เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 02:49:51
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ทำไมอัฟกานิสถานต้องทำลายพระพุทธรูป ? ทำไมมุสลิมเกลียดรูปั้น?
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ทำไมอัฟกานิสถานต้องทำลายพระพุทธรูป ? ทำไมมุสลิมเกลียดรูปั้น?  (อ่าน 2325 ครั้ง)
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 12:44:13 »

จากข่าวการทำลายพระพุทธรูปเก่าแก่ในประเทศอัฟกานิสถาน ทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชาวตะวันตกทราบข้อนี้ดีว่าถ้าเขาสร้างกระแสข่าวนี้ให้ดัง ก็จะทำให้เกิดแนวร่วมในการต่อต้านอิสลามอีกหนึ่งกลุ่มคือชาวพุทธ! และไม่เป็นการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะหลักจากเหตุการณ์นั้นชาวพุทธก็เริ่มไปหยิบประวัติศาสตร์ปลอมๆมาเล่นงานมุสลิม คือจากเดิมที่เราเคยร่ำเคยเรียนกันมาว่าเหตุที่พุทธศาสนาเสื่อมลงในประเทศอินเดียก็เพราะเป็นศาสนาที่ไม่มีพิธีกรรม แต่คนอินเดียนั้นนิยมให้มีพิธีกรรมทางศาสนา เขาไม่ชอบศาสนาที่เป็นทฤษฎีหรือปรัชญามากนัก เขาจึงหันไปนับถือศาสนาฮินดูกันหมดจนกลายเป็นศาสนาประจำชาติของอินเดียไป แต่ในปัจจุบันนี้บรรดาพระสงฆ์และนักเผยแผ่ศาสนาพุทธได้อ้างเหตุผลใหม่แล้ว! เขาบอกว่าเหตุที่พุทธศาสนาเสื่อมไปจากอินเดียก็เพราะถูกกองทัพมุสลิมจากตุรกีบุกรุก! โดยมีการทำลายรูปปั้นและเผาคัมภีร์ศาสนาพุทธ  และเข่นฆ่าชาวพุทธ บีบบังคับให้ชาวพุทธเข้ารับอิสลาม ถ้าไม่ยอมเข้าก็ถูกฆ่าทิ้ง! (แล้วชาวฮินดูล่ะ มุสลิมปล่อยไว้ทำไม?) นี่คือมุขเดิมๆที่ผู้ไม่หวังดีต่อศาสนาอิสลามนิยมกุเรื่องเท็จเหล่านี้มาโจมตีกัน (เพราะหากจะเสนอเรื่องราวของอิสลามอย่างตรงไปตรงมาก็เกรงว่าคนจะหันมาเลื่อมใสศรัทธาในอิสลาม) ทั้งๆที่จริงแล้วหากมุสลิมไปกระทำผิด นั่นก็ไม่ได้หมายรวมว่าศาสนาจะสอนเช่นนั้น แต่ทั้งนี้ข้อเท็จจากหน้าประวัติศาสตร์ที่สืบแหล่งหาข้อมูลได้จริงนั้นไม่เคยมีปรากฏเลยว่ามีกองทัพมุสลิมยุคใด กองทัพใด ไปทำสงครามบีบบังคับให้คนอื่นเข้ารับศาสนา เพราะถ้าศาสนาสอนแบบนั้นจริงแล้ว ก็คงจะไม่มีคนศาสนิกอื่นหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้มาจนถึงยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน เพราะคงถูกมุสลิมฆ่าตายหมด แต่ในอิสลามนั้นสอนว่า “ไม่มีการบังคับใด (ให้นับถือ) ในศาสนา อิสลาม” <คำแปลอัลกุรอาน 2:256>  ดังนั้นคนที่มีอคติและไม่มีความเป็นนักแสวงหาสัจธรรมนั้นก็จะมีการโยงมั่ว!เสมอ โยงเอาเรื่องคำสอนญีฮาดในอัลกุรอานมา โยงเอาเรื่องการทำสงครามมา โยงเอาเรื่องระบอบรัฐอิสลามมา โยงการเอาเรื่องการทำลายรูปปั้นมา ฯลฯ มาผสมเข้ากันแล้วก็มีบทสรุปออกมาว่า มุสลิมเป็นกลุ่มชนที่เกลียดศาสนาอื่น และต้องทำลายศาสนาและฆ่าคนศาสนาอื่นเป็นการญีฮาดเพื่อจะได้เข้าสวรรค์! ..ใครที่เข้าใจแบบนี้ถือว่ามีอาการโยงมั่วขั้นรุนแรง!  
เรื่องญีฮาดและการสงครามนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องมีการทำความเข้าใจกันยกใหญ่ แต่โอกาสนี้จะขอละไว้ก่อน เพราะประเด็นนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่อง “รูปปั้น” ในทรรศนะของอิสลาม
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 12:46:02 »

