“หีบบรรจุคำอวยพรและความคิดถึงของจุฬาลงกรณ์ ป.ร. ส่งให้แก่
ดารารัศมี ผู้เป็นที่รัก เมื่ออายุครบสามรอบบริบูรณ์ ในสมัยเมื่อ
กลับขึ้นไปเยี่ยมนครเชียงใหม่ รัตนโกสินทรศก ๑๒๗ – ๘ ”
หีบทองคำลงยาประดับเพชร ได้ถูกส่งล่วงหน้ามาทางบก และหีบนั้นถึงก่อนเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ลงไปรับเสด็จที่สบแจ่ม ซึ่งตามระยะเรืออีกเจ็ดคืนจึงจะถึงเชียงใหม่ เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ได้อัญเชิญหีบนั้นไปถวายด้วย
ระหว่างที่ประทับอยู่เชียงใหม่ เจ้าดารารัศมีเสด็จไปเยี่ยมเจ้าผู้ครองนครลำพูน ลำปาง และพระประยูรญาติในจังหวัดนั้นๆ โดยขบวนช้างและม้าเป็นจำนวนนับร้อย มีพลับพลาประทับร้อนประทับแรมตามระยะทางเสด็จ
เมื่อเสด็จกลับจากลำปางแล้ว ได้ทรงสร้างกู่ หรือ อนุสาวรีย์ที่วัดสวนดอก แล้วอัญเชิญพระอัฐิพระญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งบรรจุไว้ตามกู่ตามที่ใกล้ตลาดวโรรสและที่อื่นๆ ไม่เป็นหมวดหมู่และเป็นที่ไม่เหมาะ ไปบรรจุไว้ดังที่ปรากฏต่อมาคือ
๑. พระอัฐิพระเจ้าบรมราชาธิบดีศรีสุริยวงศ์ องค์อินทรสรุศักดิ์ สมญามหาขัติยราช ชาติราชาไชยสวรรค์ (พระเจ้ากาวิละ) พระเจ้าขัณฑเสมานครเชียงใหม่ ที่ ๑
๒. อัฐิเจ้าช้างเผือก เจ้านครเชียงใหม่ ที่ ๒
๓. อัฐิเจ้าหลวงเศรษฐี (คำฝัน) เจ้านครเชียงใหม่ ที่ ๓
๔. อัฐิเจ้าหลวงแผ่นดินเย็น (พุทธวงศ์) เจ้านครเชียงใหม่ ที่ ๔
๕. พระอัฐิอัฐิพระเจ้ามโหตรประเทศฯ พระเจ้านครเชียงใหม่ ที่ ๕
๖. อัฐิเจ้าแม่คำแผ่น ในพระเจ้ามโหตรประเทศฯ
๗. พระอัฐิพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระเจ้าเชียงใหม่ ที่ ๖
๘. อัฐิเจ้าแม่อุสาห์ ในพระเจ้ากาวิโลรสฯ
๙. พระอัฐิพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้าเชียงใหม่ ที่ ๗
๑๐. อัฐิเจ้าแม่ทิพเกสร ในพระเจ้าอินทวิชยานนท์
พร้อมกับอัฐิเจ้านายอื่นๆ อีกมาก
เมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มีการฉลองเป็นงานใหญ่โตมโหฬารกันว่าเป็นงานเกียรติยศเป็นระเบียบ ยังความรื่นเริงบันเทิงใจแก่ผู้ได้มาร่วมในงานนี้อย่างมากที่สุดในเชียงใหม่ มีการมหรสพต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๕ ถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ รวม ๑๕ วัน ๑๕ คืน ได้ปลูกพลับพลาประทับแรม และที่พักเจ้านาย ข้าราชการ โรงพิธี โรงหนัง โรงละคร สนามมวย โรงเลี้ยง หมวดรักษาการทหารตำรวจ สถานีอนามัยประจำอยู่ที่นั่นพร้อมพรัก ย้ายตลาดขายของสดตามไปด้วย
