เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 มิถุนายน 2025, 12:00:16
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  มอสสาดคือใคร...มารู้จักพวกเขากัน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน มอสสาดคือใคร...มารู้จักพวกเขากัน  (อ่าน 7822 ครั้ง)
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:26:07 »

 
เรื่องราวนี้อยู่ในเงามืดมานานกว่าสามทศวรรษ บัดนี้ผู้ปฏิบัติการตัวจริงบางคนยอมเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก พวกเขาเล่าเรื่องที่กลุ่มผู้นำมอสสาดอนุญาตให้ทำสงครามจิตวิทยาในการนำทีมไปทำภารกิจล้างแค้น นี่คือเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์

วันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1972 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี มือปืนแปดคนจากกลุ่มชาวปาเลสไตน์ ที่ชื่อว่า 'Black September' ได้แฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้านนักกีฬา พวกเขาจับนักกีฬาอิสราเอล 11 คนเป็นตัวประกันท่ามกลางสายตาสื่อมวลชนจากทั่วโลก

กลุ่มนี้เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษ 250 คนเพื่อแลกกับชีวิตนักกีฬา หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงตำรวจเยอรมนีตัดสินใจลงมือช่วยเหลือตัวประกัน แต่เกิดความผิดพลาดอย่างร้ายกาจ กลุ่ม Black September หันไปเล่นงานตัวประกัน นักกีฬาอิสราเอลทั้งหมดถูกฆ่าตาย

อันกี สปิตเซอร์ ภรรยาม่ายของนักกีฬาที่เสียชีวิต กล่าวว่า “ภาพที่เห็นนั้นสุดจะบรรยาย เพราะพวกนั้นจับพวกเขาเป็นตัวประกัน พวกนั้นฆ่าตัวประกันคนหนึ่งต่อหน้าเพื่อน ๆ ของเขา พวกเขาต้องทนดูเพื่อนของตนเลือดไหลจนตายไปอย่างช้า ๆ ฉันบอกตัวเองว่า ถ้าสามีของฉันที่อายุเพียง 27 ปี ต้องใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตแบบนั้น มันคงต้องมีใครชดใช้กันบ้าง และฉันจะไม่ยอมนิ่งเฉย ฉันจะทวงถามความยุติธรรมในเรื่องนี้ให้ได้”

วันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1972 ในอิสราเอล ความโศกเศร้าเสียใจของประชาชนแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ คนทั้งประเทศหันไปหานายกรัฐมนตรี โกลด้า แมร์ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เธอก็แสดงการตอบโต้ให้ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนด้วยการโจมตีทางอากาศใส่ค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน

โกลด้า แมร์ สั่งการให้มอสสาด ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการลับของอิสราเอลส่งมือสังหารไปทั่วยุโรปและตะวันออกกลาง เพื่อกำจัดกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการลงมือสังหารที่มิวนิก

ภารกิจมรณะ เอฟราอิม ฮาเลวี และ เดวิด คิมเช ผู้บัญชาการระดับสูงของมอสสาด เล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า ภารกิจของมอสสาดเป็นที่รู้กันในนามปฏิบัติการพระพิโรธ และผู้บริหารของมอสสาดไม่เคยบอกสาธารณชนเรื่องปฏิบัติการนี้มาก่อน

สายลับมอสสาดรู้อยู่แล้วว่า Black September เป็นกลุ่มลับที่แยกตัวออกมาจากองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (พีแอลโอ) ซึ่งสมาชิกในองค์การนี้ต่อสู้กับอิสราเอลมานานหลายทศวรรษ แต่การจะระบุตัวและสังหารกลุ่มคนที่วางแผนปฏิบัติการมิวนิก คงไม่ใช่เรื่องง่าย

มอสสาดจะต้องปฏิบัติการเป็นความลับสุดยอด บรรดาสายลับมอสสาดตระหนักถึงภาระหน้าที่นี้ดี และเริ่มทำงานของตน เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจดจ่อที่การหลุดปากของกลุ่ม Black September ภายในไม่กี่สัปดาห์ มอสสาดก็รวบรวมข่าวกรองที่มีคุณภาพได้

โรเนน เบิร์กแมน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องมอสสาด กล่าวว่า “ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่รวบรวมมาได้ 97 ถึง 99 เปอร์เซ็นต์มาจากพีแอลโอ และองค์กรปาเลสไตน์อื่น ๆ บางคนเดินเข้ามาให้เบาะแสอย่างน่าประหลาดใจ คือเดินเข้ามาในสถานทูตอิสราเอลและสำนักงานต่างๆ ของมอสสาด แล้วก็เสนอตัวว่าจะช่วยมอสสาด ทำไมน่ะเหรอครับ? ก็เพราะพวกเขาต้องการรับประกันว่าญาติของพวกเขาซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศต่าง ๆ จะมีชีวิตที่สะดวกสบาย และปลอดภัย”

ขณะที่เจ้าหน้าที่มอสสาดรวบรวมรายชื่อผู้ต้องสงสัย ก็มีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา อาลี ฮัสซัน ซาลาเมห์ ผู้นำของกลุ่ม กันยายนทมิฬ (Black September) ที่สื่อมวลชนตั้งฉายาว่า เจ้าชายแดง เขามีส่วนพัวพันกับปฏิบัติการจี้เครื่องบินและการก่อการร้ายหลายครั้ง รวมถึงการสังหารหมู่ที่สนามบินเทลอาวีฟ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน แต่เมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาซาลาเมห์ได้ที่ไหน อิสราเอลจึงหันไปสนใจคนอื่นๆ ในบัญชีรายชื่อ 26 คน แต่เมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาซาลาเมห์ได้ที่ไหน อิสราเอลจึงหันไปสนใจคนอื่นๆ ในบัญชีรายชื่อ