ทำไมมุสลิมจึงเกลียดรูปปั้น (เจว็ด)? 
คำตอบคือรูปปั้นนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เคารพบูชา ซึ่งถือว่าเป็นการตั้งภาคีต่อพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้กล่าวในอัลกุรอานว่า “และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์” <คำแปลอัลกุรอาน 4:36> “และพวกท่านอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ” <คำแปลอัลกุรอาน 51:51> ซึ่งในทุกประชาชาติไม่ว่ายุคสมัยใดในอดีต ก็จะมีศาสนทูตที่อัลลอฮฺได้ส่งมาสอนและกำชับในเรื่องนี้คือให้สักการะพระเจ้าเพียงองค์เดียว และไม่ให้เคารพบูชาวัตถุรูปปั้น ดังที่ในอัลกุรอานได้กล่าวว่า  “และโดยแน่นอน เราได้ส่งรอซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า) ‘พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮฺ และจงหลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ด(รูปปั้น)’” <คำแปลอัลกุรอาน 16:36>  ซึ่งผู้เคารพต่อมันจะอยู่ในนรก รวมทั้งวัตถุที่นำมาปั้นเป็นรูปปั้นด้วย “..ก็จงระวังไฟนรก ซึ่งเชื้อเพลิงของมันนั้นคือมนุษย์และหิน(ที่นำมาทำเป็นเจว็ด)โดยที่(นรก)มันได้ถูกเตรียมไว้ สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” <คำแปลอัลกุรอาน 2:24>
   การทำลายรูปปั้นจึงเป็นการทำลายสิ่งที่เป็นภาคีต่อพระเจ้า ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่มนุษย์แต่อย่างใด ดังอัลกุรอานกล่าวไว้ว่า “เขาวิงวอนสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ ซึ่งมันไม่ให้โทษแก่เขาและมันก็ไม่ให้คุณแก่เขา นั่นคือการหลงผิดที่ไกลลิบ” < คำแปลอัลกุรอาน 12:22>
    “แท้จริงบรรดาที่พวกเจ้าวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺนั้น พวกมันไม่สามารถจะให้บังเกิดแม้แต่แมลงวันสักตัวหนึ่ง หากว่าพวกมันจะรวมหัวกันเพื่อการนั้นก็ตาม และถ้าแมลงวันพาสิ่งใดหนีไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถจะเอามันกลับคืนมาได้จากแมลงวันนั้น ช่างอ่อนแอโดยแท้ทั้งผู้ขอและผู้ถูกขอ” <คำแปลอัลกุรอาน 22:73> “พวกเขาได้เคารพบูชาพระเจ้าอื่นๆ จากพระองค์(อัลลอฮฺ)โดยที่พระเจ้าเหล่านั้นมิได้สร้างสิ่งใด ทั้งที่พวกมันก็เป็นสิ่งถูกสร้างขึ้นมา และพวกมันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่ตัวเองได้ และพวกมันไม่มีอำนาจควบคุมความตายและความเป็นและการฟื้นคืนชีพ” <คำแปลอัลกุรอาน 25:3>  ดังนั้นบรรดารูปปั้นที่ผู้คนสักการะและวิงวอนขอพรนั้นมันไม่ได้มีอำนาจให้พรแก่ผู้ขอแต่อย่างใด แต่ผู้ที่จะประทานพรให้พวกเขาก็คืออัลลอฮฺ พระเจ้าที่แท้จริงต่างหาก แต่พอเรื่องที่เป็นสัจธรรมแบบนี้คนเราก็ปฏิเสธ ..เพราะอะไร? ..ก็เพราะบรรพบุรุษพ่อแม่ปู่ย่าตายายเขาทำกันมา มันเลิกไม่ได้!
   ในเรื่องนี้นั้นกลุ่มชนที่เคารพบูชารูปปั้นก็เคยอ้างกับท่านนบีอิบรอฮีมเช่นกัน นบีอิบรอฮีมได้ถามว่า “พวกท่านเคารพภักดีอะไร?” พวกเขาตอบว่า “เราเคารพภักดีรูปปั้นแล้วเราจะคงเป็นผู้ยึดมั่นต่อมันตลอดไป”  ท่านนบีอิบรอฮีมก็ถามอีกว่า “เมื่อพวกท่านวิงวอนขอ พวกมันได้ยินพวกท่านหรือ? หรือมันให้คุณให้โทษแก่พวกท่าน?” แล้วพวกเขาก็ตอบว่า “แต่เราได้พบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติกันมาเช่นนั้น”! <ในอัลกุรอาน 26:70-74>
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 12:47:34 »

