เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย => การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 14:47:52



หัวข้อ: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 14:47:52
ดรีมคิดว่าดรีมอายุยังน้อย แม่มีที่นา 12 ไร่ ซึ่งซื้อไว้ให้ดรีม แต่ดรีมไม่เคยไปช่วยแม่ทำเลย พอแม่ศึกษาธรรมของ พระวชิรเมธี มีโรงเรียนชาวนา แม่ก็บอกว่า ไม่มีอาชีพไหนจะมั่นคงได้ เพราะแม่ก็ไม่ให้ลูกไปทำงานเป็นลูกน้องใครแน่ๆ ดรีมเลยคิดว่า อาชีพของดรีมที่อยากทำมากที่สุดคือ อาชีพ ชาวนา โดยมีแม่ให้ความรู้ กดดัน ต่างๆๆนาๆ ถึงเวลาแล้วเจ้า คนรุ่นใหม่ต้องหันมาทำนาได้แล้ว ดรีมเริ่มดูจากพี่อุ้ม แล้วจะเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย ดรีมขอพื้นที่เล็กๆ เอาคลิปของพี่อุ้ม มาแชร์ เน้อเจ้า เผื่อมีใครได้ดูจะได้อยากทำนาเหมือนดรีมบ้าง ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 14:49:15
http://www.youtube.com/watch?v=cOwc_02mV8M&feature=relmfu

cOwc_02mV8M&feature


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 14:59:22
ทักทายจร้า...^___^
เดี๋ยวค่ำ ๆ มาส่งเสริมและสนับสนุนการทำนาน่ะค่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 15:11:01
ขอบคุณเจ้าป้าปี


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: นายตะเข้ ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 15:53:09
k_8Ow_yIsTo&feature=related


อิอิ...แด่เกษตรกรคนใหม่ของแผ่นดิน  อิอิ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 16:10:08
 :D....วันหน้า...จ้างอ้ายไปไถนาหื้อเน้อแม่เลี้ยง...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 16:45:57

     อีก1 กำลังใจ สู้ๆครับอาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่เหน็ดเหนื่อยแต่มีความสูขครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 18:06:56
:D....วันหน้า...จ้างอ้ายไปไถนาหื้อเน้อแม่เลี้ยง...
ยินดีเจ้า... (ฟรีแม่นก่อเจ้า)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 18:11:15
ขอบคุณกำลังใจจาก อ้ายตะเข้ คุณกระเจียว เจ้า สู้ๆ  :D :D :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: TungTing ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 19:14:14
ตอนที่ยังอ่านไม่ถึงเรื่องคุณอุ้ม กำลังคิดในใจว่า "น่าจะลองอ่านจากหนังสือคุณอุ้มดู เพราะเคยอ่านแล้วดูชักจูงวัยรุ่นได้"  .... แสดงว่าเราคิดเหมือนกันนะเนี่ย  ;D  เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 กันยายน 2012, 21:08:08
ตอนที่ยังอ่านไม่ถึงเรื่องคุณอุ้ม กำลังคิดในใจว่า "น่าจะลองอ่านจากหนังสือคุณอุ้มดู เพราะเคยอ่านแล้วดูชักจูงวัยรุ่นได้"  .... แสดงว่าเราคิดเหมือนกันนะเนี่ย  ;D  เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
ลองทำดูเน้อเจ้า สู้ๆ ตอนนี้อ่านยังไม่จบ เดี่ยวคืนนี้อ่านต่อ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: บ่าวน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 09:32:36
ผมก็ชาวนา ทำนา อาชีพตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย ทำเถอะครับ สนับสนุน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 10:04:09
ผมก็ชาวนา ทำนา อาชีพตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย ทำเถอะครับ สนับสนุน
+2 ลูกชาวนา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Addmobile ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 10:23:09
ทำเลยครับวิถีชีวิตเกิดมาเราก็เห็นแล้วไม่ยากถ้ามีความ
ตั้งใจจริงครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 10:47:24
ทำเลยครับวิถีชีวิตเกิดมาเราก็เห็นแล้วไม่ยากถ้ามีความ
ตั้งใจจริงครับ
ขอบคุณเจ้า ปีนี้ แม่ให้ป้าทำ ถอดข้าวมา 200 ถัง หลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของชาวนาตัวน้อยๆ จะลงมือทำเองละเจ้า สู้ๆ ดรีมพี่อุ้มทำแล้วมีความสุขมากๆๆ เลย เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: TG475 ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 16:18:23
ผมก็ทำนา...มันอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว...จะไปทำอาชีพอะไรก็ตาม  ก็ไม่รู้สึกสุขใจเหมือนทำนา...ชีวิตที่ผ่านมาจำต้องห่างหายจากท้องนาไปนานหลายปี บัดนี้ได้กลับคืนสู่ท้องนาแห่งความฝันอีกครัง...หายใจไม่เต็มปอดมานานแล้วถึงเวลาเสียที  กลิ่นไอของท้องทุ่ง สายลมและแสงแดด การทำงานที่ใช้แรงอย่างเต็มกำลัง การทำนาที่เด็กๆสมัยนี้ขยะแขยง...แต่ผมรู้แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ชีวิตมีความสุขและยืนยาวขึ้นแน่นอน..ขอเป็นกำลังใจน้องดรีมด้วยคนเน้อ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 18:41:41
ขอบคุณ ท่านTG475 เจ้า ใช่ๆๆ ตอนดรีมพูดให้ใครฟังเขาก็ไม่ค่อยเชื่อ หรือไม่เขาก็คิดว่าทำไปทำไม ท่านTG475 ช่วยแนะนำด้วยเน้อเจ้า ตอนนี้ไม่มีความรู้อะไรเลย มีแต่ผืนนาที่ปนไปด้วยสารเคมี ที่สะสมมานาน สู้ๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: cakenaja ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 18:48:50
ผมก็ทำครับ โตมากับสวน แต่เพราะความอยากลองล้วนๆ ปีนี้เลยได้ลองทำดูครับ แต่ทำแค่8ไร่เอง จากที่ไม่มีความรู้เลย อาศัยถามเค้าเอาว่าทำยังไง แล้วก็ลงมือทำเลยครับ ;D
ไม่ยากเหมือนที่คิดครับ ต้องลอง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:05:42
ผมก็ทำครับ โตมากับสวน แต่เพราะความอยากลองล้วนๆ ปีนี้เลยได้ลองทำดูครับ แต่ทำแค่8ไร่เอง จากที่ไม่มีความรู้เลย อาศัยถามเค้าเอาว่าทำยังไง แล้วก็ลงมือทำเลยครับ ;D
ไม่ยากเหมือนที่คิดครับ ต้องลอง
ทำนาอินทรีย์ หรือป่าวค่ะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: challethai ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:25:10
ผมก็เป็นชาวนาเหมือนกันทำนา 14 ไร่ 1 ปีทำ 2 ครั้ง หักค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่ต่ำกว่า 120000 ครับ เฉลี่ยเดือนละ 10000 ครับ แต่ต้องทำนาในระบบใหม่นะครับ อย่าทำแบบใช้แรงอย่างเดียว โลกมันเปลี่ยนแล้ว  สู้ๆครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:41:38
เก่งจังเลยค่ะ ขนาดข้าพเจ้ายังไม่กล้าลงมือทำเลยค่ะ มีที่นาก็ให้ญาติทำเอาแต่ค่าหัวรายปี  :-[ :-[ :-[


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:49:28
ผมก็เป็นชาวนาเหมือนกันทำนา 14 ไร่ 1 ปีทำ 2 ครั้ง หักค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่ต่ำกว่า 120000 ครับ เฉลี่ยเดือนละ 10000 ครับ แต่ต้องทำนาในระบบใหม่นะครับ อย่าทำแบบใช้แรงอย่างเดียว โลกมันเปลี่ยนแล้ว  สู้ๆครับ
ขอบคุณเจ้า แม่จะซื้อรถไถให้อยู่เจ้า ปีนี้ว่าจะทำนาโยน เจ้า  ต้องศึกษาก่อนเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: AserityShop ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 20:00:51
ดีครับ หนับหนุนๆ   ;D ผมก็จะลองทำนะ ทำสวน กะ บ่อปลาอ่ะ ไว้ถ้าที่ขายไม่ออกก่อน ฮรี่ๆๆๆ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 กันยายน 2012, 20:05:50
ดีครับ หนับหนุนๆ   ;D ผมก็จะลองทำนะ ทำสวน กะ บ่อปลาอ่ะ ไว้ถ้าที่ขายไม่ออกก่อน ฮรี่ๆๆๆ ;D
ขอบคุณเจ้า :D :D :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: บินก ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 00:24:37
ไม่ได้รู้จักกัน แต่เห็นความตั้งใจแล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้นะ สู้ สู้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 18:38:10
ผมก็เป็นชาวนาเหมือนกันทำนา 14 ไร่ 1 ปีทำ 2 ครั้ง หักค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่ต่ำกว่า 120000 ครับ เฉลี่ยเดือนละ 10000 ครับ แต่ต้องทำนาในระบบใหม่นะครับ อย่าทำแบบใช้แรงอย่างเดียว โลกมันเปลี่ยนแล้ว  สู้ๆครับ
ขอบคุณเจ้า แม่จะซื้อรถไถให้อยู่เจ้า ปีนี้ว่าจะทำนาโยน เจ้า  ต้องศึกษาก่อนเจ้า
:D....แอ่นแร้...สีท่าจะมีคนขับรถไถละก้านิ.....ทำนาทำเกษตรเดี๋ยวนี้...ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์การทำงานให้ครบครับ...ไม่ต้องไปจ้างเขา...แถวๆบ้านอ้ายเดี๋ยวนี้คนหันมาทำนากันเยอะครับ....มีชาวนามือใหม่หลายคนเลย...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 18:46:03
มีคนขับรถไถหรือยังน้องดรีม หลานบ่าวอ้ายขับได้นา อิอิ ;D

(http://upic.me/i/jp/680229fdth3qm1pc.gif) (http://upic.me/show/5456107)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: challethai ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 19:23:48
ผมก็เป็นชาวนาเหมือนกันทำนา 14 ไร่ 1 ปีทำ 2 ครั้ง หักค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่ต่ำกว่า 120000 ครับ เฉลี่ยเดือนละ 10000 ครับ แต่ต้องทำนาในระบบใหม่นะครับ อย่าทำแบบใช้แรงอย่างเดียว โลกมันเปลี่ยนแล้ว  สู้ๆครับ
ขอบคุณเจ้า แม่จะซื้อรถไถให้อยู่เจ้า ปีนี้ว่าจะทำนาโยน เจ้า  ต้องศึกษาก่อนเจ้า
:D....แอ่นแร้...สีท่าจะมีคนขับรถไถละก้านิ.....ทำนาทำเกษตรเดี๋ยวนี้...ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์การทำงานให้ครบครับ...ไม่ต้องไปจ้างเขา...แถวๆบ้านอ้ายเดี๋ยวนี้คนหันมาทำนากันเยอะครับ....มีชาวนามือใหม่หลายคนเลย...
รถไถยังบ่มีครับอ้ายปีหนึ่ง จ้างเปิ้นเสี้ยงหมื่นปลาย(ปี+ปรัง)ซื้อรถต้นทุนเพิ่ม  คำว่ารถ(ลด)บ่มีเพิ่ม ค่าสึกหลอแหม ยะนาบ่นัก จ้างเบิ้นคุ้มกว่า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 19:42:22
มีคนขับรถไถหรือยังน้องดรีม หลานบ่าวอ้ายขับได้นา อิอิ ;D

(http://upic.me/i/jp/680229fdth3qm1pc.gif) (http://upic.me/show/5456107)

มีคนขับอยู่เจ้า อิอิ แต่งบจะซื้อยังบ่มีเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 19 กันยายน 2012, 20:20:41
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: veeroj ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 12:48:55
ลูกชาวนาเต็มขั้น ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่รู้ว่าอาชีพทำนา เป็นอาชีพที่ยั่งยืนอาชีพหนึ่งที่หลายๆคนมองข้ามหรือไม่ชอบเลย เพราะหนัก เหนื่อย ไม่สวย ไม่รวย คนก็เลยไม่สนใจ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งเล็กที่เลือกว่า"ข้าว" กลับกลายเป็นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ ขอบคุณที่น้องดรีมหัดมาเป็นชาวนา ให้กำลังใจครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Kontae_ki ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 16:01:34


เยี่ยมไปเลย ถ้าคนรุ่นใหม่เราคิดอย่างนี้ ก็ ยอดมากๆ
ช่วงนี้ก็หาประสบการณ์ทางอ้อมไปก่อน ละกันเน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 22:03:04
ลูกชาวนาเต็มขั้น ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่รู้ว่าอาชีพทำนา เป็นอาชีพที่ยั่งยืนอาชีพหนึ่งที่หลายๆคนมองข้ามหรือไม่ชอบเลย เพราะหนัก เหนื่อย ไม่สวย ไม่รวย คนก็เลยไม่สนใจ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งเล็กที่เลือกว่า"ข้าว" กลับกลายเป็นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ ขอบคุณที่น้องดรีมหัดมาเป็นชาวนา ให้กำลังใจครับ
ขอบคุณกำลังใจดีดีเจ้า และจาก ท่านKontae_ki เจ้า สู้ๆๆ ค่ะ นาอินทรีย์ลงทุนไม่เยอะ แต่ดรีมไปเห็นข้าวเขาสวยมากๆๆ เห็นรอยยิ้มเขามีความสุข ดรีมก็เลยอยากทำบ้างอ่ะเจ้า สู้ๆๆ เก็บเกี่ยวความรู้อยู่้จ่า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: น้าผี ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 22:46:51
สักวันผมหรือเพื่อนๆในนี้ผ่านไปทางโน้นอาจจะเหนป้ายชื่อเล้กๆ ของพุหญิงตัวเล็กๆ(ป่าวมะรุ)เขียนหรือตั้งชื่ออะไรสักอย่างไว้ว่า...นี้คือของฉัน ผลตั้งใจของฉัน......การตั้งใจ และโอกาส...มันเปนได้แค่หรือคือความหวัง.....แต่เมื่อสักวัน น้องนั่งมองและยิ้มให้กับมัน  นั่นแหละคับ คือความสำเร็จ....มันรวมไว้ทั้งหมดแค่คำๆนี้คำเดว...ความตั้งใจโอกาส ขยัน มุ่งมั่น เยอะแระ...ปวดนิ้ว....แค่นี้จ้า..มีโอกาสแจกเฟชเน้อจะดูความเปนไป...เหอๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 กันยายน 2012, 22:56:58
สักวันผมหรือเพื่อนๆในนี้ผ่านไปทางโน้นอาจจะเหนป้ายชื่อเล้กๆ ของพุหญิงตัวเล็กๆ(ป่าวมะรุ)เขียนหรือตั้งชื่ออะไรสักอย่างไว้ว่า...นี้คือของฉัน ผลตั้งใจของฉัน......การตั้งใจ และโอกาส...มันเปนได้แค่หรือคือความหวัง.....แต่เมื่อสักวัน น้องนั่งมองและยิ้มให้กับมัน  นั่นแหละคับ คือความสำเร็จ....มันรวมไว้ทั้งหมดแค่คำๆนี้คำเดว...ความตั้งใจโอกาส ขยัน มุ่งมั่น เยอะแระ...ปวดนิ้ว....แค่นี้จ้า..มีโอกาสแจกเฟชเน้อจะดูความเปนไป...เหอๆๆๆ
:) :) :) :) ;) :D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 07:58:24
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า

 :D....ดำมาหน่อยละน้อ......เป็นชาวนาต้องตากแดดตัวดำอย่างนี้แหละ...อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 10:12:52
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า

 :D....ดำมาหน่อยละน้อ......เป็นชาวนาต้องตากแดดตัวดำอย่างนี้แหละ...อิอิ
ตกคันนาต๋วยเจ้า อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: TG475 ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 10:57:52
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า

 :D....ดำมาหน่อยละน้อ......เป็นชาวนาต้องตากแดดตัวดำอย่างนี้แหละ...อิอิ
ตกคันนาต๋วยเจ้า อิอิ
เง้อ ผ่อบาวก้า..น้องดรีม ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 12:07:24
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า

 :D....ดำมาหน่อยละน้อ......เป็นชาวนาต้องตากแดดตัวดำอย่างนี้แหละ...อิอิ
ตกคันนาต๋วยเจ้า อิอิ
เง้อ ผ่อบาวก้า..น้องดรีม ;D
ไปเก็บไข่หอยเชอรี่มาทำฮอร์โมนเจ้า แม่หลวงพาบอกว่าเป็นฮอร์โมนชั้น1 เลย เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 12:09:32
ไปศึกษาเรื่องทำนาวันแรก ไปตำหน่อกล้วย ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า ดีใจๆ อาการร้อนมาก แต่มีความสุขมากๆ เจ้า

 :D....ดำมาหน่อยละน้อ......เป็นชาวนาต้องตากแดดตัวดำอย่างนี้แหละ...อิอิ
ตกคันนาต๋วยเจ้า อิอิ
เง้อ ผ่อบาวก้า..น้องดรีม ;D
;D ;D ;D ถ้าจะเง้อบ่าวขับรถไถ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 12:11:30
ท่าน กระเจียว ดูข้าวนาโยนนี่เจ้า สวยมากๆๆๆ รวงยาว ต้นแข็งแรง ที่ท่าสาย  (อิอิ เง้อหอยเชอรี่ก่าเจ้า )


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 13:14:07
ท่าน กระเจียว ดูข้าวนาโยนนี่เจ้า สวยมากๆๆๆ รวงยาว ต้นแข็งแรง ที่ท่าสาย  (อิอิ เง้อหอยเชอรี่ก่าเจ้า )
อินทรีย์กะครับ งามแต้ว่าไค้ได้สัก10ไร่จะอี้หนา นกเอี้ยงฮ้องเต็มต่ง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: jaroen ที่ วันที่ 22 กันยายน 2012, 13:24:38
 :D :Dผมกะเ้็ป๋นจาวนาคับทำนาเป็นหลัก  15 ไร่ ปีหนึ่งทำสองครั้งเหมือนกัน ใช้ชีวภาพ+เคมีคับ ลองหักดิบอินทรีย์ ป๊วดโซ๊ะ ทั้งใบใหม้ เพี้ยจักจั่น เลยจำต้อง+เคมีไปตวย แต่จะค่อยๆลดเคมีคับผม


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Love Never Dies. ที่ วันที่ 23 กันยายน 2012, 03:25:49
สันหลังของชาติครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 23 กันยายน 2012, 11:28:27
:D :Dผมกะเ้็ป๋นจาวนาคับทำนาเป็นหลัก  15 ไร่ ปีหนึ่งทำสองครั้งเหมือนกัน ใช้ชีวภาพ+เคมีคับ ลองหักดิบอินทรีย์ ป๊วดโซ๊ะ ทั้งใบใหม้ เพี้ยจักจั่น เลยจำต้อง+เคมีไปตวย แต่จะค่อยๆลดเคมีคับผม

เจ้า แต่ก็ยังดีเนาะเจ้า ลดเคมีลงบ้าง อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ~pong03~ ที่ วันที่ 23 กันยายน 2012, 19:15:14
ยินดีต้อนรับ ลูกชาวนาอีกท่านหนึ่งครับ  ;)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 19:23:16
ยินดีต้อนรับ ลูกชาวนาอีกท่านหนึ่งครับ  ;)
ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 19:27:26
ตอนนี้เป็นชาวนาไปครึ่งตัวแล้วเจ้า ได้เป็นชาวนา รุ่นสิงห์ 2 ณ โรงเรียนพุทธชาวนา ไร่เชิญตะวัน 2คืน 3วัน สนุกมาก ได้ความรู้ทั้งการทำนา การทำนาอินทรีย์ นาโยน ได้ความรู้จากท่านวิยากรจากกรมที่ดิน และศูนย์วิจัยข้าว และที่สำคัญได้ฟัง ท่านวอ วชิรเมธี ให้ความรู้สอดแสรกข้อคิดดีดี ให้การใช้ชีวิต มีความสุขเจ้า แต่อากาศร้อนไปหน่อย สู้ๆเจ้า เหลือแค่ลงมือทำ

แอบรู้มาว่ามีชาวนารุ่นสิงห์ 2 เป็นสมาชิกเชียงรายโฟกัส ด้วยน่าค่ะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 19:52:12
ภูมิใจกับใบประกาศนียบัตรนี้มากเจ้า ชาว ชรฟก. อย่าลืมไปเรียนศึกษาหาความรู้กันเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 20:47:32
ชาวนาน้อยเก่งแต้ เยี่ยมๆ :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 26 กันยายน 2012, 22:24:32
เพราะเหตุได


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: paintaker ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 01:25:32
พ่อแม่ส่งลูกเรียนสูงๆเพื่อทำงานบริษัท
แล้วต่อไปใครจะปลูกข้าวให้เรากิน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 07:52:56
ตามสถิติของมหาวิทยาลัยที่ดัง ๆ พบว่า


คนที่เรียนเก่งได้เกีรตินิยม มักจะเป็นได้แค่อาจารย์/นักวิชาการ
แต่ไม่ได้เป็นเศรษฐี  เพราะว่า พวกเขาเอาเวลาส่วนใหญ่
ไปวิจัย  คิด ศึกษา เลยไม่มีเวลาลงมือทำ

แต่..คนที่สอบตกบ่อย ๆ ในชั้นเรียน เรียนไม่ไหว
เลยออกมาช่วยพ่อแม่ทำงาน/ทำธุรกิจ ในที่สุดก็กลายเป็นเศรษฐี
เพราะว่าพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ "ลงมือทำ" นั้นเอง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 08:32:34
ตามสถิติของมหาวิทยาลัยที่ดัง ๆ พบว่า


คนที่เรียนเก่งได้เกีรตินิยม มักจะเป็นได้แค่อาจารย์/นักวิชาการ
แต่ไม่ได้เป็นเศรษฐี  เพราะว่า พวกเขาเอาเวลาส่วนใหญ่
ไปวิจัย  คิด ศึกษา เลยไม่มีเวลาลงมือทำ

แต่..คนที่สอบตกบ่อย ๆ ในชั้นเรียน เรียนไม่ไหว
เลยออกมาช่วยพ่อแม่ทำงาน/ทำธุรกิจ ในที่สุดก็กลายเป็นเศรษฐี
เพราะว่าพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ "ลงมือทำ" นั้นเอง
ขอบคุณมากๆๆค่ะ ขอบคุณอาจารย์ที่เปิดโอกาศให้ดรีมเข้าไปเรียนโรงเรียนชาวนา ขอบคุณสำหรับกำลังใจเจ้า...................


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: >_อนัตตา_< ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 08:35:47
เก่งจริง ๆ น้องสาวเรา  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: sakkarin ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 10:29:53
เป็นกำลังใจให้สู้ๆครับ ผมก็เป็นชาวนาเหมือนกันครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pama ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 13:29:48
แล้วจะไปขอคำปรึกษาเรื่องทำนาโยนนะค่ะ น้องครีม วางแผนว่าจะลองทำนาดูเหมือนกัน (ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า )


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ❀●•♪.FairytaleDH﹎.εїз︷✿ ที่ วันที่ 27 กันยายน 2012, 15:32:01
 ;D เป็นกําลังใจให้สาวน้อย ชาวนารุ่นใหม่ค่ะ  ;D
 มาถูกทางแล้วค่ะ เมืองไทยยังอุดมสมบูรณ์ เป็นครัวของโลกได้ ...สู้ สู้ นะ สาวน้อย  ;D
 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 08:28:43

คุณ pama ลองทำไปด้วยกันน่อเจ้า ดรีมก็ยังบ่เคย แต่ก็จะลงมือทำ แต่ดรีมไปดูแปลงนาของพี่ๆ ลุงๆ ข้าวสวยมากๆๆ เจ้า ยินดีให้คำปรึกษาแต่ตอนนี้ดรีมยังไม่มีความรู้อาไรเยอะอ่ะเจ้า

ขอบคุณทุกๆกำลังใจเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: eakmyworld ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 08:39:03
ทึ่งในตัวคุณจริงๆเลยครับ ถ้าโลกนี้มีคนอย่างคุณสักครึ่งโลกเราคงไม่เป็นเหมือนอย่างทุกวันนี้ เป็นแรงใจสนับสนุนครับ ถึงอาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ลำบาก แต่เวลาที่เราทำอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ มันก็มีความสุขได้เหมือนกัน สู้ๆคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 08:56:39
ทึ่งในตัวคุณจริงๆเลยครับ ถ้าโลกนี้มีคนอย่างคุณสักครึ่งโลกเราคงไม่เป็นเหมือนอย่างทุกวันนี้ เป็นแรงใจสนับสนุนครับ ถึงอาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ลำบาก แต่เวลาที่เราทำอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ มันก็มีความสุขได้เหมือนกัน สู้ๆคับ
ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 11:37:25
โดนใจสุดๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 11:58:43
ตอนนี้เป็นชาวนาไปครึ่งตัวแล้วเจ้า ได้เป็นชาวนา รุ่นสิงห์ 2 ณ โรงเรียนพุทธชาวนา ไร่เชิญตะวัน 2คืน 3วัน สนุกมาก ได้ความรู้ทั้งการทำนา การทำนาอินทรีย์ นาโยน ได้ความรู้จากท่านวิยากรจากกรมที่ดิน และศูนย์วิจัยข้าว และที่สำคัญได้ฟัง ท่านวอ วชิรเมธี ให้ความรู้สอดแสรกข้อคิดดีดี ให้การใช้ชีวิต มีความสุขเจ้า แต่อากาศร้อนไปหน่อย สู้ๆเจ้า เหลือแค่ลงมือทำ

แอบรู้มาว่ามีชาวนารุ่นสิงห์ 2 เป็นสมาชิกเชียงรายโฟกัส ด้วยน่าค่ะ

น้องครับ พี่รบกวนขอรายละเอียดการสมัครเข้าไปเรียนหน่อยครับ ว่ามีขั้นตอน ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในการเข้าไปเรียนครับ   พอดีพี่ก็ทำนามาหลายปีละส่วนใหญ่ก็ศึกษาจากหนังสือ หลาย ๆ เล่มมาประยุกต์ใช้แต่ไม่เคยไปอบรม หรือไปเรียนที่ไหนเลยอยากได้ความรู้เพิ่มเติม  เคยคิดจะไปเรียนกับ มูลนิธิของอาจารย์เดชา ศิริภัทธ แต่ก็ปลีกตัวไปไม่ได้เพราะติดงานประจำและต้องเดินทางไกล เห็นว่ามีโรงเรียนในเชียงรายแล้วเลยสนใจครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:06:30
 ต้องการเข้าไปศึกษาดูงาน
ส่วนบุคคล/ กลุ่มคณะ ติดต่อได้ที่
แม่หลวง นำพา ขัติกันทา โทร. 0810337572
หรือที่อ.เชษฐา  0892576293

รุ่นที่ 3 จะมีประมาณเดือนหน้าเจ้า แต่ยังไม่ชัดเจนวันไหน ที่ดรีมไปดรีมขอไปในนามโรงเรียนชาวนาท่าสายของแม่หลวงนำพา เจ้า ลองโทรติดต่อดูเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pada72 ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:30:59
ครีมมีความฝันเหมือนผมเลยครับผมทำการเกษตรมาตั้งแต่จำความได้และรักการเกษตรมาก
เพราะมันเป็นอาชีพที่พ่อแม่รักทุกวันนี้ถึงผมจะเรียนมหาลัยอยู่แต่ก็กลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเป็น
ประจำถ้าว่าง คิดว่าจบไปคงทำต่อจากพ่อแม่จะได้ดูแลท่านด้วย ที่ดินที่พ่อแม่มีให้ก็ประมาณ 48 ไร่
แบ่งเป็นที่นา 42 ไร่ สวนลำใย 5 ไร่ และปลูกต้นสักไว้สร้างบ้านอีก 1 ไร่ และไม่อยากให้ไครมา
เช่าที่ดินเราด้วยอยากทำเอง ผมขอสนับสนุนครับ ชาวนารุ่นใหม่


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:40:18
ครีมมีความฝันเหมือนผมเลยครับผมทำการเกษตรมาตั้งแต่จำความได้และรักการเกษตรมาก
เพราะมันเป็นอาชีพที่พ่อแม่รักทุกวันนี้ถึงผมจะเรียนมหาลัยอยู่แต่ก็กลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเป็น
ประจำถ้าว่าง คิดว่าจบไปคงทำต่อจากพ่อแม่จะได้ดูแลท่านด้วย ที่ดินที่พ่อแม่มีให้ก็ประมาณ 48 ไร่
แบ่งเป็นที่นา 42 ไร่ สวนลำใย 5 ไร่ และปลูกต้นสักไว้สร้างบ้านอีก 1 ไร่ และไม่อยากให้ไครมา
เช่าที่ดินเราด้วยอยากทำเอง ผมขอสนับสนุนครับ ชาวนารุ่นใหม่
โห...... มีที่นาเยอะเลย ทำ2 ครั้ง ทำนาอินทรีย์ด้วย ได้กับได้ เจ้า

สู้ๆๆ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pada72 ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:44:54
ครีมมีความฝันเหมือนผมเลยครับผมทำการเกษตรมาตั้งแต่จำความได้และรักการเกษตรมาก
เพราะมันเป็นอาชีพที่พ่อแม่รักทุกวันนี้ถึงผมจะเรียนมหาลัยอยู่แต่ก็กลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเป็น
ประจำถ้าว่าง คิดว่าจบไปคงทำต่อจากพ่อแม่จะได้ดูแลท่านด้วย ที่ดินที่พ่อแม่มีให้ก็ประมาณ 48 ไร่
แบ่งเป็นที่นา 42 ไร่ สวนลำใย 5 ไร่ และปลูกต้นสักไว้สร้างบ้านอีก 1 ไร่ และไม่อยากให้ไครมา
เช่าที่ดินเราด้วยอยากทำเอง ผมขอสนับสนุนครับ ชาวนารุ่นใหม่
โห...... มีที่นาเยอะเลย ทำ2 ครั้ง ทำนาอินทรีย์ด้วย ได้กับได้ เจ้า

สู้ๆๆ เจ้า
ที่ทำ 2 ครั้งมีแค่ 18 ไร่ ครับที่เหลือไม่มีน้ำทำครั้งเดียว
อยากจะทำเหมื่อนกันครับอินทรีย์ แต่ยังเปลี่ยนความคิดพ่อแม่
ไม่ได้ลองคุยๆให้ฟังอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:49:19
แถวบ้านดรีมก็ยังไม่มีใครทำเจ้า มีดรีมคนเดียวนี่แระ จะลองทำดู อยากทำนาโยน ไว้เรียนจบมาเป็นชาวนาต๋วยกันน่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pada72 ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 12:56:04
แถวบ้านดรีมก็ยังไม่มีใครทำเจ้า มีดรีมคนเดียวนี่แระ จะลองทำดู อยากทำนาโยน ไว้เรียนจบมาเป็นชาวนาต๋วยกันน่อเจ้า

ขอบคุณครับ ไว้เรียนจบก่อนเนอะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 กันยายน 2012, 13:10:37
แถวบ้านดรีมก็ยังไม่มีใครทำเจ้า มีดรีมคนเดียวนี่แระ จะลองทำดู อยากทำนาโยน ไว้เรียนจบมาเป็นชาวนาต๋วยกันน่อเจ้า

ขอบคุณครับ ไว้เรียนจบก่อนเนอะ
เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: kaewmarloon ที่ วันที่ 29 กันยายน 2012, 18:37:26
;D  ขอเป็นกำลังใจให้ไปถึงฝันครับ น้องดรีม  (ขี้เหล้าน้อย)


bH-Lebi4NdI
zTJvLggOzsM
7OS94rlb96c
SVRTurmauYA


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 กันยายน 2012, 20:38:20
5555  ชอบครับแถมขี่ Versys2012 ด้วย  ขอบคุณที่เอาคลิปรายการมาฝากครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 กันยายน 2012, 14:15:50
ขอบคุณ ท่าน kaewmarloon มากๆๆเจ้า ว่าจะดูแต่ลืม เอาหลานไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปิ๊กมาแหมกำจบแล้ว ขอบคุณมากๆๆเจ้า ไปหาในเน็ตก็บ่ามี อิอิ ขอบคุณกำลังใจเจ้า สู้ๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 กันยายน 2012, 14:37:57
5555  ชอบครับแถมขี่ Versys2012 ด้วย  ขอบคุณที่เอาคลิปรายการมาฝากครับ
อยากซ้อนรถแบบนี้ อิอิ เดี๋ยวทำนาสัก 10 ปี จะซื้อสักคัน ฮาๆๆๆๆ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 30 กันยายน 2012, 19:52:33
5555  ชอบครับแถมขี่ Versys2012 ด้วย  ขอบคุณที่เอาคลิปรายการมาฝากครับ
อยากซ้อนรถแบบนี้ อิอิ เดี๋ยวทำนาสัก 10 ปี จะซื้อสักคัน ฮาๆๆๆๆ เจ้า

