เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 10 พฤษภาคม 2025, 11:07:34
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  ปรัชญา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน ปรัชญา  (อ่าน 2654 ครั้ง)
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:08:58 »

                       การแต่งงาน

เธอเกิดมาด้วยกัน และเธอก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
เธอจะอยู่ด้วยกันแม้เมื่อปีกขาวของความตาย
ปัดกวาดวันคืนของเธอให้กระจัดกระจายไป
ถูกแล้วเธอจะอยู่ด้วยกัน
แม้ในความทรงจำอันสงัดของพระเป็นเจ้า
แต่ขอให้มีช่องว่างในการอยู่ด้วยกันของเธอ
และขอให้กระแสลมแห่งสวรรค์โบกโบยไปมาระหว่างเธอ

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน

จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้   


                   คาลิล  ยิบราน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 21:13:30 โดย นายตะเข้ » IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 22:00:39 »

                      การแต่งงาน

เธอเกิดมาด้วยกัน และเธอก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
เธอจะอยู่ด้วยกันแม้เมื่อปีกขาวของความตาย
ปัดกวาดวันคืนของเธอให้กระจัดกระจายไป
ถูกแล้วเธอจะอยู่ด้วยกัน
แม้ในความทรงจำอันสงัดของพระเป็นเจ้า
แต่ขอให้มีช่องว่างในการอยู่ด้วยกันของเธอ
และขอให้กระแสลมแห่งสวรรค์โบกโบยไปมาระหว่างเธอ

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน

จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้   


                   คาลิล  ยิบราน
ป้าด...เอาของท่านมหากวีมาอ้าง..ใครจะค้านได้เนี่ย
บรรยากาศ มันพาไป บ้านอยู่เชียงราย แต่อยู่บ้านนอก บรรยากาศคล้ายที่บ้าน ตอนฤดูหนาว
ตอนที่เพิ่งเกี่ยวข้าวเสร็จหนะ

ตะก่อนตื่นเช้าไปเก็บผักหมู แสงแดงอุ่นๆยามเช้า ละอองน้ำเหมย นึกแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เดี๋ยวนี้มีแต่สวนลำใย ถ้าจะได้ไปหาบรรยากาศแบบนี้แถวเชียงรายเหี๋ยละก้าที่บ้านบ่าค่อยมีละ
แสดงว่า...สบายกะลังมองหาทางมาเป็นเขยคนเชียงราย....

กะว่า...ท่าจะถูกอ๊ก ถูกใจ๋ สาวเชียงราย คนใดหา

ถ้าจะได้ฝากเนื้อฝากตัวหาเจ้าหมู่เจียงฮายละก้า ฮ่า ฮ่า เฮิ๊กๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
สาวใดสนใจหนุ่มโสดสนิท นิสัยเรียบร้อย...อารมณ์ดี...อยู่ในวัยเจริญพันธุ์...เร่เข้ามาเร่เข้ามา...สบายแมนรับไม่อั้น...อิอิ
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 22:05:25 »

เป็นคนดีใช่อยู่ที่มีความรู้

ใช่อยู่ที่เขาโก้หรุดูภูมิฐาน

ใช่อยู่ที่เขานั้นเป็นอาจารย์

ใช่อยู่ที่กิจการงานเขาทำ

ใช่อยู่ที่ตำแหน่งใหญ่เขาเป็นอยู่

ใช่อยู่ที่เขานั้นดูน่าเกรงขาม

ใช่อยู่ที่เขานั้นเป็นทนายความ

ใช่อยู่ที่เขานามสกุลดี

ใช่อยู่ที่เขานั้นมียศศักดิ์

มีบุญหนักยศลาภมีศักดิ์ศรี

ใช่เขาอยู่ในเผ่าพงษ์วงศ์ผู้ดี

สิ่งเหล่านี้ใช่บ่งชี้ความดีคน

แล้วคนดีเขาดูกันที่ไหน

เอาอะไรเป็นเครื่องวัดชักสับสน

การจะดูว่าดีชั่วของตัวคน

อยู่ที่เขาประพฤติตนเป็นอย่างไร


เอาไปเลยครับห้ายิ้มโดนใจมากๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2012, 22:40:43 »





ปรัชญาขี้เมา.. ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2012, 09:07:48 »