เจ้านครลำปาง เจ้านครลำพูน แพร่ น่าน เชียงราย ตลอดถึงเจ้านายญาติพี่น้องของข้าราชการทุกแผนกได้เข้าร่วมช่วยเหลือในงานนี้กันทั่วหน้า มีสวดแจงแสดงพระธรรมเทศนา ปฐมสังคายนา พระสงฆ์ ๕๐๐ รูปสวดอภิธรรมและถวายของไทยทาน
พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญ อ.ด. ไขว้ ด้วยทองคำ กาไหล่ทองแลเงิน กับทำแหนบทองคำ และลงยาพระราชทานเป็นของแจกในงานนี้ด้วย
นอกจานนี้ พระองค์ยังได้เสด็จไปนมัสการและทำบุญพระธาตุพระบาท และปูชนียสถานสำคัญๆ หลายแห่ง ประทับอยู่ที่นครเชียงใหม่ ๖ เดือน ๘ วัน เสด็จกลับจากเชียงใหม่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ เสด็จลงเรือที่หน้าที่ทำการไปรษณีย์ รวมเรือในขบวนเสด็จกลับนี้ ๑๐๐ ลำเศษ เมื่อถึงเมืองอ่างทอง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงเรือยนต์มารับเสด็จที่นั่น แล้วพาไปประทับแรมที่พระราชวังบางปะอินสองราตรี พระราชทานสร้อยพระกรประดับเพชรเป็นของขวัญในโอกาสเสด็จกลับมานี้ด้วย
กลับสู่พระนครวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๕๒
วันที่ ๑ ธันวาคม ขึ้นตำหนักที่โปรดเกล้าให้สร้างใหม่ในพระราชวังดุสิต พระราชทานเงิน ๒๐๐ ชั่ง (หมื่นหกพันบาท) กับพระราชทานเลี้ยงอาหาร โปรดเกล้าฯ ให้เจ้านาย ข้าราชการที่ลงไปเสด็จร่วมโต๊ะเสวย แล้วพระราชทานประถมาภรณ์มงกุฎสยามแก่เจ้าแก้วนวรัฐฯ เมื่อยังเป็นเจ้าอุปราช ซึ่งไม่เคยพระราชทานแก่เจ้าอุปราชใดๆ กับพระราชทานหีบบุหรี่ทองคำแก่เจ้าแก้วนวรัฐฯ กับเจ้าพระยาสุรสีห์
พระราชชายา เจ้าราดารัศมีมีเชษฐาและเชษฐภคินีดังนี้
๑. เจ้าน้อยโตน บิดาเจ้ารถแก้ว
๒. เจ้าราชวงศ์ (น้อยขัติยะ) บิดาเจ้าบุษบา
๓. เจ้านางคำต่าย
๔. เจ้าแก้วผาบเมือง บิดาเจ้าอุ่นเรือน
๕. เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ (น้อยสุริยะ) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ที่ ๘
๖. เจ้าแก้วนวรัฐ (เจ้าแก้ว) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ที่ ๙
๗. เจ้าจอมจันทร์
๘. เจ้านางคำห้าง
๙. เจ้านางจันทรโสภา