สู้ ๆ จ้าน้องดรีม วันก่อนที่ได้ข้อมูลโรงเรียนชาวนา  เมื่อวานผมก็เลยปั่นจักรยานไปกลับ 54 ก.ม. เพื่อไปดูโรงเรียนชาวนาที่ ไร่เชิญตะวันเลย  ปั่นจาก อ.เวียงชัย ไปทางหนองหลวง เข้าห้วยสักและไปที่ไร่เลย...ไปถึงนี่หายเหนื่อยเลยครับชอบมาก ๆ ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 30 กันยายน 2012, 19:55:29
สวยมาก ๆ การเกษตรกับธรรมะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 09:36:26
ตรงแปลงนาข้าวไร่ ชาวนารุ่นสิงห์ 2 ถอนหญ้าเองกับมือเจ้า ม่วนขนาด เสียดายเวลามีน้อย อั่นจะถอนหื้อหมดเลยเจ้า ที่ไร่นี่สวยมากๆๆ พี่ได้เดินไปทางริมน้ำก่อเจ้า สวยมากกกกกกก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 10:44:02
ตรงแปลงนาข้าวไร่ ชาวนารุ่นสิงห์ 2 ถอนหญ้าเองกับมือเจ้า ม่วนขนาด เสียดายเวลามีน้อย อั่นจะถอนหื้อหมดเลยเจ้า ที่ไร่นี่สวยมากๆๆ พี่ได้เดินไปทางริมน้ำก่อเจ้า สวยมากกกกกกก

ไปครับ เอาจักรยานไปขออนุญาตเจ้าหน้าที่ปั่นข้างในตามถนนได้ ถ้าเป็นรถยนต์จะเห็นเค้าจอดที่ลานจอดรถครับ  ระวังเจ้า ซุปเปอร์ หมาพันธุ์โกลเดนที่อยู่ในไร่ด้วยนะชอบพาคนมาเยี่ยมชมไปลงน้ำ 555 ประมาณอยากมีคู่เล่นน้ำด้วย



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 10:46:44
ผลผลิตในไร่ก็มีจำหน่ายด้วยครับ  อุดหนุนไปหลายอย่างเลยวันนั้น


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Jim2u ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 10:48:10
เห็นแบบนี้แล้ว อยากมีแฟนเป็นชาวนาจัง... ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 10:49:12
ของฝากของที่ระลึก ก็มีครับจำหน่ายภายในห้องสมุด


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: apsch2 ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 12:27:24
ยอดเยี่ยมมากครับขนาดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนเครื่องไม่เครื่องมือทันสมัยทุ่นแรงประหยัดเวลา ทำนาเหนื่อยแค่ช่วงแรกครับพอข้าวตั้งตัวได้แล้วก็สบายละใส่ปุ๋ยแล้วก็รออย่างเดียว
มีเวลาว่างทำอาชีพเสริมได้อีก ผมดูคลิป คนค้นคนเเล้วดีมากผมก็จบปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าทำงานเป็นมนุษเงินเดือนเกือบสิบปี ก็เท่านั้น ทำไปจนเกษียนก็ยังเป็นลูกน้องอยู่วันยังคำ่ พอดีพ่อเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานเพราะแกทำคนเดียวเหนื่อยจากไม่เคยทำเลยแรกๆก็เหนื่อยครับแต่ก็มันเป็นของเรานี่ถึงเหื่อยมันก็ของเราถ้าเปรียบเทียบมนุษเงินเดือนทำเหนื่อยแทบตายเงินเดือนก็เท่าเดิมปีนึงขึ้นทีโบนัสรอลุ้นคิดแล้วเศร้าแต่พอมาทำนา ใช่เลย เราเป็นนายตัวเองผลผลิตอยู่ที่เราขายข้าวได้ก็เงินเรายิ่งตอนนี้เป็นระบบจำนำราคาข้าวหายห่วง เห็นแถวบ้านตอนนี้ออกรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่นยอดจองป้ายแดงรอ3-4เดือนโอ้แม่จ้าว
เป็นชาวนามันดีอย่างนี้นี่เองรู้งี้ทำนาไปตั้งนานแล้ว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 14:06:30
ยอดเยี่ยมมากครับขนาดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนเครื่องไม่เครื่องมือทันสมัยทุ่นแรงประหยัดเวลา ทำนาเหนื่อยแค่ช่วงแรกครับพอข้าวตั้งตัวได้แล้วก็สบายละใส่ปุ๋ยแล้วก็รออย่างเดียว
มีเวลาว่างทำอาชีพเสริมได้อีก ผมดูคลิป คนค้นคนเเล้วดีมากผมก็จบปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าทำงานเป็นมนุษเงินเดือนเกือบสิบปี ก็เท่านั้น ทำไปจนเกษียนก็ยังเป็นลูกน้องอยู่วันยังคำ่ พอดีพ่อเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานเพราะแกทำคนเดียวเหนื่อยจากไม่เคยทำเลยแรกๆก็เหนื่อยครับแต่ก็มันเป็นของเรานี่ถึงเหื่อยมันก็ของเราถ้าเปรียบเทียบมนุษเงินเดือนทำเหนื่อยแทบตายเงินเดือนก็เท่าเดิมปีนึงขึ้นทีโบนัสรอลุ้นคิดแล้วเศร้าแต่พอมาทำนา ใช่เลย เราเป็นนายตัวเองผลผลิตอยู่ที่เราขายข้าวได้ก็เงินเรายิ่งตอนนี้เป็นระบบจำนำราคาข้าวหายห่วง เห็นแถวบ้านตอนนี้ออกรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่นยอดจองป้ายแดงรอ3-4เดือนโอ้แม่จ้าว
เป็นชาวนามันดีอย่างนี้นี่เองรู้งี้ทำนาไปตั้งนานแล้ว


ใช่แล้วครับ ทำนาปัจจุบันสบายมากขึ้นเพราะมีเครื่องจักร เครื่องมือ ตลอดจนวิธีการปลูกที่ทันสมัยมากขึ้น ผมทำนาครั้งแรกตัดสินใจซื้อรถไถนานั่งขับเลย ทั้งที่มีแต่เสียงคัดค้านจากทางบ้าน พ่อแม่ผมก็ไม่ใช่ชาวนาทำนาไม่เป็น ตัดสินใจขอคืนที่นาที่ให้ชาวบ้านเค้าเช่ามาทำเอง 22 ไร่  เริ่มทำตอนแรกก็ผิด ๆ ถูก ๆ ผลผลิตไม่ได้เท่าไหร่ อาศัยศึกษาจากในเน็ต  ซื้อหนังสือมาอ่าน จนเริ่มเข้าใจ ทุกวันนี้ผลผลิตที่ได้ค่อนข้างพอใจ ที่ไร่ผมทำปีนึง 2 ครั้ง รายได้ก็แบ่งให้พ่อแม่ ครึ่งหนึ่ง  ซึ่งผมเป็นชาวนาวันหยุด ส อ  ช่วง จ-ศ ก็ทำงานบริษัทครับตอนเย็นมีเวลาก็แวะไปนาบ้าง ตอนนี้ลูกหลานชาวนาแถวบ้านเริ่มทำตามครับมีชาวนาปริญญาหลายคนละครับ  กำลังเล็ง ๆ จะไปเรียนโรงเรียนชาวนาเพิ่มเติมอยู่ครับ



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 14:18:19
ทำนาแรก ๆ ก็ลำบากน่าดูต้องเอารถขึ้นเทเลอร์ไปนาครับ ไม่งั้นต้องเสียเวลาประกอบล้ออีกครับ ถ้าถามทำไมไม่ซื้อคันใหญ่เลย  คันนี้ผมซื้อมาแสนกว่า แต่คันใหญ่รุ่น 34แรงสมัยนั้นต้องเพิ่มเงินอีก 3 เท่า ผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปรับจ้างก็เลยเอาคันเล็กครับ ถึงแม้ทำงานช้ากว่าแต่ผมทำแค่ 22 ไร่ก็พอละ ประหยัดน้ำมันด้วยทำทั้งวันค่าน้ำมันก็ 2-3 ร้อยบาทเอง  แต่ปัจจุบันได้เงินมาก็เลยทำห้างกลางนาซะเลยจอดทิ้งไว้ที่นู่นเลยครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 14:52:28
เข้ามาศึกษาคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 18:13:12
ตรงแปลงนาข้าวไร่ ชาวนารุ่นสิงห์ 2 ถอนหญ้าเองกับมือเจ้า ม่วนขนาด เสียดายเวลามีน้อย อั่นจะถอนหื้อหมดเลยเจ้า ที่ไร่นี่สวยมากๆๆ พี่ได้เดินไปทางริมน้ำก่อเจ้า สวยมากกกกกกก

ไปครับ เอาจักรยานไปขออนุญาตเจ้าหน้าที่ปั่นข้างในตามถนนได้ ถ้าเป็นรถยนต์จะเห็นเค้าจอดที่ลานจอดรถครับ  ระวังเจ้า ซุปเปอร์ หมาพันธุ์โกลเดนที่อยู่ในไร่ด้วยนะชอบพาคนมาเยี่ยมชมไปลงน้ำ 555 ประมาณอยากมีคู่เล่นน้ำด้วย


เจ้าซุเปอร์น่ารักเจ้า เวลานั่งสมาธิ ซุปเปอร์ก็จะนั่งด้วย เดินจงกลมก็เดินด้วย แถมน่ารัก พานักท่องเที่ยวแอ่ว อีก น่อ อิอิ มีแฮปปี้อีกตัว แค่ หกเดือนตัวใหญ่มากๆๆๆ เลยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 18:16:52
ยอดเยี่ยมมากครับขนาดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนเครื่องไม่เครื่องมือทันสมัยทุ่นแรงประหยัดเวลา ทำนาเหนื่อยแค่ช่วงแรกครับพอข้าวตั้งตัวได้แล้วก็สบายละใส่ปุ๋ยแล้วก็รออย่างเดียว
มีเวลาว่างทำอาชีพเสริมได้อีก ผมดูคลิป คนค้นคนเเล้วดีมากผมก็จบปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าทำงานเป็นมนุษเงินเดือนเกือบสิบปี ก็เท่านั้น ทำไปจนเกษียนก็ยังเป็นลูกน้องอยู่วันยังคำ่ พอดีพ่อเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานเพราะแกทำคนเดียวเหนื่อยจากไม่เคยทำเลยแรกๆก็เหนื่อยครับแต่ก็มันเป็นของเรานี่ถึงเหื่อยมันก็ของเราถ้าเปรียบเทียบมนุษเงินเดือนทำเหนื่อยแทบตายเงินเดือนก็เท่าเดิมปีนึงขึ้นทีโบนัสรอลุ้นคิดแล้วเศร้าแต่พอมาทำนา ใช่เลย เราเป็นนายตัวเองผลผลิตอยู่ที่เราขายข้าวได้ก็เงินเรายิ่งตอนนี้เป็นระบบจำนำราคาข้าวหายห่วง เห็นแถวบ้านตอนนี้ออกรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่นยอดจองป้ายแดงรอ3-4เดือนโอ้แม่จ้าว
เป็นชาวนามันดีอย่างนี้นี่เองรู้งี้ทำนาไปตั้งนานแล้ว

แฮ่ๆๆ ตัวบ่เล็กบ่เล่น (ตัวใหญ่) ก่าเจ้า อิอิ ทำนาๆเจ้า ตอนนี้ยังบ่ฮู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ตึงจะทำเจ้า ทำนาอินทรีย์ก่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 18:21:43
ทำนาแรก ๆ ก็ลำบากน่าดูต้องเอารถขึ้นเทเลอร์ไปนาครับ ไม่งั้นต้องเสียเวลาประกอบล้ออีกครับ ถ้าถามทำไมไม่ซื้อคันใหญ่เลย  คันนี้ผมซื้อมาแสนกว่า แต่คันใหญ่รุ่น 34แรงสมัยนั้นต้องเพิ่มเงินอีก 3 เท่า ผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปรับจ้างก็เลยเอาคันเล็กครับ ถึงแม้ทำงานช้ากว่าแต่ผมทำแค่ 22 ไร่ก็พอละ ประหยัดน้ำมันด้วยทำทั้งวันค่าน้ำมันก็ 2-3 ร้อยบาทเอง  แต่ปัจจุบันได้เงินมาก็เลยทำห้างกลางนาซะเลยจอดทิ้งไว้ที่นู่นเลยครับ
ดรีมก็ว่าจะซื้อรถไถอยู่อ่ะเจ้า ซื้อ 47 แรงอะเจ้า 750000 บาท แพงขนาด ผ่อนเอา อิอิ ของอ้ายนี่เป็นรถแบบไหนเจ้า จะไว้ให้แฟนเอาไปรับจ้างต๋วยอ่ะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 18:25:10
เข้ามาศึกษาคับ
อาจารย์ วันอาทิตย์นี้อาจารย์ มาสอนก่อเจ้า ศุกร์นี้ดรีมว่าจะไปอยู่เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 18:25:41
ทำนาแรก ๆ ก็ลำบากน่าดูต้องเอารถขึ้นเทเลอร์ไปนาครับ ไม่งั้นต้องเสียเวลาประกอบล้ออีกครับ ถ้าถามทำไมไม่ซื้อคันใหญ่เลย  คันนี้ผมซื้อมาแสนกว่า แต่คันใหญ่รุ่น 34แรงสมัยนั้นต้องเพิ่มเงินอีก 3 เท่า ผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปรับจ้างก็เลยเอาคันเล็กครับ ถึงแม้ทำงานช้ากว่าแต่ผมทำแค่ 22 ไร่ก็พอละ ประหยัดน้ำมันด้วยทำทั้งวันค่าน้ำมันก็ 2-3 ร้อยบาทเอง  แต่ปัจจุบันได้เงินมาก็เลยทำห้างกลางนาซะเลยจอดทิ้งไว้ที่นู่นเลยครับ

 :D....สนใจเทรลเลอร์พ่วงครับ....บรรทุกรถไถ45แรงพอไหวไหมนี่ครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: apsch2 ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 19:31:47
ยอดเยี่ยมมากครับขนาดเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนเครื่องไม่เครื่องมือทันสมัยทุ่นแรงประหยัดเวลา ทำนาเหนื่อยแค่ช่วงแรกครับพอข้าวตั้งตัวได้แล้วก็สบายละใส่ปุ๋ยแล้วก็รออย่างเดียว
มีเวลาว่างทำอาชีพเสริมได้อีก ผมดูคลิป คนค้นคนเเล้วดีมากผมก็จบปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าทำงานเป็นมนุษเงินเดือนเกือบสิบปี ก็เท่านั้น ทำไปจนเกษียนก็ยังเป็นลูกน้องอยู่วันยังคำ่ พอดีพ่อเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานเพราะแกทำคนเดียวเหนื่อยจากไม่เคยทำเลยแรกๆก็เหนื่อยครับแต่ก็มันเป็นของเรานี่ถึงเหื่อยมันก็ของเราถ้าเปรียบเทียบมนุษเงินเดือนทำเหนื่อยแทบตายเงินเดือนก็เท่าเดิมปีนึงขึ้นทีโบนัสรอลุ้นคิดแล้วเศร้าแต่พอมาทำนา ใช่เลย เราเป็นนายตัวเองผลผลิตอยู่ที่เราขายข้าวได้ก็เงินเรายิ่งตอนนี้เป็นระบบจำนำราคาข้าวหายห่วง เห็นแถวบ้านตอนนี้ออกรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่นยอดจองป้ายแดงรอ3-4เดือนโอ้แม่จ้าว
เป็นชาวนามันดีอย่างนี้นี่เองรู้งี้ทำนาไปตั้งนานแล้ว

แฮ่ๆๆ ตัวบ่เล็กบ่เล่น (ตัวใหญ่) ก่าเจ้า อิอิ ทำนาๆเจ้า ตอนนี้ยังบ่ฮู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ตึงจะทำเจ้า ทำนาอินทรีย์ก่อเจ้า

ตั๋วใหญ่ สบายเลยขับควายเห็กม่วนขาด  ;D
แบบผสมผสานเจ้า มันอยู่ตี้สภาพดินแต่ละแปลงมันบ่เหมือนกั๋น แปลงนี้ใช้สูตรนี้อาจจะดีแต่พออีกแปลงอาจจะบ่ได้ผลต้องลองประยุคฮื้อเหมาะสมกับสภาพดินเน้อ ดินทราย , ร่วนปนทราย , ดินร่วน , ดินเหนียว , ความเป็นกรดเป็นด่าง แต่ละพื้นที่บ่เหมือนกัน ต้องเข้าใจสภาพดินที่เราจะทำครับ แล้วจะตอบโจทย์ถูก ว่าควรใช้ปุ๋ยตัวไหน ส่วนใหญ่ช่วงแรกจะใช้วิธีลองผิดลองถูก แต่ถ้าฮื้ดีศึกษาสภาพดินที่จะทำก่อนว่าสภาพเป็นเเบบไหนจะได้ตรงจุด
เพราะว่าจะอินทรีหรือเคมีพื้นฐานก็ต้องมาจากสภาพดินอันดับแรก ยกตัวอย่างถ้าเป็นนาดินทรายถ้าใช้แต่อินทรีผมว่ารอดยากนะต้องประยุคเอาเน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 20:37:36
ทำนาแรก ๆ ก็ลำบากน่าดูต้องเอารถขึ้นเทเลอร์ไปนาครับ ไม่งั้นต้องเสียเวลาประกอบล้ออีกครับ ถ้าถามทำไมไม่ซื้อคันใหญ่เลย  คันนี้ผมซื้อมาแสนกว่า แต่คันใหญ่รุ่น 34แรงสมัยนั้นต้องเพิ่มเงินอีก 3 เท่า ผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปรับจ้างก็เลยเอาคันเล็กครับ ถึงแม้ทำงานช้ากว่าแต่ผมทำแค่ 22 ไร่ก็พอละ ประหยัดน้ำมันด้วยทำทั้งวันค่าน้ำมันก็ 2-3 ร้อยบาทเอง  แต่ปัจจุบันได้เงินมาก็เลยทำห้างกลางนาซะเลยจอดทิ้งไว้ที่นู่นเลยครับ

 :D....สนใจเทรลเลอร์พ่วงครับ....บรรทุกรถไถ45แรงพอไหวไหมนี่ครับ...

น้ำหนักบรรทุกได้ 1.2 ตันครับ ถ้าจะเอาไปบรรทุกรุ่น 45 แรง แนะนำปรับแต่งนิดหน่อยขยายฐานล้อออกและเอาพื้นกระบะลงเหมือนพวกเทเลอร์รถดำนาครับ ถ้าวิ่งไกลมาก ๆ ก็อาจเสริมความมั่นใจโดยเพิ่มล้ออีก 2 ล้อครับ เทรลเลอร์นี้ผมทำไป 2 หมื่นกว่าครับชุดช่วงล่างเอามาจากกระบะนิสสัน เอาไปดัดแปลงใหม่ไม่น่าจะเกิน 1 หมื่นครับ ผมขายให้ถูก ๆ เลย 1 หมื่นถ้วนครับถ้าสนใจ

ตัวอย่างเอาไปดัดแปลงแบบนี้เข่าท่ากว่าครับ ตามอู่รถแมคโครก็ทำได้ แถวบ้านผมมีรับทำ 2-3 ที่ครับ แต่ไม่ต้องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ครับ อันนี้สำหรับบรรทุกรถแมคโครครับ


 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 21:00:25
ทำนาแรก ๆ ก็ลำบากน่าดูต้องเอารถขึ้นเทเลอร์ไปนาครับ ไม่งั้นต้องเสียเวลาประกอบล้ออีกครับ ถ้าถามทำไมไม่ซื้อคันใหญ่เลย  คันนี้ผมซื้อมาแสนกว่า แต่คันใหญ่รุ่น 34แรงสมัยนั้นต้องเพิ่มเงินอีก 3 เท่า ผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปรับจ้างก็เลยเอาคันเล็กครับ ถึงแม้ทำงานช้ากว่าแต่ผมทำแค่ 22 ไร่ก็พอละ ประหยัดน้ำมันด้วยทำทั้งวันค่าน้ำมันก็ 2-3 ร้อยบาทเอง  แต่ปัจจุบันได้เงินมาก็เลยทำห้างกลางนาซะเลยจอดทิ้งไว้ที่นู่นเลยครับ
ดรีมก็ว่าจะซื้อรถไถอยู่อ่ะเจ้า ซื้อ 47 แรงอะเจ้า 750000 บาท แพงขนาด ผ่อนเอา อิอิ ของอ้ายนี่เป็นรถแบบไหนเจ้า จะไว้ให้แฟนเอาไปรับจ้างต๋วยอ่ะเจ้า

จัดเป็นรถไถนั่งขับครับเครื่องยนต์ดีเซล 14 แรง รุ่น KRT140+   ปัจจุบันคูโบต้าเลิกผลิตแล้ว มีแต่รถแทรกเตอร์ ราคาเปิดตัวแรก 130000 กว่าบาทรุ่นผมมีลิฟยกเปลี่ยนล้ออยู่ 175000  พร้อมมีตัวดันดินข้างหน้า เวลาลงดินแห้งสามารถไถนาโดยใช้ผานสบาย ๆ แต่เป็นผ่านบุกเบิกไถนาช้ากว่าพวก 34 แรงขึ้นเพราะเป็นผ่านพรวนขนาดใหญ่กว่า หากลงตีดินทำเทือกแนะนำเปลี่ยนจากล้อยางหลังเป็นล้อเหล็กครับล้อยางติดรถล้อเล็กติดหล่มง่าย ถ้าเปลี่ยนเป็นล้อเหล็กยังไม่เคยติดหล่มครับ ที่ว่านาไหนรุ่น 34 หรือ 45 ใส่กันทรุดแล้วยังติดหล่มคันนี้ไม่เคยครับบางครั้งต้องข้ามคันนาไปช่วยดันท้ายให้เค้าออกประจำ จะไปลากก็ไม่ไหวครับรถมันเล็กกว่าเค้าแต่ข้อเสียถ้าใส่ล้อเหล็กถอยหลังไม่ได้เดี๋ยวจะจม อิอิ  ถ้าจะซื้อ 47 แรงต้องถามตัวเองครับ ว่ารายได้ กับค่างวดสมดุลย์กันหรือป่าว หากไปรับจ้างจะได้งานมากไม๊  ของผม ผ่อนทั่วไป 48 เดือนหากเป็นเดือนที่ 1-5 และ 7-11 ส่งเดือนละ 1000 บาท เดือนที่ 6 และ 12 เดือนละ 22000  บาทก็ประมาณปีละ 54000  บาทครับรายได้จากที่นา 22 ไร่หักค่าใช้จ่ายต้นทุนแล้วเหลือปีละ 390000 ก็พอเหลือครับ ตอนนี้ส่งใกล้จะหมดละครับอีกไม่ถึงปี หากเป็นตัว เจ็ดแสนกว่า ไม่ส่งเดือนที่ 6 และ 12 เป็นเกือบแสนเลยเหรอครับ ส่งเสร็จเกือบเท่าราคา ฟอร์จูนเนอร์เลยนะครับ  แนะนำซื้อรุ่น 36 แรงที่ราคาลงมา  หรือหาซื้อมือสองสภาพดี ๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับผ่อนสบายด้วยครับ แต่ถ้าคิดว่าไม่มั่นใจว่าจะมีงานก็จ้างเค้าไปก่อนดีกว่าครับอย่าพึ่งซื้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 21:09:52
ถึงจะคันเล็กก็ทำนาได้ดีนะครับ ภาคกลางก็ยังนิยมใช้รถไถเดินตามอยู่เลย แต่ผมต้องทำเวลาเพราะเป็นชาวนาเฉพาะวันหยุดครับ ทำเทือกกับชักร่อง 22 ไร่ใช่เวลาวันครึ่งก็เสร็จครับ เสาร์อาทิตย์พอดี..


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 21:31:53
ระบบน้ำก็สำคัญครับ  เพื่อใช้ในการนำน้ำเข้าออกที่นา ผมใช้ทำคอนกรีตและใช้ไม้เป็นแผ่นตัดเป็นตัวระบายน้ำออกครับควบคุมง่ายดีครับ  ที่นาผมโชคดีคือติดคลองชลประทานจะใช้กาลักน้ำ  หรือ ใช้น้ำจากเหมืองน้ำก็ได้ครับตามแต่สะดวก ราคาที่ดินสมัยตอนเริ่มทำ 3 ปีก่อนไร่ละ 150000  ตอนนี้ขยับไปเป็น 350000 แล้วครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ตุลาคม 2012, 21:42:33
ช่วงเวลาสำคัญของชาวนาคือลุ้นว่าจะขายได้เงินเท่าไหร่หว่า.....อิอิ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 08:33:57
ขอบคุณความรู้ดีๆ เน้อเจ้า ........ ที่แน่ๆ ดรีมต้องเอาดินไปตรวจที่กรมพัฒนาที่ดินก่อนแม่นก่อเจ้า ถึงจะรู้ว่าดินเฮามันขาดอะหยัง จะได้ใส่ให้ตรงจุด แล้วค่อยเริ่มทำ ส่วนรถไถ นี่ แม่ยังบ่อนุมัติงบเจ้า ต้องรออีกสักพักเจ้า ดรีมจะจดไว้ว่า นาตอนนี้เอาให้ป้า ลุง น้า ทำ เขาจะได้กี่ถัง แล้วดรีมทำเองจะได้กี่ถัง ลักจดไว้ ถ้าได้เยอะกว่า ใช้ต้นทุนน้อยกว่า ถือว่าดรีมทำได้เจ้า

ตอนนี้มีที่4 ไร่ ดรีมว่าจะปลูกทุกอย่าง ทั้ง ผลไม้ สมุนไพร เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ พืชผักสวนครัว ทำฟาร์มเห็ด คิดไว้หลายอย่างขนาดเจ้า แต่ยังบ่มีคนช่วย แล้วตอนนี้ต้องรอเอาข้าวโพดออกก่อน พี่ๆมีคำแนะนำดีๆ ก่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 08:39:20
ระบบน้ำก็สำคัญครับ  เพื่อใช้ในการนำน้ำเข้าออกที่นา ผมใช้ทำคอนกรีตและใช้ไม้เป็นแผ่นตัดเป็นตัวระบายน้ำออกครับควบคุมง่ายดีครับ  ที่นาผมโชคดีคือติดคลองชลประทานจะใช้กาลักน้ำ  หรือ ใช้น้ำจากเหมืองน้ำก็ได้ครับตามแต่สะดวก ราคาที่ดินสมัยตอนเริ่มทำ 3 ปีก่อนไร่ละ 150000  ตอนนี้ขยับไปเป็น 350000 แล้วครับ
นาของดรีมมีใกล้น้ำแบบนี้อ่าเจ้า แต่ตรงหัวนาจะมีฝายเก็บน้ำต๋วย แถวนั้นบ่มีใครทำนาปรัง เป็นเพราะว่าน้ำบ่พอ หรือเขาบ่อยากทำก็บ่ฮู้หนาอเจ้า  ดรีมว่าจะลองทำดูอ่ะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 11:01:54
ลองอ่านและนำมาปรับดูนะครับ  ผมก็นำมาประยุกต์ใช้ครับ ข้าวที่ผมทำจะได้ผลผลิตและสวยกว่าชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงครับ  ใช้ปุ๋ยเคมีน้อยกว่าคนอื่นแต่ได้ผลผลิตมากกว่า ลงทุนต่ำกว่าชาวบ้านครับ



นาอินทรีย์นิเวศน์ของคุณชัยพร  พรหมพันธุ์
Ecology Agriculture in Paddy Field  By Chaiyaporn Pormpun

เรียบเรียงโดย  สมหวัง   วิทยาปัญญานนท์

มูลเหตุจูงใจดูงาน
ได้มีโอกาสไปดูงานทำนา ของคุณชัยพร พรหมพันธ์  เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2538 (081-174-2813) บ้านเลขที่ 31 หมู่ 1 ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ. สุพรรณบุรี 72450 ห่างจาก อ. บางปลาม้าประมาณ  5 กิโลเมตร ภรรยาชื่อวิมล แม่ยายชื่อ ทองโปรย  ยิ้มประเสริฐ

           มูลเหตุจูงใจที่ไปดูงาน เพราะไปค้นหาในอินเตอร์เน็ต ทำนาเกษตรอินทรีย์ แล้วเห็นคำว่า ซุปเปอร์ชาวนา ชัยพร พรหมพันธุ์  ทำนาอินทรีย์ 105 ไร่ ประเด็นที่น่าสนใจจากบทความคือ ทำนา 105 ไร่   2 คน  สามีภรรยาโดยไม่ต้องจ้าง ประดิษฐ์รถควักดินเอง ทำให้ต้นทุนต่ำ ประมาณการณ์จากบทความ น่าจะเป็นนาที่มีต้นทุนต่ำที่สุด คือประมาณ 2000 บาท/ไร่ ไม่รวมค่าเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการขาย แต่กำไรไร่ละหมื่นบาท

 

ปุ๋ยสมุนไพรไล่แมลงใช้กับสวนผลไม้ได้
 เพื่อนของแม่ยาย อดีตเป็นเจ้าของโรงเลื่อยไม้ที่ปทุมธานี  มีที่ดินอยู่ที่เชียงราย ก็ยังเอาน้ำสมุนไพรไล่แมลงจากคุณชัยพร ไปฉีดไล่แมลงในสวนผลไม้ ทดแทนยาฆ่าแมลงเคมี เดิม ทีแรก คนสวนที่ไม่ค่อยเชื่อว่าจะได้ผล พอได้ผล ก็ติดใจอยากได้อีก เพราะปลอดภัย และเล่าให้ฟังว่า เคยเข้าโรงพยาบาล หลังฉีดยาฆ่าแมลง เพื่อนแม่ยาย เล่าให้ฟังว่า ที่นาเดิมที มีต้นไมยราบยักษ์ระบาดมาก  ต้องค่อยๆ ทำ ขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ โดยการทำทีละน้อย ตัด ฟัน เผาแล้วใช้ไกรโคเฟต และหมาแดง ฉีดพ่นอีกที การทำทีละน้อย เพื่อทะยอยจ่ายเงินจะได้ไม่ดูเป็นเรื่องใหญ่ ที่สวนก็มี  กระท้อน ลิ้นจี้ ลำไย หากเป็นลำใยก็สามารถขายที่เชียงรายได้ เพราะมีคนซื้อกิน  แต่หากเป็นกระท้อน ไม่มีคนกิน หากจะเอามาขายที่กรุงเทพผลผลิต 4 ตัน ก็ต้องเสียเงินค่าเก็บและค่าขนส่งมากรุงเทพแพงมาก จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงจะมีรายได้จากกระท้อน ทดลองใช้อีเอ็นแค่เดือนเดียว ก็จะมีไส้เดือนในดิน แนะนำว่า คนทางเหนือ ชอบปลาช้อนและปลาหมึกแห้ง หากคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรไปฝากคนทางเหนือ

 

ต้นทุนทำนาถูกสุดสุดทำได้อย่างไร
การลดต้นทุนทำนาของคุณชัยพร พรหมพันธ์ มีดังนี้

-         ต้นทุนแรงงาน ทำเอง ให้คนอื่นทำ เหยียบข้าวล้มหมด จึงต้องเอาไม้แหวกต้นข้าวไว้เดิน หากตัวเองทำตะแคงฝ่าเท้าเดินอย่างสบายๆ เอายาฆ่าหญ้าลูบข้าวดีด ก็ไม่ไปถูกข้าวดี เหมือนจ้างเขา คนอื่นทำเสียเงิน 600 บาท ทำเองแค่  3 ชั่วโมงก็เสร็จก็จะได้ประหยัดไปแล้ว 600 บาท

-         ต้นทุนค่าเช่านา ไม่มี เพราะซื้อเป็นเจ้าของเอง แรกๆ อาจเช่า พอมีเงินก็ซื้อเลย

-         ต้นทุนค่าปุ๋ย ใช้ปุ๋ยขี้หมู มาหมักอีเอ็มใส่ขี้หมู 4-5 กระสอบ/ไร่ กระสอบละ 20 กก. ซื้อมาใส่รถกระบะปิกอัพของตัวเอง เที่ยวละ 50 ลูก ต้นทุนแค่ 1,000 บาท ใส่ได้ 10 ไร่ ตกต้นทุนปุ๋ย 100 บาท/ไร่ ใส่ปุ๋ยขี้หมูแห้งก่อนทำเทือก หรือ พร้อมๆ กับทำเทือก โดยวิธีใส่กระบุ้งลงบนรถอีโกร่ง ปาดนาให้เรียบพร้อมๆกับหว่านปุ๋ยแห้งลงไปด้วย

-         ต้นทุนปุ๋ยน้ำหมักและฮอร์โมน  ก็ทำปุ๋ยน้ำหมักเอง ทำหัวเชื้ออีเอ็มเอง เอามาจากป่าห้วยขาแข็ง นอกจากนี้ยังทำฮอร์โมนไข่  และฮอร์โมนนมสดใช้งานเองด้วย

-         ต้นทุนยาสมุนไพรไล่แมลง ทำเองที่บ้าน ก็ปลูกต้นบอระเพ็ดด้วย ให้ขึ้นตามต้นมะม่วง ไม่ต้องดูแลมาก

-         ต้นทุนปลูกข้าว ใช้วิธีแช่น้ำข้าวเปลือกพันธุ์ 1 คืน พองอก ผสมไตรโคเดอร์ม่า แล้วเอาไปทิ้งเป็นจุดๆ เตรียมหว่านโดยวิธีพ่นกระจายทั้งนา หากทำเองไม่ทัน ต้นข้าวก็ไม่เป็นรากเน่า

-         ต้นทุนพันธุ์ข้าว ให้พันธุ์ข้าวสุพรรณ 60 เมล็ดพันธ์ก็เลือกเกี่ยว เอาต้นที่มีรวงเมล็ดมากๆ ไว้ทำพันธ์ เอามาผึ่งแดดลมให้แห้ง โดยใส่กระสอบปุ๋ยโป่งๆ ให้ล้มระบายได้อย่างน้อยๆ  45 วัน จึงจะปลูกได้ ตอนใช้งานช่วยแช่น้ำไตรโดเคอม่า  จะปาดเอาข้าวลีบเบาลอยน้ำออกไปขาย ไม่เอาทำพันธุ์

-         ต้นทุนไถนา ซื้ออีโกร่ง มาใช้งานเอง ช่วงวิ่งบนถนนก็ เอายางนอกรถยนต์หุ้มไว้เวลาลงนาก็ถอดออก การไถนาจะทำทีเดียว ถึงทำเทือกเลย ไม่มีไถดะก่อน

 

การทำนาหมักปุ๋ยขี้หมู เลี้ยงต้นกล้าข้าวอ่อน  18 วัน

 สูตรการทำนี้หมักจุลินทรีย์ขี้หมู

                   ขี้หมูแห้ง                           1        ส่วน   (20 กก.)