การทำลายรูปปั้นเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คนได้ฉุดคิด
ตัวอย่างจากการทำลายรูปปั้นเป็นการให้วิทยปัญญาแก่ผู้คนได้ในระดับหนึ่ง ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถคุ้มครองปกป้องตนเองได้เลย แล้วมันจะคุ้มครองพวกท่านได้อย่างไร!
ท่านนบีอิบรอฮีมได้เคยเข้าไปสถานที่เคารพบูชารูปปั้นและใช้ขวานทุบทำลายรูปปั้นตัวเล็กๆทั้งหมด แล้วก็นำขวานนั้นไปแขวนไว้ที่คอรูปปั้นตัวใหญ่ และเมื่อมีผู้เคารพบูชารูปปั้นนั้นมาพบเข้าก็ถามว่า “ใครกระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา แท้จริง เขาผู้นั้นอยู่ในหมู่อธรรมอย่างแน่นอน” (จะเห็นได้ว่าในทรรศนะของผู้ที่บูชารูปปั้นก็จะมองว่าใครที่ทำลายรูปปั้นถือว่าเลว!) และเมื่อเขาสืบสาวกันได้ความว่ามีเด็กหนุ่มชื่ออิบรอฮีมที่ต่อต้านรูปปั้นเหล่านี้ เขาจึงมาถามอิบรอฮีมว่า  “เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้ต่อพระเจ้าเหล่านั้นของเรากระนั้นหรือ อิบรอฮีมเอ๋ย” ท่านนบีอิบรอฮีมก็ตอบปฏิเสธ แต่ไม่ได้เป็นการโกหกเพื่อแก้ตัว เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าคนเหล่านั้นรู้ดีว่าท่านเป็นคนทุบทำลายเอง ท่านนบีอิบรอฮีมจึงตอบแบบเป็นการสอนให้คิดว่าท่านไม่ได้ทำ “แต่ว่าพระเจ้าตัวใหญ่ของพวกมันนี้ต่างหากเป็นผู้กระทำมัน(เพราะมีขวานแขวนอยู่ที่คอ) พวกท่านจงถามพระเจ้าเหล่านั้นซิ หากพวกมันพูดได้” ซึ่งบรรดาผู้เคารพรูปปั้นเหล่านั้นก็คอตกแล้วตอบว่า “ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่ารูปปั้นเหล่านั้นพูดไม่ได้”! ท่านได้สอนให้เห็นว่าขนาดพูดมันยังพูดไม่ได้เลย แล้วมันจะมาช่วยอะไรได้ นบีอิบรอฮีม กล่าวว่า “พวกท่านเคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ที่มันไม่ให้คุณแก่พวกท่านและไม่ให้โทษแก่พวกท่านแต่อย่างใดเลยกระนั้นหรือ?”  เพราะฉะนั้นในเมื่อให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ มันก็กลายเป็นความโมโหโกรธแค้น พวกเขาจึงนำท่านนบีอิบรอฮีมไปเผาในกองไฟเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่เนื่องจากอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าที่แท้จริง เป็นผู้สร้างและเป็นเจ้าของธรรมชาติ พระองค์จึงสั่งให้ไฟนั้นเย็นลงและให้ความปลอดภัยแก่ท่านนบีอิบรอฮีม เนื่องจากพระองค์จะให้ใครเป็นหรือตายเมื่อใดก็ได้ <ในอัลกุรอาน 21:57-69>
และนั่นคืออุทธาหรณ์สอนใจสำหรับกลุ่มชนที่ใช้เหตุผลและไม่ใช้อารมณ์
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 12:49:17 »