สามสัปดาห์หลังจากการสังหารหมู่ที่มิวนิก คณะกรรมการเอ็กซ์ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีโกลด้า แมร์ เป็นผู้ดูแลในฐานะประธานคณะกรรมการลับของรัฐบาลก็อนุญาตให้ลอบสังหารเป้าหมายรายแรก ชายที่ตกเป็นเป้าหมายนั้น เชื่อกันว่าเป็นหัวหน้ากลุ่ม Black September ในกรุงโรม

กรุงโรม เดือนตุลาคม ค.ศ. 1972 หน่วยปฏิบัติการลับของอิสราเอลกำลังสะกดรอยตาม เป้าหมายแรกของพวกเขา คือ วาเอล สเวตเตอร์ ล่ามวัย 30 ปีเขาทำงานให้สถานทูตลิเบียในกรุงโรม ในสายตาชาวตะวันตก สเวตเตอร์เป็นนักเขียนฝ่ายซ้ายที่รักสงบ แต่สำหรับพวกมอสสาด เขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม Black September ในอิตาลี และเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับการวางแผนสังหารหมู่ในมิวนิก การวางแผนลอบสังหารสเวตเตอร์เป็นปฏิบัติการที่มีหลายขั้นตอน และควบคุมอย่างเคร่งครัดโดยสำนักงานใหญ่มอสสาดในเทลอาวีฟ

เดวิด คิมเช อดีตรองหัวหน้ามอสสาด กล่าวว่า “เราพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะให้สายลับเข้าไปประชิดเป้าหมาย เพื่อจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร พวกเขาทำอะไร พวกเขากินอะไรเป็นอาหารเช้า และเราอยากรู้ทุกอย่างที่เราจะรู้ได้เกี่ยวกับตัวเขา”

ภายในไม่กี่วัน ทางการอิตาลีพบร่างของ สเวตเตอร์ ถูกยิง 16 นัดในอพาร์ตเมนต์ของเขา แต่งานของคณะกรรมการเอ็กซ์ยังไม่เสร็จ บรรดาเจ้าหน้าที่ได้พัฒนาเทคนิคการฆ่าใหม่ ๆ เพื่อแพร่ความหวาดกลัวไปในหมู่ศัตรู

กรุงปารีส เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1972 มือสังหารมอสสาดกำลังเตรียมลงมือครั้งที่สอง เป้าหมายคือ ดร. มาห์มุด ฮัมชีรี โฆษกองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ในฝรั่งเศส ข้อมูลของมอสสาดพบว่าเขาไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการวางแผนสังหารหมู่ที่มิวนิกเท่านั้น แต่เขากำลังวางแผนการโจมตีทั่วยุโรปในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

สายลับพบว่าฮัมชีรีอยู่กับภรรยาและลูกในอพาร์ตเมนต์หรูหราทางตอนใต้ของปารีส เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายครอบครัวที่บริสุทธิ์ มอสสาดจึงได้วางแผนการอันซับซ้อน เขาส่งหน่วยพิเศษที่เรียกว่าเคเช็ท ลอบเข้าไปติดตั้งระเบิดในอพาร์ตเมนต์ของเขา วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 1972 เมื่อภรรยาและลูกสาวของฮัมชีรีออกจากอพาร์ตเมนต์ เป้าหมายอยู่คนเดียว เมื่อสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศสโทรศัพท์เข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ฮัมชีรี จึงเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเขา

การทำสงครามจิตวิทยาของมอสสาดดูเหมือนจะได้ผล คนสำคัญ ๆ ของปาเลสไตน์เริ่มกลัวตายขึ้น แต่ภารกิจล้างแค้นของมอสสาดยังคงดำเนินต่อไป

อารอน ไคลน์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องมอสสาด ให้ความเห็นว่า “รัฐบาลทุกประเทศรู้ว่าคนอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนี้ และเนื่องจากมีคำอธิบายว่า มันเป็นการล้างแค้นของอิสราเอลสำหรับเหตุการณ์ที่มิวนิก พวกเขาก็เลยไม่เข้มงวดกับคนอิสราเอลมากนัก”

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1973 แหล่งข่าวในเลบานอนชี้เบาะแสที่อยู่ของเป้าหมายสำคัญสามคนคือ อาบู ยูเซฟ, คามาล นาสเซอร์ และ คามาล อัดวาน สมาชิกหัวรุนแรงคนสำคัญของพีแอลโอ ปฏิบัติการพระพิโรธเตรียมดำเนินภารกิจเหี้ยมเกรียมที่สุดเท่าที่เคยทำมา คือการโจมตีทางทหารใส่ที่มั่นของชาวปาเลสไตน์ในกรุงเบรุต

เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1973 มอสสาดได้รับข้อมูลที่อยู่ของอาลี ฮัสซัน ซาลาเมห์ เป้าหมายอันดับหนึ่งของอิสราเอล พวกเขาแกะรอยไปถึงนอร์เวย์ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังยุ่งอยู่กับภารกิจอื่น สถานการณ์จึงบีบให้มอสสาดต้องปฏิบัติภารกิจกันเอง ทีมสังหารที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หลายคนซึ่งไม่มีประสบการณ์ภาคสนาม พวกเขาถูกนำมารวมกันแบบรีบเร่ง แล้วในวันที่ 18 กันยายน 1973 ทั้งหมดก็บินไปกรุงออสโล

