เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 เมษายน 2025, 11:16:38
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมนักกลอน
| | |-+  คัดสรรบทกวีนิพนธ์ของนักกลอนระดับชาติ มาให้อ่านกัน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน คัดสรรบทกวีนิพนธ์ของนักกลอนระดับชาติ มาให้อ่านกัน  (อ่าน 53197 ครั้ง)
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« เมื่อ: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 15:20:34 »

"เสียเจ้า" กลอนบทนี้ได้ชื่อว่าไพเราะที่สุดบทหนึ่ง (Most broken heart poem)
กวีนิพนธ์โดย ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
ขออนุญาตคัดลอกมาจากhttp://www.thaiwashington.org/node/198

๏เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า
ซบหน้าติดดินกินทราย

๏จะเจ็บจำไปถึงปรโลก
ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย
อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ

๏ หากเจ้าอุบัติบนสรวงสวรรค์
ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้
ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ

๏แม้แต่ธุลีมิอาลัย
ลืมเจ้าไซร้ชั่วกาลปาวสาน
แม้นชาติไหนเกิดไปพบพาน
จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

๏ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า
ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา
ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย


กลอนบทนี้ได้ชื่อว่าเพราะที่สุดบทหนึ่งของกรุงรัตนโกสินธิ์ (สะกด?)   ท่านอังคารเขียนกวีนิพนธ์บทนี้เมื่อยามหนุ่ม นัยว่าอกหักจากสาวคนหนึ่ง การระบายความรู้สึกของท่าน(กวี)เป็นอารมณ์ ที่พริ้วไหวมาก  โดยกวีจะเปรียบถึงหญิงที่ตนผิดหวังในความรัก  ว่าตัวเองปวดร้าว เจ็บช้ำ เพียงใด  และ อารมณ์นั้นก็แปรเป็นความแค้นเคืองโดยไม่ขออยู่ร่วมด้วยอีกไม่ว่าที่ใดภพใด   แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ให้อภัยและ ยังคงขอเกิดมาเป็นหญ้า เพียงเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ คนที่รัก แม้ว่าจะถูกเหยียบย่ำให้เจ็บปวดอีกก็ตามที แสดงให้เห็นถึงความรักที่กวีมีให้แก่ผู้เป็นที่รักคนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่ารักมากมายเพียงใด

ข้าพเจ้าอ่านบทกวีนี้ตั้งแต่สมัยที่เรียนยอยู่มหาลัยสามย่าน เพื่อนอักษรลือกันว่าท่านเขียนบทกวีนี้บนกระดานหรือฝาพนังห้องเรียนของเธอผู้นั้น เท็จจริงไม่ยืนยัน

๏เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง     ให้นึกถึงว่ามณีสีรุ้งว่าจะหาได้ยากสักเพียงไหน แล้วจะงดงาม มีค่าเพียงใด เสียไปแล้วยากที่จะได้พบอีกชั่วชีวิตนี้ นั่นคือความเปรียบถึงหญิงที่ตนรัก

๏เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง     มณีรุ้งนั้น ไม่ได้หายไป แต่มันร้าวอยู่ตรงหน้า แก้วสีรุ้งนั้นเมื่อร้าวมันก็จะพร่าเลือน เจ็บปวดตรงนั้น
๏เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง     มณีรุ้งนั้น ไม่ได้หายไป มันอยู่ตรงหน้าและมันไม่ร้าว มันพร่าเลือนเพราะน้ำตาที่เอ่อล้นเบ้าตาของกวี
กรุณาอ่านที่เหลืออย่างช้าๆ  แล้ว ใช้จินตนาการเอาเองนะจ๊ะ


ขออนุญาตคัดลอกมาจากhttp://www.thaiwashington.org/node/198
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 20:55:22 โดย ๑๐๔๑๐๑๒ » IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 15:28:45 »

