เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 เมษายน 2025, 11:50:10
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  มาฟังนิทาน, เรื่องตลก, ขำขัน 108 พันเก้า
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 พิมพ์
ผู้เขียน มาฟังนิทาน, เรื่องตลก, ขำขัน 108 พันเก้า  (อ่าน 149483 ครั้ง)
NEONAZI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 476


รัก กล้วยไม้ รักษ์ ต้นไม้


« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2010, 07:54:15 »

ติดตามความขำ พร้อมให้กำลังใจต่อไป
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำดี เพียงเพื่อ ดีกว่าคนอื่น
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2010, 20:54:07 »

เรื่องที่ 47 "ไอ้บอดเอาตัวรอด"
        ยังมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันสองพ่อลูก พ่อชื่อนายแก้ว ส่วนลูกสาวชื่อเอ้ย 
นายแก้วเป็นพ่อม่ายมานานเพราะว่าตั้งแต่แม่ของเอ้ยเกิดเอ้ยไม่นานนักก็ตาย  นายแก้วจึงต้องเลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพัง   จนเอ้ยนั้นเติบใหญ่เป็นสาวรุ่นที่หน้าตาค่อนข้างดีทีเดียว    วันหนึ่งพ่อก็เรียกเอ้ยมาคุยกันหลังจากที่กินข้าวเย็นด้วยกันเสร็จแล้วนั้น  พ่อก็บอกกับเอ้ยว่า  “นี่เอ้ย  ลูกก็โตเป็นสาวแล้วนะ  ส่วนว่าพ่อก็แก่ตัวลงทุกวันจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้  พ่ออยากให้เจ้าแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาซักที  เพราะว่าจะได้มีคนคอยดูแลเจ้าพ่อก็จะได้ไม่ต้องห่วงหาอะไรอีกจะได้นอนตายตาหลับซักที”   ในระหว่างที่สอนลูกก็พอดีกับเจ้าบอดตาใสเดินผ่านมาใกล้บ้านของสองพ่อลูกพอดี และก็ได้ยินสองพ่อลูกคุยกันมันก็แอบยืนฟังที่ใต้ถุนบ้านนั้น “แล้วถ้าลูกจะเลือกผู้ชายซักคนมาแต่งงานด้วยละพ่อ  ต้องเป็นคนยังไงหรือว่าต้องดูที่ตรงไหนละ”  “ลูกต้องเลือกคนที่มือของเขานะค่อนข้างจะหยาบกร้านนะลูก  เพราะว่าคนอย่างนี้เขาขยันทำงานทำไร่  ทำนา ทำสวนเก่งเขาจะได้เลี้ยงดูลูกได้นะ” เมื่อพ่อแนะนำลูกสาวอย่างนั้นไปแล้ว  เจ้าบอดคิดที่อยากจะได้ลูกสาวของลุงแก้วมาเป็นเมีย  ต่อมาอีกวันหนึ่งตอนค่ำๆ  ไอ้ตาบอดก็ไปเที่ยวบ้านลุงแก้วกะจะไปจีบลูกสาวลุงแก้ว  แต่กว่าจะถึงบ้านลุงแก้วนั้นยากลำบากมากมาย ตกหลุมตกร่อง  ชนนั่นนี่สารพัดเพราะตาก็บอดมองไม่เห็น  พอไปถึงมันก็รีบเอาข้าวเหนียวมาปั้นเพื่อที่อยากให้ข้าวติดมือมันแล้วก็ขึ้นไปเที่ยวหาเอ้ย พอตกดึกหน่อยหลังจากที่คุยกับเอ้ยเป็นเวลานาน ไอ้บอดก็จะกลับบ้านแล้วมันก็ค่อยๆ คลำหามือของเอ้ยเพื่อที่จะจับและให้เอ้ยรู้ว่ามือมันนั้นสากและหยาบ พอจับมือเอ้ยได้แล้วมันก็ลูบคลำ  เอ้ยเขินอายเล็กน้อยและก็กู้ว่ามือของไอ้บอดนั้นสาก หยาบเลยตะโกนขึ้นบอกพ่อว่า  “พ่อจ๋า......  เอ้ยเจอคนที่ต้องการแล้ว  เหมือที่พ่อบอกเลย”  หลังจากวันนั้นไม่นาน  พ่อของเอ้ยก็จัดงานแต่งเล็กๆ  ให้กับเอ้ยกับไอ้บอดอยู่กินด้วยกัน  วันหนึ่งพ่อเมียก็บอกให้ลูกเขยใหม่นั้นไปไถนา  ไอ้บอดก็ออกไปไถนาแต่เนื่องจากมันมองไม่เห็น ก็บังคับควายไปซ้ายๆ  ขวาๆ  ไถเอาคันนาออกหมด  พ่อเมียเดินมาดูก็ตะโกนถาม  “นี่ลูกเขย  ทำไมไถนาซ้ายขาวอย่างนั้นนะ และยังเอาคันนาออกหมด”   “ลูกเขยใหม่ก็ต้องทำคันนาใหม่  ปั้นใหม่สิครับพ่อ”
พอเสร็จงานที่นาหมด  ไอ้บอดก็แบกอุปกรณ์ต่างๆ  กลับบ้าน  พอมาถึงที่บ้าน  เอ้ยก็บอกสามีของเธอให้ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนแล้วค่อยมากินข้าวปลาอาหาร  ไอ้บอดก็ไปอาบน้ำตรงข้างบ่อน้ำ  มันก็หย่อนถังน้ำลงไปเพื่อตักน้ำ  แต่ว่าเชือกที่มัดถังน้ำหลุดมือตกลงไปในบ่อน้ำมันจึงต้องเอาบันใดยาวๆ  มาหย่อนลงไปในบ่อน้ำแล้วก็ลงไปในบ่อเอาถังน้ำขึ้นมา  พอขึ้นมาแล้ว เนื่องจากบันใดนั้นยาวเกินปากบ่อน้ำมามาก ไอ้บอดก็ขึ้นไปจนสุดปลายบันใดเลยปากบ่อน้ำมา   พ่อตาก็มาเห็นเข้าก็เลยถามไอ้บอดว่า   “ลูกเขย.....  เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนปลายบันใดนั่นนะ”  “อ้อ....  ผมขึ้นมาดูน้ำในทุ่งนานะว่ามันท่วมหรือว่าไม่ท่วม  หรือว่าน้ำจะแห้งนะพ่อ  อยู่ ข้างล่างมองไม่เห็นเลยต้องขึ้นมาดูจากข้างบนนี้นะพ่อ”  ไอ้บอดก็เอาตัวรอดของมันไปอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เมียก็เรียกให้มากินข้าว  “พี่ๆ  ขึ้นมากินข้าวได้แล้ว”  เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มาซักที  จนเมียมันต้องลงมาตามหาที่ด้านล่าง  ไปเจอไอ้บอดนั้นอยู่ใต้ ถุนเรือนเพราะว่าหาทางขึ้นบ้านไม่เจอ  เมียมันก็ถาม  “พี่ไปทำอะไรใต้ถุนแคบๆ  นั้นนะ”  “อ้อพี่เข้ามาดูว่าไม้เรือนเราสมควรจะเปลี่ยนหรือยังนะ”  “ออกมากินข้าวได้แล้ว”  มันก็ออกมาและขึ้นเรือนตามเมียมันไป  แต่ว่าเนื่องจากตามันบอดมองไม่เห็น  มันก็เดิน ไปบนเรือนไปเรื่อยๆ  เดินไปเตะเอาขันโตกกับข้าวกระจาย  เมียมันก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “ทำไมพี่ทำอย่างนี้เนี่ย” ไอ้บอดก็ตอบเมียมันว่า “บอกแล้วใช่ไหมว่าข้าไม่กิน  ไอ้น้ำพริกอะไรเนี่ย  ข้าไม่อยากกิน”  "แล้วพี่ทำไมไม่บอกกันดีๆ  ละ  ทำไมต้องเตะกับข้าวอย่างนี้เนี่ย  ข้าไม่อยู่กับพี่แล้ว  ออกไปจากบ้านข้าเลย  ข้าไม่อยากอยู่กับคนอย่างนี้แล้ว”  เมียมันตวาดด้วยความโกรธ  “เออ.....ไม่อยู่ก็ได้  ข้าก็ไม่อยากที่จะอยู่เหมือนกันแหละ” เอ้ยก็เข้าไปในห้องจัดเก็บเสื้อผ้าของไอ้บอดนั้นใส่ห่อผ้าแล้วเอามาให้มัน    “เอ๊า..  ห่อเสื้อผ้าของพี่  แล้วออกไปจากบ้านเอ้ยเลยนะ”  ไอ้บอดได้ห่อผ้าแล้วก็งมเดินลงบันใดไป  พอถึงด้านล่างแล้วเสื้อของมันไปติดอยู่กับหัวราวบันใด  พอมันจะเดินไปก็เหมือนมีคนมาดึงเอาไว้มันก็ตะโกนว่า  “ไม่ต้องมาดึงข้า  ข้าจะไป  ยังไงก็จะไปไม่ต้องมาดึงข้าไว้” สองพ่อลูกพอเห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้ว่าที่แท้แล้วผัวของเอ้ยเป็นคนตาบอด ทั้งสองก็ปล่อยไอ้บอดไป
          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  เราควรที่จะเป็นตัวของตัวเอง  อย่าพยายามสร้างภาพพจน์ให้ดูดี แต่ตัวเองทำไม่ได้  อย่าเย่อหยิ่งทะนงตัว
                         ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2010, 18:04:53 »