                   น้ำธรรมดา                         10      ส่วน   (180 ลิตร)

                   ใส่อีเอ็มห้วยขาแข็ง              0.5     ส่วน   (1 ลิตร)

                   แช่น้ำ                                         2-3     คืน     (200 ลิตร)

                   ไม่ต้องใส่น้ำตาล

สูตรการใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ขี้หมู

                   น้ำหมัก                                       1        ลิตร    

                   น้ำธรรมดา                         20      ลิตร

                   ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เมื่อข้าวอายุได้ประมาณ 18 วัน

 

การทำฮอร์โมนนมเลี้ยงต้นอ่อน 18 วัน

สูตรการทำหมักฮอร์โมนนม

บีทาเก็นหรือยาคูลน์ (นมเปรี้ยวจุลินทรีย์)   1 ขวด

              นมจืด                                             1 กระป๋อง

               แป้งข้าวหมาก                                  1  ลูก

หมัก  3 วัน จนมีกลิ่นหอม

สูตรการใช้

     นำน้ำสมุนไพรไล่แมลงผสมน้ำหมักฮอร์โมนนม  ฉีดบำรุงต้นข้าว และไล่แมลงไปพร้อมๆ กันจนได้ไม่เปลืองแรงงาน

 

เร่งดอกออกรวงด้วยฮอร์โมนไข่ (ข้าว 45 วัน)    

       สูตรการทำ ฮอร์โมนไข่

          - ไข่ไก่หรือรกวัวแทน           5  กก. (ไข่ประมาณ  100 ฟอง)

          - กากน้ำตาล                      5  กก.

          - ลูกแป้งข้าวหมาก              1  ลูก

- ยาคูลน์ หรือบีทาเก็น หรือนมเปรี้ยว  1 ขวด

 วิธีการทำ

นำไข่ไก่ทั้งฟอง ปั่นให้ละเอียดแล้ว แล้วนำไปใส่ภาชนะ ผสมการน้ำตาลคลุกเคล้าให้เข้ากัน ต่อจากนั้นบดแป้งข้างหมากให้ละเอียดแล้วผสมกับยาคูลน์และนมเปรี้ยว แล้วนำไปบรรจุใส่ถังพลาสติก แล้วคนให้เข้ากัน แล้วปิดฝาหมักทิ้งไว้ 14 วัน โดยจะต้องเปิดคนทุกวัน จึงนำไปใช้ได้ ถ้าหมักนานเกินไป จะทำให้แห้งจะต้องเติมน้ำมะพร้าวอ่อน ที่มีเนื้อเป็นวุ้น  2 ลูก

สูตรการใช้งาน
             เมื่อข้าวอายุ 45 วัน จะเริ่มตั้งท้อง  100 ไร่ ใช้ฮอร์โมนประมาณ  5 กก. โดยใช้  30 ซซ. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น

          หลังออกรวงแล้ว จะฉีดฮอร์โมนไข่ อีกครั้งก็ได้ การฉีดพ่น  10-15 วันต่อครั้ง และควรฉีดพ่นขณะแดดอ่อน หรือในช่วงเช้า เพราะกลัวว่าจุลินทรีย์จะตายจากความร้อน

 

 

 

การทำเทือก
ลูบเพื่อกดให้ระดับเรียบ นามีน้ำ ให้ไล่ดินก่อนแล้วลาก ตั้งระดับได้ มีกระดานลูบหลังเสมอเลย  หากท้องนาเสมอเรียบ จะใช้น้ำเข้านาน้อย ไม่เปลืองน้ำค่าสูบน้ำ คุมน้ำคุมหญ้าได้ง่าย และป้องกันน้ำแห้งเป็นจุดๆ ในที่ดอน

น้ำเข้านาวันที่ 7-25   ของวันปลูกข้าว  หลังจากวันที่ 25  แล้ว  ปล่อยให้น้ำในนาแห้งเอง

 

การหว่านข้าว
 เอาข้าวเปลือกแช่ลงไปในน้ำในปลอกบ่อที่เตรียมไว้ใส่น้ำ  70% ที่ใส่เชื้อไตรโคเดอร์ม่าไว้แล้ว เอาข้าวเปลือกลอยๆ ออกทันที เพราะเป็นข้าวเบาข้าวล้ม ไม่มีน้ำหนักแช่ไว้  1 คืน แล้วตักใส่กระสอบปุ๋ย เอาไปค้างที่นาได้เลย วางกระสอบไว้เป็นจุดๆ ทั่วแปลง

     การหว่านใช้วิธีหว่านเครื่อง เป็นเครื่องพ่นหว่านโดยถอดลิ้นให้ล้มลง เอาตัวกันน้ำออก

          เครื่องหว่านเหมือนกัน 2  เครื่อง เอาไว้หว่านปุ๋ยแห้งปุ๋ยเม็ด และเอาไว้หว่านข้าว  1 เครื่อง

อีกเครื่องลิ้นปิด ก็จะพ่นปุ๋ยน้ำ พ่นน้ำหมัก พ่นน้ำสมุนไพร น้ำฮอร์โมนได้

พ่นเครื่องหนึ่งๆ  ห่างจากตัวผู้พ่นประมาณ  7 เมตร อัตราการใช้ข้าวเปลือก  2.5  ถัง/ไร่

หว่านไม่หมดก็ไม่เป็นไร หากไม่แช่เชื้อไตรโคเดอร์ม่า ข้าวเปลือกจะขึ้นรา  ข้าวที่แช่แล้ว  1 คืน วางทิ้งไว้ในกระสอบชื้น จะเกิดตุ่มตา หากความชื้นหมด ตาจะหด จะใช้อีกก็จะนำกระสอบข้าวเปลือกแช่น้ำอีก เรียกตุ่มตาใหม่ก่อนเอาไปใช้งาน

 จำไว้ข้าวล้มให้เอาออกเลย เอาไว้ไม่ดีเพราะอาหารน้อยมีแค่ครึ่งเมล็ด เติบโตไม่ดีแล้ว เมล็ดลีบก็จะออกลูกเป็นเมล็ดลีบเช่นกัน

     การแช่น้ำ แค่น้ำเปล่าก็พอ ไม่ต้องใช้น้ำเกลือเพราะแค่น้ำเปล่าก็คัดเมล็ดนั้นออกไปมากแล้ว ต้องรีบตักข้าวลอยน้ำออก เพราะทิ้งไว้นาน ๆ ข้าวจะจมลงเพราะอุ้มน้ำเต็มที

 

แก้ปัญหาเพลี้ยไฟในนาข้าว

 ใช้สมุนไพรไล่แมลง ก็จะเหลือตัวหำตัวเบียน คอยกินเพลี้ย

อีกเทคนิคหนึ่งคือ อย่าหว่านข้าวหนาไป  จากเดิม  4-5 ถัง/ไร่ หนาไป ลดเหลือ  2.5 ถัง/ไร่ ก็พอดี หากต้นข้าวหนา แดดจะร่ม มีร่มเงามาก เพลี้ยชอบความชื้นและร่มเงา หากหว่านให้บาง  เพลี้ยจะหมดไป

          เป็นชาวนาต้องหมั่นเป็นนักสังเกตุ เคยทำนา  3 แปลง ทำแปลงต้นน้ำก่อน แล้วไล่น้ำลงมาแปลงสองและไปแปลงสาม

บังเอิญข้าวงอกครึ่งเดียว ทั้งๆ ที่หว่านหนาคิดว่าจะรื้อนา หว่านใหม่ แต่ทำใจไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลยปล่อยไปแบบข้าวนาดำ แรกๆ ดูข้าวบางๆ ไม่เต็มนา รู้สึกเบาๆ ไม่มั่นใจ ว่าข้าวต้องได้น้อยแน่ แต่ตรงกันข้ามหว่านไว้หนา กลับได้ข้าวถัง/ไร่ น้อยกว่าหว่านบางอีก ก็เลยหันมาหว่านแบบบางๆ  ตั้งแต่นั้นมา

 

ต้นทุนทำนา
 เดิมทีมีแค่  30 ไร่  พอต้นทุนต่ำก็มีกำไรมาก ก็ขยายนา ซื้อไปเรื่อยๆ จนได้ 107 ไร่

ต้นทุนปี 2550 ประมาณ 2,000 บาท/ไร่  ปี 2551 ประมาณ 2,500 บาท/ไร่ เพราะราคาน้ำมันขึ้น   ต้นทุนนี้ไม่รวมค่ารถเกี่ยวข้าว (รถอุ้ม) กำไรไร่ละ 10,000 บาท หากปีไหนได้ผลผลิตมากกว่า 100 ถัง/ไร่ จะซื้อเครื่องประดับให้กำลังใจตัวเอง ในส่วนที่เกิด 100 ถัง/ไร่

ทำนา  10 ไร่ เท่ากับเงินเดือน 5,000-10,000 บาท/เดือน ทำ 2 รอบ/ปี ที่สุพรรณบุรี ดังนี้

          รอบแรก         ธันวาคม-เมษายน

          รอบสอง        พฤษภาคม-กันยายน

          พักให้น้ำท่วม  ตุลาคม-พฤศจิกายน

 

การรักษาดินนา
ให้ตรวจดินดูโดยการเดินย่ำนา หากนุ่มเท้าดินจะดี เพราะประกอบด้วยฟางจุลินทรีย์มากมาย   หากเป็นดินแย่ จะแข็งกระด้าง เดินไม่สบายเท้า มักเกิดจากการเผานาแบบรุนแรง คือ เผาขณะลมนิ่ง

          ยามจำเป็นต้องเผาฟาง  จะใช้เทคนิคการเผาฟางแบบลอกผ่าน โดยเลือกช่วงลมแรงๆ ไฟจะเผาฟางแบบผ่านๆ เผาไม่หมด

 

การทำเทือกโดยวิธีควักดิน

 รถควัก ทำงาน  10 ไร่/วัน ดินนิ่มและยกเท้าเปื้อน ข้าวอายุ 45 วัน  เปิดน้ำทิ้งก่อนปลายข้าวเหลืองให้แห้งก่อน  

รถทำเทือกแบบที่ขายกัน จะตัดดินจนเละ  ดินข้างใต้ถูกตัดเสมอกันหมด  และพื้นแข็ง    สู้ควักเป็นจุด จะดีกว่า

 

ใส่ปุ๋ยขี้หมูช่วงข้าวอายุ 45 วัน
ช่วง 45 วัน หากข้าวออกรวงช้า ให้เอาขี้หมูแห้งใส่กระสอบวางขวางน้ำเข้านา ให้น้ำชะล้าง ละลายออกไป ใช้ประมาณขี้หมู  1  กระสอบ/ไร่

หนที่ 2 อายุข้าว 50-55 วัน ใส่ปุ๋ยอีก

หากเมล็ดข้าวเล็กไป ให้บำรุงเมล็ดข้าวโดยฉีดฮอร์โมน

                   - ฉีดพ่นฮอร์โมนก่อนข้าวออกรวง     1 ครั้ง

                    - หลังออกรวงแล้ว ฉีดพ่นฮอร์โมน    1 ครั้ง

เกสรตัวเมียข้าวจะเปิดปากช่วง  9 โมงเช้าถึงบ่าย  2 ช่วงนี้  ห้ามฉีดพ่นฮอร์โมนหรือปุ๋ยใดๆ เพราะเมล็ดข้าวจะอมสารเข้มข้นเข้าไป เมล็ดจะแตก  

 

ทำนาข้าวไร้สารเคมีฉีดแล้วเทียวต่อได้
ทำนาข้าวไร้สารเคมี ไร้พิษภัยอันตรายฉีดเสร็จก็ไปช่วยงานสังคมได้ต่อเลย

 

ปราบหอยเชอรี่ด้วยนก

 หอยเชอรี่ไม่มี เพราะนกกินหมด หลังจากทำเทือกแล้ว ปล่อยน้ำแห้ง นกจะลงมากินหอยในนา นกกินหลังทำเทือกเลย  กิน 1- 2 วัน หอยก็หมด แล้วนกจะไม่มาลงนาอีก เพราะอาหารหมด หากในนามีหอยอยู่ มีต้นกล้าอ้วน นกจะเดินย่ำกล้าอ่อน ทำให้ต้นกล้าตายได้ พอนกกินหอยหมด ก็จะไม่มาลงนาอีก เพราะรู้ว่าอาหารหมดแล้ว จากนั้นก็ค่อยหว่านข้าวลงนา

          การแหวกร่องน้ำ บางคนนิยมสวยงามดี ใช้แหวกเป็นเส้นคู่ขนานไปเลย ในทางประหยัดแรงงาน  ก็ไปดูว่าน้ำขังอยู่ตรงไหน ก็ลากแหวกเฉพาะตรงนั้นให้น้ำระบายออกไป ไม่เน้นความสวยงาม เน้นหน้าที่ร่องน้ำ ปลูกข้าวขึ้นหมดก็จะปกคลุมบังมิด ไม่เห็นร่องน้ำแล้ว

 

ทำอย่างไรให้ข้าวกินอร่อย

ช่วงข้าวออกรวงต้องปล่อยให้น้ำแห้ง ข้าวจะหอมคล้ายๆ วิธีเดียวกันกับผลส้ม หน้าแล้งรสเฉียบกว่าฤดูฝน

ข้อมูลนี้พบโดยบังเอิญ หว่านข้าว  3  เดือนครึ่ง หวิดน้ำไปอีกแปลงด้านท้าย  15 ไร่ น้ำไม่พอ ปรากฏว่าข้าวหอม ไม่ได้ทำอะไรเลย สรุปว่า ข้าวจะหอมต้องอดน้ำ ข้าวหอมปทุม หอมเพราะอดน้ำ

ข้าวหอมมะลิ มีบางคนเอาหอมปทุมไปปน  หอมปทุมเป็นนาปรัง  100  ถัง/ไร่ แต่หอมมะลิเป็นนาปี  60  ถัง/ไร่


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 11:02:40

ดูแลแมลงศัตรูข้าว
มีแมลงมีหนอน ช่วงแรก หนอนจะห่อใบข้าว และมีเพลี้ยกระโดด ในนาข้าวอินทรีย์มีแมลงบ้าง แต่ไม่เสียหายใบหักไปบ้างไม่เป็นไร อย่ามากินรวงข้าว ก็แล้วกัน เพราะเราทำนาเองรวงข้าวเมล็ดข้าว  ไม่ใช่เอาใบข้าว

หนอนกินใบลงนามากๆ นกจะรู้ แล้วลงมาหาหนอน  กินแล้วนกจะเหยียบรวงข้าวหัก

ต้องฉีดสมุนไพร ได้ผลแน่นอนอยู่ที่ใจว่ามั่นใจในสมุนไพรไล่แมลง สมุนไพรต้องเก็บสะสม   ที่ใช้บ่อยๆ ก็มี บอระเพ็ด ผักคูณ สะเดา ยาสูบ (ยาฉุน) หางไหล (โลตั๋น)

 

การจัดการข้าวพันธ์
การเก็บข้าวพันธุ์จากการทำนาของตัวเอง เป็นพันธุ์สุพรรณ 60 ดูที่รวงแก่หน่อย เมล็ดสุขเหลืองทั้งรวง  ไม่มีต้นหญ้าอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าจะเอาเมล็ดหญ้าปนมาด้วย เกี่ยวเสร็จ ก็เอามาตากแดด  1-2 วัน ขึ้นอยู่กับแสงแดดอ่อนแก่   จัดเก็บใส่ถุงปุ๋ยไว้

          การใช้ข้าวพันธุ์ไปปลูก ต้องเก็บอย่างน้อย 3  สัปดาห์ (21) วัน  จึงเอาไปใช้ได้เลยช่วง  30-45 วัน    % การงอกของเมล็ดข้าวจะสูงสุด

การเก็บข้าวพันธุ์เอง ช่วยทำให้ประหยัด ค่าพันธุ์ไม้ไว้ และสามารถปรับปรุงพันธุ์ข้าวเองได้

ในท้องตลาด  หากเราขายข้าวเปลือกเพื่อกิน  110 บาท/ถัง แต่หากเราไปซื้อพันธุ์ข้าวมา ราคาจะเป็น  250  บาท/ถัง หรือแพงอีกเท่าตัว  และอาจควบคุมความเก่าใหม่ของเมล็ดพันธุ์ไม่ได้ หรือมีข้าวอื่นปลอมปน หรือมีข้าวดีข้าวเสียปนมามาก หรือข้าวอายุเกิน ไม่ได้ อาจได้ข้าว  4  เดือน แทนข้าว  3  เดือน คนอื่นเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ตัวเองยังไม่ออกรวงเลย จะช้ำใจ เพราะถูกเพื่อนชาวนาแปลงข้างๆ ถามเอา

ข้าว  4   เดือน มี ข้าวหอมปทุม  35  ข้าวปทุม 1 ข้าวพิษณุโลก  ข้าว 3 เดือน ก็มี ข้าวรวงทอง  ข้าวราชินี ข้าวพวงทอง แต่คุณชัยพร เลือก ข้าวสุพรรณ   60

          ข้าวสุพรรณ  60  นั้น  อายุตามฤดูกาลที่ปลูก

          ฤดูแรก          อายุ    90      วัน

          ฤดูสอง                   อายุ    107    วัน

ข้าวเปลือกแบ่งเป็น 3  ส่วน คือ ข้าวเปลือกขายโรงสี ข้าวเปลือกเก็บไว้สีกินเอง และ ข้าวเปลือกทำพันธุ์

ข้าวเปลือกที่เก็บไว้กิน 1   ถัง จะสีเป็นข้าวสารได้ 0.6  ถัง ให้คำนวณ ให้เพียงพอในการกินทั้งปี อาจเผื่อแจกจ่ายญาติด้วยก็ได้

 

จงทำใจเมื่อทำนาอินทรีย์
คนเริ่มทำนาอินทีรย์ใหม่ๆ จะมีปัญหามาก มีชาวนาอยุธยา จะโทรมาถามถึงคุณชัยพรบ่อยๆ   พอติดปัญหาก็โทรมาถาม แล้วก็เอาไปปฏิบัติ ได้ผลเกินคาดจริงๆ

ทำนาอินทรีย์ ต้องทำใจให้ได้ หากต้นข้าวไม่งามใบไม่เขียว ปุ๋ยเคมีพอช่วยได้บ้างในช่วงแรกๆ แต่อย่ามาก เพราะชาวนาจะชินต่อการทำให้ใบข้าวเขียว แต่สารเคมีฆ่าแมลงให้ห้ามเด็ดขาด

ข้าวใบงามเกินไป เมล็ดลีบ  ให้สังเกตุดู เขาเรียกว่าบ้าใบ หรือวัวพันธุ์เนื้อตัวใหญ่แต่น้ำนมน้อย  แต่วัวพันธุ์นม ตัวจะเล็กกว่า แต่ให้น้ำนมมากกว่า ข้าวใบรวงสั้น เมล็ดจะแกร่ง เมล็ดจะเต็มเปลือก

ใบข้าวนาอินทรีย์ใบจะคมบาดขาลายไปหมด

 

แนวคิดจูงใจตัวเองให้ทำเองดีกว่าจ้าง
ทำนาทั้งปี  2   ครั้ง ช่วง  3  ว่าง 3  เดือน รอน้ำท่วม นับวันแต่ละรอบทำนา วันทำงานจริง 30 วัน  นั้นคือ ทำงานทั้งปี แค่ 60 วัน/ปี วันว่างมีมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงแต่ขี้เกียจทำ ไปจ้างเขาหมด ลองทำเองบ้าง

ไปจ้างเขาฉีดพ่นปุ๋ยใบ  10 ไร่ เขามา 2 คน ทำแค่ 2  คน หมดไป 500 บาท ลองมาทำเองเสียเวลาแค่  3   ชั่วโมง ครึ่งวัน ประหยัดได้  500  บาท

เราทำเองอาจเร็วกว่า เพราะเราทำไปคิดไปว่าจะลดขั้นตอนงานให้น้อยลงอย่างไร สำรวจแปลงนาไปด้วย ประสิทธิภาพมากกว่า ระมัดระวังมากกว่า เพราะเป็นเจ้าของเอง การเดินก็ไม่เหยียบต้นกล้า จนเสียหาย คนอื่นเขาระวังน้อยกว่า

          การบนไว้กับตัวเองและภรรยา ว่าหากเกิน 100  ถัง/ไร่ (1 เกวียน/ไร่) จะขอส่วนเกินไปซื้อเครื่องประดับทองคำมาแต่งตัวแล้ว หากทำไม่ถึงก็อด ท้าท้ายตัวเอง หากจ้างคนอื่น ไม่มีทางทำได้มาก ต้องทำเอง จึงเกิดพลังใจในการทำงาน  มากกว่าจ้าง

ชาวบ้านเพื่อนบ้านไม่เชื่อว่า ทำนาได้มากกว่า  100  ถัง/ไร่ ต้องเก็บกากตั๋วขายข้าวมาให้ดู

                   แนวคิดเรื่องปุ๋ยเคมี  มีพนักงานขายมากระตุ้นให้ชาวนาซื้อมากๆ แล้วมีชิงรางวัลเลี้ยงโต๊ะจีนพาไปดูงานต่างประเทศ  อย่าใจอ่อน ให้ทำเองใช้เกษตรอินทรีย์ อยากเที่ยว ก็ให้เก็บเงินไปเที่ยวเอง เขาต้องกำไรมากๆ มิเช่นนั้นเขาจะเอาโต๊ะจีนมาเลี้ยงได้อย่างไร ต้องคิดว่าเขาฟันเรา จะได้มีฤทธิ์สู้ ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ซึ่งต้องตอบโต้  โดยการต่อสู้  ทำปุ๋ยใช้เอง  ไม่ยอมซื้อเด็ดขาด

แรงดลใจให้เป็นชาวนาอินทรีย์

ตอนนี้เป็นชาวนาเกษตรอินทรีย์ไปแล้ว รับนักศึกษาเกษตรมาฝึกงาน โดยไม่คิดเงินเลย เลี้ยงอยู่เสร็จ มาจากมหาวิทยาลัยเกษตรบางแสน และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แรงดลใจ  มีดังนี้

-         มีอาจารย์ด้านเกษตรมาช่วยสอนเรื่องทำนาให้

-         คนโบราณยังไม่เห็นใช้ยาเคมีเลย ยังทำนาได้

-         นาปรังบอกว่าทำนาไม่พอกิน ลองไม่ทำอะไรเลย ก็เห็นได้ผลผลิตออกมาพออยู่ได้

-         ข้าวนาเพลี้ยลง บางคนถึงกับถอดใจ เอาน้ำออกจนนาแห้ง  ปรากฏว่าข้าวรอด เพราะเพลี้ยอยู่ไม่ได้ เพราะร้อนและขาดความชื้น

-         ลองฉีดสมุนไพรดู ปรากฏว่าข้าวเต็มเมล็ดดี

-         ทำใจได้ อยากลองดู เพราะเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุ มีนิสัยเป็นนักทดลองอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

 

ลองทำนาอินทรีย์ดู

 ทำนาอินทรีย์มาแล้ว ประมาณ  25 ปีมาแล้ว แรกๆ ก็ทดลองน้อยๆ ก่อน  8  ไร่เป็น

นาอินทรีย์ ที่เหลือ 14 ไร่ เป็นนาเคมี ปรากฏกว่านาเคมีมีเพลี้ยมาก นาเคมีกับนาอินทรีย์

เป็นคนละเลนกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จุลินทรีย์ในนาอินทรีย์ พอกับมาที่นาเคมี จุลินทรีย์ถูกสารเคมีก็ตายหมด

เชื่อราที่ใช้  ก็มี

-         เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า (ราเขียว) ใช้ตรวจเมล็ดพันธุ์ และฉีดพ่นฆ่าเชื้อราสนิมใบข้าว

-         เชื้อจุลินทรีย์ห้วยขาแข้ง (อีเอ็ม)  เพาะหัวเชื้อจุลินทรีย์เอง โดยไปเอาจากป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี ลักษณะนุ่มเป็นแผ่น หอมคล้ายเห็ด  อีเอ็มนี้มาทำเป็นอีเอ็มผงก่อน เก็บเอาไว้ โดยใช้ไปขอบบ่อเอาฟางคลุม เอาฝาปิดอีกที แล้วเอาไปใช้เป็นอีเอ็มน้ำ ใช้มาหลายปีแล้ว ยังไม่หมดเลย  ใครมาขอก็ยกให้ฟรีๆ อีเอ็มเราหมักไว้ย่อยฟางข้าวในนา และหมักขี้หมู และสมุนไพรไล่แมลง

 

การทำอีเอ็มจากห้วยขาแข้ง
เอาเชื้อราจากห้วงขาแข้ง ในลักษณะดินโป่ง ใช้วัสดุฟางข้าว ใบไผ่ ลำ แกลบ กากน้ำตาล น้ำธรรมดา ผสมกันแล้วราดให้ชุ่ม คลุกเคล้าให้ทั่วขณะราดน้ำ เอากระสอบป่านคลุมความชื้นไว้ จนเริ่มออกใยขาว แสดงว่าเชื้อเกิดแล้ว ปล่อยให้อยู่ในดินจนแห้ง โดยเก็บใส่ขอบบ่อที่อยู่ในร่มไม้ เอาฟางแห้งคลุม  เอาฝาปิดกระสอบป่าน อย่าให้ถูกแสงแดดและอย่าให้ร้อน 

เอาเชื้อแห้งผงใส่ถุงตาข่าย ไปใส่ในถังน้ำเปล่า ที่ใส่กากน้ำตาล แช่ถุงตาข่ายไว้ 4-5 วัน เชื้ออีเอ็มก็จะขยายลงในอยู่ในน้ำแทน โดยใส่ถังเขียนปิดฝาไว้  100  ลิตร

 

การทำแผนนาอินทรีย์
แรกๆ เราใช้ปุ๋ยเคมีอยู่ เราใส่ปุ๋ยอะไรบ้าง มีไร่แล้วค่อยๆลดลง

การทำนาอินทรีย์มี  2  วิธี คือ

-         ทำนาอินทรีย์บางส่วนสัก 5-10% ของพื้นที่ที่เหลือเป็นนาเคมี แล้วค่อยๆ  ขยาย พื้นที่นาอินทรีย์จนเต็มแปลงภายในกี่ปี ตามที่แผนเรากำหนดไว้

-         ทำนาอินทรีย์ทั้งหมดทั่วพื้นที่ โดยกระบวนการ ลดเคมีฆ่าแมลงก่อน แล้วมาใช้สมุนไพรแทน จากนั้นก็ค่อยๆ ลงปริมาณปุ๋ยเคมีลง โดยทดแทนตัวปุ๋ยอินทรีย์และจุลินทรีย์ชีวภาพ ให้มาก

พื้นที่ทำนาเคมีเสียและเสื่อมโทรมมากๆ ก็จะฟื้นยากหน่อย จะปรับตัวไม่เท่ากัน อีกอย่างนี้เคมีจากแปลงอื่นใกล้เคียงก็ไหลเข้ามา เพราะมีการถ่ายน้ำนาจากแปลงโน่นไปใส่แปลงนี้ หรือใช้คลองห้วยร่วมกัน ให้ลองเอาดินและน้ำไปตรวจดูสารปนเปื้อนโลหะหนักมีพิษ  เคมีฆ่าแมลง

ให้เลิกใช้เคมียูเรียเลย เพราะมีแต่ใบและเป็นโรคง่าย ให้ใช้สูตรเคมี 16-20-0 ไปก่อนแล้วค่อยๆ ลดลง

 

สมุนไพรฆ่าแมลงตัวเก่ง
เมล็ดมันแกว   :- ฤทธิ์แรงฆ่าแมลงได้เร็ว ฆ่าหนอน บดแล้วให้สุนัขกิน อาจตาย 

    ได้

กลอย            :- จะมีฤทธิ์เมา ฆ่าแมลงและหอยได้

 

ชาวนาต้องเก่งเครื่องจักรจึงจะลดต้นทุนได้
เคยมีอาชีพหล่อเสาปูนขาย มีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งข้าว เคยเป็นช่างอู่ จึงมีความรู้เรื่องช่าง

หากทำเองมีพื้นที่มาก ทำไม่ทันฤดูกาลและเวลาที่ให้ จะจ้างก็แพง ปกติทำนาเขาจะจุดไฟตอซังก่อนแล้วไถ  เห็นว่าไม่ดีก็เปลี่ยนวิธีใหม่

          เริ่มจากการทำแบบไถกลบฟาง  เห็นข้าวงามดี เพราะมีปุ๋ยจากฟาง ก็เลยประดิษฐ์รถควัก วิ่ง  3  ที ก็เสร็จแล้ว ทุ่นแรงเครื่องมือทำแรง

วิธีการทำเทือกที่รวดเร็วลดงาน
1.     หลักการ

-         จุดเลี้ยวพื้นจะไม่เสมอ เนื่องจากล้อบิดเป็นแอ่งลึก หากเลี้ยวเป็นวงแคบ ดังนั้นการเลี้ยวต้องเป็นวงกลม

-         ใช้คลื่นน้ำ กระแทกดินที่เป็นเลนพอดีๆ เรียบเอง ใช้หลักธรรมชาติช่วยทำงานให้

2.     วิธีการทำ

-         เริ่มจากแบ่งพื้นที่เป็น 2 ซีก

-         วิ่งผ่ากลางแปลง จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ใช้แนวตรง

-         เมื่อชนสุด ให้เลี้ยวขวา (ด้านขวาแปลง) ตั้งฉากไปจนสุดแปลงนาแล้ววิ่งกลับมาใช้เส้นเดิม

-         พอเจอเส้นกลางก็ทำเทือกทางขวาของเส้นกลาง

-         วิ่งมาสุดอีกด้านของเส้นผ่ากลาง ก็เลี้ยวไปทางขวา (ด้านซ้ายแปลง)

-         วิ่งสุดก็วิ่งกลับมาจนเส้นกลาง

-         แล้วทำเทือกด้านซ้ายเส้นกลาง

-         แล้วทำซ้ำๆ ในลักษณะตัวเอส-ฉาก

-         เส้นกลางก็จะเป็นพื้นที่ขยายไปซ้ายขาวเรื่อยๆ

-         ดินเทือกก็จะถูกกระแทกไปเรื่อยๆ จนเรียบ

-         สุดท้ายให้ทำเทือกเรียบโดยวิ่งตามกรอบ รอบแปลงนา

สูตรน้ำสกัดสมุนไพรป้องกันและกำจัดแมลงและศัตรูข้าว
สมุนไพรจำเป็นแต่ละชนิดอย่างละ  5   กก. ดังนี้

