนแทบหมดสิ้น หรือติดแน่นอยู่กับองค์พระแต่ไม่มีความสวยงาม สีทองแลดูคล้ำเรียกกันว่า ?ทองจม?

การลงรักปิดทองพระสมเด็จในยุคหลัง (ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ จนถึง ปี พ.ศ. ๒๔๑๒)
เริ่มจัดสร้างอย่างเป็นทางการตามโบราณราชประเพณี จัดพิธีพุทธาภิเษกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘ และปี พ.ศ. ๒๔๑๒ เป็นฝีมือช่างในสกุลช่างสิบหมู่ ที่จัดเป็นประณีตศิลป์ และวิจิตรศิลป์ โดยจัดสร้างทั้งหมดสองรุ่นด้วยกันคือ พระสมเด็จวัดพระแก้ว และพระสมเด็จวัดระฆังปิดทองทึบ (ลงรักปิดทองล่องชาด)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อมอบให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นเบื้องต้น นอกจากนั้นก็มอบให้แก่คหบดี และประชาชนโดยทั่วไป
พระสมเด็จวัดพระแก้ว จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ปี พ.ศ. ๒๔๑๒ และปี พ.ศ.๒๔๒๕ ส่วนใหญ่ลงรักแทบทั้งสิ้นเป็นการลงรักทั้งองค์ (ยกเว้นในช่วงที่ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) และ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) จัดสร้างใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๒ และปี พ.ศ. ๒๔๒๕ บางส่วนไม่ได้ลงรัก) พระชุดนี้ได้รับการพัฒนาแบบพิมพ์ พุทธศิลป์ และเนื้อมวลสาร ที่ทันสมัยขึ้นและทำการ ลงรักสมุกโดยไม่มีการปิดทอง มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนแรก จะเป็นการลงด้วยรักสมุกชาดจอแสเป็นการลงเพียงครั้งเดียว แล้วปล่อยให้แห้งสนิทโดยการตากผึ่งในที่แจ้งประมาณหนึ่งวัน ขั้นตอนที่สอง ลงทับด้วยรักสมุกสีดำ หรือรักสมุกสีน้ำเงิน หรือรักสมุกสีเหลือง (หรดาล) อีกหนึ่งครั้งแล้วปล่อยให้แห้งสนิทโดยการตากผึ่งในที่แจ้งประมาณหนึ่งวัน ตั้งแต่เริ่มจนจบสิ้นกระบวนการเป็นการลงรักสมุกเพียงสองครั้งเท่านั้นแต่การทำโดยฝีมือสกุลช่างสิบหมู่จึง มีความประณีตและสวยงามมาก หลังจากนั้นจึงนำบรรจุกรุที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ในปัจจุบันพบว่าพระสมเด็จวัดพระแก้วทั้งหมดที่ลงรักหลุดลอกจนแทบจะหมดสิ้นแล้ว

ลงรักสมุกชาดจอแสลงทับด้วยรักสมุกสีดำ ด้านหน้า ด้านหลัง และขอบทั้งสี่ด้าน

ลงรักสมุกชาดจอแสและลงทับด้วยรักสมุกสีน้ำเงินจากพม่า ด้านหน้า ด้านหลัง และขอบทั้งสี่ด้าน

หลักการวิเคราะห์และการพิจารณา
รักสมุกสีดำในประเทศไทย ส่วนที่นำเข้าจากประเทศจีน และพม่า จะมีทั้งหมด ๓ สี สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง โดยลงรัสมุกชาดจอแส (สีแดง) ลงทับด้วยรักสมุกสีดำ หรือ รักสมุกสีน้ำเงิน หรือ รักสมุกสีเหลือง (หรดาร) ทั้งด้านหน้า หลัง และด้านข้างทั้งสี่ด้าน เป็นการลงสองขั้นตอน บาง สม่ำเสมอ มีความละเอียด ปัจจุบันหลุดลอกแทบจะหมดทั้งองค์ (รักสมุกที่ลงในสมเด็จวัดพระแก้วจะไม่มีการกะเทาะโดยเด็ดขาด เพราะการกะเทาะจะเกิดได้เฉพาะการลงรักสมุกหลายชั้นจนเกิดความหนาและจับตัวแข็ง) และเป็นการลงรักสมุกโดยไม่มีการปิดทอง
*** การลงรักสมุกชาดจอแสและลงทับด้วยรักสมุกสีน้ำเงินจากพม่า ข้อพิจารณา สีที่มองเห็นจะเป็นสีแดงอมม่วงหม่นๆหรือน้ำเงินอมม่วงหม่นๆ ***
*** การลงรักสมุกชาดจอแสลงทับด้วยรักสมุกสีดำ ข้อพิจารณา สีที่มองเห็นสีแดง และสีดำจะแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ***

พระสมเด็จวัดระฆังปิดทองทึบ (ลงรักปิดทองล่องชาด) จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘
พระสมเด็จชุดนี้สมเด็จฯท่านได้จัดสร้างประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ในสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ (พร้อมการสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้วในครั้งแรกคือ ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ และเป็นในยุคปลายก่อนที่ท่านจะถึงแก่ชีพิตักษัย) หลังจากท่านได้สมณะศักดิ์เป็น "สมเด็จพระพุฒาจารย์" ด้วยอายุ ๗๖ ปี หรือพรรษาที่๕๘ และได้ถูกค้นพบบนเพดานวิหารวัดระฆังเมื่อคราวทำบุญแด่สมเด็จฯเนื่องในวันครบรอบร้อยปีที่สมเด็จสิ้นชีพิตั กษัย แต่น่าเสียดายที่พระชุดนี้ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ พระสมเด็จชุดนี้ได้รับการพัฒนาแบบพิมพ์ พุทธศิลป์ และเนื้อมวลสารที่ทำจากปูนขาว(ปูนเปลือกหอยที่นำมาสตุ)ผสมกับดินสอพอง ถ้าลอกรักทองออกจะเห็นเป็นสีขาวมันวาวดั่งงาช้าง การลงรักและปิดทองโดยสกุลช่างสิบหมู่ จัดสร้างในลักษณะ ?งานลงรักปิดทองทึบ? อันเป็นหนึ่งในสี่หมวดของงานช่างรัก เน้นความหมายอันเป็นสิริมงคลสูงที่สุด คือ สีแดง ที่แสดงความสว่างไสว ความอบอุ่น ความรุ่งเรืองโชติช่วง และพลังอำนาจ สีทอง ที่หมายถึงความมั่งคั่ง มั่งมี และ ความเมตตา ส่วนวิธีการลงรักปิดทองนั้นมีการกระทำสามขั้นตอนคือ ขั้นตอนแรก นำพระสมเด็จที่ตากแห้งได้ตามเวลาแล้วลงรักสมุกชาดจอแสปล่อยให้แห้งสนิทโดยการตากผึ่งในที่แจ้งสามวัน หรือลงรักสมุกสีดำแล้วปล่อยให้แห้งสนิทโดยการตากผึ่งในที่แจ้งสามวัน (รักสมุกสีดำพบเป็นส่วนน้อยมาก) ขั้นตอนที่สอง นำพระสมเด็จที่ทำการลงรักตามขั้นตอนที่หนึ่งแล้วทำซ้ำ ขั้นตอนที่สาม นำพระสมเด็จที่ลงรักสองขั้นตอนแล้วทาด้วยน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าวบางๆทั่วทั้งองค์ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ หนึ่งวัน การลงน้ำมันนั้นเพื่อให้ทองที่ปิดมีความคงทนสวยงาม จากนั้นนำทองคำเปลวบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๖.๕ หรือ ร้อยละ ๙๙.๙๙ ปิดทับหนึ่งครั้ง ทั้งด้านหน้า หลัง แต่ไม่ปิดขอบด้านข้างทั้งสี่ด้าน เรียกกันว่า ?ปิดทองทึบ? หรือบางองค์ปิดทองคำเปลวทับเฉพาะด้านหน้า ไม่ปิดด้านหลังก็มีปรากฏ พระชุดนี้จะสวยงามมากรักสมุกที่ลงมีความคงทน ทองคำเปลวที่นำมาปิดนั้นเมื่อทำความสะอาดจะเป็นประกายเหลืองอร่าม สมกับเป็นฝีมือช่างสิบหมู่ ปัจจุบันยังไม่พบการหลุดลอกพบเพียงการกระเทาะ และร่อนออกเป็นบางส่วนเท่านั้น


