นักปราชญ์ เป็น เปรต , นักเทศน์ เป็น ปาราชิก

[nantong]

มี คำ ท่านว่า ไว้
         นักปราชญ์  เป็น   เปรต     
         นักเทศน์    เป็น   ปาราชิก

[พญาสิงห์ ๒]

...อธิบายขยายความมากกว่านี้ได้ไหมท่าน

[nantong]

  กราบเรียน ท่านพญาสิงห์ แล ญาติธรรม
ก่อนอื่น ผมขอออกตัว ก่อน ว่า ผมไม่ได้ ว่า เอาเอง  ด้วย ท่านว่า กันมาก่อนแล้ว 
ผมก็ ลืมเลือน ไปใน ความหมายที่ต้องการสื่อ จาก ผู้ต้นคิด ผมบันทึก เอาไว้ เท่าที่ นำมาถ่ายทอด คือ     
 นักปราชญ์ เป็น  เปรต     นักเทศน์  เป็น  ปาราชิก
ผมไปเจอ มา แต่ ก็ไม่ได้ จดบันทึก แหล่งที่มา แล คำอธิบาย
หาก ผมจะขยายความ ผิดใจ  ถูกใจ  เจ้าของวาทะ หรือ ผู้เกี่ยวข้อง ก็โปรดจง อภัยทาน ผมอย่าได้เป็น บาปกรรมเลย

[nantong]

 ผมขอ เอาจาก สมุดบันทึก จิรวฑฺโฒ เสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน 2540
ผู้กล่าวตู่  พระตถาคต

ดุก่อนภิกษุทั้งหลาย  บุคคลสองประเภทนี้ เหล่านี้  ย่อม กล่าวตู่ (หาความ) ตถาคต  คือ  
บุคคล ผู้คิด ประทุษร้าย  มีโทสะภายใน  1 , ผู้มี ศรัทธา กล่าวตู่  ด้วยถือเอา  ความหมายผิด
ดูก่อน  ภิกษุ  ทั้งหลาย   บุคคลสองประเภท เหล่านี้แล   ย่อมกล่าวตู่ ตถาคต
                                                    
                                                 ทุกนิบาต   อังคุตตรนิกาย   20/7

(ผู้มีศรัทธา - ถ้าเรียนผิด  ทรงจำผิด  หรือ เข้าใจผิด  ก็อาจพูด ด้วยความเข้าใจผิดนั้น  เป็นไปทางให้ภัย ได้เหมือนกัน)

ผู้ให้ กับ ผู้รับ

ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย  ในธรรมวินัย ที่กล่าวไว้ชั่วแล้ว
ทายก(ผู้ให้) พึงรู้ประมาณ  ไม่ใช่ปฎิคาหก(ผู้รับ)    ข้อนั้น เพราะเหตุไร ?  เพราะ ธรรม กล่าวไว้ชั่วแล้ว
ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย  ในธรรมวินัย ที่กล่าวไว้ดีแล้ว
ปฎิคาหก(ผู้รับ)  พึงรู้ประมาณ  ไม่ใช่ทายก(ผู้ให้)   ข้อนั้น เพราะเหตุไร ?  เพราะ ธรรม กล่าวไว้ดีแล้ว
  
                                                   เอกนิบาต  อังคุตตรนิกาย    20/45

เมตตาจิต  ชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว

ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย  ภิกษุส้องเสพ  เจริญ  ทำในใจ  ซึ่งเมตตาจิต  แม้ชั่ว เวลาสักลัดนิ้วมือเดียว  
    เรา ย่อมกล่าวว่า   เธอผู้นั้น  อยู่อย่างไม่ว่าง  จาก ฌาน  เป็นผู้ทำตาม คำสอน  ของ  ศาสดา
 เป็น ผู้ปฎิบัติตาม โอวาท      ไม่ฉันอาหาร ของ  ราษฏร ไปเปล่า ๆ    
 จะกล่าวใย  ถึงข้อที่ ภิกษุ จะทำเมตตาจิตนั้นให้มากเล่า

                                                  เอกนิบาต  อังคุตตรนิกาย   20/12

[nantong]

คำเมือง เขาว่าไว้  :  เลี้ยง  คนเฒ่า  ( เหมือน )  เฝ้า  มอหระฮก 

    เทียบเคียง ดู กับ  นักเทศน์  นักปราชญ์   แล้ว ดู บันทึกพระธรรม ที่นำมา โพสต์
 

[nantong]

ผู้รู้ ท่านว่า    ภิกษุ ผู้กล่าวตู่  พระธรรม  พระวินัย  มีสิทธิ์ ปาราชิกได้
หาก  มีผู้หลงเชื่อตาม  แล้วลงมือ  กระทำตาม การกล่าวการสอน  ที่ผิดไปแล้วนั้น ในช่วงระยะเวลา  ที่ภิกษุ  นั้น รับรอง ระยะเวลานั้น ๆ

  แต่ การลงมือ กระทำภายหลังเวลาดังกล่าว    พระ ไม่ผิด  แต่  โยมผิด เป็นบาปกรรมได้
พระบอก ว่า  ให้ ปล้นธนาคาร วันนี้ ไม่เกิน เที่ยงวัน  แต่  ลูกศิษย์นั้น  ปล้น เวลา เกิน จากนั้น

หากตำรวจ  จับคนปล้นได้ แล้วซัดทอด ถึงพระ
  พระไม่ผิด ถึง ปาราชิก  แต่  อะไร จะเกิดขึ้น ต้องสมมุติ กันเอา  ด้วยนี่ มันคือ  การสมมุติ ขึ้นมา

[nantong]

  ไหว้สา สรีสวัสสดี

ด๊อกเตอร์อสุขุม นักปราชญ์  กับ  ท่านคลำ  นักเทศน์
 
ท่านคลำตก  อยู่ในความลำบาก  จากการถูกกล่าวหาว่า มีเมีย  มีลูก  มีภาพนอนบนหมอน กับ สาว น้องสุริออกหน้า ว่าเป็น ภาพตน

ด๊อกเตอร์นักปราชญ์ รีบออกมาเข้าข้าง  แต่ก็เหมือนกับ  ไปชี้โพรงให้ กระรอก  ให้ดีเอสไอ  พิสูจน์ภาพถ่าย  ว่าตัดต่อไหม  หาตำหนิรูปพรรณ  เปรียบเทียบ คนในภาพ กับ นายสุริ ท่านคลำ

ทนาย  ของ  ท่านคำ  จำต้อง ออกมาปราม  ว่า  จะต้องฟ้อง นายอสุขุม  ที่ให้ข่าวโดย  ไม่ได้รับมอบหมาย คือ  สอเอือก จึงทำให้รูปคดีเสีย