> > ปรัชญาเต๋าบอกว่า " คนเราไม่เคยนึกถึงตีนเมื่อรองเท้าไม่กัด "
> > คนเรามักมองไม่เห็นของดีที่ตนมีอยู่จนเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว
> >
> >ไม่เห็นคุณค่าของสองแขน จนกระทั่งมันอยู่ในเฝือก
> > ไม่เห็นคุณค่าของงาน (ที่เราว่าแย่ๆ) จนกระทั่ง .. ตกงาน
> >
> >ไม่เห็นคุณค่าคนรัก (ที่เราว่าไม่เพอร์เฟ็กท์)
> > จนกระทั่ง เธอ หรือ เขา ไปแต่งงานกับ คนอื่น
> >
> >ไม่เห็นคุณค่าของพ่อแม่ (ที่เราว่าขี้บ่น)
> > จนกระทั่งไปงานศพของท่าน
> >
> >สิ่งที่คนจำนวนมากเลือกทำ คือ บ่นว่าตนเองไม่มีความสุข
> > ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่รวย ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้น สิ่งนี้
> > และเอ่ยประโยคยอดฮิตว่า " มันไม่แฟร์เลย "
> >
> >บางที ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่าโลกไม่มีความยุติธรรม
> >
> > ก่อนที่เราจะบ่น ลองมองตัวเราเองดูดี ๆ
> >
> >เราจะพบว่า เรามีอะไรดีๆ หลายอย่างที่คนอื่นไม่มี
> > เราสามารถทำ " หนึ่งวันเดียวกัน” ของเราให้มีความหมายได้
> > ก็ต่อเมื่อเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี
> >
> >
> >และใช้วันนี้ วันแรกของวันที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด
> > เพราะวันแรกของชีวิตที่เหลือนี้ช่างสั้นเหลือเกิน
> > และเพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเรามี " วันแรกของวันที่เหลือ "
> >อยู่อีกสักกี่วัน .........
> >
IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2012, 09:10:41 »



                                ปรัชญา"เต๋า"


挫折其实就是迈向成功所应缴的学费。

การถอยกลับแท้จริงคือบทเรียนบทหนึ่งแห่งการไปถึงความสำเร็จ

♣ ♣ ♣

失去金钱的人损失甚少,失去健康的人损失极多,失去勇气的人损失一切。

คนที่สูญเสียเงินทองยังสูญเสียน้อย คนที่สูญเสียสุขภาพร่างกายนับว่าสูญเสียมาก คนที่สูญเสียความเชื่อมั่นคือคนที่สูญเสียทุกอย่าง

♣ ♣ ♣

那些尝试去做某事却失败的人,比那些什么也不尝试做却成功的人不知要好上多少。

คนที่พยายามทำในสิ่งที่ล้มเหลว กับคนที่ไม่พยายามทำในสิ่งที่จะประสบความสำเร็จ
ไม่รู้อย่างไหนดีกว่ากันสักเท่าไร

♣ ♣ ♣

如果不想做点事情,就甭想到达这个世界上的任何地方。


หากไม่คิดที่จะทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงที่ใดๆในโลก

♣ ♣ ♣

人生舞台的大幕随时都可能拉开,关键是你愿意表演,还是选择躲避。


ในเวทีชีวิต จะชักม่านปิดฉากได้ทุกเมื่อ ที่สำคัญคือเรายังอยากแสดงต่อ หรือเลือกที่จะเลิก

เรื่องราวในโลก มักไม่เป็นดั่งที่เราหวังไว้ นั่นแหละคือความเป็นธรรมของโลก
IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2012, 09:19:32 »


          ปรัชญา"เต๋า"

บทที่ 1 ประตูสู่ความลี้ลับทั้งมวล

"เต๋า" ที่ใช้ถ้อยคำภาษาบอกเล่าได้
มิใช่เต๋าอันเป็นอมตะ
"นาม" ที่ใช้ถ้อยคำภาษามาแสดงได้
ก็มิใช่นามอันอมตะ
"ไม่มี" คือนามที่เรียกขานระหว่างก่อนฟ้าดินอุบัติ
"มี" คือนามที่เรียกขานเมื่อสรรพสิ่งก่อกำเนิดแต่แรกเริ่ม
อยู่ในอาณาจักรเลิศล้ำมหัศจรรย์สุดหยั่งแห่งความว่างเปล่าเสมอ
สามารถสำรวจความลี้ลับแห่งการสร้างสรรค์ของสรรพสิ่ง
อยู่ในอาณาจักรที่มีวัตถุดำรงอยู่จริงเสมอ
สามารถสำรวจปั้นปลายแห่งวิถีธรรมชาติ
ทั้งสองประการนี้มีที่มารากเหง้าเดียวกัน แต่ขานนามต่างกัน
ทว่าต่างแฝงความหมายลึกซึ้งยาวไกล
การเสาะแสวงสืบค้นอย่างต่อเนื่อง จากลุ่มลึกสู่ความลุ่มลึกมากขึ้น
นั่นก็คือประตูสู่การรับรู้ความลี้ลับทั้งมวลในธรรมชาติ