ลงรักสมุกชาดจอแสและปิดทองคำเปลวทับด้านหน้า หลัง (ปิดทองทึบ)

ลงรักสมุกชาดจอแสและปิดทองคำเปลวทับเฉพาะด้านหน้า ไม่ปิดด้านหลัง


พระสมเด็จวัดระฆังปิดทองทึบที่ลอกรักและทองออก เนื้อมวลสารสีขาวดั่งงาช้าง
หลักการวิเคราะห์และการพิจารณา
การลงรักและปิดทองจัดทำโดยฝีมือสกุลช่างสิบหมู่ รักสมุกชาดจอแสที่ใช้ผลิตขึ้นและนำเข้าจากประเทศจีน จึงมีความสวยงาม คงทน การลอกรักและทองออกกระทำได้ยากมาก ให้สังเกตจากสีที่แดงเหมือนเลือดนก การหลุดลอกของรักโดยธรรมชาติจะเป็นการกะเทาะ ทองคำเปลวที่ปิดทับเป็นทองนพคุณ (คือทองคำเปลวบริสุทธิ์) มีความประณีตมาก สม่ำเสมอทั่วทั้งองค์ เหลืองอร่ามสวยงามเป็นที่สุด ทดสอบได้ด้วยการใช้สารเคมีกัดสีใดๆจะไม่สามารถทำลายเนื้อทองคำเปลวได้ การหลุดลอกของทองคำเปลวโดยธรรมชาติจะหลุดออกมาโดยการกะเทาะพร้อมรัก

การลงรักปิดทองพระสมเด็จนั้นจะแตกต่างกับการการลงรักปิดทองศิลปวัตถุตามแบบสถาปัตยกรรมประเพณีไทยอยู่มากก ล่าวคือ จะมีขั้นตอนการลงรักปิดทองถึงร้อยกว่าครั้งใช้เวลาเป็นปี หรือหลายปี จึงพบว่าศิลปวัตถุของไทยนั้นมีความคงทนและงดงามหลายร้อยปีทีเดียว
อ้างอิง
๑. การลงรักปิดทองล่องชาด จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
๒. ประวัติช่างสิบหมู่ จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
pmorn
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:08:40 »

เก้ 100%

มาพร้อมกับนิยายขายพระปลอม
IP : บันทึกการเข้า
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:22:09 »

ข้อความข้างต้น มาจากลิ้งนี้ครับ


http://www.phrasomdej.in.th/index.php/webboard-phrasomdej/7----/5518---
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:47:04 โดย jompezad » IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:23:48 »

ผมก้ไม่ทราบเหมือนกันนะครับแต่พ่อผมก็บอกไว้ว่าท่านได้มานานมากแล้วเป็นรุ่นหลังคาโบท ผมเลยหาข้อมูล

ก้อยากหาข้อมูลเยอะๆครับ
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:43:04 »

จากที่คุณpmorn ได้ ดูแล้ว แล้วว่าปลอม100เปอเซน ด้วยความเคารพนะครับ

ขอหลักฐานที่นำมาหักล้างกันด้วยครับ เพื่อเป็นความรู้ เพราะเนื่องจากพระสมเด็จ คงไม่มีใครเกิดทัน

และจำนวนพระที่สร้างขึ้นอย่างแน่นอน และพิมพ์ของพระ ก็จะมีพิมพ์ต่างๆมากมาย บางพิมพ์ที่มีน้อย

หรืออาจไม่เคยเห็นเลยก็มี และพิมพ์ที่ต่างจากในหนังสือโดยสิ้นเชิงก็มี ซึ่งส่วนตัวเคยเห็นมาแล้ว ซึ่งเป็นพระ

สมเด็จนอกพิมพ์ ซึ่งนำไปให้เซียนใหญ่ที่ กทม หลายๆท่านก็ บอกไม่เคยเห็น แต่มวลสาร ใช่เนื้อใช่แต่เขาไม่การันตี

ว่าเป็นสมเด็จหรือไม่ ทดสอบจากการชื้อสมเด็จราคาหลักล้านทุกประการ  ส่วนตัวจึงมีความคิดเห็นอีกแบบ

เนื่องจากพระสมเด็จ สร้างไปแจกไป เท่าที่ศึกษามา ก็มีชาวบ้านแกะพิม กดพิมพ์ให้ สมเด็จโต และการสร้าง

ของสมเด็จโตนั้น สร้างตามจำนวน ตามพระธรรมขัน 84000 องค์ แต่ ท่านก็สร้าง หลังจากบรรจุกรุอีกไม่รู้จำนวนเท่าไหร่


จึงอยากเรียนทุกๆท่านว่าควรนำหลักฐานมาหักล้าง เพื่อเป็นการศึกษาดีกว่าครับ อย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวจะขอบพระคุณมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 02:48:30 โดย jompezad » IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 11:51:41 »

 ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:38:12 โดย jompezad » IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2013, 14:31:26 »

 ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
pmorn
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 17:30:40 »