ยาสูบหัวกลอย หนอนตายอยาก บอระเพ็ด หางไหลแดง เปลือกมังคุด เมล็ดมันแกว ขมิ้นชัน ไพล เปลือกสะเดา สมุนไพรเหล่านี้ สามารถปลูกเองได้รอบๆบ้าน จะได้ไม่ต้องซื้อหา

สมุนไพร (หากมี) แต่ละชนิดอย่างละ 5 กก. ดังนี้

ตะไคร้หอม  ว่านน้ำ ลูกมะกรูด เถามะระขี้นก ฝักคูณแก่

ใช้กากน้ำตาล  10  กก. หัวเชื้ออีเอ็ม 1 ลิตร หากกากน้ำตาลต้องซื้อ ก็ปลูกอ้อยสัก  1 งาน ก็สามารถใช้แทนกากน้ำตาลได้

วิธีทำ  สับส่วนประกอบทั้งหมดให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ละเอียด (ยกเว้นกากน้ำตาลและหัวเชื้ออีเอ็ม) นำไปบรรจุในถังพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด ใส่กากน้ำตาล อีเอ็มและน้ำ  โดยให้ท่วมส่วนผสมขึ้นมาประมาณ 15  ซม. คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาให้สนิทแล้วเปิดคนกวนทุกวัน เป็นเวลา 14 วัน จึงจะนำไปใช้ได้

          การใช้ อัตรา 100-150   ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร การฉีดพ่น ควรทำในช่วงเช้า จึงจะมีประสิทธิภาพสูง ส่วนกากที่เหลือ จากการคั่นน้ำหมดแล้ว ให้นำไปเทลาดเวลาสูบน้ำเข้านา

 

การผลิตเชื้อไตรโคเดอร์ม่า ชนิดสด
เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า มาใช้ตอนแช่ข้าวพันธุ์ก่อนปลูก และรักษาโรคเพลี้ย  โรครากเน่าได้ ตลอดจนเพิ่มฟอสเฟตในดินได้

          การเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ มีดังนี้

-         หุงปลายข้าวด้วยหม้ออุ่นข้าวไฟฟ้า ไม่นิ่มไม่แข็ง พอข้าวสุก ก็ใช้ทัพพีซุบขณะร้อน

-         ตักปลายข้าวสุกขณะร้อน ระวังเชื้ออื่นเข้าใส่ในถุงพลาสติกทนร้อน 8X12 นิ้ว หรือ 250  กรัม/ถุง

-         กดข้าวให้แบนพับปากถุง รอจนข้าวอุ่นเกือบเย็น

การใส่หัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่า

-         ใช้เหยาะหัวเชื้อลงในถุงข้าวในที่ลมสงบ 2-3  ครั้ง หรือประมาณ 1 กรัม/ถุง

-         รัดยางตรงปากถุงให้แน่น เขย่าหรือบีบเบาๆ ให้เชื้อกระจายทั่วถุง

-         สวมถุงให้ปากถุงพองอากาศ แล้วใช้เข็มแหลมแทงบริเวณรอบๆ ปากถุงที่ยางรัดไว้

การบ่มเชื้อราไตรโคเดอร์มา
-         กดข้าวในถุงให้แน่น ห้ามวางถุงซ้อนทับกัน ดึงกลางถุงให้พองออก ไม่ให้ถุงติดข้าว ให้อากาศเข้าได้

-         บ่ม 2 วัน โดยวางถุงในห้องที่ปราศจากมด ไร และ สัตว์อื่น ๆ อากาศไม่ร้อน ไม่ถูกแสงแดด แต่มีแสงสว่าง  6-10 ชั่วโมง/วัน หากแสงไม่พอใช้หลอดนีออนช่วยแทน

-         ครบ  2  วัน บีบเขย่าข้าวที่มีเส้นใยให้แตก วางถุงในที่เดิม ดึงถุงให้อากาศเข้าอีกเหมือนเดิม

-         บ่มต่ออีก  4-5 วัน บีบดึงถุงอีก

-         ครบ 15 วัน จึงนำไปใช้

 

ปัญหาที่พบ
-         เชื้อขึ้นขาวแต่ไม่เขียว ข้างแฉะไป ต้องลดน้ำหุ้งข้าว

-         ปากถุงราเขียวก้นถุงราขาว อากาศไม่พอแสงไม่พอ ให้เจาะรูเพิ่มให้ใช้ไฟนีออนช่วย 

-         เกิดหยดน้ำในถุง วางถุงข้าวในที่ร้อน ให้วางในที่เย็น

-         เชื้อดำเสียในถุงข้าว มีจุลินทรีย์ปนเปื้อน ต้องทิ้งถุงข้าวโดยไม่ต้องแกะ

-         เชื้อเขียวแล้วกลายเป็นเชื้อขาว เชื้ออายุเกิน 7 วัน ให้บ่มเชื้อครบ 7 วัน แล้วเก็บถุงเชื้อในตู้เย็น

-         เกิดการปนเปื้อน เชื้อราไตรโคเคอร์ม่ากลายพันธุ์

 

วิธีการดูว่าเป็นนาอิทรีย์แล้ว
1.     สัมภาษณ์ แนวคิดชาวนา

-         มีความรู้เรื่องจุลินทรีย์ ทำนาอินทรีย์

-         ตอบปัญหาได้ในมุมของเกษตรอินทรีย์ จุลินทรีย์ชีวภาพได้ ในเรื่องลดต้นทุนปุ๋ย ยาฆ่าแมลง วัชพืช เนื้อดิน

-         สามารถบอกเวลาข้าวปิดเปิดเกสรตัวเมียได้

-         ค้นหาวิธีการลดงานลงโดยวิธีการตัดหรือรวมขั้นตอนการทำนา

-         วิธีการทำนาในแต่ละขั้นตอนสอดคล้อง

-         ผลงาน ผลผลิต

2.     เยี่ยมบ้านชาวนา

-         พบตุ่ม ไห ถังหมักจุลินทรีย์ ถุงปุ๋ยอินทรีย์

-         มีการปลูกพืชสมุนไพรใกล้บ้าน

-         มีการทำน้ำฮอร์โมนพืช

-         มีการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมัก ใช้เอง หรือเลือกซื้อได้

-         มีถังข้าวแช่น้ำจุลินทรีย์

-         มีรถไถนาขนาดเล็ก, และอุปกรณ์ทำนา เชิงระบบนิเวศน์

-         มีอุปกรณ์ตรวจสอบต่างๆ เช่น ทดสอบดินและน้ำ

3.     ตรวจนาอินทรีย์ภาพสนาม สถานที่ทั่วไป

-         มีเสียงกบเขียดร้อง

-         พบตัวหำตัวเบียน  มวลเพชรฆาต  แมงมุม ตามระยะเวลาการปลูกข้าว

-         ดินนาร่วนซุ่ย เดินแล้วนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง ดินมีกลิ่นหอม ไม่เหม็น มีแก๊สบริสุทธิ์ ไม่มีแก๊สมีเทน หรือแก๊สไข่เน่า

-         น้ำสะอาดใส่ ไม่เน่าดำ เอาน้ำไปวิเคราะห์ไม่พบโลหะหนัก หรือมีน้อยมาก

-         มีซากอินทรีย์ ตอซังข้าว ที่มีลักษณะเป็นฮิวมัสแล้ว

-         เอาดินจากนา มาลอยเพาะเชื้อจุลินทรีย์ดู โดยการทดสอบกับน้ำผสมน้ำตาล จะมีแก๊สหอมชื้น

-         พบวิธีการทำนา เช่น การวางกระสอบปุ๋ยคอกวางขวางทางน้ำ

-         พบวิธีการ ฆ่าแมลงทางกล และชีวภาพ

-         มีเทคนิคการทำนาที่ใช้ในเชิงระบบนิเวศน์ เช่นการปลูกห่างและใบโปร่ง เพื่อกำจัดเพลี้ยและราสนิม โดยวิธีสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

-         ตรวจดูรวงข้าว เมล็ดเต็ม ไม่ลีบ จำนวนเมล็ดมาก จำนวนกอมีกี่ต้น ต้นละกี่รวง รวงละกี่เมล็ด

-         การกระจายความหนาแน่นต้นข้าวและรวงข้าว ในแต่ละไร่ ของแปลงนาว่าสม่ำเสมอ หรือแตกต่าง  สามารถอธิบายสาเหตุและผลได้

-         อธิบายธรรมชาติของนกกินหอย และแมลงศัตรูพืชได้ ในแง่โทษและประโยชน์พฤติกรรม นิสัย ที่สอดคล้องกับการควบคุมป้องกัน จำนวนประชากรแมลงไม่ให้มากถึงขั้นเสียหาย

บทส่งท้าย

คุณชัยพร พรหมพันธุ์ เป็นชาวนาที่ทำเกษตรอินทรีย์มามากกว่า 20 ปี มาแล้ว อาศัยที่ตัวเองเป็นช่างเทคนิค เป็นคนชอบสังเกตุ ชอบคิดใหม่ทำใหม่ คิดปรับปรุงงานให้ทำงานน้อยลง ตัดงานบางอย่าง อย่างไรโดยการรวมงาน การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องทุนแรง มาช่วยลดแรงคน การดัดแปลงเครื่องมือที่มีอยู่แล้ว มาทำหน้าที่หว่านเมล็ดข้าวและปุ๋ยเม็ดได้ การทำอุปกรณ์สูบข้าวดีดอย่างง่ายๆ ราคาถูก การยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำเอง ใช้จ่ายประหยัด ใช้สารสมุนไพรไล่แมลงแทนเคมีฆ่าแมลง รู้จักธรรมชาติของนกในการลงนา การที่มีอุปนิสัยดี ที่ชอบสอนด้วย และมีแนวคิดกุศโลบายในการจูงใจตนเอง ให้ทำงานอย่างไร โดยไม่พึ่งคนอื่นมากนัก  การเป็นนักลดต้นทุนอยู่เป็นนิสัยรากฐาน  หากซื้อก็ซื้อน้อยที่สุด หากเป็นเครื่องจักรราคาแพงก็จะซื้อรถเก่า เช่น รถเกี่ยวข้าว รถใหม่ราคา 2  ล้านบาท ก็จะรอหาที่คนร้อนเงิน ขายรถเก่า ราคา 5 แสนบาท  1  ปี ก็ถอนทุนแล้ว เพราะไปรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วย  การลดเวลาป้ายข้าวดีด โดยการเอาถังน้ำยาสะพายติดหลัง  คนเดียวกันทำได้  ไม่ต้องใช้ 2 คน แบบคนอื่น และไม่ต้องเดินย้อนไปมา  เดินเที่ยวเดียวไปทั่วไป งานจึงเสร็จเร็วและไม่เหนื่อย

คิดว่านาของคุณชัยพร จะเป็นนาที่มีต้นทุนถูกสุดในประเทศไทย เพราะต้นทุนการผลิตแค่ 2,000-2,500 บาท/ไร่ เท่านั้น (ยังไม่รวมค่าเกี่ยวข้าว) จึงเป็นชีวิตชาวนาที่น่าศึกษาเป็นตัวอย่าง การทำนาอินทรีย์ ปลดหนี้ได้ และรอดพ้นจากความเป็นทาสเคมี



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สวนฟ้าใสวิกตอเรีย...พาน ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 13:40:55
ดรีมคิดว่าดรีมอายุยังน้อย แม่มีที่นา 12 ไร่ ซึ่งซื้อไว้ให้ดรีม แต่ดรีมไม่เคยไปช่วยแม่ทำเลย พอแม่ศึกษาธรรมของ พระวชิรเมธี มีโรงเรียนชาวนา แม่ก็บอกว่า ไม่มีอาชีพไหนจะมั่นคงได้ เพราะแม่ก็ไม่ให้ลูกไปทำงานเป็นลูกน้องใครแน่ๆ ดรีมเลยคิดว่า อาชีพของดรีมที่อยากทำมากที่สุดคือ อาชีพ ชาวนา โดยมีแม่ให้ความรู้ กดดัน ต่างๆๆนาๆ ถึงเวลาแล้วเจ้า คนรุ่นใหม่ต้องหันมาทำนาได้แล้ว ดรีมเริ่มดูจากพี่อุ้ม แล้วจะเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย ดรีมขอพื้นที่เล็กๆ เอาคลิปของพี่อุ้ม มาแชร์ เน้อเจ้า เผื่อมีใครได้ดูจะได้อยากทำนาเหมือนดรีมบ้าง ขอบคุณเจ้า

ชาวนาสมัยใหม่เข้าใช้แรงงานน้อยครับ เราเรียนมาเราใช้ นวัตกรรมสมองในการทำนาครับไม่เหนื่อนอย่างที่คิดครับ ผมก็ชาวนาที่เล่นเน็ต..555


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 16:21:28

   ฮ็อตแล้วกระทู้นี้ มีชาวนาในอนาคตเข้ามาดูงานเยอะเลยครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ตุลาคม 2012, 19:58:29
ขอบคุณ พี่  ubuntuthaith ที่เอาข้อมูลดีๆ มาให้อ่านเจ้า ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ืkn007 ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 09:14:25
วันที่่จะมาถึง บ้านน้องดรีมน่าจะเป็น...ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในเล้ามีไ่ก่มีไข่ ในไหมียาดองฯลฯ 555


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 09:27:49
วันที่่จะมาถึง บ้านน้องดรีมน่าจะเป็น...ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในเล้ามีไ่ก่มีไข่ ในไหมียาดองฯลฯ 555
555555555 ชื่อดรีม ขี้เหล้าน้อย พี่อนันตา กับลุงตะเข้ ห้องนั่งเล่นตั้งให้เจ้า ความจริงเป็นคนบ่กินเหล้า เจ้า ฮิ้ววววววววว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: TG475 ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 10:32:42
ดรีมคิดว่าดรีมอายุยังน้อย แม่มีที่นา 12 ไร่ ซึ่งซื้อไว้ให้ดรีม แต่ดรีมไม่เคยไปช่วยแม่ทำเลย พอแม่ศึกษาธรรมของ พระวชิรเมธี มีโรงเรียนชาวนา แม่ก็บอกว่า ไม่มีอาชีพไหนจะมั่นคงได้ เพราะแม่ก็ไม่ให้ลูกไปทำงานเป็นลูกน้องใครแน่ๆ ดรีมเลยคิดว่า อาชีพของดรีมที่อยากทำมากที่สุดคือ อาชีพ ชาวนา โดยมีแม่ให้ความรู้ กดดัน ต่างๆๆนาๆ ถึงเวลาแล้วเจ้า คนรุ่นใหม่ต้องหันมาทำนาได้แล้ว ดรีมเริ่มดูจากพี่อุ้ม แล้วจะเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย ดรีมขอพื้นที่เล็กๆ เอาคลิปของพี่อุ้ม มาแชร์ เน้อเจ้า เผื่อมีใครได้ดูจะได้อยากทำนาเหมือนดรีมบ้าง ขอบคุณเจ้า

ชาวนาสมัยใหม่เข้าใช้แรงงานน้อยครับ เราเรียนมาเราใช้ นวัตกรรมสมองในการทำนาครับไม่เหนื่อนอย่างที่คิดครับ ผมก็ชาวนาที่เล่นเน็ต..555
ยังงัยน้องดรีมก็อย่าใช้แรงงานตัวเองน้อยจนกลายเป็นทำนาอย่างผู้จัดการนา..แบบใช้มือถือโทรสั่งอย่างเดียว  เหมือนที่ลุงชัยพรพูดไว้.. ผมคิดว่าการใช้ต้นทุนให้น้อยที่สุดแล้วทำให้ได้ผลผลิตมากที่สุด คือสุดยอดของการทำนา จะเหนื่อยมากแค่ใหนถ้าไม่เกินกำลังเราผมว่ามันไม่สำคัญ..ทำเองเหนื่อยกายแค่พักผ่อนก็หาย  แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและรู้สึกภาคภูมิใจอีกด้วย..เท่าที่ดูคนทำนาแถวบ้านผมทุกวันนี้จะพูดกันแต่ว่าทำนาแล้วได้ข้าวเท่าใดหรือขายได้เงินเท่าไหร่   ใครได้มากก็ทำท่าคุยโวว่าข้าเจ๋ง  แต่น้อยคนที่จะบอกถึงรายรับสุทธิที่แท้จริง หลังจากหักต้นทุนทั้งหมดแล้ว.. ทั้งค่าปุ๋ยค่ายาและค่าจ้างแรงงาน รวมแล้วไม่ใช่น้อยๆ หากเราลดต้นทุนลงได้มากเท่าใหร่ก็จะเหลือเงินหรือกำไรมากขึ้น  เวลาไปนาก็แต่งตัวให้พร้อมที่จะลุยเต็มที่อย่าไปมือเปล่าอย่างน้อยก็ถือมีดติดมือไปด้วยจะได้ใช้ประโยชน์ ไปนาก็อย่าเดินแต่บนคันนา ลงนาลุยน้ำไปกลางนาบ้าง..จะได้ดูต้นข้าว ดูดิน กลางนาว่ามีสภาพอย่างไร.. ว่าแล้วก็จะไปโต้งสักกำเล๊าะ...บ่าได้ไปหลายวันแล้วนิ น้ำแห้งหมดแล้วก้า.:D :D 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 10:36:11
ดรีมคิดว่าดรีมอายุยังน้อย แม่มีที่นา 12 ไร่ ซึ่งซื้อไว้ให้ดรีม แต่ดรีมไม่เคยไปช่วยแม่ทำเลย พอแม่ศึกษาธรรมของ พระวชิรเมธี มีโรงเรียนชาวนา แม่ก็บอกว่า ไม่มีอาชีพไหนจะมั่นคงได้ เพราะแม่ก็ไม่ให้ลูกไปทำงานเป็นลูกน้องใครแน่ๆ ดรีมเลยคิดว่า อาชีพของดรีมที่อยากทำมากที่สุดคือ อาชีพ ชาวนา โดยมีแม่ให้ความรู้ กดดัน ต่างๆๆนาๆ ถึงเวลาแล้วเจ้า คนรุ่นใหม่ต้องหันมาทำนาได้แล้ว ดรีมเริ่มดูจากพี่อุ้ม แล้วจะเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย ดรีมขอพื้นที่เล็กๆ เอาคลิปของพี่อุ้ม มาแชร์ เน้อเจ้า เผื่อมีใครได้ดูจะได้อยากทำนาเหมือนดรีมบ้าง ขอบคุณเจ้า

ชาวนาสมัยใหม่เข้าใช้แรงงานน้อยครับ เราเรียนมาเราใช้ นวัตกรรมสมองในการทำนาครับไม่เหนื่อนอย่างที่คิดครับ ผมก็ชาวนาที่เล่นเน็ต..555
ยังงัยน้องดรีมก็อย่าใช้แรงงานตัวเองน้อยจนกลายเป็นทำนาอย่างผู้จัดการนา..แบบใช้มือถือโทรสั่งอย่างเดียว  เหมือนที่ลุงชัยพรพูดไว้.. ผมคิดว่าการใช้ต้นทุนให้น้อยที่สุดแล้วทำให้ได้ผลผลิตมากที่สุด คือสุดยอดของการทำนา จะเหนื่อยมากแค่ใหนถ้าไม่เกินกำลังเราผมว่ามันไม่สำคัญ..ทำเองเหนื่อยกายแค่พักผ่อนก็หาย  แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและรู้สึกภาคภูมิใจอีกด้วย..เท่าที่ดูคนทำนาแถวบ้านผมทุกวันนี้จะพูดกันแต่ว่าทำนาแล้วได้ข้าวเท่าใดหรือขายได้เงินเท่าไหร่   ใครได้มากก็ทำท่าคุยโวว่าข้าเจ๋ง  แต่น้อยคนที่จะบอกถึงรายรับสุทธิที่แท้จริง หลังจากหักต้นทุนทั้งหมดแล้ว.. ทั้งค่าปุ๋ยค่ายาและค่าจ้างแรงงาน รวมแล้วไม่ใช่น้อยๆ หากเราลดต้นทุนลงได้มากเท่าใหร่ก็จะเหลือเงินหรือกำไรมากขึ้น  เวลาไปนาก็แต่งตัวให้พร้อมที่จะลุยเต็มที่อย่าไปมือเปล่าอย่างน้อยก็ถือมีดติดมือไปด้วยจะได้ใช้ประโยชน์ ไปนาก็อย่าเดินแต่บนคันนา ลงนาลุยน้ำไปกลางนาบ้าง..จะได้ดูต้นข้าว ดูดิน กลางนาว่ามีสภาพอย่างไร.. ว่าแล้วก็จะไปโต้งสักกำเล๊าะ...บ่าได้ไปหลายวันแล้วนิ น้ำแห้งหมดแล้วก้า.:D :D 
:) :) :) :) :) :)ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเจ้า ;) ;) ;) ;) ;) ;)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 12:11:02
 :D....เดี๋ยวเย็นๆจะเอาฮูปนามาอวดเน้อ.....ช่วงนี้ไปลุยงานในนาทุกวัน....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 13:06:40
น้องดรีม ฝากเอางัวไปเลี้ยงสักหว่างได้ก่อหา จ้างก็ได้เอาะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 14:22:27
น้องดรีม ฝากเอางัวไปเลี้ยงสักหว่างได้ก่อหา จ้างก็ได้เอาะ
ขนาดควายดรีมยังเลี้ยงบ่เป็นเลยเจ้า กลัวเอามาเป็นโทดมะดาย เจ้า อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 16:52:21
รูปที่1 ฝายเก็บน้ำข้างๆนาเจ้า

รูปที่2 ตรงห้างนั้นคือนา ของดรีมเอง

รูปที่3 เป็นนาหว่านที่ลุงเขาทำอยู่ ตอนนี้บ่ได้เข้าไปดูเลยเจ้า ว่าเป็นอย่างได


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 16:58:36
โรงเรียนชาวนา ณ.ไร่เชิญตะวัน รูปบ่ค่อยชัดเน้อเจ้า ใช้ไอพอดถ่าย

ท่านว.วชิรเมธี มาดูชาวนารุ่นสิงห์1 หมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย ฮอร์โมนไข่ เจ้า พระอาจารย์เป็นกันเองมาก ท่านได้เอาพ่อของท่านมาดูด้วยเจ้า โดยมีอ.ผ่าน โรงเรียนชาวนาแม่สาย เป็นผู้ให้ความรู้เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 19:31:19
นาข้าวผมปัจจุบันครับ  ปลูกข้าว กข.15  ขณะนี้ข้าวตั้งท้องแล้วคงออกรวงประมาณปลายเดือนนี้ครับและภาพสุดท้ายเป็นห้างที่นาครับทำซะไฮโซไว้เก็บของครับ นารอบข้างใช้วิธีการปลูกเพราะมีข้าวดีดกันเยอะจึงต้องสลับปลูก สลับหว่านครับ การปลูกแถวบ้านจะจ้างแรงงานจากต่างอำเภอครับไร่ละ 1200-1400 บาท ตามแต่พันธุ์ข้าว ส่วนผมไม่ค่อยมีเวลาติดงานประจำจึงต้องหว่านแต่มีวิธีกำจัดข้าวดีด ข้าวปน ข้าวหางนกอยู่บ้างจึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ครับ บางรายหว่านแต่ก็มีหญ้าเต็มนาไปหมด   ระบบน้ำติดทั้งคลองชลประทาน และเหมืองน้ำดูเหมือนได้น้ำเกินความจำเป็นครับแค่เปิดบานไม้ตรงปากทางเข้าน้ำก็ไหลเข้านาทันที ปีนี้แทบไม่ได้ใช้น้ำจากคลองชลประทานเลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 20:17:02
รถมอไซด์ชาวนาครับ ตอนแรกจะซื้อรุ่นของ ชัยพล ยิ้มไทร แล้วครับแต่รุ่นนั้นลุยถนนเละ ๆ มาก ๆ ไม่ได้เนื่องจาก น้ำหนักรถเยอะ    ทำนาครั้งแรกจำได้เลยครับ  นา 22 ไร่ ขายข้าวได้เงิน แสนสามกว่าบาท ต้นทุนเจ็ดหมื่นกว่าบาทได้เงินเหลือไร่ละสามพันกว่าบาทเกือบถอดใจไม่ทำต่อแล้วครับ สาเหตุเพราะขาดความรู้ ไปซื้อปุ๋ย ร้านจัดปุ๋ยให้ไร่ละ กส เลย ยาคลุมหญ้า  ฮอโมนขวดละ สองพันกว่าบาท แถมไม่พอข้าวเป็นโรคต้องจ้างเค้ามาพ่นยาอีกหมดไปอีกหลายพัน  พอดีค้นดูในเน็ตพบบทความของอาจารย์เดชา ศิริภัทร ก็เลยเปลี่ยนความคิดและปรุงปรุงวิธีการทำนาใหม่หมด แต่ก็มีกระแสต้านจากญาติ และชาวนาใกล้เคียง  ตอนนี้ไม่มีใครว่าแล้วครับ  ;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 20:18:32
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: โชคดี ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 20:35:32
โพสมาอีกเลยครับกำลังกระหายความรู้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 20:36:46
หนังสือบางส่วนที่ศึกษาเรื่องข้าวครับ บางส่วนก็ดาวโหลดมาจากกรมการข้าวมาปรินท์เย็บเป็นเล่มอ่านครับ  บางทีก็อ่านจากในเน็ตครับ หนังสือหายไปมากครับเนื่องจากให้ญาติอ่านบ้าง  พ่อแม่อ่านบ้างยังไม่ตามเก็บมารวบรวมใหม่ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: โชคดี ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 20:56:07
http://www.homebankstore.com/dl/sread/017.html

ช่วยลองเปิดอ่านดูหน่อยนะครับว่าครบไหมครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 21:05:05
เคยคิดอะไรกันนักหนากับเรื่องข้าว....ที่จริงปลูกข้าวควรเรียนรู้ระบบธรรมชาติด้วย ทั้งแมลง  สัตว์น้ำ สัตว์ที่มีประโยชน์และเป็นอันตรายกับข้าว  ไม่ฝืนธรรมชาติ บางอย่างต้องปล่อยให้ธรรมชาติจัดการกันเอง.. แปลงใกล้ผมเพลี้ยลงแต่นาผมไม่มีอยู่ใกล้กันแท้ ๆ ข้าวบางสายพันธุ์ก็ไม่เหมาะปลูกในบางช่วง     หลัง ๆ มาไม่ค่อยได้ไปนาเลย มีเวลาไปขี่รถเล่น ไม่ได้ขี้เกียจแต่เพราะไม่ค่อยมีไรทำ  ไม่เหมือนกับทำนาครั้งแรกที่ต้องคอยประคบประหงม เผลอเป็นไม่ได้เดี๋ยวเป็นโรค เดี๋ยวขาดปุ๋ยเพราะไม่รู้ว่าการเจริญเติบโตของข้าวช่วงไหนต้องการธาตุตัวไหนมาก NPK  บางคนใส่ตาม ๆ กัน โดยไม่รู้ว่า ธาตุ NPK แต่ละตัวช่วยในการเจริญเติมโตของข้าวในส่วนไหน เปลืองปุ๋ยเข้าทางร้านขายปุ๋ยอีก  ข้าวขาดธาตุตัวไหนออกอาการอย่างไร ธาตุเสริมก็จำเป็นแต่ไม่มีใครรู้จัก  พ่นฮอโมนเช้าเย็นเหนื่อยแทบตาย แถมได้ข้าวน้อยกว่าปัจจุบันอีก....

หนังสือบางเล่มอ่านก็ดีนะครับ ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่ต้องมาวิเคราะห์เองว่าจริงหรือไม่แล้วก็ลองทำดูครับ ทำนาผมเลยทำเองทุกขั้นตอนยกเว้นเกี่ยว 555 (เกี่ยวเองไม่ไหว) เพื่อจะได้สัมผัสเองทุกขั้นตอนครับ




หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 21:21:22
http://www.homebankstore.com/dl/sread/017.html

ช่วยลองเปิดอ่านดูหน่อยนะครับว่าครบไหมครับ

ลองดูแล้วครับ เนื้อหาจะเป็นการพิมพ์จากในหนังสือต่างกันนิดหน่อย แต่น่าจะพยายามพิมพ์จากในหนังสือครับ มีจำนวนบทเท่ากันเนื้อหาเหมือนกัน  แต่ไม่มีคำอธิบาย ศัพท์เฉพาะและอธิบายเหตุการณ์ให้เหมือนในหนังสือ หนังสือหนา 222 หน้าครับ   หนังสือราคา 200 บาทแต่ต้องสั่ง อ่านในเน็ตดีกว่าก็พอได้ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 22:21:44
เห็นหน่อกล้วยแล้วนึกถึงจุลินทรีย์ครับ เลยเอามาให้อ่าน

บทบาทของจุลินทรีย์เพื่อการเกษตร

    1. ย่อยสลาย (กิน) อินทรียวัตถุและอนินทรีย์วัตถุแล้วถ่ายมูลออกมาเรียกว่า "กรดอินทรีย์" ส่วนที่เป็นธาตุอาหารพืชซึ่งอยู่ใน "รูป" ที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ได้แก่ โพลิตินอล. ควินนอยด์. อโรเมติค. ซิลิลิค. ออแกนิค. ส่วนที่เป็นฮอร์โมนพืช ได้แก่ ออกซิน (ไซโตคินนิน. จิ๊บเบอเรลลิน. เอทธิลิน.  อีเทฟอน. อีเทรล. แอบซิสสิค. เอบีเอ. ไอเอเอ. เอ็นเอเอ.ฯลฯ)และส่วนที่เป็นท็อกซิน.ซึ่งมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อโรคพืช ได้
    2. ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน ทำให้ดินเป็นกลาง
    3. จับยึดธาตุอาหารพืชจากอากาศไปไว้ในตัวเองแล้วปลดปล่อยให้แก่ต้นพืช
    4. ปลดปล่อยปุ๋ยเคมีที่ถูกดิน (กรดจัด) ตรึงไว้ให้ออกมาเป็นประโยชน์แก่ต้นพืช
    5. ตรึงปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่ลงไปไว้แล้วปลดปล่อยให้ออกมาช้าๆ เพื่อให้พืชได้มีเวลาดูดซับไปใช้งานได้ทันทีและสม่ำเสมอ
    6. สลายฤทธิ์สารที่เป็นพิษต่อพืชให้เจือจางลงๆ จนกระทั่งหมดไปในที่สุด
    7. กำจัดจุลินทรีย์ประเภทที่ไม่มีประโยชน์หรือเป็นโทษ (เชื้อโรค) ต่อต้นพืช
    8. เกิดได้เองตามธรรมชาติภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

       ประโยชน์ของฮิวมัส
    1. ป้องกันการชะล้างหน้าดิน
    2. ป้องกันเม็ดดินอัดตัวกันแน่นจนเป็นดินเหนียวจัด
    3. รักษาความชุ่มชื้นของเม็ดดิน (ปุ๋ยอินทรีย์ 10 กก.เก็บน้ำได้ 19.66 ล.)
    4. ลดและสลายสารพิษในดิน
    5. กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
    6. เสริมประสิทธิภาพของธาตุอาหารพืชที่ได้จากการสังเคราะห์แสง

       เกร็ดความรู้เรื่อง "จุลินทรีย์" เพื่อการเกษตร

    1. จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่ใช่สัตว์หรือพืช เรียกว่า "สัตว์เซลล์เดียว" อาศัยอยู่ในแหล่งที่มีความชื้นตั้งแต่ระดับความชื้น 1-100 เปอร์เซ็นต์ องค์การนาซาได้รายงานว่าพบจุลินทรีย์ในก้อนเมฆ และรายการ ทีวี.ดิสคัฟเวอรี่ แชลแนล ได้ให้ข้อมูลว่า ดิน 1 ลบ.ซม.มีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ถึง 78 ล้านตัว

    2. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตร หมายถึง จุลินทรีย์ประเภทมีประโยชน์ต่อพืชและสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรมโดยเฉพาะ

    3. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรเกี่ยวกับพืชโดยมีหน้าที่อนุรักษ์ดิน น้ำ สภาพแวดล้อม ผลิตและจัดการธาตุอาหาร กำจัดจุลินทรีย์เชื้อโรคและอื่นๆ ที่เป็นการส่งเสริมให้พืชเจริญเติบโตดี และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ดีภายใต้ความชื้น 25-50 เปอร์เซ็นต์