๑๐. พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาโดยละเอียดของเจ้าดารารัศมี ผู้เป็นมิ่งขวัญของชาวเหนือและความรักของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงที่มีต่อพระองค์นั้น ลึกซึ้งห่วงใยเพียงใด พระราชหัตถเลขาที่โปรดเกล้าฯถึงพระราชชายาฯ เมื่อเสด็จเชียงใหม่นี้นับว่ามีค่าควรแก่การศึกษาอันจะได้ทราบถึงความสัมพันธ์ ที่มีลักษณะเสมือนพระราชกิจรายวันที่ทรงบันทึกไว้ แต่ได้นำลงพิมพ์ไว้ในหนังสือแจกในงานพระราชทานเพลิงพระราชชายาฯ ๑๓ ฉบับ
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
นั่งนึกว่าป่านนี้คงจะไปถึงที่พักแล้ว เพราะบ่าย ๕ โมงตรง ได้นึกจะส่งของไปทำบุญแต่รุงรังนัก ก็จะพาไปลำบาก จะสั่งก็เผอิญมีการชุลมุน บัดนี้ได้ให้กรมสมมติฯ จัดไตรแพร ๙ ไตรส่งขึ้นมา ขอให้บังสุกุลพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ๓ ไตร พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ๓ ไตร เจ้าทิพเกสร ๓ ไตร ขอให้นิมนต์พระราชาคณะพระครูและครูบาที่เป็นผู้ใหญ่ชักผ้าไตรนี้ อุทิศให้ท่านทั้ง ๓ ผู้ได้มีความรักใคร่คุ้นเคยกันมา
การที่จะไปครั้งนี้เป็นระยะทางไกลให้เป็นห่วง ด้วยเป็นเวลาต่อฤดูกำลังจะเปลี่ยนใหม่ ถ้าเจ็บไข้ขอให้เร่งรักษาก่อน อย่าทอดทิ้งไว้มากแล้วจึงรักษา กันเสียก่อนดีกว่ารักษาเมื่อเป็นมากแล้ว
ขออำนวยพรซ้ำอีกให้เป็นสุขสบายอย่างเจ็บไข้ ขอฝากความอาลัยที่กำลังผูกอยู่ในใจเวลานี้มาด้วย ถ้าจะมีความปรารถนาอันใด ฤๅไปดีประการใด ขอให้บอกข่าวมาให้ทราบตามที่บอกได้ด้วย.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
.
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
ด้วยความคิดถึง มีช่องที่ยังจะถึงกันได้ง่าย จึงหาเหตุว่าจะทำอะไรดี นึกได้ว่ามีหีบหนังจระเข้ซื้อมาเมื่อไปยุโรปคราวนี้ซึ่งลืมเสียแล้วนั้นมีอยู่ เรียกมาดูเห็นงามดี น่าจะใช้ใส่ผ้าตั้งไปในเรือปิกนิคได้ แต่มันเป็นหรั่งๆ อยู่หน่อย จะแก้ไขใช้ได้ ฤๅไม่ก็ตาม เป็นของเขานับถือกันว่าดีมีราคาและงามมาก จึงให้เอาตามขึ้นมาให้
ค่ำวันนี้ได้เอาแผนที่มากะที่จะทำเรือน(๑) เห็นว่าจะขยายได้มาก ยกนางวาด และนางเหม มาอยู่เสียที่เรือนทำใหม่ในเกาะ เอาสามบ้านนั้นมารวมเป็นบ้านเดียว เรือนจะทำให้ใหญ่กินที่สวนเดิมและสวนนางวาดหมด ส่วนนางเหมจะรอไว้ทำเป็นสวนผสมกับที่เดิมจะได้สวนใหญ่ขึ้นมาก เห็นจะเป็นอันตรายพอเพียงได้ ตัวอย่างจะให้ฝรั่งคิด แต่พระยาวรวงศ์ฯ ได้รับแข็งแรงมากว่าจะทำให้แล้วทัน.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
...