คุณpmornด้วยความเคารพ  กระผมไม่มีเจตนาดูหมิ่น ท่านนะครับ แต่ที่ผมเห็นคุณโพทสมเด็จคนนั้นคนนู้น ท่านตีเก๊ หมด ท่านเอามาตราฐานอะไรมาวัดครับ ในเมื่อท่านก็แค่เห็นเพียงรูปภาพ พระสมเด็จของท่านต้องเป็นแบบไหนครับ ต้องเป็นองค์ที่อยู๋กับเซียนใหญ่ องค์แชมป์ ฮืม แล้วท่านเคยจับพระสมเด็จแท้ๆไหมครับ เคยมีในครอบครองไหมครับ แล้วถ้าท่านมีท่านว่าสมเด็จของท่านแท้ไหมครับ พิจรณาจากอะไร ???สมเด็จที่จริงแล้วมีกี่องค์ ในสนามใหญ่มีถึงหมื่นไหมครับ แล้วที่เหลืออยู่ไหนหมดครับ แล้วที่เขาเอาสมเด็จหน้าใหม่เข้าสนาม เขาเอามาจากไหนถ้าไม่ในชาวบ้าน ทั่วๆไป พระสมเด็จทุกองค์ แม้พิมพ์จะพิมพ์เดียวกัน ก็ไม่เหมือนกันทุกองค์หรอกครับ เพราะเป็นพิมพ์ที่แกะมาจะต้องมีสึก บ้างไรบ้าง พอพิมพ์เสียก็แกะพิมพ์ใหม่ เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ถ้าองค์ไหนเหมือนกันทุกจุด มันคงไม่มี จะเอาตามในหนังสือ เชื่อมากน้อยได้แค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครอยู่ในเหตุการ์ณนั้น และที่สำคัญ คุณมีหลักฐานอะไรที่ตีว่าพระนั้นเก๊ 100เปอเซ็น ผมเช็คกระทู้ของท่าน ท่านก็ตีให้เก๊ทุกองค์ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพรสมเด็จ ของทุกๆท่าน ในนี้เป็น ปลอมหมด ท่านใช้ความรู้ึกส่วนตัว ท่านควรจะหาหลักฐานมาหักล้างกันครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ เก๊ผมก็ยอมรับ แต่ควรที่จะมีหลักฐาน หรืออะไรที่เป็นข้อมูลมาหักล้างกัน เพื่อเป็นประโยชน์ ที่ให้กับคนที่กำลังศึกษา จะได้รู้เพิ่มมากขึ้น ขอบพระคุณครับ


ตามนี้ครับ

http://board.palungjit.com/f128/%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%A1-307843.html

http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16712617.0

http://board.palungjit.com/f128/พระสมเด็จหลังรัชกาลที่5-สมเด็จพระแก้วกรุวังหน้า-พระเก๊ไม่มีในสารบบพระ-283433-3.html

http://board.palungjit.com/f128/ตีแผ่-สมเด็จวังหน้า-สมเด็จวัดพระแก้ว-สมเด็จพระธาตุพนม-307843.html

ออกตัวก่อนนะครับ
ผมไม่มี สมเด็จวังหน้า-สมเด็จวัดพระแก้ว-สมเด็จพระธาตุพนม  แม้แต่องค์เดียวเลยนะครับ
ผมอ่านนิยายขายพระ (จากเวปที่ท่านอ้างถึงนั่นแหละครับ) แล้วศึกษาประวัติศาสตร์ เดินตามที่นิยายขายพระอ้างถึง  

ประวัติศาสตร์มันไม่เข้ากับนิยายขายพระครับ

ลองอ่านดูนะครับ อ่านช้าๆ ทุกหน้า  เชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นพิจารณญาน ของแต่ละบุคคลครับ

ปล.ผมพยายามเข้ามาแก้ไข link ทำไมจึงแก้ไขไม่ได้ก็ไม่รู้  ต้อง copy url  ไปวางเอานะครับ

ยอมแล้วครับ ทำ link ไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 17:56:50 โดย pmorn » IP : บันทึกการเข้า
js23.nunui
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 877


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:01:48 »

ด้วยความสัตย์จริง และไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่นนะค่ะ อ่านแล้วมันกลายเป็นว่าคนละเรื่อง เห็นเจ้าของกระทู้เขาเพียงแต่ถามว่าเป็นรุ่นหลังคาโบสถ์หรือปล่าว พร้อมกับอ้างอิงผู้เขียนเท่านั้นเอง ไม่ได้ถามว่าเก๊ หรือแท้ คนตอบก็ตอบได้ดีโดยหาข้อมูลต่าง ๆ มาให้ศึกษา แต่ติดอยู่นิดเดียวไปว่าพระเขาเก๊  เราเห็นว่าแท้ก็บูชาไปซะถ้าเขาให้บูชา แต่ถ้าเห็นว่าเก๊ก็ไม่ต้องสนใจ เท่านั้นมันก็จบ เราเข้าไปดูกระทู้เขาอย่างน้อยก็ควรที่จะให้เกียรติเจ้าของกระทู้บ้าง คนบ้านเดียวกันอยู่อย่างพี่ ๆ น้อง ๆดีกว่า อย่างไปทะเลาะกันทางเวปเลยอายเขา ไม่มีใครว่าเราเก่ง หรือไม่เก่ง

ด้วยความปราถนาดี
IP : บันทึกการเข้า
pmorn
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:09:00 »

ด้วยความสัตย์จริง และไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่นนะค่ะ อ่านแล้วมันกลายเป็นว่าคนละเรื่อง เห็นเจ้าของกระทู้เขาเพียงแต่ถามว่าเป็นรุ่นหลังคาโบสถ์หรือปล่าว พร้อมกับอ้างอิงผู้เขียนเท่านั้นเอง ไม่ได้ถามว่าเก๊ หรือแท้ คนตอบก็ตอบได้ดีโดยหาข้อมูลต่าง ๆ มาให้ศึกษา แต่ติดอยู่นิดเดียวไปว่าพระเขาเก๊  เราเห็นว่าแท้ก็บูชาไปซะถ้าเขาให้บูชา แต่ถ้าเห็นว่าเก๊ก็ไม่ต้องสนใจ เท่านั้นมันก็จบ เราเข้าไปดูกระทู้เขาอย่างน้อยก็ควรที่จะให้เกียรติเจ้าของกระทู้บ้าง คนบ้านเดียวกันอยู่อย่างพี่ ๆ น้อง ๆดีกว่า อย่างไปทะเลาะกันทางเวปเลยอายเขา ไม่มีใครว่าเราเก่ง หรือไม่เก่ง

ด้วยความปราถนาดี

เราไม่ได้ทะเลาะกันเลยนะครับ
เราเอาเหตุและผลมาพูดคุยกัน
พูดง่ายๆ คือ ศึกษาร่วมกัน

การศึกษาพระ  ต่างคนต่างมีข้อมูล เพราะศึกษามาจากแหล่งต่างๆกัน  โดยเฉพาะจากอินเตอร์เน็ต
เมื่อต่างคนต่างมีข้อมุลก็เอามาพูดคุยกัน  เอาหลักฐาน เหตุและผลมาคุยกัน
ไม่มีการเอาชนะคะคานกัน จึงไม่มีคนแพ้หรือชนะ 
มีแต่ต่างคนต่างได้รับความรู้เพิ่มเติมขึ้น จากการถ่ายเทความรู้จากท่านอื่น

ผมไม่เคยคิดว่าผมมีความรู้มากกว่าท่านอื่น ผมเพียงแต่อยากถ่ายเทข้อมูลความรู้ที่ผมมีอยู่ให้ท่านอื่นได้รับรู้ด้วย
เท่านั้นเองจริงๆครับ 

อายุมากเกินกว่าจะมานั่งพิมพ์ทะเลาะกันกับคนอื่นแล้วครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:24:26 โดย pmorn » IP : บันทึกการเข้า
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:31:05 »

