เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 21:28:51
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมนักกลอน
| | |-+  สุดอาลัย ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน สุดอาลัย ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์  (อ่าน 3394 ครั้ง)
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 22:58:47 »

สุดอาลัย ! "อังคาร กัลยาณพงศ์" ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 86 ปี จากโรคเบาหวานเรื้อรัง โดยจะมีพิธีอาบน้ำศพ 17.00 น. เย็นวันนี้ วัดตรีทศเทพ
       

       วันนี้ (25 ส.ค.) มีรายงานว่า อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ ด้านกวีนิพนธ์ วัย 86 ปี เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.30 น.หลังจากป่วยเป็นเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวานเรื้อรัง โดยจะมีพิธีอาบน้ำศพเย็นวันนี้ เวลา 17.00 น. วัดตรีทศเทพ และจะมีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 วัน
       
       ทั้งนี้ อังคาร กัลยาณพงศ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของกำนันเข็ม และนางขุ้ม กัลยาณพงศ์ ในวัยเด็กร่างกายเคยเป็นอัมพาตเคลื่อนไหวไม่ได้ มีหมอมารักษาด้วยสมุนไพรจนหาย
       
       เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดใหญ่และโรงเรียนวัดจันทาราม เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนพระพุทธเจ้าหลวงอุปถัมภ์และโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช ศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วไปเรียนที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรมมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นศิษย์ของศิลปินใหญ่อย่างเช่น ศ. ศิลป พีระศรี. อ, เฟื้อ หริพิทักษ์,จึงได้ติดตามและร่วมมือกับอาจารย์ในด้านศิลปกรรม โบราณคดี และประวัติศาสตร์
       
       ความเป็นกวีนั้นเป็นพรสวรรค์ที่อังคารเชื่อมั่นและฝึกฝนมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม เมื่อออกจากมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว ได้ร่อนเร่เรียนรู้และสร้างสรรค์การวาดภาพและเขียนบทกวี ได้มีโอกาสคุ้นเคยกับศิลปินและกวีร่วมยุคสมัยหลายคน มีผลงานบทกวีปรากฏในหนังสือ "อนุสรณ์น้องใหม่" มหาวิทยาลัยศิลปากร กระทั่งได้พบกับสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ก่อตั้งกและเป็นบรรณาธิการคนแรกของ "สังคมศาสตร์ปริทัศน์" บทกวีของอังคาร กัลยาณพงศ์ จึงได้พิมพ์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง มีผลงานที่จัดพิมพ์สร้างความตื่นตัวตื่นใจให้กับวรรณกรรมไทยมาเนิ่นนาน เช่น กวีนิพนธ์ (2507), ลำนำภูกระดึง (2512), สวนแก้ว (2515), บางกอกแก้วกำสรวลหรือนิราศนครศรีธรรมราช (2512) อันเป็นเล่ม
       
       ในปี 2532 ได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ด้านกวีนิพนธ์ ซึ่งเป็นกวีร่วมสมัยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น จินตกวี ผู้ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านวรรณศิลป์และทัศนศิลป์
       
       อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้สมรสกับคุณอุ่นเรือน มีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน คือ ภูหลวง อ้อมแก้ว และวิสาขา กัลยาณพงศ์ โดยสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมและงานประพันธ์ทั้งร้องกรองและร้อยแก้วเป็นอาชีพ
       
       อังคาร กัลยาณพงศ์ ถือศิลปินที่ได้รับการยอมรับทั้งในฐานะจิตรกรและกวี เป็นศิลปินที่ได้รับการยกย่องเรื่องการรักษาความเป็นไทยทั้งในด้านความคิดและรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นกวีที่มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ถูกร้อยรัดด้วยรูปแบบที่ตายตัว จึงนับเป็นกวีผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์ยุคใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินนักต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
       