บทที่ 2 มีกับไม่มีก่อเกิดซึ่งกันและกัน

เมื่อคนทั่วหล้าทราบดีว่า อย่างไรคือความงาม
ครั้นแล้วความอัปลักษณ์ก็อุบัติขึ้น
คนทั่วหล้าต่างทราบดีว่า อย่างไรคือความดี
ก็เพราะมีความชั่วดำรงอยู่
"มี" กับ "ไม่มี" คือสองสิ่งตรงกันข้ามที่ก่อเกิดซึ่งกันและกัน
"ยาก" กับ "ง่าย" ประกอบขึ้นจากสองสิ่งตรงกันข้าม
"ยาว" กับ "สั้น" แสดงให้เห็นจากการเทียบเคียงของสองสิ่งตรงกันข้าม
"สูง" กับ "ต่ำ" คือสองสิ่งตรงกันข้ามที่ดำรงคงอยู่
"เสียงร้อง" กับ "เสียงสะท้อน" คือคู่เสียงที่ประสานกลมกลืน
"หน้า" กับ "หลัง" คือสองสอ่งตรงกันข้ามและปรากฎให้เห็นเป็นลำดับ
เหล่านี้เป็นสิ่งอมตะ
ด้วยเหตุนี้ ปรัชญาเมธีกุมกฎเกณฑ์เหล่านี้ไว้
ทำให้การอบรมศึกษากลายเป็นเรื่องมุมานะปฎิบัติด้วยตนเองอันเป็นพลัง
แบบอย่างที่ไร้วาจา
คล้อยตามธรรมชาติ
ปล่อยสรรพสิ่งเจริญพัฒนาตามสัญชาตญาณธรรมชาติโดยไม่ก้าวก่าย
ให้กำเนิดและหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยไม่ครอบครองเป็นส่วนตน
ช่วยเหลือเอื้อสรรพสิ่งเต็มกำลัง โดยไม่คิดหวังผลตอบแทน
เมื่อภารกิจสัมฤทธิ์ผล ไม่แสดงตนเป็นเจ้าของ
ด้วยเหตุมีเกียรติคุณ ไม่ถือครอง
ดังนั้น ผลงานและเกียรติคุณท่านจึงไม่สูญสลาย

บทที่ 3 ใช้หลักอกรรมให้เป็นประโยชน์ได้อย่างชาญฉลาด

หากผู้ปกครองไม่อิงเจตนาตนยกย่องผู้ปรีชาสามารถ
ประชาชนก็จะไม่แก่งแย่งเพื่อชื่อเสียงลาภยศ
หากผู้ปกครองไม่แสวงหาสิ่งล้ำค่าหายากตามกระแสนิยม
ประชาชนก็จะไม่พิสมัยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนกลายเป็นโจรผู้ร้าย
เมื่อไม่ปรากฎสิ่งยั่วยุพาให้ว้าวุ่นฟุ้งซ่าน
ประชาชนก็ไม่มีเจตนาคิดการร้าย
ดังนั้น วัตถุประสงค์การบริหารปกครองประเทศของอริยบุคคล
คือทำให้อ่อนน้อมคล้อยตาม
ใส่ใจให้มีชีวิตความเป็นอยู่ปานกลางและมีความอบอุ่น
ให้ทุกคนพึงพอใจชีวิตอยู่เย็นเป็นสุขตามความต้องการที่เป็นจริง
ลดความทะยานอยากของประชาชนที่มุ่งเพื่อผลประโยชน์ ฐานะตำแหน่ง
ชื่อเสียง เกียรติยศ และเพื่อเป็นที่โปรดปราน
เสริมสุขพลานามัยทั้งกายใจ
ทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะไร้ทุกข์ไร้ห่วง มีสุขเป็นนิตย์
แม้คนจำพวกอวดตัวว่าชาญฉลาด
ก็มิอาจหาญบุ่มบ่ามยอมสูญเสียชีวิตอันผาสุกของตนไปอย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะประกอบกิจการใด คล้อยตามธรรมชาติ
มีฤาโลกจะไม่สงบสุข