    4. จุลินทรีย์ขยายพันธุ์โดยการแบ่งตัวเองแบบทวีคูณ เช่น 1 ตัวเมื่อโตเต็มที่จะแบ่งตัวเองออกเป็น 2 ตัว และ 2 ตัวเมื่อโตเต็มที่ก็จะแบ่งตัวเองออกเป็น 4 ตัว หรือจุลินทรีย์ 1 แสนตัวเมื่อโตเต็มที่ต่างก็แบ่งตัวเองกลายเป็น 2 แสนตัวเป็นต้น

    5. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ แบคทีเรีย. ไวรัส. ยีสต์. และรา. ซึ่งกลุ่มใหญ่ๆ เหล่านี้แยกออกเป็นประเภทต่างๆ อีกหลายประเภท เช่น
       - ประเภทที่มีประโยชน์ (ฝ่ายธรรมะ) มีประสิทธิภาพในการสร้างและส่งเสริมปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตร (ดิน-น้ำ-อุณหภูมิ-สายพันธุ์-โรค) ให้พืชเจริญเติบโต
       - ประเภทที่ไม่มีประโยชน์หรือเชื้อโรค (ฝ่ายอธรรม) มีประสิทธิภาพในการทำลายปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตร ทำให้พืชไม่เจริญเติบโตหรือตาย
       - ประเภทไม่ต้องการอากาศ ชอบและอยู่ในดินลึกที่อากาศลงไปถึงได้น้อยหรือไม่มีอากาศเลย แต่ยังเป็นจุลินทรีย์ประเภทมีประโยชน์ต่อพืช  มีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ
       - ประเภทต้องการอากาศ ชอบและอยู่บริเวณผิวหน้าดินที่อากาศผ่านหรือถ่ายเทสะดวก
       - ประเภทต้องการความชื้นน้อย เจริญเติบโต ขยายพันธุ์ได้ดีภายใต้สภาพความชื้นน้อยๆ หรือแห้งแล้ง
       - ประเภทต้องการความชื้นมาก เจริญเติบโตได้ภายใต้สภาพความชื้นที่เหมาะสม เช่น ชื้นพอดี ชื้นแฉะ น้ำขังค้าง
       - ประเภทเกิดได้เร็ว เกิดและขยายพันธุ์ได้ในถังหมักหรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมภายใน 3-10 วัน
       - ประเภทเกิดได้ช้า เกิดและขยายพันธุ์ได้ในถังหมักหรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต้องใช้ระยะเวลานาน นับเดือนหรือหลายๆ เดือนทั้งจุลินทรีย์ประเภทเกิดได้เร็วและเกิดได้ช้า ถ้าเป็นจุลินทรีย์ฝ่ายธรรมะย่อมมีประโยชน์ต่อพืชเหมือนๆ กันดังนั้นการใช้จุลินทรีย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงควรใช้ทั้งจุลินทรีย์ ประเภทหมักใหม่และหมักนานแล้วร่วมกัน

      6. จุลินทรีย์ในปุ๋ยอินทรีย์แห้งที่ได้จากการหมักอินทรียวัตถุ (ซากพืชและสัตว์) จะเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง ขยายพันธุ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงที่อินทรียวัตถุเริ่มสลายตัวและอุณหภูมิในกอง เริ่มเย็นลง

      7. จุลินทรีย์ในปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่ได้จากการหมักอินทรียวัตถุ (ซากพืชและสัตว์) จะเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง ขยายพันธุ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกระบวนการหมักหมดฟองใหม่ๆ

      8. การใช้จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรที่เกี่ยวกับพืชให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรใช้ "ปุ๋ยอินทรีย์แห้ง" หรือ "ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ" ที่หมักนานข้ามปีแล้วกับที่หมักใช้การได้ใหม่ๆ ผสมกัน 1:1 จะได้ทั้งจุลินทรีย์ประเภทเกิดเร็วและประเภทเกิดช้า

      9. อาหารที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ คือ "รำละเอียด" และ "สารรสหวาน" เช่น กากน้ำตาล น้ำตาลในครัว น้ำหวานในเครื่องดื่มต่างๆในอัตราที่เหมาะสม  ปริมาณของสารรสหวานมีผลต่อการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์ทั้งสองชนิด  กล่าวคือ                 
         - สารรสหวานปริมาณมากเกินจะยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์ทั้งจุลินทรีย์ดีและจุลินทรีย์โทษ
         -สารรสหวานปริมาณที่น้อยเกินไปจะยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์ดีและส่งเสริมการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์โทษ             
         - สารรสหวานปริมาณที่พอดีจะส่งเสริมการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์ดี  และยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์โทษ

     10. จุลินทรีย์ในถังหมักจะเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง และขยายพันธุ์ได้ดีมากภายใต้อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส มีอากาศหมุนเวียน มีสารอาหาร และค่ากรด-ด่างที่เหมาะสมสำหรับชนิดของจุลินทรีย์

     11. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรที่ดีที่สุด คือ "จุลินทรีย์ธรรมชาติ" หรือ "จุลินทรีย์ประจำถิ่น" ซึ่งมีอยู่ในแปลงเกษตรนั้นๆ เป็นจุลินทรีย์ที่อยู่มานานแล้วและจะคงอยู่ที่นั่นต่อไปตราบเท่าที่สภาพแวด ล้อมต่างๆ เหมาะสม

     12. การบำรุงจุลินทรีย์ประจำถิ่นสามารถทำได้โดยการโรยรำละเอียดบางๆ รดด้วยน้ำเจือจางสารรสหวานพอหน้าดินชื้น ใส่หรือคลุมทับด้วยอินทรียวัตถุ แสงแดดส่องถึงได้เล็กน้อย อากาศถ่ายเทสะดวก มีระดับความชื้นพอดี เมื่อจุลินทรีย์ได้รับสารอาหารและสภาพแวดล้อมเหมาะสมก็จะเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง ขยายพันธุ์และทำหน้าที่ได้ดีเอง

     13. จุลินทรีย์ประเภทที่มีประโยชน์ (ฝ่ายธรรมะ) สามารถดำรงชีวิต (เกิด กิน ขับถ่าย ขยายพันธุ์ และตาย) ได้ดีภายใต้สภาพโครงสร้างดินเป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ......ถ้าเป็นกรดจัด หรือด่างจัดจะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้

     14. จุลินทรีย์ประเภทไม่มีประโยชน์ (ฝ่ายอธรรม) หรือเชื้อโรค สามารถดำรงชีวิต (เกิด กิน ขับถ่าย ขยายพันธุ์ และตาย) ได้ดีภายใต้สภาพโครงสร้างดินที่เป็นกรดจัดหรือด่างจัด.......ถ้าดินเป็นกรด อ่อนๆ หรือเป็นกลางจุลินทรีย์ประเภทไม่มีประโยชน์ (เชื้อโรคพืช) นี้จะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้หรือตายไปเอง

     15. เนื่องจากพืชกินธาตุอาหารที่เป็นของเหลวด้วยการดูดซึม ไม่สามารถกินอาหารที่เป็นชิ้น แม้ว่าอาหารชิ้นนั้นจะมีขนาดเท่าปลายเข็มก็กินไม่ได้ แต่หากอาหารชิ้นเท่าปลายเข็มนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวแล้วนั่นแหละพืชจึง จะดูดซึมไปใช้ได้.........จุลินทรีย์ คือ ตัวทำหน้าที่ย่อยสลายอาหารพืชที่สภาพยังเป็นชิ้นๆ (อินทรียวัตถุ) ให้กลายเป็นของเหลวจนพืชสามารถดูดซึมผ่านปลายรากไปใช้ได้ จุลินทรีย์จึงเปรียบเสมือน "แม่ครัว" หรือผู้สร้างอาหารของต้นพืชนั่นเอง

     16. การดูด้วยสายตาให้รู้ว่าบริเวณใดมีจุลินทรีย์ประเภทมีประโยชน์ต่อพืช หรือมีจุลินทรีย์ประเภทมีโทษต่อพืช ดูได้จากการเจริญเติบโตของพืชที่ขึ้นในบริเวณนั้น ถ้าระบบรากสมบูรณ์ อวบอ้วน มีจำนวนมาก แสดงว่าดินดี หรือสังเกตการณ์ตอบสนองของพืชต่อปุ๋ยทางราก ทั้งๆ ที่ใส่ปุ๋ยเพียงน้อยนิดแต่ต้นพืชยังเจริญเติบโตได้ดี ก็แสดงว่าดินดีอีกเช่นกัน และการที่ดินดีได้ก็เพราะมีจุลินทรีย์ประเภทมีประโยชน์ (ธรรมะ) ทำหน้าที่อนุรักษ์ให้ในทางตรงกันข้าม ถ้าระบบรากไม่ดีหรือต้นพืชไม่เจริญงอกงามทั้งๆ ที่ใส่ปุ๋ยลงไปแล้วก็แสดงว่าดินไม่ดี และดินไม่ดีก็คือดินที่เป็นแหล่งอาศัยของจุลินทรีย์ประเภทไม่มีประโยชน์ (เชื้อโรค/อธรรม) นั่นเอง   

     17. แหล่งจุลินทรีย์ประเภทมีประโยชน์ ได้แก่
         - บาซิลลัส ซับติลิส.   มีอยู่ในตาติดเปลือกสับปะรดสด
         - ฟังก์จัย.   จินเจียงลินซิส.   มีอยู่ในฟางเพาะเห็ด
         - คีโตเมียม.  ไรโซเบียม.  ไมโครไรซา.  มีอยู่ในเปลือกถั่วลิสง
         - แอ็คติโนมัยซิส.  มีอยู่ในเหง้า/รากกล้วย  มูลสัตว์กินหญ้า
         - แล็คโตบาซิลลัส. มีอยู่ในยาคูลท์ โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
         - แฟลงเกีย. มีอยู่ในสนทะเล สนประดิพัทธ์
         - แอ็คติโนมัยเกรต.  ซีอะโนแบคทีเรีย.   อัลเกีย.   ฟังก์จัยลิเซ่.    เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นได้เองจากดินที่มีสภาพโครงสร้างเป็นกลาง ดีอย่างต่อเนื่อง และมีอินทรียวัตถุสะสมมานาน
         - ไบโอโพลิเมอร์.   คลาไมโดโมแนส.   มีอยู่ในสาหร่ายน้ำจืด
         - นอสท็อก. มีอยู่ในรากต้นปรง
         - อะโซโตแบ็คเตอร์.   มีอยู่ในเหง้าหญ้าขน และหญ้าประเภทหน้าแล้งตายหน้าฝนฟื้น

     18. ทดสอบจุลินทรีย์โดยการใส่จุลินทรีย์น้ำลงไปในขวด ใช้ลูกโป่งไม่มีลมสวมปากขวดรัดให้แน่น ทิ้งไว้ 2-5 วัน ถ้าลูกโป่งค่อยๆ พองโตขึ้นแสดงว่ามีจุลินทรีย์จำนวนมากสมบูรณ์ แข็งแรงดี แต่ถ้าลูกโป่งพองโตช้าหรือไม่พองโตก็แสดงว่ามีจุลินทรีย์น้อยและไม่สมบูรณ์ แข็งแรง

     19. ช่วงแรกๆ ลูกโป่งจะพองโตขึ้น แสดงว่ามีจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศเกิดขึ้น แต่ครั้นนานๆ ไปลูกโป่งจะยุบแล้วถูกดูดเข้าไปในขวดทดสอบก็แสดงว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการ อากาศตายหมดแล้ว แต่มีจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศเกิดขึ้นมาแทน กรณีนี้ไม่เป็นปัญหาเพราะจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศก็เป็นจุลินทรีย์ เพื่อการเกษตรที่มีประโยชน์ต่อพืชเช่นกัน

     20. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรมีหลายชนิดหรือหลายประเภท แต่ละชนิดหรือแต่ละประเภทที่ผ่านกรรมวิธีในการหมักหรือขยายเชื้อดี แล้วสามารถนำมาใช้รวมกันหรือใส่ลงไปดินพร้อมๆ กันแล้วให้อยู่ร่วมกันได้ ซึ่งจะได้รับประโยชน์มากกว่าการใช้จุลินทรีย์เพียงอย่างเดียวหรือตัวเดียว

     21. จุลินทรีย์ไม่ใช่ธาตุอาหารหรือฮอร์โมนพืช แต่เป็นผู้สร้างหรือผลิตอาหารหรือฮอร์โมนให้แก่พืช  ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าจุลินทรีย์ คือ "ผู้อารักขาพืช" ก็ได้   เพราะนอกจากผลิตอาหารหรือฮอร์โมนให้แก่แล้วยังปรับปรุงดูแลสภาพแวดล้อม ที่อยู่ที่กินของพืชอีกด้วย           

     22. จุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งจะมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เปลี่ยนสภาพเป็นธาตุ
อาหารพืชตัวหนึ่ง  กล่าวคือ  อินทรีย์วัตถุชิ้นหนึ่ง (ชิ้นเดียวกัน) เมื่อถูกจุลินทรีย์กลุ่มใดเข้าย่อยสลายก็จะได้สารอาหารพืชตัวนั้น  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยจุลินทรีย์หลากหลายกลุ่มเข้าย่อยสลายอินทรีย์ วัตถุชิ้นนั้น  จึงจะได้สารอาหารพืชกลากหลายชนิด  เช่น         
        - AZOSPIRILLUM  SPP.เป็นจุลินทรีย์กลุ่มที่ทำให้  N. ในบรรยากาศคงที่เพื่อให้พืชได้รับอย่างสม่ำเสมอ  ช่วยให้สีสันของใบพืชเขียวสด  ส่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชดำเนินไปอย่างราบรื่น  ป้องกันและแก้ปัญหาใบเหลืองในพืช......           
        - PHOSPHATE  SOLUBILIZING  BACTERIA  ช่วยย่อยสลาย P.  (ในอินทรีย์วัตถุ) ที่ยังอยู่ในรูปที่พืชนำไปใช้ไม่ได้ให้เปลี่ยนรูปมาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำ ไปใช้ได้               
        - LACTOBACILLUS  มีประสิทธิภาพในการสร้างสารละลาย K. ให้มาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้  ช่วยเพิ่มระดับ K.  ให้เพียงพอต่อความต้องการของพืชเพื่อใช้ในการพัฒนาผลผลิต  ช่วยในการสร้างรูปร่างลักษณะและแบบของดอก-ผล  และน้ำหนัก               
        - LAIN-LAIN  BACTERIA & OTHER BACTERIA มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสารพิษในแอมโมเนีย  ให้เป็น แอมโมเนีย ไนเตรท.  เพื่อเสริมประสิทธิระบบการดูดซึมสารอาหารในลำต้นพืช
        - YEAST  GROUP  SERIES มีประสิทธิภาพในการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็น  ช่วยย่อยสลายสารอนินทรีย์ให้มาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ดี  ช่วยเพิ่มสมรรถภาพและความแข็งแรงในการกำจัดเชื้อโรค
        - ACTINOMYCES  SERIES มีประสิทธิภาพในการสร้างสารกำจัดเชื้อโรค  ช่วยเพิ่มความ ต้านทานต่อสภาวะความรุนแรงอันเกิดจากเชื้อโรค               
        - GROWTH  FACTOR  PRODUCING  BACTERIA  SERIES มีประสิทธิภาพใน การสร้างฮอร์โมน  เพื่อเสริมสร้างความเจริญทางด้าน  ต้น.  กิ่ง.  ใบ               

    23. น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง (เน้น..... เลือกวัสดุส่วนผสมเฉพาะตัว และกรรมวิธีในการหมัก) หมักข้ามปี  หลังจากกากส่วนผสมทั้งหมดจมลงนอนก้นถังแล้วไม่มีการคนให้อากาศตลอดระยะเวลา ข้ามปี  จะมีจุลินทรีย์กลุ่มบาซิลลัส.ที่ไม่ต้องการอากาศเกิดขึ้นจำนวนมาก  จุลินทรีย์กลุ่มนี้จะผลิตสาร  "ท็อกซิก"  ซึ่งเป็นสารพิษต่อศัตรูพืช (โรค-แมลง-หนอน) เมื่อใช้ให้ทางใบประจำจะช่วยป้องกันและกำจัดศัตรูพืชได้.......ในถังหมักน้ำ หมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง  ไม่มีแมลงวันตอม  เป็นสิ่งบอกเหตุว่าในน้ำหมักนั้นมีสารท็อกซิก.
           
    24. จุลินทรีย์ดีมีประโยชน์กินกากน้ำตาลหรือสารรสหวานเป็นอาหาร  ในขณะที่จุลินทรีย์โทษ (เชื้อโรค) ไม่กินสารรสหวาน  การมีสารรสหวานในอัตราส่วนที่เหมาะสมจะช่วยให้จุลินทรีย์ดีมีประโยชน์เจริญ พัฒนาแล้วกำจัดจุลินทรีย์โทษได้เองตามธรรมชาติวิสัยของ จุลินทรีย์               

    25. ในถังหมักที่เป็นของเหลวและมีจุลินทรีย์เป็นองค์ประกอบหนึ่งทุกชนิด  ย่อมมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิด  ทั้งที่เจาะจงใส่ลงไปและที่เกิดเองตามธรรมชาติ  เมื่อจุลินทรีย์เหล่านี้ตายจะเกิดเป็นฝ้าบนผิวหน้าของๆเหลวที่หมักนั้น  ถ้าเป็นจุลินทรีย์ดีมีประโยชน์ ฝ้านั้นจะไม่มีกลิ่น  ครั้นเมื่อคนให้ฝ้าจมลงจะกลายเป็นอาหารอย่างดีของจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่ .........แต่ถ้าเป็นจุลินทรีย์โทษ (เชื้อโรค) จะมีกลิ่นเหม็น แสดงว่าอัตราส่วนวัสดุที่ใช้หมักกับกากน้ำตาลไม่สมดุลกัน  จึงเกิดจุลินทรีย์โทษได้  แก้ไขโดยเติมเพิ่มกากน้ำตาล  คนเคล้าให้เข้ากันดีทั่วถัง จากนั้นจะลินทรีย์ดีจะกินกากน้ำตาลแล้วเจริญพัฒนาขึ้นและกินฝ้าจุลินทรีย์ โทษจนจุลินทรีย์โทษจะค่อยๆตายแล้วหมดไปในที่สุดไป               
     26. จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรที่ขยายเชื้อใน  "น้ำ + สารรสหวาน + อากาศ"  หลังจากผ่านขั้นตอนการขยายเชื้อเรียบร้อยแล้ว  จะต้องนำขึ้นจาก  "น้ำขายเชื้อ"  ออกใช้งานทันที  หรือนำไปฝากหรือส่งไปอยู่ในที่ชื้น เช่น  ปุ๋ยอินทรีย์.  ปุ๋ยคอก  หรือลงดินไปเลย......การเก็บนานจุลินทรีย์ที่ผ่านการขยายเชื้อแล้วไว้ในน้ำ สารรสหวาน จะทำให้จุลินทรีย์ชุดแรกที่ได้ตายแล้วเกิดจุลินทรีย์ชุดใหม่ขึ้นมาแทน  เป็นเหตุให้ไม่ได้จุลินทรีย์ประเภทที่ต้องการ                 
         การใช้จุลินทรีย์ชนิดน้ำจากท่องตลาดซึ่งมีสารรสหวาน (น้ำ) เป็นแหล่งอาศัย  จึงเท่ากับได้เพียง  "สารอาหาร"  จุลินทรีย์เท่านั้น  โดยไม่มีตัวจุลินทรีย์แต่อย่างใด  เมื่อไม่มีตัวจุลินทรีย์หรือมีแต่น้ำสารอาหารจุลินทรีย์เปล่าๆ แล้ว  "ใช้ได้ผล"  นั้น  เป็นผลโดยตรงของ  "จุลินทรีย์ประจำถิ่น"  ซึ่งอดีตที่ผ่านมาไม่เคยได้รับสารอาหารใดๆเลย  ครั้นเมื่อได้รับสารอาหารก็ย่อมเจริญพัฒนาเป็นธรรมดา                   
         การเก็บจุลินทรีย์เพื่อใช้งานนานๆ  ต้องเก็บใน  "ความชื้น-อากาศ-อุณหภูมิ.ควบคุม"   เช่น  เก็บในผงคาร์บอนเบา.  แป้งข้าวฟ่าง.  มูลม้า.  รำพวนข้าว. เป็นต้น           

     27. เทคนิคการใช้จุลินทรีย์ท้องตลาดให้ได้ผลสูงสุด  ทำดังนี้   เตรียม  "น้ำ (พีเอช 6.0) 10 ล. + น้ำมะพร้าว 1 ล. + กากน้ำตาล 1 ล."  คนเคล้าให้เข้ากันดีแล้วเติม  "จุลินทรีย์ (ผง) 100 กรัม"  คนเคล้าให้เข้ากันดีอีกครั้ง......เติมอากาศ (ปั๊มออกซิเจน) ตลอดเวลานาน 48 ชม.  ครบกำหนดแล้วให้นำออกใช้ทันที           

     28. ในกากน้ำตาลมีสารพิษต่อ 18 ชนิด  ก่อนใช้งานขยายเชื้อจุลินทรีย์ควรนำขึ้นความร้อน 70 องศาเซลเซียส นาน 30 นาทีก่อน  ความร้อนจะช่วยสลายฤทธิ์ความเป็นพิษในกากน้ำตาลได้           

     29. สารรสหวานตามธรรมชาติ  ได้แก่  น้ำผึ้ง.  น้ำอ้อย.  น้ำตาลจากมะพร้าว-ตาล.  น้ำต้มฝักก้ามปูสุก.  เป็นสารรสหวานที่ปราศจากสารเคมีอย่างแท้จริง           

     30. การใส่  "อินทรีย์วัตถุ"  ลงไปในดิน พีเอช 6.0  แล้วราดรดด้วย   "สารรสหวาน"  เดี่ยวๆ  คือการให้อาหารแก่จุลินทรีย์ ที่มีอยู่เดิมในอินทรียวัตถุและในดิน  เทคนิคนี้  นอกจากจะได้ประสิทธิภาพ  ประสิทธิผล เหนือกว่าการใส่จุลินทรีย์จากแหล่งอื่นแล้วยังประหยัดและไม่ต้องเสี่ยงกับ จุลินทรีย์โทษที่อาจแฝงปนเปื้อนมาด้วย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 22:32:14
การเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรีย์มีหลายกลุ่มหลายพันธุ์ และความสามารถไม่เหมือนกัน
อย่างที่น้องดรีมนำรูปมาก็จะเป็นจุลินทรีย์หน่อกล้วย
 
เตรียมเชื้อจุลินทรีย์เริ่มต้น :

       1. เลือกหน่อกล้วยความสูง 1 ม.จากพื้นถึงยอด เป็นหน่อชนิดที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรค เกิดจากต้นแม่ที่สมบูรณ์แข็งแรงให้ผลผลิตดี ทั้งต้นแม่และหน่ออยู่ในบริเวณที่ดินมีค่ากรด-ด่างเป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ
       2. ขุดหน่อขึ้นมาให้มีเหง้าติดรากมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สลัดดินทิ้งไปให้เหลือติดรากไว้เล็กน้อย ไม่ต้องล้างน้ำ 
       3. สับเล็กหรือบดละเอียดทั้งต้น (ราก เหง้า ต้น ใบ) อัตราส่วน หน่อกล้วย 3 ส่วน : กากน้ำตาล 1 ส่วน (3:1) เติมน้ำมะพร้าวอ่อนพอเหลว บรรจุในภาชนะที่ไม่ใช่โลหะ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง คนบ่อยๆ เพื่อเร่งอากาศให้แก่จุลินทรีย์ หมักนาน 7-10 วันกรองเอากากออก น้ำที่ได้คือ “น้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วยเข้มข้น” พร้อมใช้งานขั้นตอนการหมัก การตรวจสอบ และการนำไปใช้เหมือนจุลินทรีย์ประจำถิ่น อายุการเก็บนาน 6 เดือนหลังจากหมดอายุแล้วนำมาขยายเชื้อด้วยจุลินทรีย์เริ่มต้นชุดใหม่ได้

          ประโยชน์ :
        - ใช้ในการหมักปุ๋ยน้ำชีวภาพ ฮอร์โมนพืช บ่มดิน ปรับปรุงดิน ฯลฯ
        - ราดลงดินช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินโปร่งร่วนซุย ช่วยกำจัดเชื้อโรคในดิน
        - ผสมกับปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอก ให้ได้ความชื้น 50 เปอร์เซ็นต์ ช่วยเร่งให้ปุ๋ยหมัก-ปุ๋ยคอกใช้งานได้เร็วและดีขึ้น
        - ช่วยย่อยสลายเศษซากอินทรียวัตถุที่ใส่ลงไปในดินช่วงปรับดินให้เกิด  “ฮิวมิค แอซิด”  ได้เร็วและจำนวนมาก
        - ช่วยย่อยสลายฟางในนาข้าวที่ไถกลบช่วงทำเทือกให้เปื่อยยุ่ยเร็วขึ้น
        - ฉีดพ่นทางใบช่วยกำจัดเชื้อรา ทำให้หนอนไม่ลอกคราบไม่กินอาหาร (ทำลายพืช) ทำให้ไข่ของแม่ผีเสื้อฝ่อจนฟักออกมาเป็นตัวหนอนไม่ได้ และขับไล่แม่ผีเสื้อไม่ให้เข้าวางไข่
        - กำจัดเชื้อโรคในน้ำในร่องสวน สระกักเก็บน้ำ และคอกปศุสัตว์

          หมายเหตุ :
        - ในหน่อกล้วยมีจุลินทรีย์กลุ่ม “แอ็คติโนมัยซิส” ซึ่งมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายสูง
        - ฉีดพ่นจุลินทรีย์หน่อกล้วยทางใบให้ทั่วทรงพุ่มตอนกลาวันช่วงหลังฝนหยุด (ฝนต่อแดด) เพื่อล้างน้ำฝนออกจากต้นไม่ให้น้ำฝนแห้งคาต้นช่วยกำจัดเชื้อราแอนแทร็คโนส. ไม่ให้เข้าทำลายใบ ยอด ดอก ผล และส่วนต่างๆ ของพืชได้.....ฉีดพ่นตอนเช้ามืดเพื่อล้างน้ำค้างและหมอกออกจากต้นก่อนที่น้ำ ค้างและหมอกจะแห้งคาต้น ช่วยกำจัดเชื้อราน้ำค้าง. ราแป้ง. ราสนิม. ไม่ให้เข้าทำลายส่วนต่างๆ ของต้นพืชได้
        - จุลินทรีย์กลุ่มแอ็คติโนมัยซิส. มีประสิทธิภาพในการกำจัดจุลินทรีย์เชื้อโรคพืชประเภทเชื้อราในดิน เช่น เชื้อไฟธอปเทอร่า. พิเทียม. ฟูซาเลียม. สเคลโรเทียม. และไรช็อคโธเนีย. ได้ผลดีมาก
        - ถ้าไม่ใช้หน่อกล้วยทั้งหน่อ สามารถใช้เฉพาะส่วนลำต้นของต้นกล้วยแก่ตัดเครือใหม่ๆ แทนก็ได้ ด้วยอัตราส่วนและวิธีการเดียวกัน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 22:47:56
อย่าพึ่งงงนะครับค่อย ๆ อ่านกัน

ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช          พืชมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซึ่งธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชจะมีอยู่ด้วยกัน 16 ธาตุ คือ คาร์บอน, ไฮโดรเจน, ออกซิเจน, ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม, เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน โดยธาตุคาร์บอน, ไฮโดรเจน และออกซเจน พืชได้จากน้ำและอากาศ ส่วนที่เหลืออีก 13 ธาตุ แบ่งออกเป็นธาตุหลัก 6 ธาตุ และธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ดังนี้

          ธาตุหลัก 6 ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช และพืชต้องการในปริมาณที่มากจากดินคือ ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม

          ธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ที่พืชใช้ในปริมาณที่น้อง แต่พืชจะขาดธาตุเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน คือ เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน

          ปกติแล้วธาตุอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในดินอยู่แล้ว แต่ในปริมาณที่น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเราจึงต้องมีการเสริมธาตุในดินทดแทน

         เมื่อเราทราบถึงความต้องการของพืชว่าต้องการธาตุต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตแล้ว เรามาดูถึงหน้าที่และความสำคัญของธาตุต่าง ๆ กันดีกว่า


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุไนโตรเจน

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

          ช่วยทำให้พืชตัวตัวได้เร็วในระยะแรกของการเจริญเติบโต ช่วยเสริมใบและลำต้นให้มีสีเขียวเข้ม และช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนให้แก่พืชที่ใช้เป็นพืชอาหาร เช่น ข้าวหรือหญ้าเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องควบคุมการออกดอกออกผลของพืช ช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยเฉพาะพืชที่ให้ผลและเมล็ด

          อาการของพืชที่ขาดธาตุไนโตรเจน

ใบจะเหลืองผิดปกติจากใบล่างไปสู่ยอด
ลำต้นจะผอม กิ่งก้านลีบเล็ก และมีใบน้อย
พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นสีเหลือง หรืออาจจะมีสีชมพูเจือปนด้วย
ใบพืชที่มีสีเหลือง ปลายใบและขอบใบจะค่อย ๆ แห้งและลุกลามเข้ามาเรื่อย ๆ จนใบร่วงจากลำต้นก่อนกำหนด
พืชจะไม่เติบโต หรือโตช้ามาก

--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุฟอสฟอรัส

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ช่วยให้ราดดึงดูดโปแตสเซียมเข้ามาใช้เป็นประโยช์ได้มากขึ้น
ช่วยแก้ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากพืชได้รับไนโตรเจนมากเกินไป
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากฝอยและรากแขนงในระยะแรกของการเจริญเติบโต
ช่วยเร่งให้พืชแก่เร็ว ช่วนในการออกดอก และสร้างเมล็ดของพืช
เพิ่มความต้านทานต่อโรคบางชนิด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
ทำให้ลำต้นของพืชจำพวกข้างแข็งขึ้นไม่ล้มง่าย 
          อาการของพืชที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส

พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นบิดเป็นเกลียว เนื้อไม้จะแข็ง แต่เปราะและหักง่าย
รากจะเจริญเติบธตและแพร่กระจายลงในดินช้างกว่าที่ควร ดอกและผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจหลุดร่วงไป หรืออาจมีขนาดเล็ก
พืชจำนวกลำต้นอวบน้ำหรือลำต้นอ่อน ๆ จะล้มง่าย
ใบแก่จะเปลี่ยนสีหรือพืชบางชนิดใบจะเป็นสีม่วง
อาการจะเกิดขึ้นกับใบล่าง ๆ ของต้นขึ้นไปหายอด
--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโปแตสเซียม

       หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากดูดน้ำได้ดีขึ้น
มีความจำเป็นต่อการสร้างเนื้อของผลไม้ให้มีคุณภาพดี
ทำให้พืชมีคามต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ
ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ
ช่วยป้องกันผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพืช เนื่องจากการได้รับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเมากเกินไป
ช่วยเพิ่มคุณภาพของพืชผักและผลไม้ โดยทำให้พืชมีสีสัน ขนาด ความหวาน และคงทนต่อสภาวะแวดล้อมได้
          อาการของพืชที่ขาดธาตุโปแตสเซียม

ขอบใบเหลือง และกลายเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มต้นจากปลายใบเข้าส่งกลางใบ ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลจะแห้งเหี่ยวไป จะเกิดจากใบล่างก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ลามขึ้นข้างบน พืชที่เห็นชัดคือข้าวโพด
ทำให้ผลผลิตตกต่ำ พืชจำนวกธัญพืชจะทำให้เมล็ดลีบ มีน้ำหนักเบา พืชหัวจะมีแป้งน้อยและน้ำมาก ข้าวโพดจะมีเมล็ดไม่เต็มฝัก ฝักจะเล็กมีรูปร่างผิดปกติ ใบยาสูบมีคุณภาพต่ำ ติดไฟยาก กลิ่นไม่ดี พืชจำพวกฝ้ายใบจะมีสำน้ำตาลปนแดง สมอฝ้ายที่เกิดขึ้นจะไม่อ้าเต็มที่เมื่อแก่

--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแคลเซียม

        เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในตัวพืช ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้เห้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป
          อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตาย และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้ว ๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุกำมะถัน

