เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 16:52:44
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ไม่เรียนรู้ความสุข แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ไม่เรียนรู้ความสุข แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์  (อ่าน 1991 ครั้ง)
prommasit
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« เมื่อ: วันที่ 24 กรกฎาคม 2019, 15:52:56 »

ไม่เรียนรู้ความสุข แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์

 จากเหตุการณ์ของวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ นายสมพงษ์ และนางสาวภัทรวดี พร้อมกับหมู่คณะ ไปเที่ยวยังดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เที่ยวน้ำตกวชิรธาร ขึ้นไปยังจุดยอดดอยสูงสุดของอินทนนท์ แล้วลงมายังพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี ซึ่งบรรยากาศแสนดีมากๆ แต่ว่าจิตของทั้ง ๒ คนนี้ยังห่อเหี่ยว คิดถึงแต่เรื่องปัญหาความทุกข์ ปัญหาในครอบครัว คิดถึงอดีตเก่าๆ ที่ผ่านมา ยังวางไม่ลง จมปลักกับอดีต ซึ่งเราได้อโหสิกรรมให้กับคนนั้นไปแล้ว และไม่สามารถย้อนหวลกลับเหมือนดังเดิมได้ แต่!!! เขาก็ยัง คร่ำครวญ หวลระลึกถึงของเก่า เป็นภาวะอดีตไปแล้ว ยังยึดอดีต คร่ำครวญกับอดีต ในใจพยายามคิดถึงแต่อดีต อยากฝืนอดีตให้เกิดใหม่ขึ้นมา อาการเช่นนี้ จิตใจอย่างนี้จะตกสู่ห้วงภาวะการทำลาย ทำร้ายปัจจุบันที่เราอยู่ ที่เราเป็นอยู่นี้

แม้ว่าเขาไปอยู่สถานแห่งความสุข บรรยากาศแห่งความสุนทรีย์แต่กลับมาทุกข์ใจ ในเมื่อทุกข์ใจเช่นนี้ มาอยู่บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมเช่นนี้แล้ว ยังไม่สามารถกำหนดจิต ดึงจิตของตนเองให้มีความสุขได้ ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาสถานที่อันมีความสุขนี้ได้จากที่แห่งไหนแล้ว

คนเราทุกคน

ไม่เคย "เรียนรู้ความสุข" แม้ว่าจะอยู่สถานที่มีความสุข ยังไงก็ไม่รู้จักว่า "สุข" เพราะไม่เคยรู้จักสุข เพราะมัวไปแต่เรียนรู้ความทุกข์มา

อยู่กับความทุกข์ กับเรียนรู้ความทุกข์ มันอันเดียวกันไหม?

ไม่เหมือนกัน
บางคนอยู่กับความทุกข์ อยู่แล้วไม่รู้ว่าทุกข์ "นี่แหละเป็นทุกข์" แต่ถ้าคนที่เคยเป็นทุกข์มาแล้ว รู้ว่าทุกข์เป็นยังไง แล้วยังไม่อยากจะเอาทุกข์ออก นี่แหละ หนักกว่าคนที่ไม่รู้จักทุกข์

แล้วใช้คำว่า "เรียนรู้ทุกข์ได้ยังไง"

ขนาดคนเรียนรู้ทุกข์แล้ว ยังออกจากทุกข์ไม่ได้ เรียนรู้ว่ามันเป็นความทุกข์แล้ว เจอความสุขยังไม่อยากเอา มันหนักกว่าไหม? ลองคิดเอาเอง ปวดหัวตาย!!

เราอยู่กับความทุกข์ ได้เรียนรู้ทุกข์อย่างนั้นทุกข์อย่างนี้แล้ว เราก็เป็นทุกข์ เราก็รู้แล้ว ว่ามันทุกข์จริงๆ!!

รู้ว่าทุกข์แล้วยัง "ไม่วาง" เพราะวางไม่ลง พอเราวางไม่ลง เราก็ไม่เข้าสู่ปิติ เหมือนกับด้ายที่มีปม จะร้อยสู่รูเข็มไม่ได้หรอก คนเราต้องยอมเอาปมออก ถึงจะร้อยรูเข็มได้ ถึงจะสุขได้ ถ้าไม่อย่างนี้ก็ทุกข์อยู่นั่นแหละ

ขนาดมีความสุข แต่ข้างในก็ทุกข์ในๆ แล้วจะไปสุขตรงไหน? ใบหน้าก็ไม่มีความสุข คนเราจะต้องรู้จักสร้างความสุข สุขทุกข์ไม่มีหรอก อยู่ดีๆ เอามาเองได้ ตัวเรานั่นแหละเป็นผู้ไปเอามา

น้ำสกปรก เราจะเอาน้ำสะอาดเทใส่ เราจะต้องเทเอาน้ำสกปรกออกก่อน ถ้าไม่เทออกแล้วจะเป็นน้ำสะอาดได้อย่างไร? เราจะต้องเทเอาน้ำสกปรกออกก่อน แล้วล้างให้สะอาด แล้วเอาน้ำที่สะอาดใส่ ถ้าน้ำสกปรกยังไงเราก็ยังรัก แม้เอาน้ำดีสะอาดยังไงใส่ลงไป ก็ยังสกปรกอยู่ดี

แล้วจะมีไหม? น้ำสกปรกยังคงอยู่แล้วเราเทน้ำสะอาดลงไป แล้วน้ำนั้นก็จะเริ่มสะอาดขึ้น?