เรื่องที่ 48 "ผีพราย"
          ผีพรายเป็นผีที่ชอบกินของดิบๆ มักจะชอบเข้าไปสิงอยู่ในร่างของคนที่ป่วย กลางวันผู้ป่วย ที่ถูกผีพรายสิงจะลุกไม่ได้ นอนซมตลอดวัน แต่พอกลางคืนจะมีชีวิตชีวา เหมือนไม่ได้เป็นอะไร เรื่องนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับชายแดนประเทศลาว  มีชายแก่คนหนึ่งแกชื่อว่าพ่อหนานนวล  แกป่วยมาประมาณ 15 วัน อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย  จนลุกไปไหนไม่ได้และมักชอบกินแต่ของดิบ เช่นลาบ หลู้ ทำให้ญาติพี่น้องต้องลำบากใจอย่างยิ่ง ตอนกลางวันแกจะนอนซมตลอดไม่พูดอะไรเลย พอตกตอนกลางคืน พ่อหนานนวลมักจะทำอาการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกญาติพี่น้อง พวกที่มาเฝ้าไข้เสมอ พอตอนดึกๆ ญาติพากันหลับแกจะลุกขึ้นมาเดินตามลานบ้าน บางครั้งก็ลงไปทางเล้าไก่เพื่อจะจับไก่กิน แต่ถ้ามีคนใดคนหนึ่งเรียก แกจะล้มตัวลงนอนทันทีเดินต่อไปก็ไม่ได้ ญาติต้องหามไปนอนที่เดิม เป็นอยู่เช่นนั้นหลายสิบวันญาติต้องไปหาหมอทางไสยศาสตร์มาทำพิธิไล่ผี (เรียกว่าตัดพราย) หมอที่มาทำจะต้องเก่งจริงพอทำพิธีตัดพรายเสร็จผีพรายก็จะออกจากร่างของคนป่วย คนป่วยก็จะตายทันที ทั้งนี้เพราะวิญญาณของคนป่วยนั้นได้ออกจากร่างคนป่วยไปนานแล้ว แต่ที่อยู่ได้นั้นเพราะวิญญาณของผีพรายนั่นเอง
                        ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 09:48:57 »