ครับ ด้วย ความเคารพ ผมไม่ได้ทะเลาะนะครับ แต่แค่อยากทราบ แบบที่มีข้อมูลแบบหักล้างกันน่ะครับ เก๊ผมไม่ว่าหรอกครับเก๊ก็เก๊ถ้ามีหลักฐานอ้างอิงครับ

ขอกราบขอโทษทุกๆท่านที่ใช้คำไม่เหมาะหรือใช้ถ้อยคำไม่สมควร  (ไม่ได้ทะเลาะกันครับ)
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 18:36:38 »

ผมยากได้ข้อมูล หลังคาโบท อะครับ วังหน้า หลังจปร ไม่ใช่อะครับ เดียวไว้วันนี้ว่างจะลองตรวจทุกหน้าครับ
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
js23.nunui
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 877


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 19:26:40 »

พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว(วังหน้า)


1. พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว (วังหน้า)

ประวัติที่มา
    ประวัติที่มาของพระสมเด็จกรุวัดพระแก้ววังหน้าพอรวบรวมมาได้ ดังนี้
๑. ได้มาจากบริเวณวังหน้า (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ)  มีการแตกกรุมาประมาณช่วงปี 2503 เนื่องจากเจดีย์เก่าในบริเวณวัดพระแก้ววังหน้า หรือวัดบวรสุทธาวาส ใกล้โรงละครแห่งชาติ  องค์หนึ่งได้เกิดชำรุดหักพังลงมา  ทำให้พระพิมพ์ไหลหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก  และนอกจากนั้นยังค้นพบบริเวณเพดานโบสถ์วัดบวรสุทธาวาส พระวังหน้าได้มีการสร้างมา ตั้งแต่สมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) และมีการสร้างจำนวนมากที่สุดในสมัยกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ อุปราชองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์จักรี (ได้มีการสร้างพระมาตั้งแต่ดำรงราชอิสริยยศเป็นพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศฯ )      ร่วมสร้างพระกับเจ้าคุณกรมท่า หรือ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)  พระวังหน้าส่วนใหญ่ข้างหลังจะเรียบ และมีบ้างบางองค์ที่ข้างหลังมีตราครุฑ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญทรงให้เจ้าฟ้าอิศราพงศ์และช่างของพระองค์แกะพิมพ์ถวายสมเด็จโตทำแจกพระประยูรญาติและเจ้านายผู้ใหญ่ ข้าราชบริภารในวังหน้า สมเด็จวังหน้ามีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์เช่น พิมพ์เทวดาทรงเครื่อง พิมพ์ซุ้มระฆัง พิมพ์กลีบบัว พิมพ์เศียรโล้น พิมพ์อุ้มบาตร พิมพ์ปิดตา พิมพ์ข้างเม็ด พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต บางพิมพ์ฝังอัญมณี มีจารึกไว้ข้างหลังและพิมพ์สี่เหลี่ยมชิ้นฟัก พิมพ์นี้ค่อนข้างมาก มีการลงลักปิดทอง ปัจจุบันลักทองล่อนออกแล้ว พระพิมพ์ชุดนี้เป็นยุคกลางสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯและพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯพิมพ์จะสวยกว่าพิมพ์ชาวบ้าน ทำที่วังหน้าโดยเอาผงวิเศษมาทำแล้วให้ท่านปลุกเสกอีกครั้งก่อนแจก พระที่เหลือจากการแจกมีการบรรจุไว้ในเจดีย์วัดบวรสถานมงคล และเพดานโบสถ์ และนำไปบรรจุในเจดีย์ทองและเพดานโบสถ์วัดพระแก้ววังหลวง
๒. ได้มาจากวัดพระแก้ววังหลวง (หรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามในปัจจุบัน) เช่น เพดานโบสถ์วัดพระแก้ว  กรุเจดีย์ทอง  เป็นต้น จากประวัติที่ทราบมามีการแตกกรุประมาณปี 2523 คนงานที่ไปซ่อมแซมวัดพระแก้วได้ลอบนำออกมาจำหน่ายแถวตลาดพระท่าพระจันทน์  และกระจายไปต่างจังหวัด
 พระวัดพระแก้วมีที่มีจากหลากหลายที่ เช่น วังหน้า วังหลวง วังหลัง   เป็นต้น ได้มีการจัดสร้างหลายครั้งในวันสำคัญต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพิธีในสมัยรัชกาลที่ 5
๓. ได้มาจากมรดกทอด  เช่น พระที่มีการแจกในวัง หรือในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ  ผู้ที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่  ข้าราชสำนัก ตลอดจนข้าราชบริพารฝ่ายนอกฝ่ายใน เป็นต้น
                 จำนวนของพระและจำนวนพิมพ์ของพระกรุวัดพระแก้ว(วังหน้า) ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เนื่องจากไม่ได้มีการบันทึกไว้  แต่จากการสอบถามผู้ใหญ่พบว่ามีเป็นจำนวนมากเป็นจำนวนนับแสนองค์
      จากที่มาของพระดังกล่าวข้างต้น  สภาพของพระจึงแตกต่างกัน  บางองค์ถ้าเก็บไว้ในเจดีย์จะมีความเก่ามาก จะมีคราบกรุปรากฏให้เห็น เช่น
กรุเจดีย์ทอง   บางองค์อาจจะดูไม่เก่ามาก เช่น พระที่เก็บไว้ในหีบ เป็นต้น
ผมจะนำเสนอตัวอย่างพระเครื่องที่เก็บสะสมให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาพิจารณา

                                ตัวอย่างพระสมเด็จเบญจรงค์

           

พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า(เบญจรงค์)
               เป็นพระสมเด็จที่สร้างจากเนื้อดินและสี ซึ่งนำมาทำเครื่องเบญจรงค์  พระพิมพ์นี้จะมีลายไม่ซ้ำซ้อนกัน รอยตะเข็บของสีจะไม่แทรกเข้าหากัน ความงามของแต่ละองค์จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างแต่ละคน   สาเหตุที่เรียกพระเจ้าคุณกรมท่า เนื่องจากจัดสร้างโดยเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมท่า สำหรับพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่ามีการจัดสร้างประมาณปี พ.ศ. 2411 โดยกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญกับเจ้าคุณกรมท่าจัดสร้างขึ้น มีการเชิญพระคณาจารย์ต่าง ๆ ตลอดจนสมเด็จพุฒาจารย์(โต) มาร่วมกันปลุกเสก 108 รูป ซึ่งถือว่าเป็นพิธีหลวง จากการตรวจสอบทางด้านพุทธคุณ จะเป็นด้านเมตตามหานิยม และทางโชคลาภ
พระปัญจสิริ หรือเบญจรงค์ เป็นพระที่มีสีหลายสีอยู่ในองค์เดียวกัน จะมีขนาดแตกต่างกันไปในแต่ละพิมพ์



พระพิมพ์เบญจรงค์ พิมพ์ฐานคู่




พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์เจดีย์





พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์ 7 ชั้น


พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์พระประธาน ฐานคู่





พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์พระประธานฐานคู่





พระสมเด็จเบญจรงค์  พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร



พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์ปรกโพธิ์




พระสมเด็จเบญจรงค์  พิมพ์โภคทรัพย์



พระสมเด็จเบญจรงค์  พิมพ์ขุนศึก(คล้ายสะพายดาบ)