บทที่ 4 โครงร่างเต๋าว่างเปล่า

"เต๋า" คือความว่างเปล่าไร้รูป
ด้วยหยิน-หยางต่างขจัดและขัดแย้งทั้งกลมกลืนซึ่งก้นและกัน จึงสำแดงบทบาท
ยามสำแดงบทบาทกลับมิรู้หมดรู้สิ้น
ความลำลึกนั้นสุดหยั่ง! คล้ายต้นบรรพ์แห่งสรรพสิ่ง
มนุษย์ควรถนอมรักสรรพชีวิตในธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
และควรถนอมรักมนุษยชาติด้วย
จำกัดขัดขวางความฮึกเหิมมุ่งทำลายต่อกัน
นำข้อพิพาทบาดหมางทั้งปวงแปลงเปลี่ยนเป็นอารยสัมพันธ์และผูกญาติสัมพันธ์
มนุษย์และสรรพสิ่งต่างเสพรับความอบอุ่นและแสงจากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน
ต่างปรับตัวสอดรับสิ่งแวดล้อมการดำรงอยู่และต่างผสมผสานเสริมบทบาทกันและกัน
ณ ยามนี้ ฟ้าช่างบริสุทธิ์สดใส!
มนุษย์และสรรพสิ่งไม่แบ่งเขาแบ่งเรา
ไม่ต่อสู้ปะทะกันอีก ไม่บั่นทอนกันเอง
ในเวลาเดียวกันต่างก็หลบเร้นด้านลบอันเป็นสิ่งต่ำทราม ผุกร่อนและสิ่งโสมม
สะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติดั้งเดิมดุจเดียวกับ "เต๋า" ร่วมกัน
โอ้! พลานุภาพ "เต๋า" ที่ยิ่งใหญ่นี้ อเนกอนันต์ไม่รู้หมดรู้สิ้น
ไม่มีการเริ่มต้นและอวสาร หมุนเวียนเป็นวัฎจักร
ข้ากล่าวมิได้ว่า "เต๋า" เป็นลูกหลานของผู้ใด

บทที่ 5 ไม่เอนไม่เอียง

ฟ้าดินไร้สิ่งที่เรียกว่า เมตตาธรรม
สุดแต่สรรพสิ่งเจริญพัฒนาตามธรรมชาติ
อริยบุคคลก็ไร้สิ่งที่เรียกว่า เมตตาธรรม
สุดแต่ประชาชนจะทำงานและพักผ่อน
ระหว่างฟ้ากับดิน
เหมือนกระบอกสูบลมมากมิใช่หรือ?
แม้ว่างเปล่า แต่กลับมิใช่ว่างไร้
ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมากเท่าไร ยิ่งก่อเกิดลมไม่รู้หมดรู้สิ้นเท่านั้น
พูดมากคุยจ้อไม่หยุด รังแต่ทำให้ผู้คนมีจิตสับสน
มิสู้ไม่เอนไม่เอียงรักษาวิถึสายกลางอย่างเคร่งครัด
IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2012, 11:10:24 »

ทุกความเกี่ยวดอง(ระบบ หรือ system) จะวิ่งเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ แต่จะไม่สามารถอยู่ ณ จุดสมดุลย์ ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ สังคมมนุษย์...สรรพสิ่ง จะพยายามถ่วงน้ำหนักทั้งสองข้างให้มากกว่าอีกข้าง...แต่จะไม่มีวันเท่ากัน
IP : บันทึกการเข้า
Addmobile
สวัสดีครับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,735


จริงจังจริงแต่จริงใจ


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2012, 11:12:50 »

ขอบคุณท่านเข้นะครับที่ให้แนวทางดีๆแก่สังคมครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
adrenaline85
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,677


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2012, 22:00:36 »

วันนี้วันอาทิตย์ พรุ่งนี้วันจันทร์ต้องไปทำงาน

ที่ว่านี้หมายถึงคนที่ยังมีงานทำปกติ

แต่ถ้าเป็นคนที่เกษียณ ก็ต้องนั่งอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปทำงานเหมือนเคย

มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปเมื่อถึงวันต้องเกษียณ ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ได้ทำงานเหมือนที่เคยทำมานานเกือบตลอดชีวิต

คนที่เคยเป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้บัญชาการทหาร เป็นปลัดกระทรวง เป็นอธิบดี ก็ต้องทำใจให้ได้ เพราะอำนาจต่าง ๆ ที่เคยมีหายวับไปโดยพลัน