เมืองลิลแฮมเมอร์ ประเทศนอร์เวย์ วันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1973 ที่ชั้นสามของอาคารอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง แดกเม บริง วัย 23 ปี ถูกยิงเสียชีวิตด้วยปืนเบเร็ตตาขนาด .22 จำนวน 14 นัด มือสังหารทำพลาดอย่างร้ายแรง พวกเขายิงผิดคน ข้อมูลซึ่งบอกที่อยู่ของซาลาเมห์กลายเป็นข้อมูลปลอมที่สายลับปาเลสไตน์จงใจจัดฉากไว้ เวลานี้ปฏิบัติการทั้งหมดตกอยู่ในความเสี่ยง และไม่กี่วันต่อมาตำรวจก็กวาดจับสายลับได้หกคน

สายลับถูกตัดสินว่ามีความผิด และถูกจำคุก สื่อทั่วโลกเสนอเป็นข่าวใหญ่ และผลพวงของเสียงประท้วงจากนานาชาติ ก็ทำให้คณะกรรมการเอ็กซ์ต้องสลายตัวไปอย่างเงียบๆ ปฏิบัติการลับของอิสราเอลจบลงด้วยความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชน แต่มอสสาดยังไม่ลืมเป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกเขา

นิวยอร์ก วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 สองปีหลังจากการสังหารหมู่ที่มิวนิก ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำปาเลสไตน์และทีมงานของเขาได้รับเชิญไปยังสหประชาชาติ คนที่ยืนอยู่ข้างเขาเปรียบเหมือนคำสบประมาทสำหรับเจ้าหน้าที่มอสสาดที่ดูโทรทัศน์อยู่ ชายคนนั้นคืออาลี ฮัสซัน ซาลาเมห์ มอสสาดออกตามล่าเขาแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาเงียบหายไปห้าปี แล้วในเดือนมกราคม ค.ศ. 1979 สายลับก็พบว่าเขาอยู่ในเมืองเบรุต

วันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1979 เกิดระเบิดคาร์บอมบ์ขณะที่รถของซาลาเมห์และองครักษ์ผ่านมา เป้าหมายอันดับหนึ่งของมอสสาดเสียชีวิต และเมื่อสังหารซาลาเมห์ได้แล้ว อิสราเอลก็ปิดตำนานบทที่ว่าด้วยการสังหารหมู่ในกีฬาโอลิมปิก พวกเขาล้างแค้นได้แล้ว




 
IP : บันทึกการเข้า
vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:29:51 »

ดู NCIS แม่นก่อเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:37:34 »

ดู NCIS แม่นก่อเจ้า
หลายๆที่จ้า ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม



แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดในหลายๆ ทาง แต่มีสิ่งบ่งชี้หลายอย่างที่ทำให้น่าเชื่อได้ว่า เหตุการณ์ระเบิดย่อมๆ กลางกรุงเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น่าจะเกี่ยวพันกับการเมืองระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านโดยตรง

ยิตซ์ฮัค โชฮัม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ชี้ให้เห็นในแทบจะทันทีหลังเกิดเหตุถึงความคล้ายคลึงกันของวัตถุระเบิดที่ใช้ในไทยกับระเบิดที่ใช้ในการลอบสังหารนักการทูตอิสราเอลในกรุงนิวเดลี เป็นเหตุให้ภริยาและคนขับรถได้รับบาดเจ็บ

และยังเหมือนกันกับระเบิดที่ใช้ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอล ในกรุงทบิลิซิ ประเทศจอร์เจีย แต่มีการตรวจพบและถอดชนวนได้ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น

เหตุการณ์ทั้ง 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุในไทย

ในเมื่อเป้าหมายเป็น "บุคคล" ที่เป็นนักการทูต หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอื่นใดของอิสราเอลที่มีกำหนดเดินทางเยือนไทย และผู้ลงมือเป็นบุคคลถือสัญชาติ "อิหร่าน" บรรดานักวิเคราะห์ก็ฟันธงได้ในแทบจะทันทีว่า เหตุการณ์ทั้งที่ไทย อินเดีย และจอร์เจีย เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เริ่มต้นมาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน

เริ่มด้วยการที่ ทามีร์ พาร์โด ผู้อำนวยการ "มอสสาด" สำนักงานสืบราชการลับเลื่องชื่อของอิสราเอล เสนอวิธีการใหม่เพื่อยับยั้ง หรืออย่างน้อยที่ก็ชะลอโครงการพัฒนานิวเคลียร์ที่อิสราเอลเชื่อว่าเป้าหมายเป็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่าน ด้วยการ "ลอบสังหาร" บรรดานักวิทยาศาสตร์หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องเป็นแกนนำอยู่ในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ผลลัพธ์ก็คือ ในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่เกี่ยวเนื่องอยู่กับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านระหว่าง 5-10 คน ตกเป็นเป้าการล่าสังหารดังกล่าวนี้ ในจำนวนนี้มีนักวิทยาศาสตร์ระดับ "ผู้เชี่ยวชาญ" อยู่ด้วยอย่างน้อย 4 คน