พระสมเด็จเบญจรงค์ พิมพ์พระนั่งอยู่บนไก่



พระสมเด็จเบญจรงค์  พิมพ์ซุ้มกอ



นอกจากพระสมเด็จเบญจรงค์แล้ว ยังมีพระสมเด็จแบบอื่น ๆ ตามตัวอย่างข้างล่าง


พระสมเด็จพิมพ์เจดีย์ ลงชาดแดง


พระสมเด็จพิมพ์เจดีย์ ลงรักพม่า




พระสมเด็จพิมพ์พระประธานลงชาดและรักสมุกดำ



พระสมเด็จ พิมพ์พระแก้วมรกต ลงขาดและรักสมุกดำ



พระสมเด็จพิมพ์พระประธาน ลงรักพม่า




ความเห็นเกี่ยวกับพระกรุวัดพระแก้ววังหน้าโดยรวบรวมจากเวปอื่น ๆ มีที่น่าสนใจดังนี้

สมเด็จกรุวัดพระแก้วมีจริงครับ ขอการันตีด้วยหัวของข้าพเจ้า และต้องพูดออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้มาขายพระ หรือให้เช่าพระ แต่ออกมายืนยันอีกหนึ่งเสียง ว่ากรุวังหน้า และหลังคาโบสถ์วัดพระแก้วมีจริงๆแต่ของที่อยู่บนหลังคาวัดพระแก้ว ก็ไม่ใช่สมเด็จวัดพระแก้วอีกนั่นแหละ เพราะเขาเรียกกันว่าสมเด็จวัดระฆังครับ ปลุกเสกเริ่มแรกที่วัดระฆัง เพราะองค์สมเด็จพุฒาจารย์ท่านไม่สามารถรับนิมนต์ไปที่ใดได้อีกเนื่องจากสังขารท่านชราภาพมากแล้ว ก่อนจะย้ายวัตถุมงคลที่ใช้เสริมดวงชะตาให้รัชกาลที่ห้าเคลื่อนขบวนไปปลุกเสกอีกทีในสถานที่สำคัญแต่ละแห่งในสยาม จนมาสิ้นสุดในที่สุดท้ายคือวัดพระแก้วครับ ในวันเวลา 11 เดือน พฤศจิกายน ปี 2411 ซึ่งเท่าที่จำได้จากตำราเล่มหนึ่ง(เป็นของคุณปู่ผมเอง หากท่านยังอยู่คงอายุได้ 156 ปีพอดี)ซึ่งจะเป็น 11/11/11 และในเวลาที่พุทธาพิเสกรัชกาลที่ห้า 11.11น.ขึ้นไปยังบัลลังก์ฉัตรเถลิงราชย์
พระที่มีพลอยติดมากับพระ ถามว่าพลอยนำมาจากไหน ผมขอบอกเลยว่าพลอยจากจีนครับ สมัยนั้นเราติดต่อทำมาค้าขายกับจีน เป็นพลอยสำเภาไม่มีราคา(เคยเอาไปให้พวกร้านทองดู จะตีว่าหินสี) หลวงวิจารณ์เจียรนัยท่านเห็นสวยดี เลยสั่งให้ช่างสิบหมู่นำมาประดับและบางส่วนก็ไม่ได้ลงพลอยครับ ที่ผมเชื่ออย่างนั้น และหาข้อมูลเพิ่มเติมมิใช่สาเหตุใดหรอกครับ เพราะผมเพิ่งได้รับพระราชทานพระสมเด็จ(กรุวังหน้านี้)จากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพ(ที่ผมกล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะมันคือเรื่องจริง จึงไม่รู้ว่าจะกลัวความผิดอันใด ขอเสริมบางส่วนสร้าง ในปีใดไม่ทราบได้ ในช่วงการบูรณะวัดพระแก้วได้มีของพวกนี้หลุดออกมาจริงๆ ครับ ซึ่งขอบอกว่าองค์สมเด็จพระเทพท่านขอคืน เรียกเก็บจากคนงานที่ขโมยไป ซึ่งก็ได้กลับคืนมาบ้างไม่ได้บ้าง เพราะของพวกนี้องค์สมเด็จพระเทพท่านต้องการให้มันอยู่ในที่เดิม และประทานให้คนที่มีความดีมีความชอบ
------------------------------------------------------------------------------------------

ขออนุโมทนาด้วยกับผู้ที่มีความชื่นชอบและศรัทธาในพุทธคุณของพระสมเด็จวังหน้า (ชุดเบญจรงค์) ใครที่ไม่ได้เจอกับตัวเอง บางครั้งจะไม่รู้ว่า กฤษฎาอภินิหารในความศักดิ์สิทธิ์นั้น สุดยอดจริงๆ  มีเพือนผมคนหนึ่ง ห้อยสมเด็จวังหน้า ขับรถขึ้นดอย (อมก๋อย)  รถเกิดไหลลงเหวพลิกค่ำ แต่ไม่ไหลลงไปสู่พื้นล่างทั้งที่เขาสูงและลาดชันมาก (รอดตายปฏิหาริย์) สำหรับผม ห้อยรุ่นพิมพ์พิเศษ ทดสอบของโดยใช้ปืน 11มม.ยิงระยะสองเมตร ลูกปืนสะท้อนกลับเข้าใต้ราวนม (ระดับหัวใจ)  ลูกปืนไม่สามารถระคายผิวได้ ทั้งที่ เจ็บน่าดู (ไม่เข้า)

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ผม มีอยู่หนึ่งองค์เป็นพิมพ์ไกเซอร์ ได้รับมาจากลุงแท้ๆของผมซึ่งท่านเป็นนายตำรวจหัวหน้าชุดจับกุมคนงานที่ ลักลอบนำพระออกจากวัดพระแก้ว ท่านได้เล่าถึงการตามยึดพระคืนโดยคำสั่งของพระเทพรัตนสุดา และนำออกมามอบให้กับผู้ร่วมสมทบทุนมูลนิธิของพระเจ้าอยู่หัว ในปี2524-2525 ท่านบอกว่าพระสมเด็จพิมพ์ไกเซอร์วัดพระแก้วเหนือกว่า และหายากยิ่งกว่าสมเด็จวัดระฆัง
และบางขุนพรหม

-----------------------------------------------------------------------------------------------