(๑) ตำหนักที่โปรดเกล้าฯ ให้ทำไว้คอยท่าพระราชชายาฯ ในพระราชวังดุสิต
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
ได้รับหนังสือลงวันที่ ๑๓ ฉบับหนึ่ง วันนี้กรมดำรงฯ นำมาส่งอีกฉบับหนึ่ง กับแกงปลาเทโพด้วย ได้ทราบตามหนังสือและทราบจากกรมดำรงฯ ตลอดมีความสงสารเจ้าเป็นอันมาก ตั้งแต่ไปแล้วยังไม่เคยลืมนึกถึงสักเวลาหนึ่งเลย
เรือปิกนิคมันเห็นจะโตและอาละวาดจึงไม่ใคร่ขึ้นไปถึง เรือสุวรรณวิจิกเคยไปกำแพงเพ็ชร์คราวหนึ่งแล้ว ร้อนเต็มทีไม่สบาย กลางวันเก๋งเหมือนอั้งโล่ด้านหนึ่ง จนต้องลงเรือเล็กไปเสียจนเย็น จึงขึ้นนอนเรือลำนั้นได้ กรมดำรงฯ ว่าเจ้าอินทฯ จะเปลี่ยนเรือของแกให้ แกจะไปเรือปิกนิคเห็นจะดี
ทราบว่าปากน้ำโพโทรมลงกว่าเมื่อไปเห็นปีกลายนี้ ได้ทักแล้วว่าจะโทรม แต่งยังมีคนแก้อยู่ บัดนี้กรมดำรงฯ รับว่าถูกเสียแล้วเพราะรถไฟมันฆ่าเสียเท่านั้น
เรื่องเรือนที่บอกไม่ได้ไปดูเอง หลับตาเชื่อแผนที่พระยาวรวงศ์ฯ แกผิดทั้งนั้น รุ่งขึ้นไปดูเองจึงต้องแก้ไขใหม่ เรือนที่จะรวมนั้น คือ สวนนางวาดข้างหนึ่ง จะไปทำครัวและอะไรๆ ให้ที่เก๋งพร้อม พิสมัยสวนหนึ่งจะให้ย้ายไปอยู่เรือนนางเหม ฤานางจัน เพราะสองคนนั้นจะได้เรือนใหม่ ที่ตำหนักกรมหลวงวรเสรษฐ์ฯ และเรือนอรทัย เรือนนั้นกำลังลงมือเขียนอย่างคะเนจะเป็น ๙ ห้อง แต่จะมุขฤๅเฉลียงโถงอะไรให้สบายกว่าเก่า เขารับว่าจะทำให้ทัน แต่อย่างไรจวนกลับก็คงต้องเร่ง ได้เห็นลำดวนของรักแล้ว งามดีไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะไม่ถูกเรือน ดินต่ำมากจริงจะต้องถม นึกเห็นว่าถ้าเขียนหนังสือถึงพระยาสุรสีห์ฯ ฉบับหนึ่งจะดี จึงได้เขียนส่งมาในซองนี้ ต่อพบพระยาสุรสีห์ฯ จึงส่ง
กับเห็นตำรวจเจ้านายไปในเมืองอื่น เขาเคยจอตราให้คนที่ได้รับอุปการะ แต่ในเมืองเราเองไม่เคยมี แต่ครั้งนี้เจ้าเป็นเมียผิดกับคนอื่น จะถึงให้บัตรตรามันเกินไป จึงได้จัดของเป็นส่วนสำหรับพระราชทานมอบขึ้นมา ไม่ใช่จะให้แจกแก่ใครๆ ที่มารับรองทั่วไป จะเป็นการฟั่นเฝือไปไม่เก๋ ไว้ให้ใครที่ทำความดีไว้เป็นพิเศษกว่าปกติ เลือกขอให้ตามควรแก่ฐานานุรูป โดยอ้างว่าเป็นของพระราชทานขึ้นมาสำหรับให้แก่ผู้ได้อุปการะขอให้เขา ถือว่าเป็นของพระราชทานเพราะมีอักษรพระนามเป็นสำคัญ ชาวเหนือที่ควรจะให้ก็ให้ได้ ไม่ใช่ตั้งใจสำหรับให้แก่ชาวใต้ จะได้เป็นเกียรติยศแก่ตัวเจ้า ได้สอดบัญชีของมาในซองนี้ด้วย