วักทะเล
       วักทะเลเทใส่จาน
       รับประทานกับข้าวขาว
       เอื้อมเก็บบางดวงดาว
       ไว้คลุกข้าวซาวเกลือกินฯ
 

อังคาร กัลยาณพงศ์
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 15:36:55 »

ประวัติและผลงาน
อังคาร กัลยาณพงศ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๙ ที่ ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช บิดาชื่อเข็บ มารดาชื่อขุ้ม ศึกษาขั้นประถม และมัธยมที่โรงเรียนในจังหวัด จากนั้นเดินทางเข้ากรุงเทพฯมาศึกษาวิชาศิลปะ ที่โรงเรียนเพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากรในคณะจิตรกรรม-ประติมากรรม



เริ่มมีผลงานบทกวีตีพิมพ์ในนิตยสาร สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๖ และมีผลงานตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรก คือ หนังสือกวีนิพนธ์ เมื่อพ.ศ.๒๕๐๗ หลังจากนั้นชื่อเสียงและผลงานของท่านก็เป็นที่รู้จักกันอย่างรวดเร็ว

ผลงานกวีนิพนธ์ของท่านที่ได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม มีดังนี้
พ.ศ.๒๕๐๗ กวีนิพนธ์ ของ อังคาร กัลยาณพงศ์
พ.ศ.๒๕๑๒ ลำนำภูกระดึง
พ.ศ.๒๕๑๕ บางบทจากสวนแก้ว
 
พ.ศ.๒๕๒๑ บางกอกแก้วกำศรวญ หรือ นิราศนครศรีธรรมราช
พ.ศ.๒๕๒๙ ปณิธานกวี
 พ.ศ.๒๕๓๐ หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา

 จากผลงานของท่านทำให้ท่านได้รับรางวัลเกียรติคุณต่างๆดังนี้คือ
พ.ศ.๒๕๑๕ รางวัลกวีดีเด่น ของมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประธีป
พ.ศ.๒๕๒๙ รางวัลซีไรต์ จาก ปณิธาณกวี

พ.ศ.๒๕๓๒ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์
 
สนใจประวัติเชิงลึกของท่าน ลองคลิกลิงค์ล่างนี้ น่าสนใจมากๆ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=414173
 

{{{{Cummon in, hold my hands and let's walk together}}}} == สัญญาประคอง

ขอขอบคุณhttp://www.thaiwashington.org/node/198
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 16:48:08 »

สมัยที่เรียนชั้นมัธยม คุณครูท่านให้นำกวีนิพนธ์ของนักกวีมาทำรายงาน
ได้เลือกของท่านอังคาร ทำให้ซาบซึ้งกับบทกวีของท่านอย่างมาก
โดยเฉพาะลายเซ็นของท่าน อ่อนช้อย งดงามมาก
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 17:00:21 »

นอกจากบท "เสียเจ้า" อันลือลั่น ที่โพสต์ไปแล้ว นี่ก็เป็นอีกบทหนึ่ง ที่ใครกำลังอกหัก อ่านแล้วจะอกหักยิ่งกว่าเดิม (ฮา)

ว่ากันว่า ช่วงที่ท่านอังคาร พรั่งพรูกวีรักอกหักเจียนตายออกมานั้น เป็นช่วงที่ท่าน พลาดรัก กับ สตรีผู้สูงศักดิ์ ท่านหนึ่ง (ลองหา hint จากคำกลอนข้างล่างนี้เอานะครับ มีซ่อน ๆ ไว้อยู่)


อนิจจาน่าเสียดาย
ฉันทำชีวิตหายครึ่งหนึ่ง
ส่วนที่สูญนั่นลึกซึ้ง
มีนํ้าผึ้งบุหงาลดามาลย์

ครึ่งหนึ่งหลงเหลือในอกนี้
สั่นชีวีเสียสะเทือนสะท้าน
ซํ้าโซ่ตรวนพันธนาการ
ทรมานปานทาสจะขาดใจ

อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่น้องแก้ว
ขึ้งโกรธพี่แล้วจะทำไฉน
ถึงใกล้ก็อย่างห่างไกล
ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน

เสียแรงชายบริสุทธิ์ซื่อ
ควรหรือนางมล้างค่าใฝ่ฝัน
ทิ้งให้เทวษหาจาบัลย์
ที่ไหนนั่นมิ่งขวัญจะกลับคืน

หมายทะนุถนอมไว้กะอก
กลับตกในมือของเขาอื่น
แสนเจ็บแสนปวดปูนปื้น
พิษมาเสียบเสียววิญญาณ

ใจนางอย่างนํ้าค้างกลางดึก
ดั่งผนึกเพชรใสไหวสะท้าน
ชั่วครู่ก็แตกดับกับดินดาน
ไร้แก่นสารจะหวังมิยั่งยืน

บุราณว่าพรากจากนารี
ลับลี้สามวันฝันเป็นอื่น
เสียเจ้าโศกเศร้าทุกวันคืน
สุดจะฝืนสู้ทุกข์ขุกเข็ญใจ

แค้นหญิงชิงชังไปทั่วโลก
จะทุกข์โศกกะนารีหรือไฉน
เสียแรงเป็นบุรุษรัตน์อาชาไนย
มาหลงใหลหล่มล้มจมดิน

ละอัปยศแก่วิญญาณ
อัปประมาณอดสูฤารู้สิ้น
จึงตัดใจหลั่งนํ้าไหลริน
ลงดินขาดกันจนวันตาย

คัดลอกจากท่าน คาเมสุมิจฉาจารา ในhttp://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1771.20
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 00:52:38 »

ศิลปินระดับชาติ  ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

บนลานอโศก

หยาดน้ำแก้วเกาะกลิ้งกิ่งอโศก
โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า
มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา
ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี
 
เราพบกันฝันไกลในความรัก
เริ่มรู้จักซึ้งใจในทุกที่
มีแต่เรามิมีใครในที่นี้
ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย


อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า
หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้
เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล
คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน
 
หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ
ใจระงับรับใจในจำนรรจ์
ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน
 
โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น
เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกษร
โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง
 
เมตตาแล้วแก้วตาอย่าทิ้งทอด
ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง
จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง
จะเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย
 
งามเอยงามนัก
แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย
งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย
ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล
 
จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง
ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวน
ถนอมงามห้ามใจควรไม่ควร
ให้ปั่นป่วนไปทุกยามนะความรัก
 
ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม
เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์
ทุกกิ่งก้านมิ่งไม้เหมือนทายทัก
ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ

 
ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่
คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ
ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ
โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง

ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา
ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง
โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา
 
ร่มอโศกสดใสในความฝัน
ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา
ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา
และร่มอาณาจักร.....ความรักเรา


ขอขอบคุณที่มาจาก http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=291.0
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 01:02:56 »



      น้ำตา

      ปาดน้ำตาจากแก้มแต้มกระดาษ
      เป็นประกาศกลอนแปดแผดศัพท์เสียง
      ทดความแค้นแทนความช้ำร่ำเจรียง
      ท้นเอ่อเพียงอกพังคั่งคับใจ

      เสียแรงออมอารมณ์ข่มความคิด
      คำน้อยนิดหนึ่งสะเทือนไม่เคลื่อนไข
      ใครจะหมิ่นเมินหมางก็ช่างใคร
      นี่ไฉนมาช้ำเพราะคำเธอ

      รักแสนรักภักดีกี่ปีแล้ว
      ทุกรอยแนวใจนั้นมั่นเสมอ
      เหมือนไม่พอพิสูจน์พูดสิเพ้อ
      ไหนจะเอออวยให้เข้าใจกัน

      อารมณ์เอ๋ยโอ้ว่าอารมณ์รัก
      หลายเลศนักนึกให้เหนื่อยใจฝัน
      เจ็บไม่จำทำลายค่ามาทุกวัน
      สารพันพยายามนะความรัก