มุสลิมทำลายรูปปั้นแต่มุสลิมไม่ดูหมิ่นรูปปั้น
   เพียงแค่เรื่องราวข้างต้นนี้ก็ถือว่าเป็นการเพียงพอที่จะเป็นการชี้แนะสัจธรรมให้แก่ผู้คน โดยไม่ต้องมีการทำร้ายจิตใจใครมากไปกว่านี้ เพราะศาสนาอิสลามนั้นห้ามไม่ให้มุสลิมไปดูถูกดูหมิ่นศาสนาอื่นหรือสิ่งที่คนศาสนิกอื่นเคารพบูชา อัลกุรอานได้กล่าวว่า “และพวกเจ้าจงอย่าด่าว่าสิ่งที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะด่าว่าอัลลอฮฺ ซึ่งเป็นการละเมิดโดยปราศจากความรู้..” <คำแปลอัลกุรอาน 6:108>  ดังนั้นมุสลิมจะเป็นกลุ่มชนที่รักษาน้ำใจคนศาสนิกอื่น โดยไม่มีการลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่นและสิ่งที่ศาสนิกอื่นเคารพบูชา ถึงแม้มุสลิมจะไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นมีอำนาจก็ตาม มุสลิมไม่เชื่อว่าพระเจ้าอื่นมีจริง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ด่าทอซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจคนที่เขานับถือ และจะทำให้เขาโกรธแล้วก็อาจมาละเมิดต่อพระเจ้าของมุสลิมก็คืออัลลอฮฺ ซึ่งบางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร!
   ดังนั้นเราจึงไม่เห็นว่ามีมุสลิมแสดงพฤติกรรมต่อรูปเคารพของศาสนิกอื่นในทางดูหมิ่น เช่นที่มักมีข่าวชาวต่างชาตินิยมดูหมิ่นพระพุทธรูปโดยการนำไปไว้ในผับในบาร์ หรือตัดเศียรแล้วนำไปประดับบ้าน หรืออย่างล่าสุดที่ปั้นรูปผู้หญิงนั่งค่อมพระพุทธรูป! พฤติกรรมเหล่านี้มุสลิมทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเรื่องรักษาน้ำใจคนต่างศาสนิกนั้นมุสลิมมีเหนือกว่าคนศาสนิกอื่น มุสลิมไม่เคยล้อเลียนคนศาสนิกอื่นว่า ทำไมต้องนุ่งผ้าเหลือง นุ่งลายทหารไม่ได้หรือ? ..หรือ ทำไมต้องจุดธูปสามดอก จุดซักดอกครึ่งไม่ได้หรือ เท่ห์ดี? แต่ตรงข้าม ศาสนิกอื่นซึ่งอ้างนักอ้างหนาว่าใจกว้างกว่ามุสลิม แต่กลับชอบล้อเลียนศาสนิกอื่นโดยเฉพาะมุสลิม เช่น ทำไมต้องไม่กินหมู? ทำไมต้องจูบหินดำ น้ำลายไม่เปรอะหรือ? ทำไมต้องไว้เครา ขี้กลากไม่ขึ้นหรือ? ทำนองนี้เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดชาวตะวันตกยังได้ทำการลบหลู่ดูหมิ่นท่านนบีมุฮัมมัดโดยวาดการ์ตูนล้อเลียนอย่างต่ำช้า สิ่งเหล่านี้มุสลิมก็ทำไม่ได้เช่นกัน ทั้งๆที่มนุษย์เราก็มีสมอง มีความคิดสามารถสรรสร้างมุขต่างๆมาด่าทอกันหรือมาโจมตีใส่ไคล้กันได้อย่างมากมาย แต่มุสลิมก็ไม่สามารถละเมิดกฎข้อนี้ได้ว่าห้ามไปดูหมิ่นศาสนาอื่น “ศาสนาของท่านก็สำหรับพวกท่าน ศาสนาฉันก็สำหรับฉัน” <คำแปลอัลกุรอาน 109:6> และสำหรับการทำลายพระพุทธรูปนั้นมุสลิมก็ไม่เคยไปละเมิดทรัพย์สินของใคร แต่ใน อัฟกานิสถานนั้นมันเป็นสมบัติของประเทศเขา ใครจะเก็บใครจะทำลายนั่นก็เป็นสิทธิของเจ้าของสมบัตินั้นๆ แต่รัฐบาลตอลิบันผู้ปกครองอัฟกานิสถานในเวลานั้นเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่มุสลิมห้ามเคารพ และเป็นภาคีต่อพระเจ้า เขาจึงทำลายไป แต่ชาวตะวันตกกลับนำเรื่องนี้มาประนาม ทั้งๆที่พวกเขาก็ไม่ได้เคารพบูชารูปปั้นเหล่านั้นแต่อย่างใด ซึ่งในคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนเป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่อยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า” <อพยพ 20:4 –5>  “พระเยซูจึงตรัสตอบว่า ‘ไอ้ซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่าจงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’” <มัทธิว 4:10>  ชาวตะวันตกไม่ได้เคารพนับถือหรือให้เกียรติพระพุทธรูปแต่ประการใด มิหนำซ้ำพวกเขายังถือว่าพฤติกรรมการลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธรูปที่พวกเขานิยมกระทำนั้นเป็นสิทธิเสรีภาพด้วยซ้ำ แต่ที่ชาวตะวันตกสร้างกระแสเรื่องนี้มาก็เพื่อจะหาแนวร่วมต่อต้านศาสนาอิสลาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหาแนวร่วมต่อต้าน รัฐบาลตอลิบัน เพราะพวกเขาต้องการเสียงสนับสนุนในการถล่มอัฟกานิสถานนั่นเอง ความเชื่อของศาสนาหนึ่งมันอาจจะไปขัดกับความเชื่อของอีกศาสนาหนึ่งได้ แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นการเจตนาดูหมิ่น    ตัวอย่างเปรียบเทียบ เช่น ความเชื่อของชาวฮินดูนั้นถือว่าวัวเป็นเทพเจ้าหรือสัตว์พาหนะของเทพเจ้า เพราะฉะนั้นชาวฮินดูจะเคารพบูชาวัว ไม่ฆ่าและไม่กินวัว แต่สำหรับศาสนิกอื่นแล้ว ถามว่าฆ่าวัวไหม กินวัวไหม? แน่นอนว่าสำหรับศาสนิกอื่นนั้นไม่ได้เคารพบูชาวัว เขาจึงมีการเชือดและบริโภคเนื้อวัว ซึ่งแน่นอนชาวฮินดูย่อมไม่พอใจ แต่เขาก็ย่อมเข้าใจว่าศาสนิกอื่นนั้นไม่ได้เคารพบูชาวัวเหมือนตน ดังนั้นคนทั่วไปที่เชือดและบริโภคเนื้อวัวนั้นจึงไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือล้อเลียนชาวฮินดูแต่อย่างใด เช่นเดียวกันชาวมุสลิมก็ไม่ได้เคารพบูชารูปปั้น ซึ่งการทำลายรูปปั้นของชาวมุสลิมนั้นก็ย่อมกระทบความรู้สึกของคนศาสนิกอื่นที่นับถือรูปปั้นนั้น แต่ข้อนี้ก็ควรเข้าใจว่ามุสลิมไม่ได้มีเจตนาละเมิดความเชื่อศาสนาอื่นแต่อย่างใด ซึ่งต่างจากที่ชาวตะวันตกได้กระทำการล้อเลียนดูหมิ่นท่านนบีมุฮัมมัด แล้วการกระทำของเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ในกรอบคำสั่งสอนหรือความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาเลย ดังนั้นมันจึงเป็นการนำคำว่าสิทธิเสรีภาพมาอ้างในการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่นโดยแท้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:23:39 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 15:43:32 »