พระที่สมเด็จโตได้สร้างไว้มีมากมายเหลือที่จะกล่าวอ้าง ท่านบวชเณรที่วัดอินทร์วิหาร ศีกษาบาลีจนแตกฉาน ท่านกดพิมพ์พระวัดพลับให้สังฆราชสุก ท่านธุดงค์ไปทั่วเพื่อศึกษาธรรมมะ ท่านธุดงค์ไปถึงวัดพิตเพียน (วัดกุฏีทอง)จังหวัดอยุธยา ได้พบอาจารย์คงซึ่งเก่งทางเวทมนต์คาถามาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนค่อทางคาถาอาคม และเมื่ออาจารย์คงมรณะลงเป็นเวลาที่เณรโตได้ธุดงค์ไปถึงพอดี จึงได้สวดให้อาจารย์คงจนได้ฌาปากิจเรียบร้อย เห็นดินและมวลสารต่างๆนั้นมีมากมาย จึงได้ปรึกษาหารือกันและได้จัดทำพระเครื่องเป็นครั้งแรกของท่าน และได้บรรจุใว้ใต้องค์พระใหญ่ที่ท่านสร้างไว้ ท่านธุดงค์ผ่านไปวัดไหนเห็นวัดชำรุดทรุดโทรม ท่านก็จะช่วยบูรณะและสร้างพระบรรจุกรุไว้ให้ การสร้างแต่ละครั้งท่านจะสร้างไว้ถึง 84000 องค์ ที่อยุธยา อ่างทองนั้น ท่านสร้างไว้หลายวัด เหลือจากบรรจุท่านก็จะนำติดตัวกลับมาเก็บไว้ที่วัดอินทร์ที่ท่านพำนักอยู่ ส่วนวัดใหม่อมรตเด็มเป็นวัดร้าง ต่อมาได้มีการบูรณะจึงได้ไปขอให้สมเด็จโตสร้างพระไปบรรจุกรุหลายพิมพ์ จำนวน 84000 องค์ จนต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งไห้เป็นเจ้าอาวาสวัดระฆัง หลวงปู่ภูซึ่งสมเด็จโตไปธุดงค์แล้วถูกคอกัน ได้ชวนมาจำวัดที่วัดอินทร์และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดอินทร์ต่อ จนเมื่อสมเด็จโตมรณะภาพ หลวงปู่ภูที่วัดอินทร์ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ก่อนท่านจะย้ายท่านก็เก็บพระทั้งหมดที่อยู่ในกุฏิเจ้าอาวาสบรรจุลงไว้ในกรุจนหมดสิ้น กรุที่บรรจุนั้นในปี พศ 2479 ก็ได้ถูกช่างซ่อมเจดีย์ขนไปจนเกือบหมด

----------------------------------------------------------------------------------------------


พ่อผมได้พระสมเด็จเบญจรงค์มาจากแถววัดราชนัดดาราวปี พ.ศ 2524 ก่อนที่ทางการจะสั่งเก็บพระผมก็ยังเอาไว้ห้อยบูชาอยู่  ถ้าคุณมีพระชุดนี้ก็เอาไว้บูชาเถิดครับระลึกถึงท่านท่านก็จะช่วยเอง หรือคุณอยากเป็นเหยื่อพวกเซียนพระที่บิดเบือนความจริงเพื่อที่จะขายพระดูหน้าพวกเซียนแต่ละคนซิว่ามันคนหรือโจรทำลาย......  พวกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว บิดเบือนความจริงทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ทั้งที่เขาก็มีหลักฐานอ้างอิงประวัติศาสตร์ปี2411 ก็ยังจะบิดเบือนความจริง คอยแต่จะหาทางขายพระของตัวเองเวลาขายก็ขายกันเป็นทีมขายให้พวกคนมีเงินคอยหลอกแต่คนอื่นเขา  คนพวกนี้ไม่มีความจริงใจต่อศาสนาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวคอยแต่จะสร้างภาพ คอยปั่นราคาพระ คุณลองคิดดูถ้าพระชุดนี้มีจริงหลุดออกมาจากเจดีย์ทองจริงพระชุดนี้จะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ขนาดไหนหรือคุณอยากจะได้พระแท้ที่กำหนดโดยคนกลุ่มเดียวใช้แต่กล้องในการดู ทั้งที่ที่อื่นเขามีเครื่องมือในการพิศูจน์ถึงอายุของพระ ถ้าคุณจะห้อยพระไว้บูชาก็ควรจะละลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ห้อยเมื่อพระองค์นี้มีราคาแพง แล้วพุทธคุณที่ไหนเขาจะช่วยคุณแต่มันจะเป็นการฟ้องว่าจิตคุณต่ำขนาดไหน

--------------------------------------------------------------------------------------------------


สมเด็จกรุวัดพระแก้วมีจริงครับผมมีญาติเป็นช่างรับเหมาบอกว่าได้ไปทำที่วัดพระแก้วมาสมัยนั้นใส่ปิ่นโตข้าวออกมาตั้งหลายองค์และผมยังพบสมเด็จเบญจสิริที่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซแถวบ้านเขาเล่าที่มาว่าได้มาอย่างไรแต่ผมไม่ค่อยสนใจพระมากนักเลยไม่ได้ใส่ใจฟังเขามีอยู่ 2 หรือ 3 องค์ผมจำไม่ค่อยได้แต่จำได้เขาเอามาให้ผมดูในตอนนั้นผมยังเรียนอยู่พระสวยมากๆ แต่ผมดูพระไม่เป็นและไม่ได้สนใจด้วยแต่ผมจำได้ว่าเขาบอกผมว่าไม่เคยให้ใครดูเลยเพิ่งให้ผมดูเป็นคนแรก...ลืมไปตอนนั้นรถมอเตอร์ไซของผมยางแตกต้องเปลี่ยนใหม่จูงมาตั้งไกลและก็ไม่เคยรู้จักกับเจ้าของนี้เลยมันก็แปลกเหมือนกันจนวันนี้ผมอายุ 39 ปีแล้วและก็ไม่รู้ว่าเขายังเก็บไว้อยู่หรือเปล่าและผมมาชอบเล่นพระตอนอายุ 21 ปีตอนผมบวชเพราะพระที่วัดเขาชอบเล่นพระกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจในพระกรุวัดพระแก้วเลยชอบแต่พระพิมพ์อื่นๆ จนบัจจุบันนี้อยู่ๆก็มีคนที่ชอบพระด้วยกันได้พระกรุวัดพระแก้วมาแลกเปลี่ยนกันกลับไปกลับมาแต่ไม่มีคนชอบแต่เป็นพระแท้ผมไปหาเขาเห็นเข้าแต่ไม่รู้จักคนที่มีก็ไม่รู้จักบอกแค่ว่าเป็นพระกรุได้จากช่างรับเหมาทำโบสถ์ที่พระนครศรีอยุธยาว่าเจออยู่บนช่อฟ้าหรือหลังคานี่แหละจากคนงานของเขา เขาเลยเช่ามาในราคา  1.500 บาทและก็นำมาปล่อยให้คนที่รู้จักกันที่เล่นพระและคนที่เล่นพระก็แลกกับพระของคนที่ผมมาหาไว้ แต่คนที่ผมมาหากลับชอบพระใหม่ที่ผมมีอยู่ชวนผมแลก ผมก็งงพระก็สวยตัวเองไม่ชอบแต่ดันแลกกับเขาไว้ ผมเห็นเป็นพระกรุผมก็เลยแลกไว้เลย และก็เก็บไว้ที่บ้านเฉยๆ อยู่ต่อมาผมไปหาแกอีกแกถามว่าพระยังอยู่ไหม  ผมบอกว่าอยู่แต่ผมไม่แลกด้วยแล้วนะผมเกิดนึกรักขึ้นมาตั้งแต่วันแรกที่อยู่กับผมแล้ว และนึกอยู่ว่ายังไงจะไม่ปล่อยเด็ดขาด  ลุงแกบอกว่าจะแลกกับพระของแกไหมให้ผม 3-4 องค์เลยต่อหนึ่งองค์ผมก็ไม่ยอม แกขอเช่าคืนบอกจะเอาเท่าไรก็บอก  ผมก็บอกมาไม่ปล่อยแล้ว ทุกวันนี้แกยังถามผมและยังบ่นตัวเองอยู่เลยว่าบุญวาสนาไม่มีพระถึงได้ไม่อยู่กับแก  แกบอกว่าพระองค์นี้แกแลกไปแล้ว 2 ครั้งแต่พระก็ยังกับมาหาแกอีกอยู่ได้ 2 วันแกก็มาเจอกับผมและไม่รู้ยังไงถึงอยากแลกพระกับผมแกบ่นว่าเสียดายมากเลย ทุกวันนี้ก็ยังพูดอยู่ ผมคล้องอยู่จนทุกวันนี้ครับ ผมมาเปิดเว็บดูถึงได้รู้ว่าเป็นพระกรุวัดพระแก้วนี่เอง ใครจะว่าผมเชื่อคนง่ายก็ตามใจแต่ในความรู้สึกภายในใจผมรักพระองค์นี้มากและจะเก็บไว้ตลอดไป เพราะท่านคงอยากจะมาอยู่กับผมแน่ๆเลย   