เริ่มต้นจาก มาซูด อาลี โมฮัมมาดี้ เมื่อเดือนมกราคม 2010 ขณะนักฟิสิกส์ชาวอิหร่านรายนี้กำลังก้าวเข้าไปนั่งในรถยนต์ของตนเองที่จอดอยู่ในกรุงเตหะราน จู่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ ก็กลายเป็นระเบิดสังหารโมฮัมมาดี้ ซึ่งถูกผู้เชี่ยวชาญนิวเคลียร์ในโลกตะวันตกระบุในเวลาต่อมาว่าเป็นหนึ่งใน "นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำ" ของอิหร่าน เสียชีวิตจากระเบิดที่เชื่อกันว่าบังคับการจุดชนวนจากระยะไกลนั้นทันที

หลายเดือนให้หลัง 29 พฤศจิกายน มาจิ๊ด ชาห์เรียรี่ ศาสตราจารย์ด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องการถ่ายโอนนิวตรอน ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ กำลังอยู่ในรถขณะที่มีจักรยานยนต์ 2 คันไล่ตามประกบ หนึ่งในจำนวนคนร้ายยื่นระเบิดแปะติดเข้ากับตัวถังรถยนต์ด้านที่ชาห์เรียรี่นั่งอยู่ เกิดระเบิดขึ้นในอีกไม่นานต่อมา เขาเสียชีวิตคาที่ในขณะที่ภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังการโจมตีดังกล่าว

อีกไม่นานให้หลังจากนั้น เฟอรีดูน อับบาซี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแยกไอโซโทบนิวเคลียร์ ชาวอิหร่าน สังเกตเห็นจักรยานยนต์ต้องสงสัยสองคันไล่ตามรถที่เขาเป็นผู้ขับและมีภรรยานั่งไปด้วย ทั้งคู่ตัดสินใจกระโดดหนีลงจากรถทันก่อนที่ระเบิดจะเกิดขึ้นดังสนั่นตามมา ทั้งสองสามีภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดดังกล่าวแต่รอดชีวิตมาได้ หลังจากที่อับบาซี่ฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่ มาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ประธานาธิบดีอิหร่าน แต่งตั้งให้เขาเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ควบคู่ไปกับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านอีกด้วย

เหตุการณ์ที่ถือกันว่าเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" อย่างแท้จริงและนำไปสู่การตอบโต้ชนิด "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" นั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่เอง

มอสตาฟา อาห์มาดี้ โรชาน วัย 32 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านที่เมืองนาทานซ์ ถูกสังหารด้วยระเบิดสังหารที่ถูกขนานนามกันแล้วในเวลานั้นว่าเป็น "สติ๊กกี้ บอมบ์" ระหว่างนั่งอยู่ในรถซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ ก่อนที่จะมีจักรยานยนต์สองคันวิ่งประกบแล้วแปะระเบิดสังหารเข้ากับตัวถัง

"สติ๊กกี้ บอมบ์" คือระเบิดเซมเท็กซ์ หรือซีโฟร์ ติดแผ่นแม่เหล็กแรงสูง จุดระเบิดด้วยชนวนหน่วงเวลา หรือจุดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรล ที่ใช้ในการสังหารอาห์มาดี้ โรชาน เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในการสังหารชาห์เรียรี่

การลอบสังหารอาห์มาดี้ โรชาน เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สร้างปฏิกิริยารุนแรงให้กับทางการอิหร่านมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กระทั่ง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ถึงกับออกมาประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า "เราไม่มีวันละเลยต่อการลงโทษผู้ใดก็ตามที่รับผิดชอบต่อการกระทำนี้"

นายพลมาห์ซูด จาซาเยรี ผู้อำนวยการกองบัญชาการร่วมกองทัพอิหร่าน ถึงกับหลุดปากอย่างตรงไปตรงมายิ่งกว่าว่า ศัตรูทั้งหลายของชาติอิหร่าน "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ และอิสราเอล" ทั้งหมด "จำเป็นต้อง" รับผิดชอบต่อการกระทำทั้งหลายของพวกตน

นี่คือเบื้องหลังของเหตุการณ์รุนแรงที่กำลังลุกลามไปในหลายประเทศ

และเชื่อว่าจะยังไม่ยุติลงง่ายๆ ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
IP : บันทึกการเข้า
>_อนัตตา_<
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,365



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:41:03 »

ป๊าดดดด... ตกใจ ตกใจ ตกใจ ยาวแต้ว่า แป๊ะไว้ก่อนเน้อ ค่ำ ๆ มาอ่านเจ้า  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Addmobile
สวัสดีครับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,735


จริงจังจริงแต่จริงใจ


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:44:03 »

ท่านเอ็นดูคนเมาขำบ้างเด้อครับเห็นตัวหนังสือเยอะหละเพิ่มดีกรี
ขึ้นอีกเท่าตัว ยิงฟันยิ้ม ;Dขำๆ
IP : บันทึกการเข้า
dannalerd
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:46:12 »

IP : บันทึกการเข้า

TOP SHOT....

jomjida
ok
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 968



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:50:41 »

รู้ซะทีดูncisมาตั้งนานยังไม่รู้เลยว่ามอสสาดคือกลุ่มอะไร
แล้วncis9ออกวันไหนครับรอดูมาเป็นทิดแล้วไม่ยอมฉายซะดีกะลังมันส์
IP : บันทึกการเข้า
vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 13:56:10 »

