ไปน้ำตกนี้บะถูก จะแวะถามจาวบ้านว่าน้ำตกธานสวรรค์ไปตางไดหา?
จาวบ้านแถวนั้นอาจจะบะหู้เน้อ ถ้าถามว่าน้ำตกบ่อเบี้ยไปตางไดหา?
อั้นเนาะ อ๋อ แน่นอน
ไปน้ำตกต้องผ่านบ้านหนองหล่ม อย่าลืมแวะดงหอเน้อคับสถานที่ท่องเที่ยว
ทางธรรมชาติ ธารน้ำไหลตลอดฤดูกาล คือเป็นต๋าน้ำ
ที่ผุดมาจากใต้ดิน ไม่เคยเหือดแห้ง มีประวัติเรื่องเล่ามายาวนาน
คลิปซอประวัติดดงหอเล่าเรื่อง "จ๊างปู้ก่ำงาเขียว" เน้อครับ
ฟังๆ ผ่อ
งุงิงุงิ
เมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน สมัยเมื่อครั้งเป็นถนนฝุ่นดินแดง ดงหอแห่งนี้น่ากลัวมากๆ จะมีภูเขาอยู่ด้านทิศตะวันออกสมัยเป็นละอ่อนเดินผ่านทุ่งนา ไปแอ่วเล่นกับเพื่อนๆเป็นประจำ ต้องผ่านดงหอ ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย มองจากภายนอกเหมือนเป็นป่าเป็นหย่อมเล็กๆ แต่ถ้าเดินเข้าไปจะกว้างมาก น่ากลัวด้วย มีทั้งหนองน้ำ ตาน้ำอยู่ข้างใน เคยเอาเบ็ดไปจ่อมปลาตามประสาเด็กๆ แล้วมีปลาผาโผล่ขึ้นมากลางหนองน้ำ ตกใจวิ่งหนีกัน นึกว่าเป็นจรเข้
และยังมีสิ่งสักสิทธิ์เป็นศาลเจ้าพ่อคำปวนอยู่ข้างใน เป็นสิ่งสักสิทธิ์ประจำตำบล ช่วยปกป้องให้พ้นภัย เวลาลูกหรือญาติอยู่ใกล ชาวบ้านจะเอารูปถ่ายไปฝากไว้กับเจ้าพ่อคำปวน ให้ปกปักดูแลรักษา ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบล ความน่ากลัวต่างๆก็ไม่มีแล้ว ป่าที่เคยรกร้างก็ดูโล่งหมด
จ้างปู้ก่ำงาเขียว เป็นจ๊างตั๋วดำ งาเขียว เดิมเป็นจ๊างของท้าวพญาลิ้นก่านเป็นเจ้าเมือง ต่อมาตกมันไล่ฆ่าชาวบ้าน พญาลิ้นก่านก็เลยให้ขุดร่องน้ำรอบคูเมือง เมื่อจ๊างเข้ามาทำร้ายคนในเมืองไม่ได้ ก็เลยไปนอนอยู่ที่หนองน้ำ ซึ่งปัจจุบันก็คือหนองหล่มหรือดงหอนั่นแหละ
ต่อมาลูกสาวเจ้าเมืองน่าน อยากนั่งสาด(เสื่อ) ด้วยความที่รักลูกก็เลยประกาศ สำหรับผู้ที่ไปตัดเอางาช้างปู้ก่ำงาเขียวมาทำเป็นสาดให้ลูกสาวได้ จะมีรางวัลอย่างงาม ก็มีนายพรานคนหนึ่งเดินลัดเลาะจากเมืองน่านมาจนถึงหนองน้ำนี้ แล้วตัดเอางาจ๊างทั้ง 2 ข้างไปหื้อเจ้าเมืองน่าน เจ้าเมืองก็ได้เอางา 1 ข้างให้ช่างฝีมือทำเสื่อให้ลูกสาว ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ถูกเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์น่านจนถึงทุกวันนี้ ส่วนจ๊างปู้ก่ำงาเขียวเมื่อตายก็ไหลไปตามกระแสน้ำ จึงเป็นแม่น้ำร่องช้างมาจนถึงปัจุบันนี้ จำได้คร่าวๆแค่นี้แหละ เล่าเหมือนเป็นคนแถวนั้นเลย