  ไหว้สา  ญาติธัมม์ ที่ เคารพ
มุสลิม คริสตชน นับถือ พระเจ้าองค์เดียวกัน โดย เคารพพระธัมม์ word เหนือกว่า รูปเคารพ
ในโบสถ์คริสต์อาจ นิกายเดิม ๆ มีรูปพระมารี พระเยซู นักบุญ ฯ คือ ในสายคาทอลิก 
ส่วนโปแตสแตนท์ นิกายใหม่แยกจาก คาทอลิก อาจมีแต่ไม้กางเขน อย่างเก่งขึ้นมาอาจมีพระเยซู
โปแตสแตนท์ เป็น ผู้กลับไปหาธัมม์ มากกว่า รูปเคารพ ๆ มีไว้เท่าที่สมควร  จำเป็น

การก่อเกิดคาทอลิก คล้ายมหานิกาย  โปแตสแตนท์ คล้ายธัมมยุติ

นักบวชคาทอลิก  บวชแล้ว ไม่มีเมีย ไม่ค่อยสึก    นักบวชโปแตสแตนท์ ว่า  มีก็ใช่ คือ มีคล้ายมัคทายก มีการศึกษาศาสนา แต่ มีเมียได้

คริสต์  มุสลิม มีพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ ลูกหลานต่างสายกัน
พุทธศาสนิกชน  มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน  แต่  มีแนวทาง  ต่างกัน

ทำไม ?  ขัดแย้งกัน  ก็ด้วย ความยึดมั่น  ถือมั่น ในความคิดเห็นต่างจากกัน  เรียก มานะทิฎฐิ
 
ผู้หนึ่ง จะเดินหันกลับไป เข้าหาพระธัมมวินัยเดิม คือ พระธัมมวินัยที่แทนพระพุทธเจ้า พระเจ้าแท้GOD พระอัลเลาะห์
 อีก ผู้หนึ่งฉุดรั้งเอาไว้ว่า อย่าเลยเอาตามโลกโลกีย์ดีกว่า

ลดละ มานะทิฎฐิ ที่ ผิด จาก พระธัมมวินัย  ก็จะได้ไป  สู่ พระสัทธัมม์ WORD พระคัมภีร์อัลกุรอาน

ตามผู้นำ ในการประกาศศาสนา คือ พระศาสดา ของ แต่ละศาสนิกชน  ท่านต้องการ  ให้ หมู่เรา ไม่หลงไปเป็น  สาวกมาร  สาวกลูซิเฟอร์  สาวกซาตาน  สาวกไซตอน