รู้ซะทีดูncisมาตั้งนานยังไม่รู้เลยว่ามอสสาดคือกลุ่มอะไร
แล้วncis9ออกวันไหนครับรอดูมาเป็นทิดแล้วไม่ยอมฉายซะดีกะลังมันส์

ตอนนี้กะลังหาซื้อตั้งแต่ ภาค 1 ถึงภาค 9 จนล่าสุดล่ะคะ

ค้านรอ - -"
IP : บันทึกการเข้า
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 14:09:44 »

ท่านเอ็นดูคนเมาขำบ้างเด้อครับเห็นตัวหนังสือเยอะหละเพิ่มดีกรี
ขึ้นอีกเท่าตัว ยิงฟันยิ้ม ;Dขำๆ
วันจันทร์...อันสดชื่นน่า...อิอิ

รู้ซะทีดูncisมาตั้งนานยังไม่รู้เลยว่ามอสสาดคือกลุ่มอะไร
แล้วncis9ออกวันไหนครับรอดูมาเป็นทิดแล้วไม่ยอมฉายซะดีกะลังมันส์

ตอนนี้กะลังหาซื้อตั้งแต่ ภาค 1 ถึงภาค 9 จนล่าสุดล่ะคะ

ค้านรอ - -"
อ่านของจริงมันส์กว่าครับ เมื่อก่อนเราดูหนังฮอลลิวูดคิดว่าเจ๋งแล้ว...มาเจอรายละเอียดปฏิบัติการจริงของมอสสาด ถึงกับอึ้งครับ
IP : บันทึกการเข้า
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:26:06 »

สงครามหกวันของอิสราเอล

เพราะความที่ยังไม่บรรลุ ข้อตกลงสันติภาพร่วมกันเสียที อิสราเอลกับประเทศอาหรับ จึงทะเลาะกันเรื่อยมา กระทั่งระเบิดเป็นสงคราม อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 1967
ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่าง อิสราเอลฝ่ายหนึ่ง กับอียิปต์ จอร์แดน และซีเรียอีกฝ่ายหนึ่ง



ภายในเวลา 6 วัน อิสราเอลสามารถยึดครองคาบสมุทรซีนาย ฉนวนกาซา ดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนหรือเวสต์แบงก์   และเขตที่ สูงโกลันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเรียกว่าเขตยึดครอง (Occupied Territories)

หลังจากแพ้อิสราเอลในวิกฤตการณ์คลองสุเอซ หรือบางทีก็ เรียกว่าสงครามสุเอซ-ซีนาย (Suez-Sinai War) ในปี 1956 ประธานาธิบดีกา มาล อับเดล นัสเซอร์ ของอียิปต์ ก็ประกาศจะล้างแค้น และสนับสนุนขบวน การชาตินิยมของชาวปาเลสไตน์ พร้อมกับลงมือจัดตั้งพันธมิตรอาหรับที่ราย รอบประเทศอิสราเอล และระดมสรรพกำลังเตรียมทำสงคราม

อิสราเอลอยากรอให้ถูกเล่นงาน จึงเป็นฝ่ายชิงโจมตีก่อน ณ วันที่ 5 มิถุนายน 1967 ซึ่งในวันต่อๆ มาก็สามารถรุกไล่กองทัพอาหรับออก ไปจากดินแดนต่างๆ ข้างต้นได้ แล้วเข้ายึดครองเอาไว้

อิสราเอลยังได้ผนวกเยรูซาเล็มตะวันออกซึ่งจอร์แดนได้เข้าควบ คุมตั้งแต่ช่วงสงครามปี 1948-1949 ด้วย สงครามซึ่งต่อมาเรียกว่าสงครามหก วัน (Six-Day War) ในครั้งนี้จึงนับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของอิสราเอล แม้ว่าในเขตยึดครองจะมีการปะทะไม่หยุดหย่อน

ในช่วงหลายปีก่อนเกิดสงครามหกวันนั้น ประเทศอาหรับต่างๆ ยังคงไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐยิว ซึ่งนักชาตินิยมชาวอาหรับซึ่งนำ โดยนัสเซอร์ได้เรียกร้องให้ทำลายอิสราเอลให้ราบคาบ อียิปต์กับจอร์แดนได้ ให้การหนุนหลังบรรดานักรบชาวปาเลสไตน์ให้โจมตีกองทหาร และพลเรือน ในเขตประเทศอิสราเอลอยู่เนืองๆ พอลงมือเสร็จก็ถอยเข้าไปอยู่ที่ฉนวนกาซา ซึ่งอยู่ในความควบคุมของอียิปต์ หรือไม่ก็ในเวสต์แบงก์ซึ่งอยู่ในความควบคุม ของจอร์แดน ในขณะที่ซีเรียก็ใช้ที่สูงโกลันซึ่งเป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบยิงถล่มไร่ นาของอิสราเอลอยู่ไม่ขาด

ข้างฝ่ายอิสราเอลก็ไม่ยอมรับต่อการที่จอร์แดนควบคุมสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของชาวยิวในเยรูซาเล็มตะวันออก มีการตอบโต้การบุกรุก ของฝ่ายอาหรับด้วยการเข้าไปแก้แค้นในเขตแดนของอาหรับเป็นประจำ