เรื่องที่ 49  "ผีกองหลัว"
          มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ในอดีตนั้น บริเวณหมู่บ้านต่างๆ จะเป็นป่าละเมาะ ถ้าเข้าไปในป่าลึกๆ จะเป็นป่าทึบ  คนสมัยก่อนเขาก็หากินกันตามป่า ไปเก็บผักเก็บไม้ หักเอาหลัว หรือฟืนมาก่อไฟ ยามถึงฤดูที่เห็ดงอกออกมาก็ไปหาเห็ดกันตามป่าตามดอย คนสมัยก่อนเขาเชื่อว่าที่ป่าจะมีผีมีสางเทวดารักษาป่าอยู่  มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านก็พากันไปหาเห็ดในป่า เมื่อไปถึงป่าชาวบ้านก็แปลกใจที่เห็นกองหลัวอยู่กลางป่า แต่ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ กองหลัวและก็ห่างออกไปก็ไม่มีรอยฟันรอยตัดเลย ชาวบ้านก็ตกลงกันว่า คงจะไม่ใช่ของใคร จึงเผากองหลัวนั้นเสีย แล้วก็พากันกลับบ้าน ไม่กี่วันหลังจากนั้นชาวบ้านก็พากันไปเก็บเห็ดอีก ก็ไปเจอกองหลัวอีก ชาวบ้านต่างก็พากันแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะข้างๆ กองหลัวที่เผาไปแล้วนั้นมีกองหลัวมาใหม่อีก กองใหญ่กว่าเดิม ชาวบ้านก็ช่วยกันหาว่า กองหลัวนี้มันมาอยู่นี่ได้อย่างไร แล้วก็ฟืนเหล่านี้เอามาจากที่ไหน ชาวบ้านก็เดินหาเห็ดไป ไกลออกไปเรื่อยๆ ก็ไปพบต้นไม้ถูกหักเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งต้นไม้ถูกหักนี่ก็อยู่ห่างจากกองหลัวมากเกินกว่าจะนับได้ว่าห่างไปกี่กิโลเมตร ชาวบ้านก็เลยกลับบ้าน เอาเรื่องมาเล่าให้คนเฒ่าคนแก่ที่บ้านฟัง คนเฒ่าคนแก่ก็พากันไปดู คนเฒ่าคนแก่ก็บอกว่า กองหลัวพวกนี้เป็นของผีป่า แล้วเมื่อใดกองหลัวมีมากๆ ผีมันก็จะช่วยกันเผาเสีย ถ้าเมื่อใดผีมันเผาหลัว ปีนั้นฝนก็จะไม่ตก ฝนแล้ง เมื่อเป็นอย่างนี้ชาวบ้านก็กลัวกันว่า เมื่อผีเผาหลัวฝนก็จะไม่ตกก็จะไม่ได้ทำไร่ทำนา ก็พากันปรึกษากันแล้วก็นิมนต์พระสงฆ์ไปทำพิธีเผากองหลัว โดยบอกผีป่าที่รักษากองหลัวว่า ให้เอ็นดูชาวบ้านบ้างถ้าฝนไม่ตกก็จะไม่มีข้าวกิน พระสงฆ์ก็เผากองหลัวนั้นเสีย ตั้งแต่นั้นมาฝนก็ตกเป็นปกติ ชาวบ้านก็ได้ทำไร่ทำนาเลี้ยงชีพกันสืบมา
                           ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
by97
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 161


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 15:53:40 »

รอรี่องต่อไปคับ
IP : บันทึกการเข้า

ตนเองมีความสุขแต่อย่าอยู่บนความทุกของคนอี่น
mignonne
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 05 ตุลาคม 2010, 00:58:35 »

อิ อิ
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2010, 13:49:32 »