รูปปั้น  รูปเคารพ  ไม่ใช่สาระธัมมวินัย  หาใช่ตัวแทน ของ พระธัมม์  พระเจ้า พระศาสดา
ในทางตรงกันข้าม  คือ  วัตถุ ที่มาร ซาตาน เอามาหลอก มาล่อ กันในภายหลังเมื่อลูน

ผมรู้ดี  แต่ก็ยังมีอยู่ ห้อยทั้งคอ  คล้องทั้งแขน
สวัสดี
จาก  หนานธง ดีแต่ปาก

ตนท์
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
JAMESCOM1
ทักทายผมได้นะครับ Line: JAMESCOM007
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,160

สอนคอม & ซ่อม เชียงราย


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 21:52:52 »

ก็นั่นหละ ถูกและมีเนื้อหาดีทั้งคู่ ดังนั้นเราจึงไม่ควรเบียดเบียนกันไง เพราะศาสนาใครก็ศาสนามันซี ให้เกียจกัน ทางใครทางมันแต่อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ มันก็โอแล้ว
ซึ่งทั้งหมดนั้น ท่านๆคงเข้าใจแล้วว่า ทำไม JAMESCOM ถึงกล้าประกาศว่า เป็นผู้ไม่มีศาสนา อิอิ บางทีคนเรามีแต่ความเชื่อก็ได้ มีลัทธิก็ได้ จริงปะ ถามหน่อยว่า ใครเป็นพุธแล้วชอบทางแห่งเต๋ามั่ง อย่างน้อยผมก็ชอบความเป็นเต๋าด้วย แต่ที่สำคัณการปฎิบัติธรรมในความเข้าใจของผม ไม่มีคำว่าต้องเป็นพุธเท่านั้นถึงจะปฎิบัติได้ จะเป็นฝรั่งหรือแขกเข้าวัด เพื่อมาขอทำบุญ ทำทาน ทำสังฆทาน หรือฝึกสมาธิ หรือฝึกกรรมฐาน เราก็คงไม่ถามใช่หรือไม่ว่า ท่านๆเป็นพุธหรือเปล่า ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า


มาทาง Big-C ถ.ศรีทรายมูล สันสลีซอย1
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 01:17:30 »

ขอออกความเห็นนิดนะครับอ่านแล้วสนุก ช่วงตอนแรกที่บอก ว่ามุสลิม ปล่อยฮินดูใว้ทำไม อย่าเข้าใจผิดว่าปล่อยใว้นะครับ แต่ชาวฮินดู หรือชาวซิกข์ รบกับมุสลิมอย่าแข็งแกร่งจึงต้านมุสลิมไว้ได้ พระเจ้าของชาวฮินดูมีตั้งสิบองค์ ถ้าไม่มีชาวซิกข์รบ ผมคิดว่ากองทัพมุสลิมมาถึงเราแน่นอน ผิดถูกยังไงก้อขออภัย ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 01:31:56 »

 ไหว้สา  ญาติธัมมวินัย ที่เคารพ
ระหว่างให้ผมสร้างรูปพ่อแม่ ครูบาอาจารย์  กับ  รูปเคารพ ของ พระศาสดา ?  ผมจะสร้าง ใคร อย่างใดอย่างหนึ่ง ?
เดา ว่าผมคิดยังไงได้ก็ดี