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


ผมมีสมเด็จฉัพพรรณรังสี(เบญจรงค์/สายรุ้ง)ชึ่งได้มาจากศิษย์หลวงปู่โง่น สรโยแห่งวัดเขารวก
 ตะพานหิน จ.พิจิตรอยู่หลายองค์ ทราบประวัติมาว่า ท่านได้รับถวายจาก ศิษย์ผู้ศรัทธาซึ่งอยู่ กทม.
มาถวายจำนวน 200องค์ (พิมพ์ใหญ่ 100/พิมพ์เล็ก 100 องค์)ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดมาของคุณย่า กว่า 100 ปี ถวายเมื่อ 6 ก.พ. 2529เพื่อให้หลวงพ่อไว้เป็นของตอบแทนแก่ผู้มีจิตศรัทธา มาทำบุญ
9,900บาท มอบองค์ใหญ่ 1 องค์และหากทำบุญ 1,100 บาทมอบองค์เล็ก 1 องค์ ( พระคุณเจ้าได้สร้างพระพุทธรูปองค์จริงที่ซึ่งไม่มีใครทำได้เหมือนและสร้างแจแฟรีๆเป็น จำนวนพันๆ หมื่น ๆ ไม่มีใคร
เขาทำได้นอกจาก ผู้มีบารมีเช่นพระโพธิสัตว์แล้ว ข้าจึงมีดวงจิตผ่องแผ้วด้วยกุศลเจตนา ถวาย พระสมเด็จแบบ เบญจรงค์  ของคุณย่าแฟงของข้าพเจ้า  ท่านได้รับจากมือสมเด็จโต มาเมื่อ100 กว่าปีมา
แล้ว น้อมถวายพระคุณท่านเผื่อจะได้แจกจ่ายแก่ผู้อุปการะท่าน ในการสร้างพระ(ในที่นี้หมายถึง พระพุทธวิโมกข์ที่ท่านแจกโรงเรียนทั่วประเทศ)แจกต่อไป และขอพระคุณท่านอุทิศให้แก่ คุณย่าแฟง
ซึ่ง พระสมเด็จนี้เก่าแก่มาก และทำด้วยมือของสมเด็จโตแท้ๆ ด้วย) นี่เป็นคำบรรยายของผู้ถวายแด่หลวงปู่โง่น ผมมีบุญได้ครอบครอง พระสมเด็จชุดนี้เมื่อ ม.ค. 2553นี้เอง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

สมเด็จวังหน้ารุ่นเบญจรงค์ สมเด็จหลังลายมุข สมเด็จประจำวันเกิด สมเด็จไกเซอร์กรุพระธาตพนม หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่ทวดเนื้อว่านเนื้อโลหะ ผมขอยืนยันว่ามีอยู่จริงเพราะผมได้มากับคนที่งานที่ไปบูรณะวัดและได้มาบางส่วนกับคนที่เป็นนายพลนายพันที่เค้าเอาพระออกมาจากวัดพระแก้วพราะผมเชื่อว่ารุ่นนี้แท้ 100%

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

เห็นพูดกันถึงผงตะไบทอง  ดิฉันขออ้างถึงหนังสือที่เคยได้อ่านมาเกี่ยวกับพระกรุนี้นะคะ
   การสร้างพระพิมพ์ครั้งนี้ ได้นำพิมพ์ของวัดระฆังมาส่วนหนึ่ง และทำเพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อเร่งให้ได้พระ 84,000 องค์ ทันวันงาน พวกช่างวังหน้า วังหลัง วังหลวง อันมีหลวงวิจารณ์เจียรนัย และหลวงนฤมลวิจิตรเป็นหัวหน้า จึงช่วยกันทำแม่พิมพ์พระขึ้นมากมาย ซึ่งผู้เขียนยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีกี่พิมพ์ เพราะหาได้ไม่ครบ พิมพ์พระเหล่านี้ส่วนมากคล้ายพิมพ์ทรงนิยมของวัดระฆัง เช่น พิมพ์พระประธาน พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เศียรบาตร พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์อกร่องหูยาน พิมพ์โบราณ เช่น พระรอดลำพูน พระลีลาเม็ดขนุน พระซุ้มกอ พระนางพญา พระผงสุพรรณ พระปิดตา พระสังกัจจายน์
 เป็นต้น
    "ผงวิเศษนั้นได้จากหลวงปู่โต ปูนนั้นใช้ปูนกังไสจากประเทศจีน ซี่งเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี และกรมหมื่นวิไชยชาญเคยไปประเทศจีนแล้วนำมาพร้อมกับสีต่าง ๆ เพื่อสร้างเครื่องกังไสลายคราม โดยพระองค์สร้างเตาสังคโลกขึ้นในวังหน้า ดังนั้น การสร้างพระคราวนี้จึงมีการคิดใหม่ทำใหม่ นอกจากมีพิมพ์ใหม่เกิดขึ้นมากมายแล้ว ได้ทำเป็นพระหลากสี ซึ่งเรียกกันเดี๋ยวนี้ว่า "พระเบญจรงค์บ้าง พระปัญจศิริบ้าง พระสายรุ้งบ้าง ส่วนผสมอื่น ก็คงใช้แบบที่หลวงปู่โตท่านเคยสร้างพระสมเด็จ แต่มีวิธีทำที่ดีกว่าคือแทนที่จะใส่ครกตำ กลับใช้เครื่องรางบดยาสมุนไพรที่เป็นร่องแล้วใช้ลูกกลิ้งจานเหล็ก โยกกลับไปกลับมา จึงได้ผงที่ละเอียดมาก จากนั้นจึงนำมาผสมน้ำ และผสมสีลงไป ช่างแต่ละคนก็ผสมสีของตนเอง ดังนั้นพระแต่ละองค์จึงมีสีที่แตกต่าง ก่อนจะอัดมวลสารต่างๆ ลงไปก็หยิบผงตะไบทองที่เจ้าของร้านทองแถวสำเพ็งนำมาถวาย โปรยลงไปในแม่พิมพ์เล็กน้อย อัดเสร็จก็หยิบผลตะไบทองโรยทับหลัง อีกนิดก็อัดอีกที จึงแกะพระจากพิมพ์วางเรียงไว้ เสร็จแล้วก็นำไปตากแดด ถ้าแดดดีพระแห้งเร็ว ก็จะเกิดรอยแตกลายงาขึ้น มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าพระผึ่งไว้ในร่มจนแห้ง การลายงานก็ไม่ปรากฎ องค์พระจะดูสวยงาม พระบางองค์ไม่มีผงตะไบทองก็เพราะผงตะไบมีจำนวนจำกัดไม่ครบจำนวนช่าง
     พระส่วนมากหลังเรียบ แต่บางองค์ก็มีประทับตราหลังคือ ตราครุฑบ้าง ธรรมจักรบ้าง ตราธงชาติ ตราเสมา ดอกบัว พระเกี้ยว จปร. เป็นต้น
     พระอีกส่วนหนึ่งไม่ได้ผสมหลายสี ทำแบบพระวัดระฆัง แต่มีสีขาว สีเหลือง สีเขียว สีดำ สีแดง สีฟ้าอ่อน เป็นชุดๆ ไป"