      ขอบคุณ
      แด่น้ำตาปร่าปวดรวดร้าวนี้
      และโศกที่สะเทือนใจได้ประจักษ์
      รสอารมณ์ขมหวานที่พานพัก
      เพิ่มแรงผลักผลิตกลอนขจรขจาย

      น้ำตาหยดหนึ่งนี้มากมีค่า
      ประมวลมาเหมือนฝากมากความหมาย
      เตือนให้ลุกปลุกให้สู้อย่างผู้ชาย
      และระบายเลบงแต้มแก้มเวลา

      เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

      แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 46 15:51:49

      ขออนุญาตคัดลอกมาจากhttp://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W2358358/W2358358.html
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
ดอกรักสีม่วง
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 93



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 01:43:08 »

อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ...
เป็นบทกลอนที่ไพเราะมากมาย....
ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 07:33:23 »

อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ...
เป็นบทกลอนที่ไพเราะมากมาย....
ยิ้มกว้างๆ


เป็นท่านแรกที่ทำให้รู้ว่า กระทู้นี้ก็มีคนอ่าน ร้องไห้
เพราะอยากให้พวกเราในฐานะที่สนใจและชอบกลอน
ได้มาอ่านกวีนิพนธ์ของศิลปินระดับชาติบ้าง
จะได้ซึมซับประทับใจกับบทกวีที่ไพเราะจับจิตของท่านๆเหล่านี้

จะพยายามหาของท่าน นิภา บางยี่ขัน/สุจิตต์ วงษ์เทศ/ขรรค์ชัย บุญปาน และอีกหลายท่านค่่ะ
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 11:45:25 »


ภาษารัก (๓)
สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ
 

ยิ่งคิดถึงเธอมากยิ่งอยากหนี
เกรงเธอมีมลทินสิ้นศักดิ์สาว
พบครั้งใดใจจึงยั้งทุกครั้งคราว
ร้อนทนหนาวหนาวทนร้อนแทรกซอนทรวง

เพราะเพียงคิดผิดก็ผุดในอนุสัย
ถ้าเกินคิดผิดฤทัยคงใหญ่หลวง
ครั้นห้ามคิดจิตหวามกลับตามทวง
จึงขอล่วงบ่วงกรรมแค่คำนึง

แม้อยากกอดยอดรักหนุนตักนุ่ม
อยากเกาะกุมจุมพิตสมคิดถึง
จะห้ามรักหักอารมณ์ข่มใจพึง
รอวันหนึ่งในหวังเหนือตั่งทอง

อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ
อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง
ถึงวันชื่นคืนฉ่ำถูกทำนอง
จะตระกองกอดกกแนบอกนอน


จะกล่อมเธอก่อนนิทราจูบหน้าผาก
ถ้าหลับยากจะให้แขนหนุนแทนหมอน
หลับแล้วเธอละเมอหาผวาวอน
พี่จะช้อนเชยชิดทั้งนิทรา

ถ้าใกล้รุ่งลมหนาวแผ่ผ่าวอก
พี่จะกกจนตรู่ต่างภูษา
ประพิมพ์ปากปลุกเกลือกตรงเปลือกตา
กระซิบว่า "เช้าแล้วจ้ะแก้วใจ

ภาษารักครึ่งแดมีแค่นี้
หมดฤดีตีแผ่จะแค่ไหน
ยิ่งคิดถึงเธอมากยิ่งอยากไกล
แต่กลับไปไม่รอดห่วงยอดรัก

ขอขอบคุณ http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1771.0
จากกระทู้ของ คาเมสุมิจฉาจารา ใน กลอนหาผัว หาเมีย
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 12:56:30 »

อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ...
เป็นบทกลอนที่ไพเราะมากมาย....
ยิ้มกว้างๆ