          ขอโทษครับที่หายไปหลายวัน"ติดสอบ" พอดีคอมมันพังด้วย เริ่มเล่าใหม่นะครับ
เรื่องที่ 50 "ซักผ้า"
          สามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงานกันมาหลายปีและมีลูก 1 คน กำลังอยากรู้อยากเห็น สองสามีภรรยาจึงตกลงกันว่า ถ้าวันไหนที่จะมีกิจกรรมเข้าจังหวะให้พูดว่า "ซักผ้า" อยู่มาวันหนึ่งสามีก็เอ่ยกับภรรยาว่า
สามี    : ที่รักจ๋าวันนี้เราซักผ้ากันเถอะ
ภรรยา : ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้เครื่องซักผ้าเสีย (วันเบาๆ) สองวันต่อมา สามีก็เอ่ยกับภรรยา
            อีกว่า
สามี    : ที่รักจ๋าวันนี้เราซักผ้ากันได้แล้วหรือยังจ๊ะ ภรรยา : ยังไม่ได้หรอกค่ะ เครื่องซัก
            ผ้ายังซ่อมไม่เสร็จจ๊ะ  สามวันถัดมา
ภรรยา : ที่รักจ๋าวันนี้เครื่องซักผ้าใช้ได้แล้วค่ะ
สามี    : อ๋อ ! ไม่ต้องแล้วหล่ะ เพราะเมื่อวานพี่ใช้มือซักไปเรียบร้อยแล้ว 55555
                   ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2010, 19:39:46 »

เรื่องที่ 51 "แม้กระทั่งเทียนไขยังไว้ใจไม่ได้"
      เหตุเกิด ณ. คลินิคชื่อดังแห่งหนึ่ง ของจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพระ
แม่ชีศรีไพร แม่ชีสาวแห่งวัดชายทุ่ง ไม่สบายมาหลายวัน เมื่อทนไม่ไหว จึงได้ชักชวนเด็กชายป๋อง  เด็กวัดให้เดินเป็นเพื่อนไปหาหมอที่คลินิคปากซอย
แม่ชีศรีไพร : ป๋องเจ้ามาอยู่วัดนี้นานเท่าไหร่แล้วล่ะ
ป๋อง          : “4-5 ปีแล้วครับแม่ชี”
แม่ชีศรีไพร : “แล้วบ้านเอ็งอยู่ทีไหนล่ะ ป๋อง"
ป๋อง          : “นี่ครับ  ใกล้จะถึงบ้านผมแล้วครับ   โน่นแม่ผมกำลังจะมีน้องอีกคนนั่นไง
                  ครับ”   สักครู่ทั้งสองก็ไปถึงคลินิค แม่ชีเข้าตรวจ ป๋องนั่งรอแม่ชีอยู่ด้าน
                  นอก สักครู่แม่ชีก็ถือ ขวดเล็กๆ 1 ใบออกมาจากห้องตรวจ
แม่ชีศรีไพร : "ป๋องกลับได้แล้วตรวจเสร็จแล้ว"
ป๋อง          : “แล้วแม่ชีนำขวดกลับไปทำไมล่ะครับ"
แม่ชีศรีไพร : "ก็พรุ่งนี้หมอสั่งให้ฉี่ใส่ขวดนี้  แล้วนำมาให้หมอตรวจอีกที ป๋องช่วยนำมา
                  ให้ด้วยน่ะ พร้อมกับนำผลตรวจไปรายงานให้แม่ชีด้วย"
       วันรุ่งขึ้น ป๋องนำขวดใส่ฉี่แม่ชีไปให้หมอตรวจ ขณะที่เดินเล่นมานั่นเอง  ป๋องเกิดสะดุดตอไม้ล้มลง จนขวดฉี่หกหมด ป๋องจึงคิดได้ว่าแม่เราก็เป็นผู้หญิงเช่นกันจึงตัดสินใจ เข้าไปอ้อนวอนให้แม่ฉี่ใส่ขวดแทนที่ แล้วป๋องก็นำไปให้หมอตรวจ  สักครู่คุณหมอก็นำใบผลตรวจ ให้ป๋องนำไปให้แม่ชี
ป๋อง          : “แม่ชีครับหมอให้ผลตรวจเป็นใบมาให้แม่ชีอ่านเองครับ"  ผลการตรวจ
                  ปัสสาวะของแม่ชีปรากฏว่า แม่ชี ตั้งท้อง
แม่ชีศรีไพร :  เมื่ออ่านเสร็จแล้วแม่ชีก็อุทานขึ้นว่า "แหม...ทุกวันนี้ แม้กระทั่งเทียนไข
                  ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เลยยยยย"...555555
                           ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
acmilan777
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,076



« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 03:40:24 »

ม่วนดี อ่านติดลมเลยเน้อ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

เก็บทุกความสุข ให้เหมือนวันสุดท้าย
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 11 ตุลาคม 2010, 19:52:21 »

เรื่องที่ 52 "ภรรยาต้องปรับตัว"
         คุณสามีเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก
ส่วนคุณภรรยาก็เป็นแม่บ้านที่ดีมากคนหนึ่ง
         เช้าวันหนึ่ง
“คุณพี่ค่ะ มาทานข้าวเช้า ก่อนแล้วค่อยออกไปทำงานนะค่ะ”
ภรรยาเรียกสามีทานข้าวเช้า “ไม่กิน..พี่จะกินน้องงงงงง”
ว่าแล้วสามีก็……. (อะจึ๋ย อะจึ๋ย)   แล้วก็ออกไปทำงาน
        ตอนเที่ยงคุณสามีกลับมาบ้าน ภรรยาเห็นเข้าจึงเรียก
“อ้าวคุณพี่ กลับมาบ้านทำไมค่ะ มา มา มาทานข้าวเที่ยงกัน”
ภรรยาเป็นห่วงสามีจึงเรียกทานข้าว
“ไม่กิน..พี่จะกินน้องงงงงง”
ว่าแล้วสามีก็……. (อะจึ๋ย อะจึ๋ย)   แล้วก็ออกไปทำงานอีกครั้ง
        ตกตอนเย็น สามีกลับมาบ้าน
ก็พบว่าคุณภรรยากำลังยืนค่อมเตาถ่านอยู่ โดยที่เตาถ่านกำลังแดงระอุอยู่
สามีตกใจมากรีบวิ่งเข้าไปหาและถามว่ากำลังทำอะไรอยู่
คุณภรรยาตอบกลับมาหน้าตายิ้มแย้มว่า
“ก็กำลังอุ่นอาหารเย็นให้พี่ไงคะ!!!“  55555
                   ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
 