------------------------------------------------------------------------------------

IP : บันทึกการเข้า
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2013, 21:29:24 »

ขอบคุณสำหรับข้ัอมูลครับ แต่ส่วนมากเข้าจะโยงไป กรุวังหน้าเนอะ  ทั้งๆเขาเอามาจากหลังคาโบท วัดระฆัง


แล้วองค์นี้ก็ถามพ่อว่าก่อนจะศึกษา ก็ถามพ่อว่าพระอะไรทำไมสีทองๆ (ไม่เคยเห็น) พ่อบอกรุ่น หลังคาโบทแตกกรุ ทันสมเด็จโตแน่นอน ผมก็ตื่นเต้นบ้านเรามีสมเด็จวัดระฆังด้วยแหะ แต่ปิลัน ซั่มประตูก็มีอยู่แล้วก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ พ่อบอกได้มานานมาแล้วครับ พ่อผมเป็นคนสมุทรปราการ จึงมีสายภาคกลางเยอะหน่อยครับ หลังจากนั้น ก้เลยมาศึกษาค้นคว้า ข้อมูล เกี่ยวกับ รุ่นหลังคาโบท แต่มักจะเจอแต่ กับกรุวังหน้า ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกันเลย  พยายามหาข้อมูลเบื้องลึกต่อไปครับ

  แต่วันนี้คงไม่ได้ศึกษา หลานๆ มา จะพาไปร่ำสุราเมรัย หุๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 พฤษภาคม 2013, 03:54:41 โดย jompezad » IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
pmorn
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2013, 10:47:22 »


เรื่องการแตกกรุ  ตามเรื่องเล่า แตกกรุมาจากหลายแหล่ง เช่น
1.เจดีย์พระธาตุพนมจำลอง วัดพระแก้ววังหน้า(โดยรื้อสมัย ร.5)
2.เจดีย์ทอง วัดพระแก้ว(วัดพระศรีฯ  เมื่อคราวพระเทพฯ บูรณะ)
3.เจดีย์พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม(เมื่อคราวองค์พระะธาตุพนมล้ม)
4.เพดานโบสท์ วัดพระแก้ว(วัดพระศรีฯ เมื่อคราวพระเทพฯ บูรณะ)
5.เพดานโบสท์ วัดระฆัง
6.โคนเสาศาลาแดง วัดระฆัง

ซึ่งก็แล้วแต่คนขายพระจะบอกมา   
ดังนั้น ควรจะดูที่ "แบบพิมพ์" มากกว่า "แหล่งที่มา"

พระของท่าน ท่านลองดูที่กระทู้ของผมใน "พลังจิต" หน้าที่ 4,6,7 เปรียบเทียบดูครับ
ข้อแตกต่างก็เพียงแต่พระของท่านได้เอาแผ่นโลหะด้านหลังออกไปแล้วเท่านั้น


IP : บันทึกการเข้า
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2013, 12:23:59 »

แต่องค์พระของผมดันไปกรอบเงินแล้วนะสิ

 จะได้ถ่ายชัดๆ ด้านหลังองค์พระผมไม่มีร่องรอยการแกะด้านหลัง มีแต่คราบรัก กับชาดแดงแต่ล้นจากขอบทั้งสี่ด้านเท่านั้น ด้านหลังองค์ พระ ส่องดูน่าจะเป็นเนื้อ เหมือนปูนขาวๆ ถ้าแกะออก จะต้องมีน้ำรักหรือชาด ติดอยู่ตรงกลาง หรือทั่ว หลังองค์พระ ส่วนด้านหน้า มีกระเทาะออก 3จุด เห็นเนื้อ ขาวเหมือนงาช้าง ทองที่ปิด ผมดูว่าหน้าจะเก่ามาก สีทองบวบ แต่ก็ยังหาข้อมูลเชิงลึกต่อไป เพราะที่ดูในเวปพลังจิตไม่มีเหมือนผมสักองค์
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
jompezad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2013, 12:34:14 »

แล้ว พ่อผมไม่เคยเช่าพระ ชื้อพระ ยิ่งพระกล่องยิ่งไม่มีเลย ส่วนมากจะได้จากปู่และญาติพี่น้องที่สนิทและเพื่อนๆที่รักใคร่ รวมถึงการไปทำบุญใหญ่ๆ พระท่านก็จะให้พระเป็นสิ่งตอบแทน แล้วองค์นี้รู้สึกป้า พี่ของพ่อจะเอาให้ก่อนย้ายมาอยู่เชียงใหม่ รวมๆ แล้วตังแต่ย้ายมาก็เกิน30 ปี แล้วพ่อผมก็เคยบวชเกือบสิบปี สอบได้นักธรรมตรี ที่วัด ทรงธรรมวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโท ซึ่งตอนบวชเป็นพระ ก็ได้ของดีมามากมายเหมือนกันพ่อ
ซึ่งการโกหกเรื่องพระพ่อผมไม่มีแน่นอน แต่เรื่องสาวๆสมัยก่อนประจำ อิอิ



แต่ผมส่องมา เป็นอาทิต แล้วยัหาพระที่ปลอมเหือนกันไม่ได้เลย ถ้าปลอมก็ต้องมีเหมือนกันอีกมากโข โดยรวมแล้วด้านหลังพระผมไม่มีแผ่นอะไรติดอย่างแน่นอน ถ้าใครอยู่เชียงใหม่ ว่างก็มาพบปะคุยกันได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ประวัติชื้อขายครับ เอกสารยืนยันแสดงตนพร้อมครับยืนทางเวป
http://www.cm-club.com/forum/member.php?u=82472


http://www.siambbgun.com/board/index.php?action=profile;u=77926;sa=statPanel
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!