       “กวีไม่ใช่หมานี่นะ ที่ใครขุนนิดเดียวก็จะยอมเขา บทกวีมันเป็นอิสระในตัวเอง รู้ผิดถูกชั่วดีตามพระพุทธเจ้าตรัสสอน เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า รับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ คือรักเพื่อนมนุษย์ และยินดีจะนำกำลังสติปัญญาไปเผยแพร่ แม้แต่ต้นหญ้ายังให้คุณกับเพื่อนมนุษย์ ข้าวน่ะเป็นหญ้าชนิดหนึ่งนะ อย่าคิดว่ามนุษย์ไม่กินหญ้า และทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นหญ้า ข้าวก็ยังทำให้มนุษย์อิ่มหนำและมีชีวิตอยู่ได้ ศิลปินก็แบบนั้นแหละ เป็นข้าวให้มนุษย์กิน เป็นออกซิเจน เป็นอากาศให้มนุษย์หายใจ เป็นน้ำให้ดื่ม ถ้าศิลปินเป็นฝนได้ก็จะเป็น เป็นพระอาทิตย์ได้ก็จะเป็น ผมคิดว่าเป็นอุดมคติของทุกคน ไม่ใช่แค่ศิลปิน
       
       “บทกวีมีพลังที่จะเปลี่ยนสังคม ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนมาเยอะแล้ว แต่เราไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงสังคมเพียงลำพัง เพราะความเป็นไปของมนุษย์มันเหมือนคลื่นในมหาสมุทร เราแข็งแรงเท่าไหร่ เราก็เอาบ่าเข้ารับ กระแสคลื่นจะมาสาดบ่าเราเปื่อยจนกระทั่งเห็นกระดูกเราขาวโพลนก็ยังไม่สิ้นกระแสคลื่นในทะเล ดังนั้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยกันหลายทาง ตั้งแต่พระศาสดา และใครต่อใคร ศิลปินก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
       
       “พลังของบทกวีก็เหมือนแสงอาทิตย์ หรือถ้าเปรียบเป็นเมฆ มนุษย์ก็ต้องได้รับฝน ถ้าเป็นดอกไม้ก็ต้องหอมอบอวล ถ้าเป็นน้ำหวานก็ต้องเป็นน้ำหวานจากผึ้งที่มอบความหวานหอมให้ชีวิต ผมถึงเป็นกวี รับผิดชอบต่อจากเจ้าฟ้ากุ้ง (เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศรฯ) ผมหายใจเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน” อังคารเคยให้สัมภาษณ์กับ ASTVผู้จัดการเมื่อกลางปี 2555
       
       นอกจากนี้ ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชาเพื่อประชาธิปไตย ทั้งในช่วงการชุมนุม 193 วันในปี 2551 และการชุมนุม 158 วัน ในปี 2554 อังคาร กัลยณพงศ์ ยังได้เคยขึ้นเวทีอ่านบทกวีและขับเสภาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมอยู่หลายครั้ง
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 23:05:39 »

 กวีของท่านอังคาร
Posted in ขอบคุณสิ่งดีๆ by thegapfather on August 13, 2008


ขออนุญาต ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เอากวีของท่านมาไว้ใน entry นี้
รูปจาก thaitist.com [ตามไปอ่านเรื่องของท่านได้เลยครับ]

ใครดูถูกดูหมิ่นศิลปะ
อนารยะไร้สกุลสถุลสัตว์
ราวลิงค่างเสือสางกลางป่าชัฏ
ใจมืดจัดกว่าน้ำหมึกดำ
เพียงกินนอนสืบพันธุ์นั้นฤๅ
ชื่อว่าสิ่งประเสริฐเลิศล้ำ
หยามยโสกักขฬะอธรรม
เหยียบย่ำทุกหย่อมหญ้าสาธารณ์
ภพหน้าอย่ามีรูปมนุษย์
จงผุดเกิดในร่างดิรัจฉาน
หน้าติดดินกินขี้เลื้อยคลาน
ทรมาณทุกข์ร้อนร้ายนิรันดร์เอยฯ
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 23:09:23 »

"เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง................หมายมุ่งอะไรในหล้า
มิหวังแม้กระทั่งฟากฟ้า....................ซบหน้าติดดินกินทราย
จะเจ็บจำไปถึงปรโลก......................ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดอีกกี่ครั้งจวบวางวาย..............อย่าหมายจะได้หัวใจ


จากบทประพันธ์ ของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
ⒷⒼ*
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,371

นิพพานคือนิรันดร์


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 23:13:55 »

.