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 11 ตุลาคม 2010, 22:24:18 »

เรื่องที่ 53  "ไม่สวยหรอ?"
        มีคู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง มาแต่งงานกันที่โบสถ์แห่งหนึ่ง โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ทำพีธีให้
เมื่อทำพีธีเสร็จแล้ว  เจ้าบ่าวก็ได้ถามกับบาทหลวงว่าค่าใช้จ่ายในงานนี้ทั้งหมดเท่าไร
บาทหลวงก็ตอบกลับมาว่า  "แล้วแต่ความงามของเจ้าสาว" " ถ้าสวยมากก็ให้มากถ้าสวยน้อยก็ให้น้อย"  เจ้าบ่าวก็ได้เอามือล้วงกระเป๋าอยู่พักหนึ่ง แล้วหยิบเหรียญ 5 บาทขึ้นมาให้กับบาทหลวง บาทหลวงจึงได้ถามว่า "ทำไมคุณถึงได้ดูถูกความงามของเจ้าสาวคุณอย่างนี้ "  แล้วบาทหลวงก็ได้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้นดู เมื่อดูแล้วบาทหลวงก็ทอนเงินให้กับเจ้าบ่าวอีก 3 บาท (คุณก็คิดเอาเองแล้วกันว่าเจ้าสาวสวยมากน้อยขนาดไหน) 55555
                     ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 12 ตุลาคม 2010, 10:45:46 »

เรื่องที่ 54 "สอนใจชายทุกคนก่อนแต่งงาน"
       เศรษฐีคนหนึ่ง มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว  ครั้นถึงวัยสมควรแต่งงานแกเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะได้เมียไม่ดีมาผลาญสมบัติของตระกูลจึงประกาศหาคู่ให้ลูกชายผ่านทางคอลัมน์ "มาลัยไทยรัฐ"  ปรากฎว่ามีหญิงสาวจากทั่วทุกสารทิศสนใจมาสมัคร มากมาย แต่ละคนแจ่ม แจ่ม ทั้งนั้น  ทำเอาลูกชายตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใคร  ท่านเศรษฐีจึงได้นำเอาสร้อยแหวน เพชรนิลจินดา ราคาแพง และ หัวมัน หนึ่งหัวมากองไว้ต่อหน้าบรรดาสาว สาว ทั้งหลาย แล้วสั่งให้เลือกหยิบคนละหนึ่งชิ้น  ปรากฏว่าทุกคนล้วนคว้าเอาแต่ข้าวของมีค่า มีเพียงสาวน้อยคนหนึ่งที่หยิบเอาหัวมันขึ้นมา เศรษฐีเห็นดังนั้น ก็พูดกับลูกชายว่า ”ลูกเอ๋ย จงเลือกเอาหญิงคนที่หยิบหัวมันนั้นมาเป็นเมียของเจ้า” ลูกชายรู้สึกแปลกใจ จึงถามพ่อว่าเพราะเหตุใด  เศรษฐีจึงสอนลูกชาย ว่า "ผู้หญิงที่เลือกเอาแก้วแหวน แสดงว่าหลงใหลในทรัพย์สิน ไม่รู้จักทำมาหากิน”  "ส่วนผู้หญิงที่เลือกเอาหัวมันนั้น คือคนที่ขยัน ทำงานไม่เกี่ยง”  ลูกชายได้ฟัง ก็ไม่เถียง พ่อว่าไงก็ว่าตามนั้น
         ผมฟังนิทานเรื่องนี้แล้ว รู้สึกซาบซึ้งในคำสอนของท่านเศรษฐีมากๆ   ทุกวันนี้ผมจึงจดจำใส่ใจไว้ตลอดว่า ถ้าจะมีเมีย ต้องเลือกผู้หญิงที่  "เอามัน ไว้ก่อน" 555555
                             ตกใจ:o ตกใจ ตกใจ ยิงฟันยิ้ม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 12 ตุลาคม 2010, 18:07:58 »