เป็นท่านแรกที่ทำให้รู้ว่า กระทู้นี้ก็มีคนอ่าน ร้องไห้
เพราะอยากให้พวกเราในฐานะที่สนใจและชอบกลอน
ได้มาอ่านกวีนิพนธ์ของศิลปินระดับชาติบ้าง
จะได้ซึมซับประทับใจกับบทกวีที่ไพเราะจับจิตของท่านๆเหล่านี้

จะพยายามหาของท่าน นิภา บางยี่ขัน/สุจิตต์ วงษ์เทศ/ขรรค์ชัย บุญปาน และอีกหลายท่านค่่ะ

ยิ้มกว้างๆ...มาอ่านตั้งแต่วินาทีแรกที่โพสต์แล้วเจ้าค่า... ยิงฟันยิ้ม
เพียงแต่มิได้โพสต์อะไรลงไป เพราะมัวแต่ซึมซับกับความไพเราะของบทกวีอยู่น่ะค่ะ...
......และเชื่อว่ามีคนเข้ามาอ่านกันมากมาย...ไม่เชื่อลองดูจำนวนผู้อ่านสิคะ....
  ตกใจ ตกใจ ตกใจ....เกือบร้อยแล้วนะ...จะบอกให้.... ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
>_อนัตตา_<
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,365



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 13:17:27 »

ใช่แล้วค่ะ  เจ้าป้าอย่าน้อยใจ อ่านแล้วเอาศึกษาด้วยค่ะ ^__^
IP : บันทึกการเข้า
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 13:40:02 »

บทสุดท้ายของนิยายรัก (๔)
เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร


จริงหรือนี่ที่ว่ารักเราจักร้าว
นึกแล้วหนาวเหน็บนักแก้วรักเอ๋ย
รสสัมผัสอ่อนละมุนที่คุ้นเคย
ไยจึงเผยรสร้างจืดจางกัน

เราเคยร่วมใจฝันว่าวันหนึ่ง
เราจะถึงวันที่งามเหมือนความฝัน
ฟ้าสีทอง ดอกไม้บาน ธารพระจันทร์
และรักอันคงค่าสถาพร

ฉันเฝ้ารอคอยวันที่ฝันไว้
รอด้วยรักด้วยใจไม่ถ่ายถอน
แต่นี่สร้อยสายสวาทมาขาดตอน
เธอกล้ารอนลงด้วยมือเธอหรือไร

เมื่อเธอสิ้นเสน่หามาสนอง
รักที่ปองมอดหมดความสดใส
แผลรักร้ายบ่อนทั่วเนื้อหัวใจ
จะต้องปวดร้าวไปถึงไหนกัน

ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก
แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน
และอาจเป็นเช่นนี้ชั่วชีวัน
เมื่อรักอันแจ่มกระจ่างกลับร้างไกล

นิยายรักยืดยาวของเรานั้น
คงไร้วันสดชื่นขึ้นบทใหม่
หมดความหมายที่จะรอกันต่อไป
เพราะเปลวไฟรักดับลงกับตา


เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร ปัจจุบัน เปลี่ยนนามสกุลเป็น เฉลมิศักดิ์ รงคผลิน
แต่ชื่อจริงก็ไม่โด่งดังเท่า ชื่อในนามปากกา "หยก บูรพา" เจ้าของนิยาย "อยู่กับก๋ง" นั่นเอง

ขอขอบคุณ ท่านคาเมสุมิจฉาจาราจากhttp://www.arunsawat.com/board/index.php?topic
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012, 13:46:44 โดย ๑๐๔๑๐๑๒ » IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
psychologist
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 242


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 16:46:32 »

อยากให้ตามหา  คุณดำรัส  อารีรัตน์  หรือถ้าจำไม่ผิดจะใช้นามปากกาว่า
อารีรัตน์  อารีสวัสดิ์  คนเชียงรายที่แต่งกลอนได้ไพเราะมาก
มาร่วมชมรมเราน่าจะดีนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 17:03:01 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้
เดี๋ยวจะลองตามดูนะคะ
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!