          กำมะถันมีความจำเป็นต่อการสร้างโปรตีนพืช เป็นองค์ประกอบของวิตามินบางตัวที่มีผลทางอ้อมต่อการสร้างสีเขียวของพืช ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหายใจและการปรุงอาหารพืช
          พืชที่ขาดกำมะถันจะมีเสียเขียวอ่อน หรือเหลืองคล้าย ๆ อาการขาดไนโตรเจน ใบขนาดเล็กลง ยอดของพืชจะชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นและกิ่งก้านลีบเล็ก อาการขาดธาตุกำมะถันจะมีอาการแตกต่างจากขาดธาตุไนโตรเจน คือจะปรากฏที่ยอดอ่อนก่อน ส่วนใบล่างยังคงปกติ ถ้าอาการรุนแรงใบล่างก็จะมีอาการด้วยเช่นกัน ซึ่งจะตรงข้ามกับอาการของการขาดไนโตรเจน จะแสดงอาการที่ใบล่างก่อน
          ดินที่มักพบเสมอว่าขาดธาตุกำมะถันคือ ดินทราย ซึ่งมีอินทรีย์วัตถุน้อย การเพิ่มกำมะถันในดิน นอกจากจะมีการใส่กำมะถันผงโดยตรงแล้ว การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาการขาดธาตุกำมะถันในดินได้เช่นกัน
          แต่ข้อควรระวังในการใส่กำมะถันก็คืน หากใส่มากเกินความจำเป็นจะทำให้ดินเป็นกรดได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแมกนีเซ๊ยม

          เป็นองค์ประกอบของส่วนที่เป็นสีเขีย ทั้งที่ใบและส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารและโปรตีนพืช
          อาการขาดแมกนีเซียมจะสั่งเกตได้จาบใบพืช ที่เหลืองซีดบริเวณเส้นกลางใบที่อยู่ใกล้กับผล ถ้าหากอาการขาดรุ่นแรงใบแก่จะมีอาการมากกว่าใบอ่อน
          การขาดธาตุแมกนีเซียม จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลงและต้นพืชทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่พืชขาดธาตุแมกนีเซียมนั้น เพราะปริมาณแมกนีเซียมที่อยู่ในดินถูกชะล้างลึกลงไปเกินกว่าที่รากพืชจะดึงดูดมาใช้ได้ และการที่มีปริมาณโปแตสเซียมสะสมในดินมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ
          การแก้ไข สามารถทำได้โดยการปรับปรุงสภาพดิน ความเป็นกรด ด่างของดินให้เหมาะสมต่อการดูดเข้าไปใช้ของพืช และมีการใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมที่พอเหมาะ ที่สำคัญก็คือ การฉีดพ่นทางใบด้วยธาตุอาหารเสริม ซึ่งมีธาตุแมกนีเซียมในรูปที่พืชสามารถนำปใช้ได้ทันที


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุเหล็ก

         ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีน และมีบทบาทสำคัญในการปรุงอาหารของพืช ช่วยกระตุ้นให้การหายใจและการปรุงอาหารของพืชเป็นไปอย่างสมบูรณ์
          อาการขาดธาตุเหล็กจะแสดงออกทั้งทางใบและทางผล อาการเริ่มแรกจะสังเกตพบว่าใบอ่อนบริเวณเส้นใบยังคงมีคามเขียว แต่พื้นใบจะเริ่มเหลืองซีด ส่วนใบแก่ยังคงมีอาการปกติ ระยะต่อมาจะเหลืองซีดทั้งใบ ขนาดใบจะเล็กลงกว่าปกติและจะร่วงไปก่อนใบแก่เต็มที่ กิ่งแห้งตาย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นกับผลผลิตคือผลผลิตจะลดลง ขนาดของผลเล็กและผิวไม่สวย ผิวเรียบและเกรียม การขาดธาตุเหล็กยังมีผลต่อการนเจริญของยอดอ่อนด้วย

          การแก้ไข ตามปกติช่งความเป็นกรด-ด่างของดินที่พืชสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ได้คือ ค่า pH ระหว่าง 5.5-5.6 แต่ถ้าค่า pH ต่ำกว่านี้ จะทำให้ปริมาณของธาตุเหล็กมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้ ธาตุเหล็กจะไปตรึงธาตุฟอสฟอรัสไว้จนพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ การแก้ไขด้วยการฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการขาดธาตุเหล็กได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุทองแดง

          หน้าที่ของธาตุทองแดง มีผลต่อพืชโดยอ้อม ในการสร้างส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช ช่วยเพิ่มโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ และป้องกันการถูกทำลายส่วนสีเขียว นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบของน้ำย่อยในพืช ซึ่งมีผลต่อการปรุงอาหารยังผลต่อการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผล
          ธารุทองแดงยังช่วยให้ต้นพืชสามารถดูดเอาธาตุเหล็กที่อยู่ในดินนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

          อาการของพืชที่ขาดธาตุทองแดง

          ใบพืชจะมีสีเขียวจัดผิดปกติ แล้วต่อมาจะค่อย ๆ เหลืองลง ๆ โดยแสดงอาการจะยอดลงมาถึงโคน อาการขาดธาตุทองแดงพบมากในเขตดินเปรี้ยว การใช้ปุ๋ยฟอสเฟตอาจช่วยได้ หรือฉีดพ่นด้วยธาตุอาหารเสริม (ที่มีทองแดงประกอบ) ทางใบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุสังกะสี

          สังกะสีมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนพืช กล่าวคือ พืชที่ขาดธาตุสังกะสีจะให้ปริมาณฮอร์โมน IAA ในตายอดลดลง ทำให้ตายอดและข้อปล้องไม่ขยาย ใบออกมาซ้อน ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำย่อยของพืชหลายชนิดในการสร้างอาหารและสังเคราะห์แสง จึงมีผลทางอ้อมในการสร้างส่วนสีเขียวของพืช
          การแก้ไขที่และและให้ผลแน่นอนคือการฉีดพ่นทางใบ ด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีธาตุสังกะสีเป็นองค์ประกอบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุแมงกานีส

         ธาตุนี้มีผลกระทบต่อใบ เนื่องจากมีบทบาทในการสั่งเคราะห์แสง เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อยในต้นพืช และยังควบคุมกิจกรรมของธาตุเหล็กและไนโตรเจนในต้นพืชอีกด้วย
          พืชที่ขาดธาตุแมงกานีสใบจะออกสีเหลือง ๆ ส่วนเส้นใบจะเขียวอยู่ปกติ โดยเฉพาะใบอ่อนอาจเกิดเป็นจุดขาว ๆ หรือจุดเหลืองที่ใบ ต้นโตช้า ใบไม่สมบูรณ์ พุ่มต้นโปร่ง
          พืชที่แสดงอาการขาดธาตุแมงกานีส ต้องฉีดพ่นเข้าทางใบด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีองค์ประกอบของธาตุแมงกานีส


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโบรอน

         มีบทบาทเกี่ยวข้องต่อการดูดดึงธาตุอาหารพืช ช่วยให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมและไนโตรเจนไปใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชใช้ธาตุโปแตสเซียมได้มากขึ้น มีบทบาทในการสังเกคราะห์แสง การย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มคุณภาพทั้งรสชาติ ขนาด และน้ำหนักของผล เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต เพราะโบรอนจะควบคุมการดูดและคายน้ำของพืชในขบวนการปรุงอาหารอีกทางหนึ่ง
          หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคืนยอดและใบ่อ่อน ส่วนที่ยอดและตายอดจะบิดงอ ใบอ่อนบางและโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนากร้าน และตกกระ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น กิ่งก้านจะแลดูเหี่ยว ผลเล็กและแข็งผิดปกติ มีเปลือกหน้า บางทีผลแตกเป็นแผลได้
          อาการขาดธาตุนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อต้นพืชกระทบแล้งหรือขาดน้ำมาก ๆ ควรทำการปรับปรุงดินอย่าให้เป็นกรด-ด่างมาก และควรฉีดพ่นอาหารเสริมทางใบที่มีองค์ประกอบของโบรอนด้วย


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโมลิบดินัม

         บทบาทและหน้าที่ของธาตุโมลิบดินัมในพืชนั้น ทำให้การทำงานของธาตุไนโตรเจนในพืชสมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นสำหรับขบวนการสร้างสารสีเขียวและน้ำย่อยภายในพืชบางชนิดด้วย
          พืชที่ขาดธาตุนี้ ที่ใบแจะเป็นจุดด่างเป็นด้วย ๆ ในขนะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ ถ้าขาดธาตุนี้รุนแรง ใบจะม้วยเข้าข้างใน ลักษณะที่ปลายและขอบใบจะแห้ง ดอกร่วง และผลเคระแกรนไม่เติบโตเต็มที่


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุคลอรีน

          คอลรีนมีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสง มีผลทำให้พืชแก่เร็วขึ้น พืชที่ขาดธาตุคลอรีนใบจะซีด เหี่ยว และใบสีเหลืองบรอนซ์ ถ้ามีคลอรีนมากจำทำให้ของใบแห้ง ใบจะเหลืองก่อนกำหนด

 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 22:49:25
ธาตุอาหารพืชในธรรมชาติ

ไนโตรเจน

ในพืช :
- ส่วนสีเขียวเข้มแก่จัดของพืชทุกชนิด. ต้นถั่วทุกชนิด. พืชตระกูลถั่ว (ก้ามปู. พุทรา. มะขามเทศ. มัยราบ. ทองหลาง. กระถินทุกชนิด. โสนทุกชนิด). สาหร่ายน้ำจืดทุกชนิด.
ในสัตว์ :
- เมือก-คาว-เลือด-เนื้อ สดๆ จากปลายังมีชีวิต.
ในน้ำ :
- น้ำฝน. น้ำค้าง. น้ำในแหล่งธรรมชาติ.

ฟอสฟอรัส
ในพืช :
- รากสดแก่จัด. เมล็ดในสดแก่จัด. ใบแก่ชะอม-ขจร-ถั่วพู-กระถิน-มะระ-บัวบก-ผักบุ้งจีน-สะระแหน่-หน่อไม้ฝรั่ง. งาดำ. ถั่วดำ. ถั่วลิสง. ถั่วเหลือง. เมล็ดบัว. ลูกเดือย. ดอกตูมและเกสร. สาหร่ายทะเล
- เนื้อผลไม้รสหวานสนิทแก่จัดสุกงอมจนออกกลิ่นฉุน เช่น กล้วย. เงาะ. มะละกอ. ทุเรียน. ละมุด. ฝรั่ง. น้อยหน่า. แก้วมังกร. มะปรางหวาน. มะยงชิด. ลองกอง. ลางสาด. มะขามหวาน. แตงโม. แคนตาลูป.
ในสัตว์ :
- เกร็ด-ก้าง-กระดูกปลาทะเล สด/แห้ง-เก่า/ใหม่
ในอาหารคน :
- มัสตาส. นมผงขาดมันเนย. เนยแข็ง. ลูกชิ้นกุ้ง. กะปิเคย

โปแตสเซียม
ในพืช :
- เปลือกและเนื้อของผลไม้รสหวานสนิทแก่จัดสุกงอมจนออกกลิ่นฉุนเหมือนฟอสฟอรัส
- ผลดิบแก่จัด เช่น ฟักทอง. แตงทุกชนิด. กระเจี๊ยบ. พริกสด. มะเขือพวง.
- ผักสด เช่น บล็อกโคลี่. ผักกาดขาว. ผักกาดหอม. ป๊วยเหล็ง.
- เปลือกแห้ง/สด/ใหม่ของผลไม้รสหวาน เช่น ทุเรียน. กล้วย. มะละกอ (ยกเว้น มังคุดและเงาะ)
ในสัตว์ :
- เนื้อสดสัตว์น้ำจืด/ทะเล. เครื่องในสัตว์บก/ทะเล

แคลเซียม
ในพืช :
- ผักผลสดแก่จัด เช่น ถั่วลันเตา. กระเจี๊ยบ. แตงดิบทุกชนิด. มะขามเทศมัน. กระถิน. มะระ. มะเขือเทศดิบ. บวบเหลี่ยม. งาดำ
- ผักใบสดแก่จัด เช่น คะน้า. โขม. กะเฉด. บล็อกโคลี่. ยอดปอ. ใบแก่ฟักทอง
- ผลดิบสดแก่จัดรสฝาดยังไม่สุก เช่น ฝรั่ง. อะโวคาโด. ผล/เมล็ดแตงแก่สดทุกชนิด. เมล็ดถั่วเขียว. มะขามเทศฝาด. มะขามป้อม. ขุยมะพร้าว.
ในสัตว์ :
- เกร็ด-ก้าง-กระดูกของปลาสดมีชีวิต. เปลือกไข่. เปลือกหอยสด/แห้ง/เก่า/ใหม่. นมสดสัตว์รีดใหม่. กุ้งฝอยสด/แห้ง. หอยจูน. หอยทราย
ในอาหารคน :
- นมพร่องมันเนย. เนยแข็ง. ผงกะหรี่. ไข่สด
ในธรรมชาติ :
- ยิบซั่มธรรมชาติ. ปูนหินเผา. ปูนเปลือกหอมเผา.  ปูนมาร์ล.  โดโลไมท์.

แม็กเนเซียม
ในพืช :
- เปลือก-ใบ-ตา-ต้นสีเขียวเข้มแก่จัด. เมล็ดในสดแก่จัด. เนื้อ/เปลือกผลไม้สดแก่จัดสุกงอมรสหวานอมเปรี้ยว เช่น สับปะรด. สตรอเบอรี่. มะเฟือง. ระกำ. สละ. เชอรี่. มะเขือเทศดิบ
ในสัตว์ :
- เกร็ด-ก้าง-กระดูกสัตว์สด/แห้ง-ใหม่/เก่า.  ปลาทะเล.
ในธรรมชาติ :
- ปูนมาร์ล. โดโลไมท์.
              
กำมะถัน
ในพืช :
- พืชสด/แห้งแก่จัดที่มีกลิ่นฉุน เช่น หอมแดง. หอมหัวใหญ่. กระเทียม. ขึ้นฉ่าย. ผักชี. สะตอ. พริกสด/แห้ง
ในสัตว์ :
- เมือก-เลือด-เนื้อสดใหม่จากปลาทะเลมีชีวิต
ในอาหารคน :
- ไข่สด
ในธรรมชาติ :
- ยางติดเปลือกมังคุด. กำมะถันผง

เหล็ก
ในพืช :
- ตาที่กำลังอั้นเต็มที่. ยอดอ่อน. เนื้อ/ใบสดแก่จัดของฟักทอง-ฟักเขียว-เผือก-กะเฉด-ผลพริกสด-ยอดปอ. มะเขือพวง. เมล็ดถั่วแขกแห้ง. เมล็ดบัว. เมล็ดกระถิน. ถั่วลิสง. ลูกเดือย. ยอดขี้เหล็ก. ผักดูด. เห็ดหูหนู. มัสตาด. จมูกข้าว.
ในสัตว์ :
- เมือก-เลือด-เครื่องในสดจากปลาทะเลมีชีวิต. เลือดวัว/ควาย/ไก่/แพะ. นมสดสัตว์รีดใหม่.
ในอาหารคน :
- มัสตาด. นมกล่องจืด/เปรี้ยว. ไข่สด.

ทองแดง
ในพืช :
- ส่วนสีเขียวสดแก่จัด. เมล็ดในสดแก่จัด. พืชตระกูลถั่ว.
ในสัตว์ :
- เครื่องในสดจากปลาทะเลมีชีวิต

สังกะสี
ในพืช :
- หัวสดแก่จัดเป็นเสี้ยนจนกินไม่ได้ เช่น ไชเท้า. แครอท. มันเทศ. มันแกว
- เหง้าหรือไหลสดแก่จัด เช่น ผักปอด. พุทธรักษา. กล้วย. เตย. ตำลึง.
- เมล็ดสดแก่จัด เช่น ฟักทอง. บวบ. แตง. ถั่วเขียว.
ในสัตว์ :
- หอยทะเล.  ปลาทะเล.

แมงกานิส
ในพืช :
- มะเขือเทศสุก. ผลตำลึงสุก. ผลวัชพืชสุก.
ในสัตว์ :
- เครื่องในสดปลาทะเล.
ในพืช :
- เมล็ดอ่อน. ส่วนที่เป็นน้ำหรือเยื่อเจริญของพืช.

โมลิบดินั่ม
ในพืช :
- เยื่อเจริญ                

โบรอน
ในพืช :
- ผลอ่อน-ยอดอ่อน-ใบอ่อน-รากอ่อน ลักษณะกรอบ เปราะ เด็ดได้ด้วยมือ เช่น ผล/ยอดแตง-กะเฉด-ตำลึง-ผักบุ้ง-ยอดอ่อนของพืชเลื้อยทุกชนิด-เปลือกสดเขียว ส่วนปลายกิ่งที่กำลังมีผลอ่อน.  ทะลายปล์ม.
ในสารสังเคราะห์ :
- น้ำประสานทอง. โบรอนพืช (เกรด 10 โมเลกุลน้ำ).

ซิลิก้า
ในพืช :
- แกลบดิบ. หญ้าคา. หญ้าขน. กากน้ำตาล.
ในธรรมชาติ :
- หินภูเขาไฟ

โซเดียม
ในสัตว์ :
- เครื่องในสดใหม่ปลาทะเลมีชีวิต. มูลควาย.
ในธรรมชาติ :
- เกลือสมุทร. คาร์บอน
.ในสารธรรมชาติ :
- แกลบดำ. ถ่าน. ขี้เถ้า. ควันไฟ.

จิ๊บเบอเรลลิน
ในพืช :
- เมล็ดเริ่มงอก. น้ำมะพร้าวอ่อน. ผลอ่อนของผลไม้ที่มีลักษณะยาว. ยอดอ่อนพืชเด็ดได้ด้วยมือ. เถาบอระเพ็ดสดแก่จัดช่วงความสูง 1 ม.แรกจากพื้น. เปลือกสดปลายกิ่งส่วนที่เป็นสีเขียวขณะมีผลแก่.
ในสัตว์ :
- น้ำล้างเขียงทำปลา.

ไซโตคินนิน
ในพืช :
- หัวไชเท้า. ผักปรัง. ข้าวโพดหวาน. ข้าวระยะน้ำนม. โสมไทย. หน่อไม้ฝรั่ง. หน่อไม้ไผ่ตง.   น้ำมะพร้าวแก่.  แป้งในพืชหัวระยะกำลังเจริญเติบโต.  สาหร่ายทะเล.
ในสัตว์ :
- สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น กุ้ง. เคย. ปู. หนอน. แมลง. กิ้งกือ. ไส้เดือน. กระดองเต่า/ตะพาบ. ปลิงทะเล/น้ำจืด. ลิ้นทะเล. รกสัตว์. ไข่อ่อน. ไข่ขาว.  น้ำหอยเผา.    

อะมิโน
ในพืช :
- น้ำเต้าหู้พร้อมดื่ม.  
ในสัตว์ :
- ปลาทะเล. เยื่อหุ้มเมล็ดเลือด.
ในอาหารคน :
- ซุปไก่สกัด.  น้ำก้นหม้อนึ่งปลา.  น้ำเนื้อตุ๋น. ผงชูรส.

โอเมก้า
ในสัตว์ :
- เครื่องในสัตว์ทะเลสดมีชีวิต. หนอน. เนื้อปลาทะเลสด.
ในอาหารคน :
- ไข่สด. นมสด.

เอ็นเอเอ.
ในพืช :
- หัวกวาวเครือขาวสดแก่จัด

พาโคลบิวทาโซล
ในพืช :
- เหง้าตำลึงสดแก่จัดเป็นเสี้ยน ใบข่อยสดแก่จัด ผักปรังต้นแก่จัด ผักเสี้ยนต้นแก่จัด. หัวสดแก่จัดจนเนื้อเป็นเสี้ยนกินไม่ได้ เช่น หัวไชเท้า. มันเทศ. มันแกว.

วิตามิน บี.
ในพืช :
- เมล็ดทานตะวัน. น้ำมันพืช.
ในอาหารคน :
- ไข่สด
ในสัตว์ :
- หนังปลาสดใหม่

วิตามิน อี.
ในสัตว์ :  
- ไข่แดง.  หนังปลา.
ในพืช :
- แตงกวา

โปรตีน.
ในพืช :
- ถั่วเหลือง.
ในสัตว์ :  
- เนื้อสัตว์สดใหม่
ในอาหารคน :  
- เนื้อสัตว์ทุกชนิด (ในปลามากที่สุด).  นม.  ไข่.  น้ำเต้าหู้.  น้ำต้มตุ๋น.  

เอสโตรเจน.
ในพืช :
น้ำมะพร้าวแก่.
ในสัตว์ :  
- น้ำเชื้อ.
ในอาหารคน :  
- ยาเม็ดคุมกำเนิดแถวบำรุง.   ไวอากร้า.  เอสไพริน.

      หมายเหตุ :
    - เกษตรกรสหรัฐอเมริการู้จักการทำและใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพมานานกว่า 50 ปีแล้ว โดยปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ใช้ทำจากวัสดุส่วนผสมแบบเลือกสรรพิเศษพบว่ามีธาตุอาหาร พืชกลุ่ม “อะมิโน โปรตีน”  เป็นหลัก และวันนี้ เกษตรกรเกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ก็ได้มีการใช้กันอย่างกว้างขวางและจริงจัง
    - ผู้ค้นพบปุ๋ยหมักครั้งแรก คือ นักวิชาการเกษตรอินเดียได้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ก็ยังได้รับความนิยมและความเชื่อถือจากเกษตรไทยน้อยมาก
    - ปัจจุบันเกษตรกรเยอรมันที่มีเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การเกษตรสูงมาก ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางทำการเกษตรแบบเคมีวิทยาศาสตร์ล้วนๆ มาสู่รูปแบบ “อินทรีย์ชีวภาพนำ-เคมีวิทยาศาสตร์เสริม” อย่างกว้างขวาง โดยมีหลักวิชาการเข้ามาประกอบการใช้ ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่ม ต้นทุนลด อนาคตการทำอาชีพเกษตรกรรมดีขึ้น    

         แนวความคิดในการทำธาตุอาหารพืช

1. รู้......พืชต้องการธาตุอาหารตัวใด ?
2. รู้......ธาตุอาหารที่พืชต้องการนั้นมีอยู่ในวัสดุใด ?
3. รู้......วิธีแปรสภาพวัสดุนั้นให้เป็นธาตุอาหารสำหรับพืชได้อย่างไร ?
4. รู้......วัสดุที่แปรสภาพแล้วนั้นได้ธาตุอาหารพืชตัวใด ?
5. รู้......วิธีให้ธาตุอาหารที่แปรรูปแล้วแก่พืชอย่างไร ?
6. รู้......ธาตุอาหารแต่ละตัวที่แปรสภาพแล้วบำรุงพืชเพื่ออะไร ?




หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ตุลาคม 2012, 23:09:31
รู้เรื่องว่าพืชต้องการธาตุตัวไหนสำหรับส่วนใดไปบ้าง มองกลับไปที่ข้าวก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต้องรู้การเจริญเติบโตของข้าวว่าช่วงไหนต้องการธาตุตัวไหนมากเป็นพิเศษ  ชาวนาหลายคนยังใส่แบบผิด ๆ อยู่ทำให้เปลืองปุ๋ยโดยใช่เหตุ

ปุ๋ยเคมี

ปุ๋ยเคมี N - P - K
หน้าที่หลักของธาตุอาหารพืชบางชนิด

-   N   ไนโตรเจน ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ใบใหญ่ มีสีเขียวเข้ม เร่งการขยายขนาดผลและเพิ่มผลผลิต
-   P   ฟอสฟอรัส ส่งเสริมการเจริญของรากฝอยและรากแขนง ช่วยการออกดอกและสร้างเมล็ด
-   K   โปตัสเซี่ยม ส่งเสริมการสะสมแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในพืชหัว ไม้ผลและพืชที่ให้แป้งและน้ำตาลช่วยทำให้ผลไม้มีผิวสวย เนื้อเยื่อของผลไม้มีคุณภาพและรสชาติดีขึ้น

คือ ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ได้แก่ ปุ๋ยสูตรต่างๆ ที่วางขายตามท้องตลาด ทั้งที่เป็นปุ๋ยเดี่ยวและปุ๋ยผสมต่าง ๆ เช่น
แม่ปุ๋ยหรือปุ๋ยเดี่ยว  มีธาตุอาหารพืชหลักเพียงธาตุเดียว เช่น
สูตร 46-0-0 ( ยูเรีย )                  สูตร 0-46-0 ( ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต )
สูตร 0-0-60 (โปตัสเซี่ยมคลอไรด์ )  สูตร 21-0-0 ( แอมโมเนี่ยมซัลเฟต )
สูตร 0-3-0 ( ร๊อกฟอสเฟต )

ปุ๋ยสูตรรวม มีธาตุอาหารพืชตั้งแต่ 2 ธาตุขึ้นไป เช่น
สูตร 16-20-0         สูตร 20-20-0            สูตร 16-16-8
สูตร 25-7-7                 สูตร 21-10-10                      สูตร 15-15-15   
สูตร 12-24-12         สูตร 9-24-24            สูตร 13-13-21   

สูตรปุ๋ย เช่น 15-15-15 จะเป็นตัวเลขบอกปริมาณสารอาหารสุทธิ N 15 กก.ในหนักปุ๋ย 100 กก. P 15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100 กก. K15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 12:20:29
รู้เรื่องว่าพืชต้องการธาตุตัวไหนสำหรับส่วนใดไปบ้าง มองกลับไปที่ข้าวก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต้องรู้การเจริญเติบโตของข้าวว่าช่วงไหนต้องการธาตุตัวไหนมากเป็นพิเศษ  ชาวนาหลายคนยังใส่แบบผิด ๆ อยู่ทำให้เปลืองปุ๋ยโดยใช่เหตุ

ปุ๋ยเคมี

ปุ๋ยเคมี N - P - K
หน้าที่หลักของธาตุอาหารพืชบางชนิด

-   N   ไนโตรเจน ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ใบใหญ่ มีสีเขียวเข้ม เร่งการขยายขนาดผลและเพิ่มผลผลิต
-   P   ฟอสฟอรัส ส่งเสริมการเจริญของรากฝอยและรากแขนง ช่วยการออกดอกและสร้างเมล็ด
-   K   โปตัสเซี่ยม ส่งเสริมการสะสมแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในพืชหัว ไม้ผลและพืชที่ให้แป้งและน้ำตาลช่วยทำให้ผลไม้มีผิวสวย เนื้อเยื่อของผลไม้มีคุณภาพและรสชาติดีขึ้น

คือ ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ได้แก่ ปุ๋ยสูตรต่างๆ ที่วางขายตามท้องตลาด ทั้งที่เป็นปุ๋ยเดี่ยวและปุ๋ยผสมต่าง ๆ เช่น
แม่ปุ๋ยหรือปุ๋ยเดี่ยว  มีธาตุอาหารพืชหลักเพียงธาตุเดียว เช่น
สูตร 46-0-0 ( ยูเรีย )                  สูตร 0-46-0 ( ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต )
สูตร 0-0-60 (โปตัสเซี่ยมคลอไรด์ )  สูตร 21-0-0 ( แอมโมเนี่ยมซัลเฟต )
สูตร 0-3-0 ( ร๊อกฟอสเฟต )

ปุ๋ยสูตรรวม มีธาตุอาหารพืชตั้งแต่ 2 ธาตุขึ้นไป เช่น
สูตร 16-20-0         สูตร 20-20-0            สูตร 16-16-8
สูตร 25-7-7                 สูตร 21-10-10                      สูตร 15-15-15   
สูตร 12-24-12         สูตร 9-24-24            สูตร 13-13-21   

สูตรปุ๋ย เช่น 15-15-15 จะเป็นตัวเลขบอกปริมาณสารอาหารสุทธิ N 15 กก.ในหนักปุ๋ย 100 กก. P 15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100 กก. K15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100

ถามหน่อยนะครับว่าอย่าง 16-20-0 ตัวไหน ตัวn ตัวp ตัวk ตัวหน้า กลางหรือหลังครับเพื่อความแน่นอนขอบคุณมากๆครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 16:34:39
 :D...เอาของเรามาอวดมั่ง....เพิ่งทำบ้านพักเสร็จเมื่อเดือนที่แล้วนี้ครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 16:36:33
 :D....รูปแรกนี่มองผ่านหน้าต่างห้องนอนครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 16:42:53
 :D...นาข้าวบ้าง....แปลงนี้มีพื้นที่25ไร่(ทำ2ที่อีกแปลงมีพื้นที่23ไร่)...ทำนาแบบผสมผสานครับ....ใช้เคมีแบบปลอดภัย...ปุ๋ยหมัก,ปุ๋ยน้ำหมักนี่ก็ใช้ครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 16:49:37
ท่าน bm1234 ต๋อนแลงใส่เบ็ดก่องตวยเน้อ อิอิ คิดถึงบ้านทันที ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 16:51:31
รถมอไซด์ชาวนาครับ ตอนแรกจะซื้อรุ่นของ ชัยพล ยิ้มไทร แล้วครับแต่รุ่นนั้นลุยถนนเละ ๆ มาก ๆ ไม่ได้เนื่องจาก น้ำหนักรถเยอะ    ทำนาครั้งแรกจำได้เลยครับ  นา 22 ไร่ ขายข้าวได้เงิน แสนสามกว่าบาท ต้นทุนเจ็ดหมื่นกว่าบาทได้เงินเหลือไร่ละสามพันกว่าบาทเกือบถอดใจไม่ทำต่อแล้วครับ สาเหตุเพราะขาดความรู้ ไปซื้อปุ๋ย ร้านจัดปุ๋ยให้ไร่ละ กส เลย ยาคลุมหญ้า  ฮอโมนขวดละ สองพันกว่าบาท แถมไม่พอข้าวเป็นโรคต้องจ้างเค้ามาพ่นยาอีกหมดไปอีกหลายพัน  พอดีค้นดูในเน็ตพบบทความของอาจารย์เดชา ศิริภัทร ก็เลยเปลี่ยนความคิดและปรุงปรุงวิธีการทำนาใหม่หมด แต่ก็มีกระแสต้านจากญาติ และชาวนาใกล้เคียง  ตอนนี้ไม่มีใครว่าแล้วครับ  ;D  ;D


 :D....อิจฉาครับ....มีที่นาติดคลองชลประทานแบบนี้....รถมอไซค์ก็สวย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 18:27:42
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเจ้า เดี๋ยวคืนนี้ค่อยอ่านเจ้า

ตอนนี้ดรีมกำลังจ้างลุงไปเอาหน่อกล้วยในป่า จะหมัก 60 กิโล อ่ะเจ้า จ้างลุงไปเอากิโล 5 บาท

จะเอาไปสลายตอซัง อ่ะเจ้า (ก็อปแล้วปริ้นเก็บไว้อ่านท่าจะดีเนาะเจ้า)

แต่ที่แน่ๆๆ ตอนนี้ข้างโพดดรีมล้มหมดเลย ฝนตกเมื่อแลงนี้ ลงทุนเกือบหมื่น สี่ไร่ ท่าจะบ่ได้คืนสักบาทละเจ้า ไข้ไห้ขนาด ข้าวโพดยังบ่แห้งเลย ได้เก้าสิบวันอยุ่เลยเจ้า ซื้อยาเคมีพ่น ทั้งคลุมหญ้า สะปะสะเปด ก่ายขนาดเจ้า ป่อละดรีมบ่ยะแล้ว ปลูกผลไม้ ปลูกอย่างอื่นดีกว่าเจ้า เอาไว้กินดีกว่า บ่ปลูกละข้าวโพดทุนนักขนาดเลยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 18:32:55
:D...นาข้าวบ้าง....แปลงนี้มีพื้นที่25ไร่(ทำ2ที่อีกแปลงมีพื้นที่23ไร่)...ทำนาแบบผสมผสานครับ....ใช้เคมีแบบปลอดภัย...ปุ๋ยหมัก,ปุ๋ยน้ำหมักนี่ก็ใช้ครับ...
บ้านน้อยคอยรัก ก่อนิเจ้า ท่านbm1234 ข้าวงามขนาดเลยเจ้า ไว้มีข้าวพันธุ์ดีๆมาขายหื้อน้องดรีมผ่องเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 18:34:41
http://www.homebankstore.com/dl/sread/017.html

ช่วยลองเปิดอ่านดูหน่อยนะครับว่าครบไหมครับ
โหลดมาไว้ละเจ้า ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Ck 401 ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 19:21:30
:D....เดี๋ยวเย็นๆจะเอาฮูปนามาอวดเน้อ.....ช่วงนี้ไปลุยงานในนาทุกวัน....
[/color]
ยินดีกะน้องดรีมด้วยครับ ที่มาสร้าง and กระตุ้นต่อมอยาก ขอหื้อประสบความสำเร็จในอาชีพนะครับ
การเกษตรไม่มีสูตรตายตัว ตำราที่ได้เล่าเรียนศึกษามาเป็นแค่แนวทางเท่านั้นเองผลสำเร็จของการเกษตรนั้นอยู่ที่ตัวเราและประสบการณ์ที่สั่งสมมมาครับ
แอดมินท่านนี้มีนาหลายร้อยไร่ละครับ
นกเอี้ยงมาฮ้อง ป้อเลี้ยงๆ ๆๆๆ
ตี้หน้าบ้านกู้เจ๊า ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 19:27:25
:D....เดี๋ยวเย็นๆจะเอาฮูปนามาอวดเน้อ.....ช่วงนี้ไปลุยงานในนาทุกวัน....
[/color]
ยินดีกะน้องดรีมด้วยครับ ที่มาสร้าง and กระตุ้นต่อมอยาก ขอหื้อประสบความสำเร็จในอาชีพนะครับ
การเกษตรไม่มีสูตรตายตัว ตำราที่ได้เล่าเรียนศึกษามาเป็นแค่แนวทางเท่านั้นเองผลสำเร็จของการเกษตรนั้นอยู่ที่ตัวเราและประสบการณ์ที่สั่งสมมมาครับ
แอดมินท่านนี้มีนาหลายร้อยไร่ละครับ
นกเอี้ยงมาฮ้อง ป้อเลี้ยงๆ ๆๆๆ
ตี้หน้าบ้านกู้เจ๊า ;D ;D ;D
อิอิ :) :) :) :) :) ดีใจเหมือนกันเจ้า คิดอยู่นานว่าจะตั้งกระทู้ก่อ พอตั้งไว้ได้ความรู้จากประสบการณ์จริง ขอบคุณเจ้าที่มีพื้นที่ดีๆ ให้ชาวนาได้แชร์ความรู้กันเจ้า



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 19:27:38
ท่าน bm1234 ต๋อนแลงใส่เบ็ดก่องตวยเน้อ อิอิ คิดถึงบ้านทันที ;D ;D

 :D....ก่องเบ็ดบ่จ่างครับ....ผมย่ะก๋านในนาต๋อนเจ๊ากับต๋อนแลงครับ....เมื่อตอนแดดมันฮ้อน.......อยู่ตี้นาต๋อนแลงๆนี้อากาศดีขนาดครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ~Oo เบียร์ _ ซ่าส์ oO~ ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 19:53:08
ตอนนี้เพลี้ยระบาดแล้ว   ชาวนาแถวบ้านใช้แต่สารเคมีกันอย่างแรง. เอาน้ำส้มควันไม้ไปเสนอ มีไม่กี่คนที่สนใจ  นอกนั้นไม่มีทางเปลี่ยนแนวคิดเค้าได้ วิ่งเข้าใส่สารเคมีอย่างเดียว.


