...ภาพอาจไม่ชัดนะครับ ใช้กล้องมือถือถ่าย อิ่มอก อิ่มใจครับ ที่บรรพบุรุษกรุงสุโขทัย ได้สร้างพระพุทธรูปทองคำและได้ป้องกันรักษาไว้ให้ลูกหลานสืบมาจนปัจจุบัน...เดิมใช้ปูนพอกไว้
...พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม น้ำหนักทองคำ 5.5 ตัน ใหญ่ที่สุดในโลก...
ประดิษฐานบนมณฑปหลังใหม่ที่สร้างขึ้น
ขณะที่ประดิษฐานในวิหารหลังเก่า
องค์เดิมที่พอกปูนไว้
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งพิจารณาทั้งตามหลักฐานอื่นและเหตุผลประกอบแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็น พระพุทธรูปทอง องค์ดังกล่าว เพราะปริมาณทองคำแท้นี้ รวมถึงขนาดพระพุทธรูปนี้ ย่อมเกินกว่าที่สามัญชนทั่วไปพึงสร้างเป็นสมบัติส่วนตัว
แต่อย่างไรก็ดี ต่อมาพระพุทธรูปองค์นี้ได้ถูกพอกปูนลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ เพื่อเป็นการอารักขาภัย แต่ไม่ทราบว่าตกไปอยู่ในสถานที่ใดบ้าง ทราบแต่เพียงว่าล่าสุด ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระยาไกร (วัดโชตนาราม) แต่ต่อมา วัดพระยาไกร กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีผู้ดูแล ประกอบกับ บริษัท อีสต์เอเชียติก จำกัด ประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของวัดเพื่อดำเนินกิจการของบริษัท ที่ประชุมคณะสงฆ์จึงให้วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดไผ่เงินโชตนาราม ไปอัญเชิญพระพุทธรูปสององค์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดพระยาไกรนั้น ไปประดิษฐานไว้ตามสมควร ทางคณะของวัดไผ่เงินฯได้เดินทางไปถึงก่อน จึงเลือกอัญเชิญพระพุทธรูปสำริดไป เหลือพระพุทธรูปปูนปั้นไว้ให้วัดไตรมิตร
ในขั้นแรกเมื่อถึงวัดไตรมิตร ก็ได้แต่เพียงปลูกเพิงสังกะสีธรรมดา เพื่อบังแดดบังฝน ไว้ริมถนนด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ เป็นเวลาถึง 20 ปี ด้วยยังหาที่จะประดิษฐานอันเหมาะสมมิได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงทำการสร้างวิหารใหม่ ด้วยตั้งใจจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูป ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี (คือวิหารองค์ปัจจุบัน) แต่ในขณะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป เนื่องจากพระพุทธรูปมีน้ำหนักมาก สายเครื่องกว้านจึงขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ส่งผลให้ปูนที่หุ้มบริเวณพระอุระกระเทาะออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้ลอกปูนออกทั้งองค์ แล้วนำขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิหารนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
...เกิดเป็นคนไทย หาโอกาสสักครั้งไปกราบสักการะครับผม เส้นทางง่ายที่สุดคืออยู่ห่างจากสถานีรถไฟหัวลำโพง/สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ประมาณ 500 เมตร...
...พระพุทธรูปทองคำองค์นี้มีกุญแจที่สามารถใช้ไของค์พระแยกออกได้ถึง 9 ชิ้น...ความคิดและฝีมือของบรรพบุรุษของเราชาวไทยครับ...
ที่สำคัญบรรพบุรุษของเราไม่ได้มีความโลภดังเช่นคนยุคปัจจุบัน
จึงสามารถรวบรวมทองคำไว้ได้มากมาย และใช้อุบายป้องกันไม่ให้พม่าเผา รักษาไว้จนถึงปัจจุบัน