กรมนราธิปฯ ส่งบทละครพระลอตอนปลายมาให้ดู ยังมีผิดอยู่ที่บอกไปให้แก้อยู่บ้าง แต่เห็นว่าเจ้ามาวังเวงไม่มีอะไรทำ จึงเก็บท่อนต้นละท่อนกลางเติมมา ๒ เล่ม รวมเป็น ๓ เล่ม จะได้อ่านเล่นพอเพลินๆ ปีใหม่นี้ วันที่ ๓๑ มีนาคม กรมนราฯ จะเล่นพระลอตอนต้นให้ดูคืนหนึ่ง แต่บอกว่าจะกินเวลา ๙ ชั่วโมง เล่นสองทุ่มตีสิบเอ็ดเลิก ถ้ารับสั่งให้ตัดถึงจะตัดลงมาเลิก ๘ ทุ่ม
วันที่ ๑ เมษายน จะเล่นพงศาวดารตอนพระยาจักรีโรงฆ้องไปตีกัมพูชา มีพระยาโกษาจีนและนักแก้วฟ้าสัดจอง เขมรงุ่มง่ามอะไรต่างๆ แกว่าจะเล่นให้ตรงข้ามกับตอนพระยารามเดโช ตอนนั้นร้องไห้มากันแล้ว ตอนนี้ให้หัวเราะยังรุ่งอีก คิดถึงเจ้าล่วงหน้าเสียแต่ยังไม่ได้เห็นแล้ว แต่แกยังจะมีเก่งอีก เดี๋ยวนี้กำลังลงมือซ้อมโขน จะเล่นตอนล้างพิธีน้ำทิพย์ เป็นพากย์รับพิณพาทย์ไม่ใช่ละคร เรื่องนี้เห็นจะรอไว้เล่นต่อเจ้ากลับได้ เพราะแกยังต้องทำไมตรีกับแม่เขียนให้สอนนางช้อยเป็นทศกรรฐ์ เพราะแม่เขียนให้สอนนางช้อยเป็นทศกรรฐ์ เพราะแม่เขียนทำท่าลิ้นจี่ทศกรรฐ์ของทูลกระหม่อมได้ดีกว่าขุนระบำมาก ตึงตังทำนองเดียวกัน แต่ลิ้นจี่ท่าทางเป็นผู้ดีกว่า ขุนระบำก็ต่อจากยายลำไยน้องลิ้นจี้นั่นเอง แต่ยายลำไยแกเป็นนางไม่ใคร่เอาใจใส่มาก
ทราบว่าจะได้ออกเรือวันที่ ๑๘ จึงขออำนวยพรอีกครั้งหนึ่งให้ไปเป็นสุขสบายดี อย่าเจ็บไข้จนกลับมา จะมีความระลึกถึงเจ้าอยู่เสมอเป็นนิจ.
พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
ด้วยวันนี้ดิลกฯ(๑) ลาว่าจะขึ้นไปส่ง เผอิญพอฝรั่งให้เอารูปถ้ำมองมาขาย จึงนึกว่าไปตามทางจะเปล่าเต็มที อ่านหนังสือตาลายเผื่อจะหยุดดูรูปเป็นการแก้รำคาญ แต่เสียดายเวลาไม่พอที่จะได้จดชื่อตำบลลงเป็นหนังสือไทย นอกจากเมืองจีนและญี่ปุ่น เป็นที่ซึ่งเคยไปเที่ยวแล้วโดยมาก ที่เล่าถึงหนังสือไกลบ้านก็มีหลายตำบล ยังมีสวิซเซอร์แลนด์ เบลลเยี่ยม และฮอลแลนด์ที่ได้ไป แต่เห็นว่าที่ส่งมาถึง ๗๙๘ เต็มทีอยู่แล้ว จะไม่มีเอาไป แต่เท่านี้ก็หนักพออยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะชอบฤๅไม่ เพราะมันหนัก เรือกีดที่เต็มที แต่ถ้าเป็นเรือมีชั้วสมุดจะเรียงแทนก็ได้ ดุ๊ก(๒)และเจ้าชาย(๓)ว่าคงจะชอบจึงได้ส่งมา แต่ถ้าพะรุงพะรังนักส่งให้ดิลกฯคืนมาเสียก็ได้ มันยังมีช่องที่จะส่งถึงได้ก็ส่งด้วยความคิดถึงเท่านั้น
ขออำนวยพรอีกครั้งพร้อมกับความรัก.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
...