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: seklampang ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 21:08:06
ผมก็ทำงานครับ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับผมก็คิดว่าจะทำไร่ทำนานี่ละดี


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 ตุลาคม 2012, 21:23:55
ผมก็ทำงานครับ สมัยนี้ทำนาไม่ยากเหมือนสมัยก่อนแล้วครับผมก็คิดว่าจะทำไร่ทำนานี่ละดี
:) :) :) :) :) :) :) :) :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 ตุลาคม 2012, 10:16:35
อิสระจริงๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: masterwan ที่ วันที่ 05 ตุลาคม 2012, 12:04:50
http://www.youtube.com/watch?v=XfqffFNf2jg&feature=youtu.be
ผมเองก็ชาวนาครับ เพียงแต่ม่ได้ทำนาล็อคสั้นๆแบบทางเหนือครับ ผมทำแบบที่บ้านผม นนทบุรีทำครับกว้างๆใหญ่ๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: seklampang ที่ วันที่ 05 ตุลาคม 2012, 23:31:34
ผมก็อยากทำนาไหญ่ๆเหมือนทางใต้แต่ทำไงได้นาทางเหนือเป็นที่หลั่นไม่เสมอกันนาไหนเสมอกันดีผมก็ปรับให้ไหญ่มั่งแล้วครับ วันนี้ไปตัเหญ้าคันนา อากาศร้อนมาก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 14:03:41
:D....รูปแรกนี่มองผ่านหน้าต่างห้องนอนครับ...

บ้านสวยที่นาสวย ถ่ายภาพก็สวยครับ เยี่ยมเลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 14:22:40
ตอนนี้เพลี้ยระบาดแล้ว   ชาวนาแถวบ้านใช้แต่สารเคมีกันอย่างแรง. เอาน้ำส้มควันไม้ไปเสนอ มีไม่กี่คนที่สนใจ  นอกนั้นไม่มีทางเปลี่ยนแนวคิดเค้าได้ วิ่งเข้าใส่สารเคมีอย่างเดียว.

ใจเย็น ๆ ครับชาวบ้านยังยึดติดกับสารเคมีเพราะการเห็นผลเร็วแต่ไม่รู้ผลตามมาหลายอย่างทั้งสุขภาพ การปรับตัวของแมลงทั้งการดื้อยา ปกติสูตรขับไล่แมลงที่เห็นผล ก็นิยมเอา

-  เครื่องแกงเผ็ด  3 ช้อนโต๊ะ
-  น้ำส้มควันไม้  1 ลิตร
-  น้ำสะอาด 200 ลิตร ฉีดพ่นทุกสัปดาห์

มีประโยชน์อีกอย่างของน้ำส้มควันไม้คือ
การใช้น้ำส้มควันไม้สามารถช่วยเพิ่มผลิตได้ 50-80 กก/ไร่ เพราะจากการวิจัยแล้วพบว่า   น้ำส้มควันไม้มีสารประกอบต่างๆ มากกว่า 200 ชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ น้ำ 85% กรดอินทรีย์ประมาณ 3% และสารอินทรีย์อื่นๆ อีกประมาณ 12%

 ทั้งนี้ สารประกอบที่สำคัญ มีดังนี้ 1.กรดอะซิตริก (กรดน้ำส้ม) เป็นสารกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส 2.สารประกอบฟีนอล เป็นสารกลุ่มควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและสารฆ่าแมลง 3.ฟอร์มัลดีไฮด์ เป็นสารในกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค แมลงศัตรูพืช 4.เอธิล เอ็น วาเลอเรด เร่งการเจริญเติบโตของพืช 5.เมธานอล แอลกอฮอล์ที่ดื่มกินไม่ได้ เร่งการงอกของเมล็ดและราก ใช้ฆ่าเชื้อโรค และออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส 6.อะซีโตน สารละลายวัตถุ ใช้ทำน้ำยาทาเล็บและเป็นสารเสพติด 7.น้ำมันทาร์ เป็นสารจับใบช่วยลดการใช้สารเคมี

การนำไปใช้คือ

ก่อนหว่านข้าว ใช้แช่เมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในสารละลายน้ำส้มควันไม้ เจือจาง 300 เท่า เป็นเวลา 2 วัน หลังจากข้าวเติบโตตั้งตัวแล้ว ใช้น้ำส้มควันไม้ที่เจือจาง 300 เท่า ฉีดพ่นทางใบทุก 2 สัปดาห์ จะได้ผลผลิตเพิ่มเฉลี่ย 50-80 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากข้าวแตกกอมาก เมล็ดใหญ่ น้ำหนักรวงเพิ่มขึ้น  แต่ก็เหมาะสำหรับคนทำนาที่ไม่มากครับถ้าทำนามาก ๆ แต่มีเวลาก็ไม่มีปัญหาครับเพราะต้องหมั่นพ่นครับ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ผศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร สาขาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร.0-4334-2949 ต่อ 14

 



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 14:38:22
รู้เรื่องว่าพืชต้องการธาตุตัวไหนสำหรับส่วนใดไปบ้าง มองกลับไปที่ข้าวก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต้องรู้การเจริญเติบโตของข้าวว่าช่วงไหนต้องการธาตุตัวไหนมากเป็นพิเศษ  ชาวนาหลายคนยังใส่แบบผิด ๆ อยู่ทำให้เปลืองปุ๋ยโดยใช่เหตุ

ปุ๋ยเคมี

ปุ๋ยเคมี N - P - K
หน้าที่หลักของธาตุอาหารพืชบางชนิด

-   N   ไนโตรเจน ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ใบใหญ่ มีสีเขียวเข้ม เร่งการขยายขนาดผลและเพิ่มผลผลิต
-   P   ฟอสฟอรัส ส่งเสริมการเจริญของรากฝอยและรากแขนง ช่วยการออกดอกและสร้างเมล็ด
-   K   โปตัสเซี่ยม ส่งเสริมการสะสมแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในพืชหัว ไม้ผลและพืชที่ให้แป้งและน้ำตาลช่วยทำให้ผลไม้มีผิวสวย เนื้อเยื่อของผลไม้มีคุณภาพและรสชาติดีขึ้น

คือ ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ได้แก่ ปุ๋ยสูตรต่างๆ ที่วางขายตามท้องตลาด ทั้งที่เป็นปุ๋ยเดี่ยวและปุ๋ยผสมต่าง ๆ เช่น
แม่ปุ๋ยหรือปุ๋ยเดี่ยว  มีธาตุอาหารพืชหลักเพียงธาตุเดียว เช่น
สูตร 46-0-0 ( ยูเรีย )                  สูตร 0-46-0 ( ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต )
สูตร 0-0-60 (โปตัสเซี่ยมคลอไรด์ )  สูตร 21-0-0 ( แอมโมเนี่ยมซัลเฟต )
สูตร 0-3-0 ( ร๊อกฟอสเฟต )

ปุ๋ยสูตรรวม มีธาตุอาหารพืชตั้งแต่ 2 ธาตุขึ้นไป เช่น
สูตร 16-20-0         สูตร 20-20-0            สูตร 16-16-8
สูตร 25-7-7                 สูตร 21-10-10                      สูตร 15-15-15   
สูตร 12-24-12         สูตร 9-24-24            สูตร 13-13-21   

สูตรปุ๋ย เช่น 15-15-15 จะเป็นตัวเลขบอกปริมาณสารอาหารสุทธิ N 15 กก.ในหนักปุ๋ย 100 กก. P 15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100 กก. K15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100

ถามหน่อยนะครับว่าอย่าง 16-20-0 ตัวไหน ตัวn ตัวp ตัวk ตัวหน้า กลางหรือหลังครับเพื่อความแน่นอนขอบคุณมากๆครับ

เรียงตามสูตรเลยครับ  N-P-K     16-20-0

N ไนโตรเจน = 16  กก ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก
P  ฟอสฟอรัส = 20  กก  ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก
K  โพแทสเซียม = 0  กก  ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก

การใส่ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพอาจต้องมีการวิเคราะห์ค่าดินในไร่ของเราเสียก่อน แต่หากไม่มีเวลาก็ต้องใช้วิธิสังเกตุการเจริญเติบโตของข้าวครับและปริมาณการใส่ปุ๋ยของเรา  แต่หากท่านใดได้ผลวิเคราะห์ค่าดินมาก็ดีครับ เพราะเราสามารถนำค่าที่ได้มาคำนวณค่าในการผสมปุ๋ยเคมีให้มีประสิทธิภาพและอาจช่วยลดต้นทุนได้ครับ



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 16:05:00
ไปเที่ยวประเทศลาวครับเลยถ่ายภาพทุ่งนามาฝาก  แม้พันธุ์ข้าวในโลกมีมากกว่า 1.2 แสนสายพันธุ์  ประเทศไทยนิยมปลูกข้าว กข. เนื่องจากมีการพัฒนาให้ได้ผลผลิตสูง ตอบสนองต่อเคมี แต่ชาวลาวตามพื้นที่ชนบทก็ยังนิยมปลูกข้าวพันธุ์พื้นบ้าน ตลอดเส้นทางที่ผ่าน บ่อแก้วไปหลวงน้ำทาระยะทางประมาณ 200 กม. ผมพยายามหาดูร้านขายปุ๋ยเคมีแล้วหาไม่เจอ อาจจะมีแต่ก็มีน้อย สอบถามชาวลาวแล้ว  การทำนาของชาวหลวงน้ำทายังนิยมปลูกข้าวด้วยนาดำยังไม่ค่อยรู้จักการใช้สารเคมีเท่าไหร่แต่ก็มีบางส่วนที่เริ่มใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตเพราะข้าวมีราคาแพง แหล่งปลูกข้าวสำคัญของคนลาวอยู่ที่สะหวันนะเขต รองลงมาก็เวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ทางเหนือที่นาอาจมีน้อยกว่าอาจเพราะพื้นที่เป็นเทือกเขาและป่าไม้ซะส่วนใหญ่และยังขาดระบบชลประทานที่จะช่วยให้นาได้ทั้งปี


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 16:13:13
แต่ถ้าเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราแล้ว แขวงบ่อแก้ว แขวงหลวงน้ำทาแล้วล่ะก็ มีพื้นที่เพาะปลูกมากเคยเห็นการปลูกยางพาราที่ไร่บุญรอดมีมากแล้ว มาเห็นที่นี่ถือว่าเล็กไปเลย บางจุดก็เป็นหมื่น ๆไร่ เป็นการส่งส่งกล้าพันธุ์จากทางจีนเพื่อให้ชาวลาวปลูกและนำส่งผลผลิตให้จีน เช่นเดียวกับข้าวทางจีนก็เล็งใช้ลาวเป็นพื้นที่ปลูกข้าวเช่นกัน จึงไม่แปลกใจที่จีนยินดีพัฒนาระบบคมนาคมให้กับลาว



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 16:15:30
ที่ลาวรถอีแต๋นมีน้อยมากไม่ค่อยเห็น ส่วนใหญ่จะใช้รถแบบนี้เป็นรถนำเข้าจากจีน ราคาไม่กี่หมื่นบาท บางรุ่นสามารถดั้มได้ ถือว่าเป็นรถสารพัดประโยชน์ของชาวลาวเลยทีเดียว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 16:31:56
ทางภาคเหนือของลาว จะมีชาวเขาค่อนข้างมากทางไปหลวงน้ำทาจะเป็นเผ่าขมุซะส่วนใหญ่ เผ่าม้งก็มีบ้าง  การเรียนเด็กที่นู่นจะไม่เหมือนกับคนไทย หยุดพักเที่ยงจะต้องกลับมากินข้าวบ้าน ทั้งเด็กและเณรเรียนด้วยกัน การเดินทางไกล ๆ เณรก็ปั่นจักรยานกัน บ้านเราจะแปลกตาบ้าง  และเป็นที่รู้กันของเด็กลาว ถ้าเห็นคนไทยหยุดรถตามร้านขายของเค้าจะมาดูห่าง ๆ ไม่ได้มาตื้อ เด็กเค้าพูดง่าย และหากเราซื้อหนมให้เด็กลาวจะชอบมากแม้ว่าจะเป็นขนมชิ้นละไม่กี่บาท  ที่จริงรูปและข้อมูลอีกมาก  ปกติเที่ยวไม่ใช่ว่าเที่ยวเพื่อคลายเครียดอย่างเดียวแต่เพื่อ ศึกษาและเก็บข้อมูลหลายอย่างที่เราสนใจด้วยครับแต่พอก่อนเดี๋ยวออกนอกเรื่องเกษตรไปใหญ่ครับ.... ;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 19:30:53
บรรยากาศธรรมชาติน่าอยู่จริงๆคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 07:46:12
สิ่งดี ๆ ที่เหลืออยู่ ต้องช่วยกันรักษาไว้
ถ้าหาไม่ วันหนึ่งลูกหลานของเราจะรู้จักป่าและทุ่งนา
ในหนังสือตำราเรียนเท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 16:41:18
แม่ฝากมาบอก พี่ubuntuthaith ว่า ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ แม่เข้ามาอ่านทุกวัน แถมจดไว้ด้วย ตอนนี้แม่อยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เจ้า แม่บอกว่าพี่ ubuntuthaith ไม่หวงความรู้เลย มีความรู้ก็เผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ เป็นคนดีจริงๆ แม่ฝากขอบคุณ ต๋วยเน้อเจ้า (แม่บอกว่าตอบกระทู้ ไม่เป็น เข้าอ่านทุกอัน) แต่ตอนนี้ทางเว็บก็ปิดรับสมัครยูสใหม่อยู่ใช่ป่าวค่ะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 19:03:10
แม่ฝากมาบอก พี่ubuntuthaith ว่า ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ แม่เข้ามาอ่านทุกวัน แถมจดไว้ด้วย ตอนนี้แม่อยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เจ้า แม่บอกว่าพี่ ubuntuthaith ไม่หวงความรู้เลย มีความรู้ก็เผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ เป็นคนดีจริงๆ แม่ฝากขอบคุณ ต๋วยเน้อเจ้า (แม่บอกว่าตอบกระทู้ ไม่เป็น เข้าอ่านทุกอัน) แต่ตอนนี้ทางเว็บก็ปิดรับสมัครยูสใหม่อยู่ใช่ป่าวค่ะ


 :D.....ไม่ได้ปิดรับสมัครสมาชิกเน้อครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 20:43:13
แต่ล่ะท่านนี้ความรู้แน่นเอี๊ยด ได้เห็นทุ่งน่าแล้วสบายใจยังไงไม่รู้
ว่าแต่ตูบอ้ายบีเอ็มใช้หลังคาแบบนั้นมันบ่าฮ้อนกาครับ  เอาคาปกถ้าจะเย็น
ลมพัดมาเย็นๆ อากาศสดซื่นแจ่มใส :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 21:53:20
แม่ฝากมาบอก พี่ubuntuthaith ว่า ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ แม่เข้ามาอ่านทุกวัน แถมจดไว้ด้วย ตอนนี้แม่อยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เจ้า แม่บอกว่าพี่ ubuntuthaith ไม่หวงความรู้เลย มีความรู้ก็เผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ เป็นคนดีจริงๆ แม่ฝากขอบคุณ ต๋วยเน้อเจ้า (แม่บอกว่าตอบกระทู้ ไม่เป็น เข้าอ่านทุกอัน) แต่ตอนนี้ทางเว็บก็ปิดรับสมัครยูสใหม่อยู่ใช่ป่าวค่ะ

แหะ ๆ  :D  :D ไม่เป็นไรครับ เห็นชาวนาตัวน้อยเลือกทำนาอินทรีย์ก็ดีใจ  ผมเริ่มทำนาด้วยเกษตรเคมีเต็มตัวแทบไม่มีความรู้ด้วยซ้ำอาศัยทำตามชาวบ้านจนได้รู้ว่าทำไมชาวนาจึงเป็นหนี้หากราคาข้าวตกต่ำเพราะต้นทุนสูงต้องพึ่งพาสารเคมี ต้นทุนหลักของชาวนาจ่ายไปกับค่าปุ๋ยเคมีมาก   ประเทศไทยแม้จะมีบริษัทปุ๋ยหลายแห่งแต่วัตถุดิบในการผลิตโดยเฉพาะแม่ปุ๋ยก็ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยด้านการเงิน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ส่งผลให้ปุ๋ยมีราคาที่เพิ่มขึ้น เราผู้ใช้ก็ได้แต่แบกภาระ  การใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตสูงขึ้น  แต่การใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม  ทั้งดิน แหล่งน้ำบนดินและใต้ดินที่เสื่อมลงแถมยังทำให้เกิดก๊าฐไนตรัสออกไซต์ ที่มาจากปุ๋ยไนโตรเจน ทำให้เกิดก๊าฐเรือนกระจก และปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  ถ้าถามทำไมรัฐไม่ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ที่หาได้ตามท้องถิ่นแบบเต็มตัว มันก็ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างไทยเซ็นทรัลเคมี ( หัววัวคันไถ ) บริษัทปุ๋ยเคมีที่ใหญ่ทีสุดในประเทศ รัฐก็ริเริ่มก่อตั้งกระทรวงการคลังก็ยังเคยถือหุ้นรายใหญ่ 49% ปัจจุบัน SOJITZ CORPORATION ของญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แทน แต่ก็ยังดีที่รัฐเริ่มมีการส่งเสริมให้ชาวนาเริ่มทำเกษตรอินทรีย์แต่บริษัทและผู้ถือหุ้นคงไม่ Happy แน่ เอาไว้จะเอาข้อมูล การทำนาข้าวอินทรีย์มาลงให้ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 22:16:42
ข้าวอินทรีย์
ข้าวอินทรีย์ เป็นข้าวจากการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมี สารสังเคราะห์โดยมนุษย์ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารคุมและฆ่าวัชพืชทางเคมี สารเคมีป้องกันโรค สารเคมีฆ่าแมลง  สารเคมีฆ่าสัตว์ศัตรูพืชทุกชนิด สารเคมีฮอร์โมน แต่จะใช้วัสดุธรรมชาติและสารสกัดจากพืช สัตว์ ที่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์มาใช้ทดแทน ตลอดจนไม่มีสารพิษตกค้างในข้าว หรือตกค้างในนา ในน้ำ จนทำลายสิ่งแวดล้อม

          การผลิตข้าวอินทรีย์เน้นความยั่งยืน โดยการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฟื้นฟูดิน สร้างสมดุลระบบนิเวศน์ การปรับปรุงบำรุงดิน โดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ วัสดุอินทรีย์ การใช้จุลินทรีย์ ชีวภาพ การคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่ต้านทานโรค รักษาความสมดุลของศัตรูธรรมชาติทางโรคและแมลง การจัดการพืชต้นข้าว น้ำ อากาศ ตามจังหวะที่ต้นข้าวต้องการ ตั้งแต่ต้นกล้า วัยรุ่น ออกดอก ออกรวง การจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้โรคระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะความโปร่งแสง ความชื้น  อากาศ น้ำขัง หรือน้ำแห้ง จนทำให้พืชต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี ได้ผลิตสูง

          การผลิตข้าวอินทรีย์ จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากสารเคมี หลังการเก็บเกี่ยวด้วย มีการขนส่ง การเก็บ การสีข้าว การบรรจุหีบห่อ จนถึงมือผู้บริโภคให้ปราศจากสารเคมี หรือสารพิษต่างๆ

          การปรับปรุงบำรุงดิน ต้องมีเทคนิคการไถกลบตอซัง ย่อยสลายตอซัง การใช้จุลินทรีย์ ตามภารกิจหน้าที่ ไม่ว่าเป็นปุ๋ยหมักอินทรีย์  ปุ๋ยน้ำฮอร์โมน จุลินทรีย์ป้องกันโรคเน่า  จุลินทรีย์สกัดสมุนไพร เกิดธาตุอาหาร NPK ในซากพืช ซากสัตว์ในดิน สลายออกมาให้พืชต้นข้าว สามารถกินได้ เลิกเผาตอซังในนาข้าว เพื่อรักษาชีวิตจุลินทรีย์  แมลงและสัตว์ที่เป็นประโยชน์ให้อยู่ในภาวะสมดุลต่อไป

ขั้นตอนการปลูกข้าวอินทรีย์มีดังนี้

1) การสำรวจพื้นที่แปลงนา

-         สภาพน้ำ (น้ำใช้ น้ำฝน สถิติน้ำฝน คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำ)
-         สภาพดิน (ความสมบูรณ์ของดิน  pH , N-P-K จุลินทรีย์ในดิน สารเคมีตกค้างในดิน
-         สภาพความเป็นอยู่ของโรคพืช แมลง และศัตรูพืช (โรคเน่า หนอนแมลง หอยเชอรี่ โรคระบาด โรคประจำถิ่น)
-         สภาพลม (หน้าหนาว ทิศทางลม)
-         สภาพวัชพืช (ข้าววัชพืช โสน กก หญ้าขาว)
-         สภาพสัตว์ (กบ เขียด ปูนา แมงดา อึ่ง หนู งู)
-         สภาพเกษตรรอบๆ (การปลูกข้าวรอบๆ การเลี้ยงเป็ด วัว เลี้ยงปศุสัตว์ การปลูกอ้อยข้างๆ)

2) การเลือกพืชพื้นที่ปลูก

          พื้นที่เหมาะสมการปลูกมี
-         แปลงใหญ่
-         ความสมบูรณ์ดินสูง
-         อยู่ไกลจากพื้นที่เกษตรเคมีที่ใช้มากๆ มาอย่างยาวนาน
-         สารเคมีตกค้างในดินต่ำ

3) การดูแลความสมบูรณ์ของดิน

          สร้างความสมบูรณ์ของดินโดย

-         ไม่เผาตอซัง เพราะทำให้จุลินทรีย์ตาย และดินแข็งแน่น ตลอดจนไล่คาร์บอนในดินสู่บรรยากาศ
-         นำอินทรีย์วัตถุจากแปลงนาและแหล่งใกล้เคียงมาลงสู่แปลงนา อยู่เป็นระยะๆ
-         ปลูกพืชตระกูลถั่ว โสน แล้วไถกลบ เพิ่มไนโตรเจนในดิน
-         ปลูกพืชคลุมดินช่วงที่ไม่ได้ปลูกข้าว เพื่อคลุมหน้าดินดี ไม่ให้ถูกชะล้างออกไป
-         ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี เช่นมูลสัตว์ ซากพืช
-         ราดพ่นน้ำจุลินทรีย์หมักย่อยสลายตอซังข้าวแล้วไถกลบ
-         ใช้อนินทรีย์วัตถุและอินทรีย์วัตถุ ราดแทนปุ๋ยเคมี เช่น

N: แหนแดง สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว กากเมล็ดสะเดา เลือดสัตว์แห้ง กระดูกป่น
P:  หินฟอสเฟต กระดูกป่น มูลไก่ มูลค้างคาว กากเมล็ดพืช ขี้เถ้าไม้ สาหร่ายทะเล
K:  ขี้เถ้า หินปูน หินดินดาน
Ca:          ปูนขาว โคโลไมต์ เปลือกหอยป่น กระดูกป่น

-         ปลูกพืชหมุนเวียน ปลูกถั่วสลับปลูกข้าว

4) การคัดเลือกพันธุ์ข้าว

-         เหมาะสำหรับพื้นที่นั้น คืออยู่ในที่ดินสมบูรณ์ต่ำได้  ต้านทานโรค ทนแมลง ตรงตามต้องการตลาด
-         พันธุ์ข้าว และลักษณะเด่น ของแต่ชนิดพันธุ์ข้าว เลือกใช้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น ทนแล้ง ทนดินเปรี้ยว ทนดินเค็ม ต้านทานไส้เดือนฝอย ทนโรคไหม้ โรคใบสีส้ม โรคขอบใบแห้ง โรคจู๋ ทนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทนเพลี้ยจักจั๋นสีเขียว  ทนหนอนกอ ทนแมลงบั่ว  นวดง่าย กลิ่นหอม หุ้งต้มง่าย แตกกอดี ฟางแข็งไม่ล้มง่าย ทนน้ำท่วม ทนโรคกาบใบเน่า คอรวงยาว  เกี่ยวง่าย จำนวนเมล็ดต่อรวงมาก ทนโรคใบหงิก ทนโรคเขียวเตี้ย
-         ควรเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวจากแปลงเกษตรอินทรีย์ เอามาปลูก ปราศจากโรคแมลง
-         ทดสอบ% การงอกและความแข็งแรง
-         ปราศจากเมล็ดวัชพืช
-         อาจป้องกันโรคติดต่อมากับเมล็ดพันธุ์ โดยการแช่ในน้ำจุนสี (0.1%) นาน 20 ชั่วโมง แล้วล้างน้ำสะอาดก่อนนำไปปลูก
-         ปราศจากการปนเปื้อนสารเคมีในขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดหากมีให้แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 50-55  ํซ นาน 10-30 นาที

5) การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวก่อนปลูก

          - เป็นพันธุ์ข้าวมาตรฐาน
          - ผลิตจากแปลงเมล็ดพันธุ์ข้าว
          - %  ความงอกสูง
          - ปราศจากโรคแมลง
          - ปราศจากเมล็ดวัชพืช
          - แช่ข้าวเปลือกในน้ำจุลินทรีย์  1% นาน 20 ชั่วโมง ก่อนนำไปหว่านปลูก

6) การเตรียมดินในแปลงนา

     วัตถุประสงค์เตรียมดินเพื่อ

-         สร้างสภาพเหมาะสะดวกในการปลูก
-         ทำให้ข้าวเจริญเติบโตดี
-         ช่วยควบคุมวัชพืชโรคและแมลง
     การเตรียมดินโดยการไถ
-         ไถดะ เพื่อทำลายวัชพืช พลิกกลับหน้าดิน กลบให้วัชพืชตาย ไถกลบตอซังให้ย่อยสลาย ไถกลบแล้วทิ้งไว้ 1 สัปดาห์
-         ไถแปร เพื่อตัดรอยไถดะ ทำให้รอยไถดะแตกออกเป็นก้อนเล้กๆ จนวัชพืชหลุดออกจากดิน อาจไถมากกว่า 1 ครั้ง ก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำในนา ชนิด และปริมาณวัชพืช
-         ไถคราด  เพื่อคราดเอาวัชพืชออกจากผืนนาและปรับที่นาให้ราบเสมอกัน เพื่อให้ข้าวได้รับน้ำเสมอกันทั่วแปลง และสะดวกในการไขน้ำในนาออก

วิธีปักดำ
                 โดยการตกกล้า แล้วนำไปปักดำในนา ซึ่งได้ในการเตรียมดิน โดยการไถดะ 

     ตากดิน ปล่อยน้ำท่วมแปลง ไถแปร ไถคราดแล้ว

-         ตกกล้าคือ การเอาเมล็ดพันธ์ข้าวไปหว่านให้งอก 100 กรัม/ตรม. ในดินเปียก หรือในดินแห้ง คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ในน้ำเกลือ 1.7 กก. ต่อน้ำ  10 ลิตร คัดเอาเมล็ดลอยออกไป เมล็ดใส่ถุงไปแช่น้ำธรรมดา 12-24 ชม. แล้วเอาไปวางบนแผ่นกระดานให้ระบายอากาศดี แล้วเอาผ้าเปียกหรือกระสอบเปียกคลุมไว้นาน 36-48 ชั่วโมง พอเมล็ดงอกก็เอาไปหว่านลงแปลง

-         วิธีตกกล้าดินเปียก โดยหว่านเมล็ดงอกลงบนดินที่สูงกว่าระดับน้ำโดยรอบ 3 ซม. ทำเป็นร่องกว้าง 50  ซม.  เว้นคนเดิน  30 ซม. แนวยาวตามลม

-         วิธีตกกล้าดินแห้งโดยการเปิดร่องเล็กๆ ขนาดยาว 1 ม. หลายแถว ห่างกัน 10 ซม. หว่านเมล็ดในร่อง ใช้อัตรา 7-10 กรัม/ม. แล้วกลบดิน กันนกหนูรบกวน รดน้ำด้วยฝักบัว วันละ 2-3 ครั้ง

-         การดูแลแปลงกล้า ในกล้าดินแบบเปียก รักษาระดับน้ำ 2-3 ซม.   15 วัน แล้วระบายน้ำออก 2 วัน จากนั้นเอาน้ำแข็งแช่ 3-5 ซม. จนอายุกล้า 25 วัน ปล่อยกล้าขาดน้ำอีก 2-3 วัน จนอายุกล้า 28 วัน  ก็เอาน้ำเข้าอีก พอครบ 30 วัน ก็ถอนไปปักดำ ลักษณะต้นกล้าที่จะไปปักดำสีเขียวอมเหลืองหากพบเพลี้ยไฟ ให้ไขน้ำท่วมมิดต้นข้าว 6-12 ชั่วโมง สลับ 3-4 วัน

-         การถอนกล้า อายุ 25-30 วัน ล้างรากจับแยกรากที่โคนต้นสลัดในน้ำ มัดเป็นกำ ตบกล้าให้รากเสมอกัน กำละ 800-1,000 ต้น  ปักดำ 100 กำต่อไร ย้ายไปแปลงดำ  วางเรียงกระจายทั่วแปลงนา ให้รากแช่น้ำตลอดเวลา

-         วิธีปักดำ กล้าอายุ 30 วัน ถอดมัดเป็นกำๆ ตัดปลายทิ้ง ยกเว้นกล้าเล็ก ล้างเอาดินที่รากออก เอาไปปักดำในนาที่มีน้ำท่วม 5-10 ซม. ใช้กล้าประมาณ 7 กกต่อไร่ ดำระยะ 20 X
20 ซม. จำนวน 3-5 ต้น/กอ ระดับน้ำน้อยกล้าจะล้มง่าย ระดับน้ำสูงกล้าจะแข่งยึดต้น จะแตกกอน้อย

วิธีหว่านข้าวแห้ง
          หว่านเมล็ดพันธุ์ลงในนาที่ไถเตรียมไว้ หลังจากไถดะและไถแปรแล้ว  เหมาะสำหรับพื้นที่ฝนตกน้อย วัชพืชน้อย นาลุ่ม เมล็ดข้าวจะตกอยู่ตามซอกดิน รอยไถ พอฝนตกความชื้นถึงก็จะงอก  และดินจะลงไปกลบ อัตราการหว่าน 20-25 กก. /ไร่