ถ้าเราทำอย่างนี้ น้ำสกปรกก็จะอยู่ข้างล่าง จะมาอยู่ข้างบนตรงไหน แล้วน้ำลงมันเต็มก็ล้นออกมาเรื่อยๆแล้ว สิ่งสกปรกจะออกมาได้ยังไง? คนเราต้องกล้าๆ หน่อย ต้องคว่ำเอาสิ่งสกปรกออกให้หมดสิ แล้วก็ล้างสิ นี่แหละ ชีวิตถึงจะสรุป ไม่ใช่วิจิกิจฉา (มีความลังเลสงสัย) อยู่นั่น

ฉะนั้น เราจะต้องเรียนรู้ความสุข จะอยู่ๆ ยังไงให้มีความสุข พระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็นคน เราจะอยู่ยังไง?

๑. อยู่ให้รอด
๒. อยู่ให้ได้
๓. อยู่ให้ดี
๔. แล้วอยู่ให้สันติ

พระพุทธเจ้าตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะมาสั่งสอน ท่านปวารณาอย่างแรงกล้า เพื่อที่จะเป็นสัมมาสัมพุทธะ เพื่อนำพาปัญญาที่กล่าวมานี้ เพราะทุกคนเกิดมาแล้ว มีชีวิตแล้ว อยู่ไม่ได้ดี แล้วบางคนก็อยู่ไม่รอดเลย บางคนอยู่รอดแต่ก็ไม่ได้ดี

พระพุทธเจ้าเกิดมาเพื่อเปลี่ยนชะตาให้กับสัตว์โลก สัตว์โลกที่มีชีวิต แต่ไปไม่รอด เพราะขาดอะไร? เพราะขาดธรรมะ พระพุทธเจ้าจึงมาสอน สอนให้ปัญญา ให้มีธรรมะ เพื่อให้เรียนรู้ชีวิต ชีวิตให้รอด และดำเนินชีวิตให้ได้ดีด้วย

คนทั่วไปส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า พระพุทธเจ้าจะชักนำแต่คนเข้าสู่นิพพาน และบางคนก็พยายามจะไปเผยแพร่ทางนี้ จนพวกฝรั่งเข้าใจผิด หาว่าพระพุทธเจ้านี่บ้า พาคนไปทุกข์ คนนี่ทุกข์เยอะ สอนให้คนทุกข์ สอนให้คนไม่เอา สอนให้คนละทิ้ง ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ว่านี้ซะหน่อย

พระพุทธเจ้าสอนว่า "สิ่งที่ไม่ดี ควรทิ้งซะ แล้วสิ่งที่ดีควรทำเพิ่ม ควรทำ เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด เพื่อให้ได้ดี สันติ" เหมือนกับขี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีเราจะถ่ายออกไหม? หรือว่าเราจะเก็บขี้ไว้? หลายคนเวลานี้ไม่ยอมขี้ เพราะท้องผูก ขี้เราไม่ถ่ายออก ก็จะไปปั่นป่วนจิตใจ สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกันว่า ขี้ (สิ่งไม่ดี) ไม่ออก ขี้ (สิ่งไม่ดี) มันตันสมอง มีแต่ไปคิดทางลบ

ฉะนัั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนเพียงเท่านี้ แต่วิธีก็แยบยลกันไป ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แต่จุดเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ "เอาของที่ไม่ดีออก เอาของดีทำเพิ่มขึ้น" พอของดีเราทำเพิ่มก็จะเป็นอานิสงส์ที่จะทำให้ชีวิตของเราอยู่ได้อยู่ดี พออยู่ได้อยู่ดีก็จะขึ้นขั้นไปอีกคือ "สมบูรณ์" "สันติ"

^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต


*  แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์_resize.jpg (152.8 KB, 495x700 - ดู 131 ครั้ง.)

*  แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์2.jpg (746.87 KB, 2481x3508 - ดู 131 ครั้ง.)

*  แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์3.jpg (688.68 KB, 2481x3508 - ดู 136 ครั้ง.)

*  แม้อยู่สวรรค์ก็ทุกข์4.jpg (795.42 KB, 2481x3508 - ดู 136 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!