(๑) พระเจ้าพระบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสวรรควิสัยนรบดี โอรสเจ้าทิพเกสร
(๒) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพศาสตร์ศุภกิจ
(๓) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๖ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
ด้วยนึกถึงอายุเจ้าเต็มสามรอบ ได้คิดไว้แล้วว่าจะให้ของขวัญ เผอิญประจวบเวลาไม่อยู่ จะให้ก่อนขึ้นไปทำไม่ทัน จึงได้จัดของส่งขึ้นมาด้วย หวังว่าจะได้รับที่เชียงใหม่ ไม่ช้ากว่าวันไปถึงเท่าใด ขออำนวยพรให้มีอายุยืนยาวหายเจ็บไข้ กลับลงมาโดยความสุขสบายทุกประการ ขอให้ดูหนังสือที่เขียนไว้ข้างหลังหีบหน่อย เผลอไปจะไม่ได้อ่าน ขอบอกความคิดถึงอยู่เสมอไม่ขาด ตัวไปเที่ยวเองทิ้งอยู่ข้างหลังไม่ห่วง แต่ครั้นเวลาเจ้าจากไปรู้สึกเป็นห่วงมากจริงๆ.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๖ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ดารา
ได้รับโทรเลข จะต้องการรูปเข้ากรอบแล้วไปติดบ้านเจ้าอุปราชนั้น ได้ส่งมากับหนังสือนี้ รูปนี้เป็นรูปถ่ายใหม่ เขาว่ากันว่าเหมือน
เรื่องเรือนทำเป็นรูปกงฉากทำนองนี้ ห้องนอนอยู่ตะวันออก ไม่ถูกแดดบ่าย รูปร่างพอใช้ได้ ถ้านับขื่อเป็น ๙ ห้อง ถ้านับฝากั้นเป็นห้อง เป็นข้างบน ๕ ห้อง ข้างบนคือห้องนอน ห้องนั่ง ห้องเก็บของ ห้องกระได ห้องรับแขก ข้างล่างห้องเหมือนกัน ตามแต่จะจัดอย่างไร มีศาลากลาง สวนตะพานเดินไปถึงด้วย มีเฉลียงด้านตะวันออกและด้านเหนือตลอด แต่ตะวันตกไม่มีมุข นึกว่าคงจะสบายดี กลัวแต่ต้องเร่งกันลาตาย ถ้านิ่งเข้าก็จะโอ้เอ้
นึกว่าจะรอต่อปีใหม่จึงจะส่งหนังสือ ก็กลัวจะถึงช้าจึงรีบส่งเสียก่อน หนังสือทวนน้ำไม่ทันใจเลย.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๒๔ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๘
ดารา
ด้วยได้รับโทรเลขว่า จะต้องการศิลาจารึกติดที่กู่ สอบถามกว้างยาวได้ความว่ากว้าง ๑๖ นิ้ว ยาว ๓ ฟุตนั้น ได้ศิลามาโตไปหน่อย จึงให้เลื่อยได้ขนาดแล้ว วันนี้ได้มอบให้กรมหลวงดำรงฯ ขอให้ส่งขึ้นไป แต่เป็นของหนักจะเดินบกลำบาก จึงคิดจะให้ส่งขึ้นไปทางเรือ แต่จะให้เร็วกว่าปกติ