หากทำใจไม่ได้ก็จะห่อเหี่ยวหัวใจไปจนตาย

อีกทั้งสิทธิพิเศษที่เคยมีจะถูกหลวงยึดกลับคืนไปจนหมด เช่น

รถหลวง บ้านหลวง โทรศัพท์หลวง เป็นต้น

มีอย่างเดียวที่หลวงไม่ยอมยึดกลับก็คือ เมียหลวง

ข้าราชการส่วนใหญ่ที่เกษียณจะไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงินเพราะมีเงินบำนาญกิน

เงินบำนาญสามารถนำมาใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพได้จนตลอดชีวิต

เช่นเดียวกับพนักงานรัฐวิสาหกิจก็มีเงินบำเหน็จเป็นก้อนให้นำมาใช้หลังเกษียณ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหมายถึงว่า ไม่มีหนี้สิน หากใครได้เงินบำเหน็จมาแล้ว ต้องใช้หนี้ไปเกือบหมด ก็เดือดร้อนได้ ผู้เกษียณที่ไม่เดือดร้อนจะต้องเป็นคนที่วางแผนการใช้เงินมาดี

บางคนไม่ได้วางแผนเก็บเงินไว้ใช้ตอนแก่เท่านั้น ยังหางานสำรองทำไว้ด้วย เช่น เปิดร้านขายของชำ ทำงานเป็นที่ปรึกษาให้บริษัท หรือไปดูแลสวนยางพาราที่ปลูกไว้ก่อนเกษียณซึ่งกำลังจะกรีดได้

เพื่อนผมคนหนึ่งพอเกษียณ วันแรกก็มีอาชีพทำทันทีคือเป็นหมอดู

ที่ทำได้ทันทีก็เพราะก่อนเกษียณก็เริ่มมีอาชีพหมอดูบ้างแล้ว

บางคนโชคดี เพราะลูกได้ดิบได้ดี ลูกคนโตมีงานทำได้เงินเดือนเยอะ อีกคนเป็นนักธุรกิจค้าขายจนร่ำรวย และอีกคนไปเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ออสเตรเลีย

ที่ว่าโชคดีก็เพราะลูก ๆ ให้เงินใช้ พอเหงาก็ขึ้นเครื่องบินไปพักผ่อนอยู่กับลูกที่ออสเตรเลีย

เมื่อมีคนโชคดีก็ต้องมีคนโชคร้าย เพราะบางคนพอเกษียณก็ป่วยทันทีเป็นทั้งโรคหัวใจ และโรคไต ต้องล้างไต ต้องใช้จ่ายเงินมากแต่เบิกไม่ได้เพราะเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ปลดเกษียณแล้วไม่มีสิทธิเบิก

เงินที่เก็บไว้รวมทั้งเงินบำเหน็จ ต้องนำออกมารักษาตัวจนเหลือน้อยเต็มที

บางคนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ มีเงินอยากจะเที่ยวก็ไปเที่ยวไม่ได้ ได้แต่นั่งคิดโทษตัวเองอยู่คนเดียวว่า

“รู้อย่างนี้ ก่อนป่วยน่าจะเที่ยว เก็บเงินไว้ทำไมก็ไม่รู้”

พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยว คนเกษียณ หรือคนสูงอายุ ถ้าพอมีเงินไปไหนมาไหนได้ ควรจะไปเที่ยว เพราะอีกไม่นานก็ตายแล้ว หรือไม่ก็เดินไม่ไหว

เมื่อยังมีแรงให้เดินได้ ก็ควรพักผ่อนด้วยการเที่ยว แต่ต้องหมายถึง เที่ยวแล้วไม่ทำให้เดือดร้อนเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย

บางคนบอกว่า หลังเกษียณไม่ควรทำอะไร หมายถึงพักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ ดีที่สุด

สำหรับเรื่องนี้ ผมขอค้าน เพราะการอยู่เฉย ๆ จะตายเร็วขึ้น เพราะมีเวลาว่างเกินไป

ดีที่สุด ควรหางานทำ

ทำอะไรก็ได้ ที่เราชอบทำ ถึงแม้ได้ค่าตอบแทนน้อยก็ไม่เป็นไร

คนแก่สมัยนี้ ส่วนใหญ่สมองยังใช้งานได้ หากอยากทำงาน นายจ้างยังต้องการ หรือจะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัวก็ได้ เช่น ทำสวน ปลูกผักสวนครัว