ข้อมูล ที่ผมนำมาแสดง มีที่มา ส่วนใหญ่ไม่ได้มั่วเดาเอาเอง  แต่อาจมีปนเปื้อนความคิดผมมาก็ได้เน้อ ฯ
ขอขอบพระคุณ แหล่งข้อมูล ทุกที่ เช่น  บาทหลวงคาทอลิค คุณพ่อเอกชัย ผู้น้องบ่าวหนานธงแต่ต่างแม่  นายวรศักดิ์ ชาวมุสลิมพรรคพวกหนาน ที่ให้คำว่า ไซตอน คือ มาร ใน อัลกุรอาน โทรถาม วันที่ 11/07/2556  กำลังถือรอมฏอน สีลอด ข้าวน้ำในเวลากลางวัน  
นายวีระพงศ์ ผู้ให้นิยาม คำว่า WORD เวิร์ด คือ พระธัมมวินัย  พระธัมมะ  รายนี้ ล่าสุด บอกกำลังเรียนศาสนาอิสลาม ตั้งแต่ ก่อนรอมฎอน  คริสตศาสนาแกก็เรียนมาก่อน จนนำพาคนไปเข้ารีตได้  ผมพาไปฝึกภาวนา อยู่กับ อาจรย์อิทธิ คณะปัณฑิตารมย์  แกก็ตั้งใจ  จนได้ ฌาน  สามารถ ทรงฌาน ในภาวะที่ไม่ต้องนั่งภาวนามาก  ฝึกเข้า ๆ ออก ๆ สลับกันบ่อย ๆ

หนานธง กลับไม่ก้าวหน้า ไม่ได้ฌานกับเขา คุณอัมพร ภรรยาผม ยังได้ปิติ ในฌาน โดย ทั้งคุณวีระพงศ์ คุณอัมพร ผมนำพาไปเรียนทั้งสองคน
มโนมยิทธิ ลูกสาวผมเรียน จนถอดจิตได้ แม่ของลูกสาวก็โอเค  แต่ ผมไม่ก้าวหน้านัก

 ผมไม่ผ่าน  เป็น ศิษย์โข่ง ทั้ง มโนมยิทธิ  ทั้งแนวเจโตวิมุต   จึงหันมาทาง ทำ ธัมมทาน  ทำทาน ไปสาาาา  ก้าวไปตามขั้นตอน  อย่างพระอาจารย์เกษม วัดสามแยกสอนไว้

ดี ยังไง ? รู้   /   ชั่วแบบไหน ? รู้   แต่ ยัง ไม่ทำได้ อย่างที่รู้  รู้แต่ ทำไม่ได้  
โวได้  โม้ ได้  ค่อยยังดีกว่า โวไม่ได้ บอกไม่ได้  

   รู้ อวดรู้  ดีกว่า  > > >  ไม่รู้    แต่  อวดรู้ เนาะ  ยิงฟันยิ้ม   ฮืม   ยิงฟันยิ้ม

สาธุ  สวัสดี
จาก  หนานธง ไม่รู้ แต่ อวดรู้
จึง จำเขามา  ถามเขามา  เล่าขานต่อ อีกที      
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
JAMESCOM1
ทักทายผมได้นะครับ Line: JAMESCOM007
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,160

สอนคอม & ซ่อม เชียงราย


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 03:36:52 »

ผ้าเหลืองก็จัดชุดออกต้านเป็นกองทับนะ (ที่พอจำเรื่องได้) แต่ก็เหลือลอดและหลีกหนีหลบออกมาสร้างเป็น มหายานภายนอกอินเดียก่อนเพื่อฟื้นฟูศาสนา บ้างด้วยการสร้าง องค์เทพมากมายให้เป็นตำนาน และชวนนับถือ ทั้งมีจริงมั่งแต่ขึ้นมั่ง จนยอมรับนับถือไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจจนถึงปัจจุบัน ผิดถูกอย่างไร ประมาณนี้
IP : บันทึกการเข้า


มาทาง Big-C ถ.ศรีทรายมูล สันสลีซอย1
พญาสิงห์ ๒
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,286


พอเพียงและเพียงพอ.


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 06:31:58 »

...........จงอุเบกขาต่อไป และพวกเราจะได้มรณังไปพร้อมกันเหมือนในสมัยอดีต ดีไหมท่าน......
IP : บันทึกการเข้า

มุ่งมั่นย่อมทำได้ ตั้งใจย่อมสำเร็จ
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!