ในเดือนเมษายน  1967  หลังจากซีเรียระดมยิงจากที่สูงโกลัน เข้าใส่หมู่บ้านต่างๆ ของอิสราเอลอย่างหนัก อิสราเอลกับซีเรียก็เปิดศึกเวหา กัน โดยอิสราเอลได้ยิงเครื่องบินรบแบบมิกของซีเรียที่ได้รับจากสหภาพ โซเวียตตกไป 6 ลำ พร้อมกับเตือนไม่ให้ซีเรียโจมตีอีก

ซีเรียหันไปขอแรงสนับสนุนจากนัสเซอร์แล้วกลางเดือน พฤษภาคม กองทัพอียิปต์ 100,000 นาย กับรถถัง 1,000 คันก็เคลื่อนพลเข้าสู่ คาบสมุทรซีนาย ซึ่งติดกับพรมแดนด้านทิศใต้ของอิสราเอล ที่ซึ่งมีกองกำลัง ของสหประชาติตั้งอยู่ก่อนแล้วในฐานะผู้สังเกตการณ์

แต่ในวันที่ 17 พฤษภาคม นัสเซอร์ได้ขอให้บุคลากรของยูเอ็น ถอนออกไปจากหลายเขต ซึ่งบรรดาผู้สังเกตการณ์ก็ถอนตัวออกไปหมด พอถึงวันที่ 22 พฤษภาคม นัสเซอร์ก็ประกาศปิดช่องแคบทิรัน ซึ่งอิสราเอล อาศัยเป็นทางออกสู่ทะเลแดง และเป็นแหล่งน้ำมันดิบแหล่งใหญ่

ตอนที่เกิดวิกฤตการณ์คลองสุเอซเมื่อปี 1956 อียิปต์ก็เคยปิด ช่องแคบแห่งนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว กระทั่งเป็นต้นเหตุของสงครามดังกล่าว ซึ่งอิสราเอลเคยประกาศชัดไว้ตั้งแต่บัดนั้นแล้วว่า ถ้าอียิปต์ปิดช่องแคบทิรันอีก จะถือเป็นการทำสงคราม

อิสราเอลยังได้กลิ่นสงครามโชยมาอีกกระแสหนึ่งด้วย เมื่ออียิปต์กับจอร์แดนลงนามในข้อตกลงให้กองทัพของทั้งสองประเทศอยู่ภาย ใต้การบัญชาการร่วมกัน

เพราะเหตุที่อิสราเอลกลัวจะต้องรับศึกถึง 3 ด้าน คือ อียิปต์ จอร์แดน และซีเรีย และด้วยความที่อยากให้สงครามเกิดนอกบ้านมากกว่าใน บ้าน อิสราเอลจึงตัดสินใจชิงลงมือก่อน

เช้าวันที่ 5 มิถุนายน ฝูงบินของอิสราเอลได้โจมตีอียิปต์ ซึ่งมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนั้น ในเวลา 8.45 น. ซึ่งอิสราเอลลงมือนั้น เครื่องบินส่วนใหญ่ของอียิปต์ยังจอดอยู่ พวกผู้บัญชาการทหารก็ต้องเจอสภาพ รถติดกว่าจะมาถึงกองบัญชาการ โดยเครื่องบินของอิสราเอลสามารถหลบหลีก เรดาร์ของอียิปต์ไปได้ และเข้าโจมตีในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด มหกรรม เซอร์ไพรส์ครั้งนี้จึงได้ผล

ภายในไม่กี่ชั่วโมง อิสราเอลซึ่งเน้นโจมตีกองทหารและสนาม บิน ได้ทำลายเครื่องบินรบของอียิปต์ไป 309 ลำจากทั้งหมด 340 ลำ จากนั้นทหารราบของอิสราเอลก็เคลื่อนเข้าสู่คาบสมุทรซีนายและฉนวนกาซา เข้าสู้รบกับหน่วยทหารของอียิปต์ ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายอียิปต์สูญเสียอย่างหนัก ขณะที่ทหารอิสราเอลเสียชีวิตเพียงไม่กี่คน

ขณะเดียวกัน อิสราเอลได้บอกไปยังกษัตริย์ฮุสเซนแห่ง จอร์แดนว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับการศึกครั้งนี้ แต่ในเช้าวันแรกของสงครามนั้น นัสเซอร์ได้แจ้งไปยังกษัตริย์ฮุสเซนว่าอียิปต์กำลังมีชัยชนะ ซึ่งประชาชนชาว อียิปต์ก็เชื่ออย่างนั้นอยู่หลายวัน ในเวลา 11.00 น. ของเช้าวันแรก กองทัพ จอร์แดนจึงโจมตีอิสราเอลที่เยรูซาเล็มด้วยปืนครกและปืนยาว และยิงปืนใหญ่ เข้าใส่เป้าหมายต่างๆ ในเขตประเทศอิสราเอล

เมื่อทำเอากองทัพอากาศของอียิปต์เดี้ยงไปแล้ว   ฝูงบินของ อิสราเอลก็หันมาเล่นงานจอร์แดน พอตกตอนเย็น กองทัพอากาศของจอร์แดน ก็แทบไม่มีอะไรเหลือ ขณะที่อิสราเอลสูญเสียเพียงเล็กน้อย เมื่อถึงเที่ยงคืน ทหารราบของอิสราเอลก็เข้าโจมตีทหารจอร์แดนในเยรูซาเล็ม รุ่งขึ้นเช้าวันที่ 6 มิถุนายน ทหารอิสราเอลก็ล้อมเมืองนี้ไว้ได้เกือบหมด