เรื่องที่ 55  "เมื่อสาวแต่งชุดบิกินีหลุดในสระว่ายน้ำ"
         สาวมั่นแต่งชุดบิกินีตัวโปรดเพื่อไปว่าย ด้วยความที่เป็นสระเปิดใหม่ สาวเจ้าเลยไม่ทราบว่าเป็นสระสำหรับสุภาพบุรุษเท่านั้น  อารมณ์ที่เห็นน้ำใสน่าแหวกว่าย เธอก็เลยโดดตูมลงไปในสระ และว่ายน้ำด้วยความเพลิดเพลิน  แต่พอเจ้าหล่อนจะขึ้นจากน้ำนี่สิ
บิกินีตัวจิ๋วท่อนล่างเกิดอันตรธานหายไปไหนไม่ทราบ   ด้วยความตกใจเธอเลยรีบคว้าเอาป้ายที่ตั้งอยู่ข้างสระ  มาปิดจุดสำคัญที่บัดนี้ไม่มีบิกินีปกปิดอีกต่อไปแล้ว  แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบผู้ชายที่อยู่ในบริเวณสระ  เริ่มเดินเข้ามาหาเธอเป็นกลุ่ม ๆ  เธอประหลาดใจมากเลยก้มลงไปมองดูที่ป้าย “ตายแล้ว”  เธอคิดในใจก็ที่ป้ายนั่นเขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวโตเลยว่า ” FOR MEN ” เธอเลยรีบพลิกป้ายกลับไปอีกข้างหนึ่งทันที ปรากฏว่าได้ผล  ผู้ชายที่เดินเข้ามาหาเธอต่างแตกกระจายออกไปเหมือนผึ้งแตกรัง
คราวนี้เธอเลยก้มดูป้ายอีกที เห็นมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า ” อันตราย ลึก 3 เมตร “5555
                            ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
~หนุ่มเวียงใต้~
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 12 ตุลาคม 2010, 19:41:56 »

อ่านตั้งนานกว่าจะจบทุกเรื่อง แต่ก็ฮาดีครับ
IP : บันทึกการเข้า
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 12 ตุลาคม 2010, 22:34:14 »

เรื่องที่ 56 "ใส่ปากอม"
          มีหญิงสาว กับชายหนุ่ม อยู่ในห้อง       สองต่อสอง ชายจับแท่ง แกว่งให้สั่น
ชายสั่งหญิง ให้อม ในปากพลัน                    หญิงดื้อรั้น ชายเร่งเร้า ด้วยอารมณ์
จับโคนไว้ เอาปลายแหย่ ให้เข้าปาก              หญิงกระดาก หุบปากนิ่ง เอาหน้าก้ม
          ชายก็บ่น เหตุผลใด ถึงไม่อม             ต้องขู่ข่ม ให้หายดื้อ กันหรือไร
พูดดีดี ก็ไม่ฟัง ต้องบังคับ                           เอามือจับ ปากให้อ้า คว้าแท่งใส่
ใช้ปากอม เธอไม่เคย เลยหรือไง                  นี่ปรอท วัดไข้... หมอให้อม
                              ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ยิงฟันยิ้ม ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 13 ตุลาคม 2010, 12:36:56 »

เรื่องที่ 57 "ต๋องตุ๋ย ต๋องมอง" (นิทานของชาวไทยใหญ่)
       มีชายสองคนเป็นเพื่อนกัน คนหนึ่งชื่อ ต๋องตุ๋ย อีกคนหนึ่งชื่อ ต๋องมอง คืนหนึ่ง ทั้งสองไปขโมยวัว  ของชาวบ้าน ซึ่งที่บ้านนั้นมีวัวอยู่สองตัว และพอดีตอนนั้นเสือก็กำลังจะมากินวัวนั้นเช่นกัน ขณะที่เสือนั้นกำลังรอ จังหวะอยู่ที่นั่น ลูกเล็กของเจ้าของวัว  เกิดร้องไห้ พ่อแม่จึงขู่ให้เงียบโดยตอนแรกบอกว่า เสือจะกิน แต่ เด็กก็ไม่เงียบ ขู่ว่างูจะกิน
ก็ไม่เงียบ ที่สุดจึงขู่ว่าไอ้ต๋องตุ๋ย ต๋องมองมา เด็กจึงเงียบไป  เมื่อเสือได้ยินดังนั้นก็คิดว่าเด็กนี้เมื่อเขาขู่ว่าเสือจะกินยังไม่ยอมเงียบ แต่พอบอกว่าไอ้ต๋องตุ๋ย ต๋องมองมา กลับเงียบ จึงคิดว่าสองคนนี้คงมีความสามารถมาก เสือก็เลย กลัวทั้งสองคนนี้มาก จึงหมอบ นิ่งอยู่นั้น เมื่อสองคนนี้มาถึงและเป็นตอนกลางคืน จึงเข้าใจผิดว่าเสือเป็นวัวจึงจับ
มัดและจูงมา  ครั้นถึงรุ่งแจ้ง ต๋องตุ๋ยคนที่เดินตามหลังมาเห็นว่าวัวที่เอามานั้นแท้ที่จริงเป็นเสือ จึงวิ่งหนีไป ปล่อยให้ต๋องมองจูงไป  เมื่อต๋องมองหันหลับมาดูอีกทีก็พบว่าเป็นเสือจึงเอาเสือผูกไว้กับต้นไม้แล้วตัวเองก็ปีนหนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้  เสือก็กลัวต๋องมอง จึงดิ้นและหลุดหนีไปได้ บังเอิญที่ว่าต้นไม้ที่ต๋องมองหนีขึ้นไปอยู่นั้น  เป็นที่อยู่ของหมี เมื่อหมีกลับมา เห็นต๋องมองเข้าจึงปีนขึ้นไปเพื่อจะจับกิน ต๋องมองจึงถอดเอาใบดาบหย่อนลงมา หมีก็คิดว่าเป็นหางของต๋องมองจึงจับไว้และดาบก็บาดมือหมีเข้า หมี ตกใจ คิดว่าสัตว์อะไรมีความสามารถขนาดนี้ ขนาดหางยังคม ตัวคงมีอันตรายแน่ หมีเลยหนีไปต๋องมองจึงรอดตายด้วยประการฉะนี้
                               ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 13 ตุลาคม 2010, 19:23:30 »