สรุปแล้ว คนแก่ควรมีงานทำ มิเช่นนั้นแล้ว ถ้าอยู่บ้านเฉย ๆ นาน ๆ เข้าจะเบื่อตัวเอง ความจำก็เสื่อมเร็ว กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย

ตามสถิติ คนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคขี้หลงขี้ลืม เช่น กินข้าวแล้วบอกว่ายังไม่ได้กิน อีกทั้งยังถามเรื่องเดียวซ้ำ ๆ หลายครั้ง มักจะเป็นคนเก็บตัวพักผ่อนอยู่ที่บ้านเงียบ ๆ คบเพื่อนก็ไม่คบ แม้โทรศัพท์ก็ไม่รับ เหมือนไม่ต้องการติดต่อกับใคร

คนเป็นอัลไซเมอร์นั้น ตัวเองไม่เดือดร้อน แต่ทำให้คนรอบข้างต้องเหนื่อยกับการดูแล

อย่างไรก็ตามถ้าต้องการมีความสุขหลังเกษียณ จะต้องเข้าใจชีวิตว่า

เกิดมาเป็นคนก็เป็นเช่นนี้แล คือ โชคดีบ้าง โชคร้ายบ้าง สบายบ้าง ลำบากบ้าง

เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองก็อย่าไปกังวล เพราะความทุกข์จะอยู่กับเราไม่นาน เช่นเดียวกับความสุขก็อยู่กับเราไม่นานเช่นกัน

ทุกคนเกิดมาจะต้องมีวิถีการเดินทางของชีวิตเหมือนกัน คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงควรอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยตัดความกังวลทุกอย่างออกไป

และถ้าไม่อยากแก่มากกว่านี้ ทำง่ายนิดเดียวคือให้รีบตายเสียก่อน

ถึงแม้ผมไม่เคยตาย แต่ก็พอจะรู้ว่าความตายไม่ได้เป็นสิ่งน่ากลัวเลย

ที่ไม่น่ากลัวก็เพราะ เมื่อตายไปแล้วจะได้มีที่อยู่ใหม่ อีกทั้งไม่ต้องกังวลว่าตัวเราจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกด้วย

ถูกแล้ว ถ้าไม่ได้ขึ้นสวรรค์ การตกนรกก็ดีเหมือนกันเพราะเพื่อน ๆ ของเราส่วนใหญ่ที่ตายไปแล้วกำลังรอเราอยู่ที่นรกหลายคน เราจะได้ไม่เหงา.

ไมตรี ลิมปิชาติ
IP : บันทึกการเข้า
นายตะเข้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,792


...แพ้ไม่เป็น...


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2012, 20:31:24 »

ผู้ใดยืนอยู่ได้ด้วยปลายเท้า

ย่อมทรงตัวไม่มั่นคง

ผู้ใดยืนแยกขากว้าง

จะก้าวไปข้างหน้ามิได้

 

ผู้ใดปรารถนาเป็นบุคคลฉลาดปราดเปรื่อง

จะเข้าไม่ถึงความจริงแท้

ผู้ใดกระหายในชื่อเสียง

จะไปไม่ถึงความรุ่งโรจน์

 

ผู้ใดสรรเสริญตนเอง

ย่อมไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้

ผู้ใดโอ้อวดตน

จะไม่ได้รับการยกย่อง

 

สำหรับเต๋าแล้ว

เขาดุจดังถังขยะและแผลที่กลัดหนอง

เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป

 

เหตุนั้น

ผู้ซึ่งมีเต๋า

จึงไม่อาลัยอาวรณ์ในสิ่งเหล่านี้

 

(ที่มา: เต๋า :: รู้ และไม่อาจรู้ได้)
IP : บันทึกการเข้า

... กลัวอะไรกับโลกใบนี้ ...
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2012, 08:06:34 »

ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่

ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น

เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย

เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส

เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย

ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

 

นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ

 

ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด

ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

 

ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

 

ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

 

เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว

เดินหมากรุกยังต้อง " คิด "

เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

 

เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา

เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่น เดียวกับเขา

ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

 

การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น

ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่

ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่

ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่

 

อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น

 

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต ( เพราะนัก การฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร )

 

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี  ( สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ )

 

คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย

 

ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน

คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมอง ไปยังอนาคต

ปรัชญา...ขงจื้อ เจ๋ง
กดไลท์@แชร์
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!