* v.png (481.08 KB, 712x524 - ดู 2842 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 23:20:31 »




    ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
วักทะเลเทใส่จาน          รับประทานกับข้าวขาว

เอื้อมเก็บบางดวงดาว         ไว้คลุกเคล้าซาวเกลือกิน

ดูปูหอยเริงระบำ        เต้นรำทำเพลงวังเวงสิ้น

กิ้งก่ากิ้งกือบิน        ไปกินตะวันและจันทร์

คางคกขึ้นวอทอง         ลอยล่องท่องเที่ยวสวรรค์

อึ่งอ่างไปด้วยกัน          เทวดานั้นหนีเข้ากะลา

ใส้เดือนเที่ยวเกี้ยวสาว          ชาวอัปสรนอนชั้นฟ้า

ทุกจุลินทรีย์อะมิบ้า          เชิดหน้าได้ดิบได้ดี

เทพไท้เบื่อวิมาน          ทะยานลงดินมากินขี้

ชมอาจมว่ามี          รสวิเศษสุดที่จะกล่าวคำ

ป่าสุมทุมพุ่มไม้          พูดได้ปรัชญาลึกล้ำ

ขี้เลื่อยละเมอทำ          คำนวณน้ำหนักแห่งเงา

ใครวิเศษเสวยฟ้า         ใครอยู่หล้าเลวโง่เขลา

กาลสมัยมึนเมา          โลภเอาเถิดประเสิฐผล


*****************************

ดึกนี้ชีวีก็สั้นลง

ประสงค์สิ่งใดในหล้า
ตื่นฟื้นเถอะเพ่งปัญญา
อย่าให้นิทราฆ่าตัวตาย
หลงใหลแต่กินนอนสืบพันธุ์
วิญญาณนั้นสามัญเหลือหลาย
สิ่งประเสริฐล้ำมากมาย
เสาะแสวงได้สักสิ่งจริงฤา


***************************************

                 เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง

มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า

มิหวังกระทั่งฟากฟ้า

ซบหน้าติดดินกินทราย

 

จะเจ็บจำไปถึงปรโลก

ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย

จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย

อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ

 

ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์

ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้

สูเป็นไฟเราเป็นไม้

ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ

 

แม้แต่ธุลีมิอาลัย

ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน

ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน

จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

 

ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า

ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า

เพื่อจดจำพิษช้ำนานา

ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย


* aungkan.jpg (82.48 KB, 200x267 - ดู 773 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
maekok_14
คือคนของพระราชา คือข้าของแผ่นดิน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,253



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 25 สิงหาคม 2012, 23:21:04 »

รัตนโกสินทร์สิ้นกวีแก้ว  
“อังคาร” ผู้เพริศแพร้วในศาสตร์ศิลป์
คือกวีร่วมสมัยศิลปิน    
บัดนี้สิ้นสู่สวรรค์ชั้นวิมาน
เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป  
คือเงื่อนของชิวินอินทรีย์สาร
ขอท่านถึงซึ่งดินแดนพระนิพพาน  
แด่ “อังคาร กัลยาณพงศ์” จงนิรันดร์
 ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
IP : บันทึกการเข้า
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 01:15:25 »

ร่วมไว้อาลัยค่ะ...
...ขอให้ดวงวิญญาณของท่านอังคาร ไปสู่สุคติภพ....
IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
>_อนัตตา_<
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,367



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 08:01:07 »

ขอร่วมไว้อาลัยค่ะ...ขอให้ท่านจงไปสู่สุขคติน่ะค่ะ  เศร้า
IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 09:55:53 »


บทกวีที่ไม่ตาย

ท่านอังคาร เป็นกวีเอกท่านหนึ่งที่มีผลงานเป็นอมตะ

IP : บันทึกการเข้า
❀●•♪.FairytaleDH﹎.εїз︷✿
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,161


☆ (づ ̄ ³ ̄)づ~~♡


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 16:18:44 »

 ร่วมไว้อาลัยค่ะ...
IP : บันทึกการเข้า

(o◕‿◕)oแม่สีม่วง~ลูกสีเขียว(。◠‿◠。✿)
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!