เรื่องที่ 58 "ทำไมช้างจึงตาเล็ก และเสือถึงมีลาย"
     ยังมีเสือหนุ่มตัวหนึ่งดุร้ายมาก วันหนึ่งมันออกไปหากินตามปรกติ ขณะที่มันสอดส่ายสายตาหาเหยื่ออยู่นั้น มันก็แลเห็นช้างตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มันจึงวางแผนที่จะจับช้างให้ได้ แล้วเสือก็เดินตรงไปหาช้างทันที ฝ่ายช้างเมื่อเห็นเสือเดินตรงมาหามันเช่นนั้น ครั้นจะวิ่งหนีไปก็ไม่ทัน จึงทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดกับเสือไปว่า “สวัสดี เจ้าเสือผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าจะไปไหนหรือ” “ข้าก็จะมาจับเจ้าไปเป็นอาหารนะสิ” เสือตอบ “ช้าก่อนเจ้าเสือร้าย เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอิสระแล้ว ข้าเป็นเชลยเขาอยู่” ช้างพูด“พุทโธ่เอ๋ย อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยากเลย เจ้าตัวใหญ่ออกอย่างนี้ใครจะกล้ามาจับเจ้าเป็นเชลยได้ นอกจากข้าเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่” “นี่ไงเจ้าเห็นมั้ย ขาของข้าถูกล่ามโซ่อยู่กับต้นไม้นี้ ก็เพราะข้าตกเป็นเชลยของมนุษย์” ช้างพูดพร้อมยกขาที่ถูกล่ามโซ่ให้เสือดู “อะไรกันมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียว ยังจับเจ้าล่ามโซ่ได้อีกหรือ” เสือถามอย่างสงสัย“ก็ใช่นะซิ มนุษย์ตัวเล็กๆนี่แหละ ถึงจะไม่มีเขี้ยวเล็บ ไม่มีเขาหรืองา แต่มนุษย์นั้นมี “ปัญญา” ช้างตอบยืนยัน  เสือพอได้ยินช้างพูดถึงคำว่า “ปัญญา” ก็สนใจ จึงถามช้างขึ้นว่า “อ้ายตัวปัญญาของมนุษย์มันวิเศษแค่ไหนเชียว ถ้าข้าเจอละก็ จะจับกินเสียให้เข็ด” “ปัญญาของมนุษย์ก็อยู่ที่ตัวมนุษย์ซิเจ้าเสือเอ๋ย ถ้าเจ้าอยากเห็นจริงๆ ละก็ รีบแก้โซ่ที่ผูกขาข้าออกซิ แล้วข้าจะพาเจ้าไปดู” “ได้เลย” เสือพูดแล้วตรงเข้าไปแก้โซ่ที่ผูกขาช้างออก แล้วช้างก็เดินนำหน้าเสือ มุ่งสู่บ้านมนุษย์ทันที  เมื่อถึงบ้านมนุษย์แล้ว ช้างก็ตะโกนเรียกมนุษย์ให้ออกมาพบข้างนอก ฝ่ายมนุษย์ไม่รู้ว่าใครมาเรียก ก็ออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้ระวังตัว ทันใดนั้น เสือซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว จึงตะครุบตัวมนุษย์ไว้ในกรงเล็บอย่างง่ายดาย  มันหัวเราะเยาะด้วยเสียงอันดัง ที่สามารถเอาชนะมนุษย์ผู้พิชิตช้างได้ เสือจึงหันไปพูดกับช้างว่า
“เจ้าช้าง ไหนเจ้าว่ามนุษย์มีปัญญาเก่งกล้า ยังไม่ทันได้ต่อสู้เลย ข้าก็จับมันได้แล้ว
และข้าจะกินมันเสียเดี๋ยวนี้แหละ”  มนุษย์เมื่อได้ยินเสือพูดอวดตัวเช่นนั้น ก็ใช้ปัญญาของตนต่อสู้กับเสือทันที โดยพูดกับเสือว่า  “ช้าก่อนเจ้าเสือ ถ้าเจ้ากินข้าตอนนี้ เจ้าก็จะไม่มีโอกาศเห็นตัวปัญญาของข้าเลย” เสือได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงัก แล้วถามมนุษย์ไปว่า
“ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ก่อนตายเอาออกมาอวดข้าหน่อยเป็นไง” “ได้ซิ ถ้าเจ้าอยากดู แต่ตัวปัญญาของข้าอยู่ในบ้าน ถ้าอยากเห็น เจ้าต้องปล่อยข้าไปข้าจะได้ไปจูงมันออกมาให้เจ้าดู” เสืออยากเห็นตัวปัญญาเป็นหนักหนา จึงหลงกลปล่อยมนุษย์ไป มนุษย์เมื่อถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว ก็วางแผนจัดการกับเสือ โดยพูดขู่เสือไปว่า “ระวังนะเจ้าเสือ ตัวปัญญาของข้ามันตกใจง่าย ถ้ามันเห็นเจ้าเข้า มันจะวิ่งหนีเข้าบ้าน แล้วจะไม่ยอมออกมาอีกเป็นเด็ดขาด” “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร” เสือถาม “ไม่ยาก เจ้ามาให้ข้าจับมัดไว้กับต้นไม้เสียก็สิ้นเรื่อง” มนุษย์เสนอความคิด “ตกลง” เสือตอบ มนุษย์ก็จัดการมัดเสือไว้กับต้นไม้ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป และออกมาพร้อมกับหวายในมือ เสือเห็นมนุษย์ถือหวาย ออกมาก็แปลกใจ จึงถามว่า   “ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ไม่เห็นจูงออกมาให้ข้าดู”
มนุษย์ชูหวายขึ้นแล้วพูดว่า “นี่ไงละตัวปัญญาของข้า”  “อ้ายนั่นมันหวาย จะเป็นตัวปัญญาได้อย่างไร” เสือแย้ง “นี่แหละตัวปัญญาของข้าอ้ายเสือหน้าโง่ เจ้ามันอวดเก่งนัก ข้าจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง” พอมนุษย์พูดขาดคำ ก็หวดเสือด้วยหวายอย่างมันมือ จนนับครั้งไม่ถ้วน ฝ่ายช้างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็หัวเราะด้วยความชอบใจ เพราะด้วยปัญญาของมนุษย์ มนุษย์ไม่เพียงรอดชีวิต มันเองก็รอดชีวิตด้วย ช้างหัวเราะใหญ่ หัวเราะเสียจนน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตาของช้างเลยเล็กลง เล็กลง จนเหลือเท่าที่เห็นในทุกวันนี้ซึ่งไม่สมกับตัวของมันเลย  ก็เพราะหัวเราะมากนั่นเอง
ฝ่ายเสือเมื่อถูกโบยด้วยหวาย ก็เจ็บปวดแสนสาหัส ดิ้นทุรนทุรายไปมาจนเชือกขาด
มันจึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต จนถึงบัดนี้เสือก็ยังไม่รู้ว่า ปัญญาของมนุษย์คืออะไร  เจ้าเสือ เดินโซซัดโซเซ ไปขอความช่วยจากสัตว์ในป่าให้ช่วยรักษารอยแผลจากการถูกโบยด้วยหวาย แต่ไม่มีสัตว์ใดช่วยเหลือ มีแต่สมน้ำหน้า เพราะเสือได้รังแกสัตว์อื่นไว้มากนั่นเอง ตัวของเสือจึงมีแผลเป็น และกลายเป็นลายให้เห็น มาจนถึงทุกวันนี้ !!!!!  555555
                             ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2010, 18:29:44 »