ในวันที่สอง กองทัพอากาศของอิสราเอลยังโจมตีฐานทัพ อากาศต่างๆ ของฝ่ายอาหรับอย่างต่อเนื่อง เพิ่มยอดความสูญเสียของเครื่อง บินเป็น 416 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบิน 2 ใน 3 ของซีเรีย เมื่อสามารถ ครองน่านฟ้าได้เกือบสมบูรณ์เช่นนี้ เครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดของ อิสราเอลก็สามารถสนับสนุนการรุกของรถถังและทหารราบบนภาคพื้นดินได้ อย่างสบาย

ฉะนั้น กำลังเสริมของจอร์แดนจึงไม่สามารถไปถึงเยรูซาเล็ม ได้ ในเวลา 10,00 น.ของวันที่ 6 มิถุนายน อิสราเอลก็สามารถยึดกำแพงตะ วันตก (Western Wall) หรือกำแพงพิลาป (Wailing Wall) ในเขตกรุงเก่า (Old City) ของเยรูซาเล็มได้ ซึ่งกำแพงนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของ ศาสนายูดาย

นับเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาเกือบ 2,000 ปีที่ชาวยิวสามารถเข้า ควบคุมกำแพงแห่งนี้ได้ ขณะที่การสู้รบภาคพื้นดินในแหลมซีนายยังดำเนินต่อ ไป โดยอียิปต์เป็นฝ่ายร่นถอยต่อการรุกของอิสราเอล

ในวันที่สามของสงคราม คือ 7 มิถุนายน กองทัพจอร์แดนได้ ถูกผลักดันออกจากเวสต์แบงก์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนกลับไปยังเขตแดนของตน สหประชาชาติได้จัดให้อิสราเอลกับจอร์แดนหยุดยิงกันโดยมีผลในเย็นวันนั้น

วันต่อมา วันที่ 8 มิถุนายน กองทัพอิสราเอลก็บุกถึงคลองสุ เอซ มีการยิงปืนใหญ่ต่อสู้กันตลอดแนว ขณะที่เครื่องบินของอิสราเอลก็ถล่ม ทหารอียิปต์ที่แตกร่น พอควบคุมแหลมซีนายได้แล้ว อิสราเอลก็หันเป้าไปสู่ที่ สูงโกลัน

วันที่ 9 มิถุนายน อิสราเอลเจองานหิน เพราะต้องรุกขึ้นที่สูง ชันไปสู้กับทหารซีเรียที่มีแนวหลุมเพลาะเป็นชัยภูมิอย่างดี โดยอิสราเอลส่ง ทหารม้ายานเกราะขึ้นไปรบกับแนวหน้าของซีเรีย ขณะที่ทหารราบก็รายล้อม ที่ตั้งต่างๆ ของทหารซีเรียไว้

ขณะที่อิสราเอลกำลังทำท่าจะมีชัย ในเวลา 18.30 น.ของวันที่ 10 มิถุนายน อิสราเอลกับซีเรียก็ตกลงหยุดยิงกัน โดยอิสราเอลเข้าควบคุมที่สูงโกลันไว้ทั้งหมด

ส่วนสงครามระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์นั้นไม่ได้ยุติอย่างเป็นทางการอยู่ตั้งหลายปี โดยอิสราเอลได้ควบคุมคาบสมุทรซีนายเอาไว้เรื่อยมา ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะจับมือกันได้ในปี 1979 ตามข้อตกลงแคมป์เดวิด

การที่อิสราเอลสามารถได้ชัยชนะอย่างรวดเร็วและกว้างขวางเช่นนี้ ทำให้ฝ่ายอาหรับเสียกระบวนไปเลยทีเดียว อียิปต์ จอร์แดน และซีเรีย สูญเสียเครื่องบินรบไปเกือบหมด อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ถูกทำลายไปมาก

เฉพาะที่แหลมซีนายและฉนวนกาซา ทหารอียิปต์เสียชีวิตไปราว 10,000 นาย ขณะที่อิสราเอลสูญเสียแค่ 300 นาย โดยรวมแล้ว อียิปต์เสียทหาร 11,000 นาย จอร์แดนเสียประมาณ 6,000 นาย ซีเรียเสียราว 1,000 นาย และอิสราเอลเสีย 700 นาย

พวกผู้นำอาหรับจึงสูญเสียความนิยมภายในบ้าน ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลได้คะแนนนิยมจมหู ข้างฝ่ายโซเวียตซึ่งหนุนหลังอาหรับเต็มตัวก็เสียหน้า เพราะชาติอาหรับถูกพันธมิตรของสหรัฐคืออิสราเอลถล่มแทบไม่เหลือชิ้นดี และอาวุธของโซเวียตก็เอาชนะอาวุธของตะวันตกไม่ได้

ในวันที่  22  พฤศจิกายน   สหประชาชาติได้ออกข้อมติที่  242  เรียกร้องให้อิสราเอลถอนทหารออกจากดินแดนยึดครอง   และให้ชาติอาหรับรับรองเอกราชของอิสราเอลเป็นการแลกเปลี่ยน และให้หลักประกันความสงบตามแนวพรมแดนเป็นการตอบแทน

แต่เหตุการณ์ก็หาเป็นไปตามข้อมติที่ 242 ไม่ ฝ่ายอาหรับกับปาเลสไตน์ยังคงประกาศจะรบกับอิสราเอลต่อไป ขณะที่อิสราเอลก็ไม่ยอมคืนดินแดนยึดครองภายใต้บรรยากาศที่ยังไม่เลิกเป็นศัตรูกัน