ข้างบางกอกเวลานี้สนุกอยู่ ไม่มีเหตุการณ์อะไร อากาศร้อน แต่มีลมมาก ดูเหมือนจะเย็นกว่าทุกปี กำลังคิดทำนาที่ปลายถนนซางฮี้ในทุ่ง ได้ลงมือซื้อควายเสร็จแล้ว แต่แรกนาของเราต้องเป็นเดือน ๗ แรกนาสำหรับเมืองพรุ่งนี้ ในการเล่นละครขึ้นเรือน องสร้อย(๑)และคุณโหมด(๒) กรมนราฯ ส่งบทมาให้แล้ว ได้เอาส่งมาให้อ่านในซองนี้ด้วย เรื่องขวดแก้วเจียระไนเป็นเรื่องที่แกเคยเล่นที่วิมานนฤมิตร์ วัดสระเกษ แต่ก่อนแล้ว แต่เรื่องเครือฟ้าเป็นเรื่องมาดัมบัตเตอไฟล ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือไกลบ้านตอนเมืองปารีส เปลี่ยนญี่ปุ่นเป็นลาว ฝรั่งเป็นไทยเท่านั้น ที่แกทำคำร้องเช่นนี้ เอาอย่างออปฝรั่ง เพราะเคยได้ชมเมื่อเจ้าเขมรร้อง ละครกรมนราฯ ดูค่อยเฟื่องฟูขึ้น แต่กระนั้นคนยังดูน้อย จนผู้ดีก็ไม่ใคร่ดู เพราะเป็นเรื่องใหม่ ไม่เข้าอกเข้าใจ และต้องฟังมากดูมาก แลไปอื่นไม่ได้ ต่อไม่ติด ด้วยธรรมดาคนเราไปดูละครชอบไปนั่งพูดกัน พอให้เห็นตัวละครเตะตาไปเตะตามา เสียงร้องพิณพาทย์เตะหูแล้วก็พอเท่านั้น ต้องการแต่จะพูดอย่างเดียว จึงไม่ใคร่ชอบ
มีความรำคาญด้วยเจ้าเชียงใหม่เจ็บออดแอดนัก ควรจะคิดอ่านรักษาป้องกันให้ดีอีก
รู้สึกคิดถึงมาก เมื่อมีงานครั้งใด ใครๆ ก็บ่นถึงอยู่ทุกคราว.
(พระบรมนามาภิธัย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
...
(๑) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอาง
(๒) เจ้าจอมมารดาโหมด
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
วันที่ ๒๙ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๘
เจ้าดารารัศมี เชียงใหม่
ดาวกาไหล่ทองที่จะประดับพระธาตุดอยสุเทพเขียนอย่างงามดี แต่ตามขนาดที่บอกมาโตมาก อยากทราบว่าที่ซึ่งจะติดนั้นแบนหรือรูปโก่งกลม จะติดปูนหรือจะได้ให้มีแกน คำจาฦกนั้นดังนี้ “เจ้าดารารัศมี อันเป็นราชธิดาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และแม่เจ้าทิพเกสร ซึ่งได้ครองนครเชียงใหม่ อันได้ลงเป็นพระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานครศรีอยุธยา ถ้วน ๒๒ พรรษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับมาเยี่ยมพระนคร เมื่อจุลศักราช ๑๒๗๑ ได้เสด็จมานมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ทรงศรัทธาแผ่หิรัญจำหลักรูปดาราทาสุวรรณอันวิจิตร์แผ่นนี้ ประดับบูชาพระมหาธาตุเจ้าไว้เป็นที่ตั้งแห่งกุศลสมภาร” จบเท่านี้ จะเอาตามนี้หรือขอแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง จะรีบส่งขึ้นไปให้ทันกันฉลองกู่
(พระบรมนามาภิธัย) สยามมินทร์
..........................................................................
(สำเนาพระราชหัตเลขา)
ที่มา http://www.bloggang.com คุณกัมม์