เรื่องที่ 59  "ข้อแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง"
         ผู้ชายจ่ายเงิน 10 บาท เพื่อให้ได้ของราคา 5 บาท ถ้าเขาต้องการมัน
ผู้หญิง จ่ายเงิน 5 บาท เพื่อให้ได้ของ 10 บาทที่เธอไม่ต้องการแต่เพราะมันลดราคา
ผู้หญิงกังวลเกี่ยวกับอนาคต........................จนกว่าเธอจะมีส ามี
ผู้ชายไม่เคยกังวลเกี่ยวกับอนาคต.................จนกว่าเขาจะมีภรรยา
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จคือ......................คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยา
                                                           ของเขาสามารถใช้ให้หมดได้
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคือ.....................ผู้หญิงที่หาผู้ชายคนดังกล่าวเจอ
การจะมีความสุขกับผู้ชาย...........................คุณจะต้องเข้าใจเขาให้มากโดยรักเขา
                                                           เพียงนิดเดียวก็พอ
การจะมีความสุขกับผู้หญิง..........................คุณต้องรักเธอมากๆ และอย่าคาดหวังว่า
                                                           จะเข้าใจเธอ
ชายที่แต่งงานแล้วอายุยืนกว่าชายที่เป็นโสด....แต่ชายที่แต่งงานแล้วยินดีที่จะตายมาก
                                                           กว่า
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายโดยคาดหวังว่า..........เขาจะเปลี่ยนแปลง...แต่เขาไม่ยอม...
ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงโดยคาดหวังว่า..........เธอจะไม่เปลี่ยน..แต่เธอกลับเปลี่ยนไป.
          ผู้หญิงจะเป็นคนกล่าวคำสุดท้ายในการโต้เถียงทุกครั้ง
          ชายผู้ใดกล่าวอะไรหลังจากนั้นจะเป็นการเริ่มการโต้เถียงครั้งใหม่...
                     ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2010, 18:35:52 »

เรื่องที่ 60 "กางเกงใน"
        มีเด็กหญิงคนนึงชอบปีนขึ้นต้นไม้และชอบปีนบ่อยๆ ยายจึงบอกว่า
"อีหนู ปีนต้นไม้น่ะระวังบ้าง!!  หนุ่มๆมันจะเห็น...กางเกงใน เอาน่ะ"
เด็กหยิงคนนั้นจึงตะโกนลงมาบอกว่า "ไม่เป็นไรยาย หนูถอดเก็บไว้ที่บ้านแล้วปลอดภัย...หายห่วง" 55555
                           ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
by97
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 161


« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2010, 18:39:45 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  ชอบชอบ
IP : บันทึกการเข้า

ตนเองมีความสุขแต่อย่าอยู่บนความทุกของคนอี่น
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!