ด้วยเหตุนี้ การโจมตีด้วยการก่อการร้ายและการตอบโต้ก็ยังมีอยู่ต่อไป อิสราเอลกับอียิปต์ยังคงยิงปืนใหญ่ ใช้พลแม่นปืน หรือโจมตีทางอากาศต่อกันเป็นครั้งคราวต่อมาอีกหลายปี ถึงจะมีข้อตกลงหยุดยิงกันแล้ว แต่สถานการณ์ในภูมิภาคก็ยังเปราะบางมาก

อิสราเอลได้เสริมความมั่นคงในดินแดนยึดครองด้วยการขยายแนวป้องกันออกไปจนจรดพรมแดนของบรรดาประเทศอาหรับ ทั้งแหลมซีนาย เวสต์แบงก์ และที่สูงโกลัน มีป้อมค่ายแข็งแรง

อิสราเอลยังประกาศความตั้งใจที่จะเก็บเยรูซาเล็มไว้เป็นเมืองหลวงชั่วนิรันดร์ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของตน ซึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้ชาติอาหรับ กระทั่งนำไปสู่สงครามอีกครั้งในปี 1973

ถึงจะไม่ปรากฏผลในเวลานั้น แต่ข้อมติที่ 242 ก็ได้วางรากฐานให้กับกระบวนการสันติภาพซึ่งเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างในช่วงทศวรรษ 1970
IP : บันทึกการเข้า
ค น เ มี ย ง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:46:35 »

ต๋าลายหมดล่ะ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:48:27 »

ต๋าลายหมดล่ะ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

" ฒ "   ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
ค น เ มี ย ง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:58:37 »

เดียวเต่อะ โกรธ โกรธ จุมพิต
IP : บันทึกการเข้า
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 15:59:17 »

เอาไว้อ่านม่วนๆก่า...
IP : บันทึกการเข้า
vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 16:25:44 »


 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 16:57:59 »

อ่านนิยายของ ทอม แคลนซี่ แปลโดยสุวิทย์ ขาวปลอด
จะได้เนื้อหาทั้งที่มาจากเหตุการณ์จริงและเหตุการณ์สมมุติเยอะเลย
บางเรื่องก็เป็นภาพยนต์ แต่อ่านนิยายแปล ได้อรรถรสมากกว่า
ผมมีเต็มบ้าน ใครอยากยืมก็พีเอ็มมาแลกเปลี่ยนกัน
IP : บันทึกการเข้า

vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 16:59:11 »

อ่านนิยายของ ทอม แคลนซี่ แปลโดยสุวิทย์ ขาวปลอด
จะได้เนื้อหาทั้งที่มาจากเหตุการณ์จริงและเหตุการณ์สมมุติเยอะเลย
บางเรื่องก็เป็นภาพยนต์ แต่อ่านนิยายแปล ได้อรรถรสมากกว่า
ผมมีเต็มบ้าน ใครอยากยืมก็พีเอ็มมาแลกเปลี่ยนกัน

 ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 17:03:50 »

อ่านนิยายของ ทอม แคลนซี่ แปลโดยสุวิทย์ ขาวปลอด
จะได้เนื้อหาทั้งที่มาจากเหตุการณ์จริงและเหตุการณ์สมมุติเยอะเลย
บางเรื่องก็เป็นภาพยนต์ แต่อ่านนิยายแปล ได้อรรถรสมากกว่า
ผมมีเต็มบ้าน ใครอยากยืมก็พีเอ็มมาแลกเปลี่ยนกัน

 ตกใจ ตกใจ ตกใจ
ผมชอบอ่านที่เป็นบทความอ่ะครับ อย่างกรณีการเข้าไปแทรกแทรงของสายลับชาติต่างๆในแอฟริกา เช่น เอ็มไอหก เคจีบี จีน มอสสาด ในช่วงสงครามเย็น...มันส์มากครับ
IP : บันทึกการเข้า
vicky
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 17:04:42 »

อ่านนิยายของ ทอม แคลนซี่ แปลโดยสุวิทย์ ขาวปลอด
จะได้เนื้อหาทั้งที่มาจากเหตุการณ์จริงและเหตุการณ์สมมุติเยอะเลย
บางเรื่องก็เป็นภาพยนต์ แต่อ่านนิยายแปล ได้อรรถรสมากกว่า
ผมมีเต็มบ้าน ใครอยากยืมก็พีเอ็มมาแลกเปลี่ยนกัน

 ตกใจ ตกใจ ตกใจ
ผมชอบอ่านที่เป็นบทความอ่ะครับ อย่างกรณีการเข้าไปแทรกแทรงของสายลับชาติต่างๆในแอฟริกา เช่น เอ็มไอหก เคจีบี จีน มอสสาด ในช่วงสงครามเย็น...มันส์มากครับ

บุคคลอันตราย ว้าย กรีส
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 17:12:37 »

รู้ซะทีดูncisมาตั้งนานยังไม่รู้เลยว่ามอสสาดคือกลุ่มอะไร
แล้วncis9ออกวันไหนครับรอดูมาเป็นทิดแล้วไม่ยอมฉายซะดีกะลังมันส์
ตอนนี้กะลังหาซื้อตั้งแต่ ภาค 1 ถึงภาค 9 จนล่าสุดล่ะคะ ค้านรอ - -"
..เข้าไปฝั่งท่าขี้เหล็ก เพียบ....ระวังตอนถือออกมาเท่านั้นเอง...
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!