วิธีหว่านน้ำตม
เตรียมดินเหมือนนาดำ มีไถดะ ไถแปร ไถคราด เก็บวัชพืช ปรับระดับพื้นที่นา ทิ้งให้ดินตกตะกอนจนน้ำใส ให้หว่านลงในนา นี้มีระดับน้ำไม่มากกว่า  2 ซม.  ใช้ 15-20 กก/ไร่ พอข้าวงอกก็จะโตพ้นน้ำขึ้นมา  วิธีนี้เหมาะสมสำหรับในพื้นที่เขดน้ำชลประทาน

การควบคุมวัชพืช
วัชพืชในนาข้าว

-         นาหว่านมีวัชพืชมากกว่านาดำ เพราะนาดำมีการเตรียมดินเก็บวัชพืชออกไปจากแปลงนาก่อนปักดำ

-         วัชพืชมี 5 ประเภท ดังนี้

1.     วัชพืชใบกว้าง เช่น แพงพวยน้ำ เทียนนา สาหร่ายหางกระรอก ผักปราบนา ผักปอด ผักตับเต่า
2.     วัชพืชใบแคบ เช่น หญ้าขาวนก หญ้านกเขา หญ้าแดง หญ้ากระดูกไก่ หญ้าก้านธูป หญ้าชันอากาศ
3.     กกมีลำต้นเป็นเหลี่ยมสามแฉก เช่น แห้วหมูนา
กก  แห้วทรงกระเทียม หนวดปลาดุก หนวดแมว
4.     สาหร่าย เช่น สาหร่ายไฟ สาหร่ายเส้นด้าย
5.     เฟิร์น เช่น ผักแว่น ผักกูดนา ผักกูดน้ำ

การควบคุมวัชพืช และศัตรูพืชในนา
-         หว่านถั่วเขียว คุมหญ้า หว่านพร้อมเมล็ดข้าว
-         ใช้แรงคนถอน
-         คุมระดับน้ำในแปลงนา ในระยะ 1-2 เดือน หลังปักดำ
-         ปลูกพืชหมุนเวียน เช่นปลูกถั่วเขียวก่อนข้าว
-         เลือกพันธุ์ข้าวต้านทานทนทาน

โรคในนาข้าว
  -   โรคไหม้ เกิดจากเชื้อรา ไพริดูลาเลีย ออไรซี ปลิวมากับลม ถูกใบจะเป็นแผล
       เป็น สีน้ำตาลรูปตาคน ทำให้เกิดใบแห้งตาก ทำให้คอรวงข้าวเน่า
       ทำให้เมล็ดลีบ  โรคจะรุนแรง หากข้าวไม่ทน และดินมี N สูง
       แก้โดยฉีดน้ำสมุนไพรบอระเพ็ด

-         โรคถอดฝักดาบ เกิดจากรา ยิบเบอเรลลา ฟูจิคูรอย เส้นใยสีชมพู ทำให้ข้าวแตกกอน้อย ใบเหลืองชัด และต้นสูง แพร่เชื้อราหางเมล็ด แก้ไขโดยวิธีถอนมาเผาทิ้ง เลือกพันธุ์ข้าวทนโรค ฉีดสมุนไพรบอระเพ็ด

-         โรคใบจุดสีน้ำตาล เกิดจากรา เฮลมินโทสพอเรียบออไรซี ทำให้เมล็ดข้าวมีรอยด่างเทา ทำลายแป้งในเมล็ด น้ำหนักเบา ให้ฉีดสมุนไพรบอระเพ็ด

-         โรคขอบใบแห้ง เกิดจากบัคเตรี  แซนโทโมนัส ออไรซี มักเกิดในที่น้ำขังนาน ทำลายต้นข้าวที่ใบและราก แก้โดยให้ฉีดสมุนไพร และงด N  ทุกชนิด

-         โรคใบสีส้ม เกิดจากเชื้อไวรัส เยลโล โอเรนจ์ลีฟ แพร่โดยจักจั่นสีเขียว เกิดรอยด่าง แตกกอน้อย รากเดินไม่ดี รวงข้าวมีเมล็ดน้อย เมล็ดเปลี่ยนเป็นสีดำ น้ำหนักเบา ใช้กำจัดแมลงพาหะโรค และฉีดสมุนไพรบอระเพ็ด

-         โรครากปมจากไส้เดือนฝอย ที่ชื่อ เมลอยโคไกเนเกรมินิโคลา ทำให้รากระยะแตกกอมีปมเล็กๆ จำนวนมาก ใบเหลืองชัด แคระแกร็น แก้โดยอย่าปล่อยในนาขาดน้ำ ให้น้ำท่วมนา เพื่อทำลายไส้เดือนฝอย ใช้ฉีดสมุนไพร บอระเพ็ด ระหุ่ง สะเดา

แมลงในนาข้าว

-  เพลี้ยไฟ เป็นแมลงปากแหงดูดกินน้ำเลี้ยงต้นกล้า ตรงที่เป็นสีเขียว พืชจะใบเหลือง ต้นแคระแกร็น ใบม้วนตามความยาว แก้โดยอย่าให้ข้าวขาดน้ำ จมข้าวมิดยอดทิ้งไว้ 1-2 วัน ฉีดพ่นด้วยสมุนไพร สะเดา สาบเสือ น้อยหน้า บอระเพ็ด

-  หนอนม้วนใบ ทำให้ข้าวม้วนเข้าหากัน หุ้มตัวไว้ และกัดกินใบ พบช่วง ข้าวกำลังแตกกอ แก้โดยจุดไฟล่อตัวแก่ให้มาเล่นไฟ แล้วจับทำลาย ฉีดพ่นสารสกัดสะเดา

-  เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นแมลงปากแหงดูดน้ำเลี้ยงกาบใบ ทำให้ใบเหี่ยวแห้ง และพบราสีดำเกาะติดต้นข้าวด้วย ทำให้เมล็ดไม่สมบูรณ์ น้ำหนักเบา ล้มง่าย แก้โดยจุดไฟล่อให้มาเล่นไฟ เว้นระยะการปลูกข้าวหากระบาดหนัก ระบายน้ำทิ้งเพื่อลดความชุ่มชื้น ฉีดพ่นสมุนไพร บอระเพ็ด น้อยหน่า สะเดา สาบเสือ

- เพลี้ยจักจั่นสีเขียว แมลงปากแหงดูดทำลายข้าวทุกระยะ ทำให้ใบแห้งเหี่ยวมีสีเหลือง ต้นข้าวอาจตายได้ แก้โดยจุดไฟล่อให้บินมาเล่นไฟ ฉีดพ่นน้ำสมุนไพรน้อยหน่า และสะเดา

- แมลงสิง  ดูดกินน้ำนมจากเมล็ดข้าว หลังจากออกดอก 1-2 สัปดาห์ ทำให้เมล็ดลีบ บางครั้งดูดน้ำเลี้ยงที่คอรวงและยอดต้นอ่อน ให้ฉีดพ่น บอระเพ็ด สะเดา และสาบเสือ

- แมลงบั่ว ตัวคล้ายยุง ลำตัวสีชมพู วางไข่ฝักเป็นตัวหนอนเข้าไปในลำต้นข้าว ทำให้ใบเปลี่ยนเป็นหลอด คล้ายธูป ไม่ออกรวง แคระแกร็น แตกกอมากมีรวงน้อย แก้โดยฉีดพ่นสมุนไพร

- หนอนกอ มีสีครีม สีชมพู ทำลานต้นข้าวในระยะที่เป็นตัวหนอน เจาะเข้าทำลายต้นข้าว กัดกินใบ จนใบอ่อนแห้งตาย ทำให้คอรวงขาด ให้จุดไฟล่อแมลงและฉีดพ่น สารสมุนไพร บอระเพ็ด สะเดา และสาบเสือ

สัตว์และหอยศัตรูข้าว
- ปูนา กัดกินต้นข้าวที่ปักดำใหม่ๆ ทำคันนาเป็นรู  แก้โดยไขน้ำให้นาแห้ง 10-15 วัน ให้ดินร้อน เอาปลาร้าใส่ลงในปีบ ฝังไว้ในนา ปากเสมอพื้น ปูลงไปกินแล้วขึ้นไม่ได้

-  หนู กัดกินต้นข้าวระยะแตกกอ ระยะตั้งท้องมีหนูพุกเล็ก หนูนา หนูสวน หนูจิ๊ด หนูขยะ หนูหริ่ง แก้ไขโดย ใช้กับดับ ทำความสะอาดคันนา ยุ้งฉาง

- หอยเชอรี่ กัดข้าวระยะต้นอ่อน แก้โดยใช้ต้นกล้า อายุ 35-45 วัน ปลูก ดักหอยที่น้ำไหล ใช้มะละกอล่อ  เลี้ยงเป็ดในนาข้าว ฉีดพ่นน้ำเอ็นไซด์จากหอยเชอรี่และมะละกอ

หลักการป้องกันโรคแมลงสัตว์ศัตรูข้าว
                   - ไม่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัด
                   - ใช้ข้าวพันธุ์ต้านทานโรคและแมลง
                   -  เตรียมแปลง ปลูกพืชหมุนเวียน ตัดวงจร ทำสมดุล ธาตุอาหาร จัดการระดับน้ำ
                   - จัดสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาด
                   - รักษาความสมดุลทางธรรมชาติ สร้างแมลง มีประโยชน์ พวกตัวห้ำตัวเบียน
                   - ปลูกพืชขับไล่แมลงตามคันนา เช่น ตะไคร้หอม
                   - ใช้สารสกัดจากพืชไล่แมลง เช่น สะเดา ข่า ตะไคร้หอม ใบแคฝรั่ง
                   - ใช้ไฟล่อ กับดัก ยางเหนียว

แมลงที่เป็นประโยชน์ในนาข้าว
          ควรอนุรักษ์แมลงศัตรูธรรมชาติมีดังนี้

-         ด้วงดิน เป็นตัวหำที่แข็งแรงว่องไว จะกินหนอนห่อใบข้าว กินเพลี้ยกระโดด
-         ด้วงเต่า มีด้วงเตาลายจุด ด้วงเต่าลายขวาง ด้วงเต่าแดง ด้วงเต่าจะกิน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยกระโดด เพลี้ยหอย แมลงวี่ขาว และไร้ กินหนอนตัวเล็กๆ และไข่แมลง
-         มวนเพชฌฆาต เป็นตัวห้ำ มีสีน้ำตาลมีหนามแหลม 3 อันที่หลัง กินหนอนผีเสื้อ
-         จิ้งหรีดหางดาบ มีสีดำ ตัวอ่อนมีสีน้ำตาล จะกินไข่แมลงศัตรูข้าว ไข่หนอนผีเสื้อ หนอนกอ หนอนห่อใบ หนอกระทู้ ไข่แมลงวัน เจาะยอดข้าวตัวอ่อนเพลี้ยกระโดด  เพลี้ยจักจั่น
-         มวนจิงโจ้น้ำเล็ก มีขนาดเล็ก เคลื่อนที่เร็ว มีทั้งมีปีกและไม่มีปีก จะกินตัวอ่อนเพลี้ยกระโดดที่ตกลงไปในน้ำ
-         แมลงหางหนีบ มีหางคล้ายคีมยื่นออกมาคู่หนึ่งไว้ใช้ป้องกันตัว จะกินและตัวหนอนผีเสื้อ
-         แมลงปอเข็ม ปีกแคบ บินไม่เก่ง มีสีเขียว แกมเหลือง ท้องยาวเรียง จะกินตัวอ่อนเพลี้ยกระโดด  เพลี้ยจักจั่น

 การจัดการน้ำ
          น้ำทำให้ข้าวเจริญเติบโต การให้ผลผลิต หากระดับน้ำสูง จะทำให้ต้นข้าวสูงหนีน้ำ จะทำให้ต้นอ่อนล้มง่ายหากน้ำขาดก็จะทำให้วัชพืชรกเติบโตแข่งกับข้าวตลอดฤดูกาลปลูก  เลี้ยงน้ำไว้ที่ระดับ 5-15 ซม. และก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน ให้ระบายน้ำออกเพื่อให้ข้าวสุกพร้อมกัน และพื้นนาแห้งเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยว

การเก็บเกี่ยว
          หลังข้าวออกดอก 30 วัน เมล็ดในรวงข้าวจะเปลี่ยนเป็นสีฟาง เรียกว่า ข้าวพลับพลึง
          ขณะเก็บเกี่ยวข้าวมีความชื้น 18-24% ต้องลดให้เหลือ 14% หรือต่ำกว่า เพื่อให้เหมาะสำหรับการเก็บรักษา
          การตากข้าวในลานตากหลังเก็บเกี่ยว เกลี่ยให้หนา5 ซม. ตากแดดจัด 1-2 วัน พลิกข้าววันละ 3-4 ครั้ง
          การตากข้าวในกระสอบถุงปุ๋ย ขนาด 40-60 กก. วางกระสอบตากแดด 5-9 วัน พลิกกระสอบวันละ 2 ครั้ง
          การตากฟ่อนข้าวแบบสุ่มซังในนา แขวนไว้ 2-3 แดด อย่าให้ข้าวเปียกน้ำหรือเปื้อนโคลน

สนใจอ่านเพิ่มเติม       ปลูกข้าวอินทรีย์ เปลี่ยนวิถีชาวนาไทย
                                        ดร. รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์







หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 07 ตุลาคม 2012, 22:37:27
ชีวิตชาวนายุคโลกาภิวัฒน์สู่ชาวนานักปราชญ์
โดยลุง ลุงทองเหมาะ   แจ่มแจ้ง  ปราชญ์ชาวนา  อำเภอศรีประจัน  จังหวัดสุพรรรณบุรี 

ชาวนาขาดความรู้เรื่องทำนา
       ชาวนาไม่รู้ว่าจุลินทรีย์มีประโยชน์ในการทำนา  จุลินทรีย์อยู่ในดินเหมือนแม่พระธรณี พอ ถึงยุคเคมีเข้ามาในวงการเกษตรในปี  2512  มีทั้งปุ๋ยและยา   ดินเริ่มตาย  พันธุ์ข้าวโบราณที่ชินต่อการปลูกแบบไร้สารเคมีเริ่มเปลี่ยนไป  เป็นข้าวที่ปรับปรุงพันธุ์ที่ตอบสนองกับปุ๋ยเคมี  ข้าวนาปีเริ่มหายไป  มีข้าวนาปรังเข้ามาแทนที่   เอาข้าวนาปรังไปปลูกข้าวนาปี พอหน้าน้ำท่วม  ข้าวนาปรังไม่ชอบน้ำออกไม่ได้  ข้าวออกรวงไม่สุดเพราะหนาวได้ข้าวแค่ปลายรวง

ข้าวเขียวมากออกรวงสั้น
        ทำนาต้นข้าวเหลืองกี่ครั้ง  ตั้งแต่ปลูกเป็นเมล็ดจนเป็นต้นกล้าเล็กๆ  จนต้นยาวใหญ่จนเกี่ยวได้ชาวนาไม่รู้  พอเห็นข้าวเหลืองก็คิดว่าเป็นเพลี้ย ก็เอาสารเคมีมาใส่  ข้าวก็กลับมาเขียวใหม่  ชาวนารู้หรือเปล่าว่า  ในช่วง  40-60  วัน ใบข้าวจะเหลืองกี่ครั้ง  ข้าวใบเหลืองกี่ใบใบที่  1-4  แต่ใบที่  5-6  และใบหาอาหารให้ใบที่  1,2  กิน  ใบที่  5  จะต้องปลดใบที่  1  ทิ้ง  แล้วมาสร้างรังไข่รวงใหญ่ยาว  พอเอาปุ๋ยไปใส่ใบที่  1,2  เขียว  ใบที่  5-6  ก็หาอาหารมาให้ใบที่  1,2  กิน  รังไข่ก็เลยเล็กสั้นรวงสั้นทั้งประเทศ  ทั้งประเทศผลผลิตลดลงไม่รู้เท่าไร
       ข้าวก็เหลือแต่รวงละ  110  เมล็ด  แทนที่จะเป็น  230  เมล็ดให้ใบเขียว  ใบข้าวนั้นก็เหลืองเป็นธรรมชาติของเขา
       หากรวงข้าวสั้นลง ผลผลิตก็จะลดลง  110  เมล็ด  40-50  ถัง/ไร่  หากเต็มก็จะประมาณ  100-200  ถัง/ไร่  ที่เมืองจีน  กัมพูชา  ได้ถึง  200  ถัง/ไร่  เมืองไทยอย่างเก่งแค่ 70-120  ถัง/ไร่
       ข้าวถังหนึ่งมีประมาณ  378,000  เมล็ด  ชาวนาหว่าน  ข้าว  3  ถัง/ไร่  หรือประมาณ  1.1   ล้านเมล็ด  ชาวนาไม่รู้หรอกว่า มีกี่ต้นข้าวต่อตารางวา  แล้วต้องใช้ปุ๋ยไปเท่าไร  น้ำยาเท่าไร  ใส่ปุ๋ยเคมีเข้าไปราคาแสนแพง

ลัทธิเคมี  40  ปี  แห่งความหลัง
       ลัทธิเคมีเข้ามาตั้งแต่ปี  2512  สอนมาว่า  ต่อไปเราจะผลิตอาหารเลี้ยงประชากรโลกไม่ทัน  หากไม่ใช้สารเคมี เป็นความคิดที่ผิด  เพราะเขาหลอกเรา  ทำให้จุลินทรีย์  (แม่พระธรณี)ของ เราตาย  และเสียเงินให้  ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ก็ทำให้แม่พระพายก็ตาย  (เราหายใจไม่ได้  มีแต่อากาศเป็นพิษ)  เคมีทำลายหมดทุกอย่าง  ทำลายจุลินทรีย์  ทำลายสุขภาพคนด้วย

เกษตรอินทรีย์ต้องมีจุลินทรีย์ด้วย
        หากหันมาทำเกษตรอินทรีย์ต้องมาใช้จุลินทรีย์ที่เดิมเคยมีอยู่  ก็ใส่เข้าไปช่วยย่อยอาหารอินทรีย์วัตถุกลับไปเป็นอาหารของพืชต่อไป  การเอาอินทรีย์วัตถุไปใส่นาทั้งพืชทั้งสัตว์โดยไม่มีจุลินทรีย์ชีวภาพ  พืชก็กินไม่ได้ เกิดน้ำเน่าแทน  ดินไม่มีชีวิตแล้ว  ไม่มีจุลินทรีย์ เพราะสารเคมีลงไปทำลายฆ่าจุลินทรีย์ตายหมดแล้ว

ผลกระทบโลกร้อนต่อข้าว
        ปุ๋ยอินทรีย์เป็นเม็ดก็มีค่าแค่ขี้วัวกระสอบเดียว มีแต่เน่า หากไม่มีจุลินทรีย์  พอเอาปุ๋ยอินทรีย์ไปใส่นา ไม่มีจุลินทรีย์ย่อยสลาย  น้ำในนาก็จะเน่า เวลาเดินย้ำนา  น้ำเน่าจะกัดเท้า  คันไปหมด  เกิดเป็นแก๊สมีเทน ระเหยขึ้นในอากาศ เป็นฝ้าเรือนกระจก เป็นเหตุให้โลกร้อน  ข้าวจะผสมพันธุ์เองยาก  ข้าวผสมพันธุ์โดยไม่อาศัยแมลง จะผสมพันธุ์เอง  เกสรตัวผู้แห้ง  6  ตัว  ร่วงหล่นไปโดนเกสรตัวเมีย  2  อัน  ข้างล่าง  พอรับเกสรตัวผู้ได้ เป็นโรคปากหุบไม่ลง เป็นโรคปากอ้า  หากเกสรตัวผู้ถูกภาวะโลกร้อน ก็ไม่มีคุณภาพ  พอหล่นใส่เกสรตัวเมียก็ไม่ติดเมล็ด  ชาวนาจึงจนเพราะภาวะโลกร้อนด้วย

มาทำหัวเชื้อจุลินทรีย์กันเองเถอะ
        การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องใส่เชื้อจุลินทรีย์เข้าไปทำงานย่อยสลายด้วย  พืชจึงจะกินได้เป็นจุลินทรีย์มีชีวิต เป็นจุลินทรีย์กู้ชาติ  ไปหาได้จากธรรมชาติป่าดงดิบในป่าใหญ่  เช่นแถบเขาใหญ่ แล้วเอามาขยายหัวเชื้อ ได้ดินจากป่าลึก ก็จะมีชีวิตมีจุลินทรีย์หลายสายพันธุ์ สามารถเอาไปขยายทำหัวเชื้อได้  เอาไปทำปุ๋ย  เอาไปบำบัดน้ำเสีย  มูลสัตว์หมู  เป็ด  ไก่  วัว  ควาย  ให้หายเหม็นได้  เอาดินจากป่าใหญ่แค่  0.5-1.0  กิโลกรัม  (ไม่ต้องเอามาก)  ก็เอามาขยายได้  โดยใช้รำ แกลบ  1  ปี๊บ  ใบไผ่แห้ง  1  ปี๊บ   และน้ำเปล่า  1  บัวรดน้ำ  เข้าสู่กระบวนขยายหัวเชื้อ  ในขั้นตอน

การทำ  ดังนี้
       1.  นำแกลบสดและใบไม้แห้ง  มาผสมคลุกเค้า ให้เข้ากันกับดินป่าลึก แล้วรดน้ำให้ชุ่ม  50% 
       2.  นำรำข้าวมาคลุกให้เข้ากันเพื่อเป็นอาหารของจุลินทรีย์  ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ  15  วัน
       3.  เมื่อครบ  15  วัน  นำส่วนผสมที่ได้ใส่ลงถุงตาข่ายขนาด  8x12  นิ้ว
       4.  เตรียมถังน้ำ  200  ลิตร  เติมน้ำเปล่าปริมาณ  175  ลิตร  ผสมกับกากน้ำตาล  15  ลิตร  แล้วคนให้เข้ากัน
       5.  นำถุงตาข่ายที่เตรียมไว้ลงแช่ในถังน้ำแล้วปิดฝาให้สนิท  ทิ้งไว้  15  วัน  ก็จะได้  “หัวเชื้อจุลินทรีย์”

ทำเพื่อให้ธรรมชาติทำงานต่อ
        เมื่อมีจุลินทรีย์เหมือนมีแก้วสารพัดนึก แต่ปลูกข้าวแบบเคมี เหมือนทำเพราะมีหน้าที่ต้องทำ  ปลูกอีกก็ต้องเอาเคมีมาใส่และเพิ่มขึ้นทุกๆ  ปี  การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ปีแรกๆ  ใส่  100  กก/ไร่  พร้อมฉีดน้ำจุลินทรีย์  ปีต่อไปใส่ปุ๋ยอินทรีย์แค่  50  กก/ไร่  ปีต่อไปลดเหลือ  30  กก/ไร่  ใส่ต่ออีก  2-3  ปี  ปีละ  30  กก/ไร่  จากนั้นก็ไม่ต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์เลย  ฉีดแต่น้ำจุลินทรีย์อย่างเดียว  อย่างนี้เป็นการทำเพื่อจะไม่ต้องทำ  พอเข้าที่ ก็ปล่อยให้ธรรมชาติทำงานทั้งดินอากาศ  จุลินทรีย์ปีต่อๆ  ไปก็ปลูกข้าวโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย  เป็นไปได้  เป็นการคืนชีวิตให้กับแผ่นดิน  การปลูกพืชแบบเคมีเหมือนปลูกพืชแบบเลี้ยงสัตว์  เลี้ยงหมูถึงเวลาไม่ให้อาหารหมูโจมร้องอิ๊ตๆ  เลี้ยงวัวไม่เปิดคอกให้ไปกิน  วัวก็จะร้องมอๆ  เวลาเอาอาหารให้หมูกิน  หมูหยุดร้อง  แต่เวลาปลูกพืช  เราเอาเคมีไปใส่  ต้นพืชร้องไม่ได้  แต่จะแสดงออกมาเป็นใบเหลือง

ข้าวติดสารเคมีแบบยาเสพติด
        ถ้าทำด้วยอินทรีย์ชีวภาพ  รากพืชจะมีสีขาว  หากเป็นสารเคมีปลายรากจะดำ  ให้ลองถอนต้นข้าวมาดูราก  เพราะปุ๋ยเคมีจะมีปูนผสมไปอุดทางเดินน้ำที่จะลำเลียงในลำต้น  ต้นพืชจะกินปุ๋ยได้ เพราะมีเคมีมาใส่  ถูกฝึกมาแบบนั้น  ต้นพืชโง่เพราะเคมี  พอเอาปุ๋ยอินทรีย์มา พืชกินไม่เป็น  พืชติดเคมีเหมือนติดยาเสพติด

ทำนาอินทรีย์ต้องใจเย็นต่อการรอคอย
        ทำนาอินทรีย์เริ่มใหม่ ผลผลิตอาจลดลงเล็กน้อย เพราะยังมีเคมีตกค้างอยู่  แต่ราคาต้นทุนถูกกว่า  เช่นว่าเคยทำเคมีได้  100  ถัง/ไร่  แต่พอเริ่มทำอินทรีย์ได้แค่  50  ถัง/ไร่  ปีแรกอาจหายไปครึ่งหนึ่งแต่ไม่ต้องเสียเงินค่าปุ๋ยเคมี  ที่แน่ๆ  ได้กำไรชีวิต  ทำเคมีต้องฉีดพ่นละอองเคมีเข้าร่างกายทางลมหายใจ  พอฉีดยาฆ่าหญ้ามันก็ซึมขึ้นมาทางเท้า กลายเป็นโรคตับโรคไต  เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลสูงละฟ้า  มีแต่เกษตรกรเจ็บป่วยไปนอน

นาอินทรีย์ไม่ต้องกลัวเพลี้ย
       เพลี้ยมาจะทำอย่างไร  ชาวนามักคิดว่าหากเราทำเกษตรอินทรีย์  รอบๆ  ข้างทำเคมี  เพลี้ยจะแห่มาอยู่ที่แปลงอินทรีย์หมดเลย  เป็นที่พักเพลี้ยเป็นความรู้ที่ผิด  ผิดหมด  การทำเกษตรอินทรีย์ใช้สิ่งมีชีวิตจุลินทรีย์ไปยับยั้งการเกิดแมลงในแปลงนาได้เอง

หอยเชอรี่สัตว์ต่างแดนถูกทำให้ไข่สั้นลง
        หอยเชอรี่มาจากไหนเมื่อก่อนในนามีแต่หอยโข่ง เสียเมืองไปเลย  นาทั่วประเทศไทยไม่มีหอยโข่งกินแล้ว  พอหอยเชอรี่มา  ก็กัดกินต้นข้าว  ก็เอาสารเคมีแฟนโดเอาไปหยอด  หอยตาย  ถ้าแน่จริง  หอยเชอรี่ต้องสูญพันธุ์ไปแล้ว  ตายไปหนึ่งเกิดใหม่  300  เต็มนาไปหมดแล้ว นาอินทรีย์มีหรือเปล่า ก็ทำให้ไม่ให้มันไข่  ฆ่ามันไม่ได้  มันมีหัวใจลิงลมใส่ฆ่าหนึ่งเกิดร้อย  ต้องทำให้มันขยายพันธุ์ลดลง  จากไข่ยาวๆ  มาเป็นไข่สั้นๆ  ลดปริมาณลง นกมากินได้  ปลามากินได้  วิธีการก็คือเอาเหล้าขาว  2  ส่วน  น้ำส้ม  อสร.  1  ส่วน  กากน้ำตาลและจุลินทรีย์สายพันธุ์เขาใหญ่  1  ส่วน  ใส่ลงในขวดเขย่าไว้  24  ชั่วโมง  แล้วเอาไปผสมน้ำให้ได้  300  ซม.  ผสมน้ำ  20  ลิตร  เอาไปหยดลงในนาเวลาเปิดน้ำใส่แปลงนา ก็เอาถังไปวางติดก๊อก  น้ำไหลช้าๆ  ก็หยดแบะๆ  ถ้าน้ำไหลแรงขึ้นก็หยดเร็วขึ้นตามลำดับ  หอยปกติฝังตัวอยู่ในดินพอหอยได้น้ำมาใหม่ๆ  มันก็อ้าปากกระเดือกเข้าไปในท้องมันก็ไปทำลายรังไข่  แทนที่จะไข่ยาวก็จะสั้นลง พอปีนขึ้นมาไข่ตามกิ่งไม้  ยอดข้าว  สังเกตได้เลยดูที่ไข่กลุ่มไข่สั้นลง  ก็จะกลายเป็นอาหารนกอาหารปลาไปเลย  ประชากรหอยเชอรี่ก็จะลดลงๆ  เป็นการกู้ชาติ  เอาธรรมชาติชนะให้ได้

ข้าวเกษตรอินทรีย์ใบแข็งคมทนแมลงกัด
        การที่เราไม่เอาเคมีใส่ลงไป  ต้นข้าวมาจากธรรมชาติ  ต้นไม้ในป่าธรรมชาติไม่ค่อยพบเพลี้ยกิน  หนอนกิน  ต้นข้าวใบใหญ่  เอาปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพไปใส่  ใบข้าวจะคม เอามือไปถูก จะบาดเอาจนเลือดออก  ถ้าเราเอาปุ๋ยเคมีไปใส่  เอายาเคมีไปฉีด ลองสูดดมใบข้าวจะนิ่ม  เหมือนขนหน้าแข้งบอบบาง  แมลงจะมีฟันเป็นไฟเบอร์  พอเราเอาเคมีไปใส่  แมลงกินหมด เหมือนเป็นขนมนุ่มๆ  แต่ถ้าเป็นธรรมชาติจะสร้างเกาะป้องกันตัวเอง  มีภูมิคุ้มกันเอง  ถ้าใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพไม่มีใครพาไปเที่ยวไม่มีใครจัดโต๊ะเลี้ยง  หากใช้ปุ๋ยเคมีคนขายจะทำส่งเสริมการขาย  จับฉลาก  พาไปเที่ยวกรุงเทพ  ภูเก็ต  เชียงใหม่  เชียงราย

ยุคเครื่องจักรกลเกษตร
            ตอนนั้นจะเรียนทีก็ลำบาก  ค่านิยมชาวบ้านว่าที่ดินมีเยอะ พลิกแผ่นดินกินดีกว่าไปเรียน  คนโบราณให้เราทำนากิน  เริ่มซื้อที่นาเป็น  100  ไร่  เริ่มมีรถไถนาเป็นยุคใหม่แห่งเครื่องจักรกลการเกษตรมาทดแทนควายไถนา  มีรถไถก็ซื้อรถไถมารับจ้างไถนา ตามคำขวัญพลิกแผ่นดินกิน  ก็เอารถไถพลิกแผ่นดิน  โดนฝรั่งหรอกเพราะไถลงไปลึกพระแม่ธรณีตายหมด  นาลึกก็เอาหน้าดิน  (ดินดี)  บนลงล่างแล้วเอาดินล่าง  (ดินไม่ดี)  ขึ้นมาข้างบน  เดี๋ยวนี้ยิ่งแย่  ยาฆ่าหญ้าฉีดพ่นแล้วก็ฝังลงในดิน  4-25  ปี  ก็เลยต้องใช้เคมีต่อ  เพราะเอาดินดีลงล่างไปฝังลึกๆ  แล้ว  ทำนาจึงไม่ได้ผล  ทำนาเป็นร้อยไร่ คือ  140  ไร่  แล้วก็ขาดทุน  มีรถไถเองอีกต่างหาก  ชาวนาก็เลยจนเหมือนเดิม


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ตุลาคม 2012, 12:43:38
วันนี้หักข้าวโพด ฮ้อนๆๆ อิดๆๆ ขนาด แต่เงินๆๆทั้งนั้น เห็นเขาว่ากิโล หกบาทปลาย ป๊าดโถะ........ แต่ข้าวโพดมันล้มหมดเจ้า มันโดนลม หญ้าหวันมันต๋วย กำนี้บ่ใส่ละเจ้า หลาบ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: attacha1 ที่ วันที่ 09 ตุลาคม 2012, 12:45:45
แต่วันนี้เกี่ยวหญ้าบ่าตันมีฝักเตื่อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 09 ตุลาคม 2012, 12:53:44
วันนี้หักข้าวโพด ฮ้อนๆๆ อิดๆๆ ขนาด แต่เงินๆๆทั้งนั้น เห็นเขาว่ากิโล หกบาทปลาย ป๊าดโถะ........ แต่ข้าวโพดมันล้มหมดเจ้า มันโดนลม หญ้าหวันมันต๋วย กำนี้บ่ใส่ละเจ้า หลาบ...

เอารูปเก็บเกี่ยวมาฝากกั๋นก็ดีเน้อครับ เผื่อมีคนสนใจ๋ปลูกข้าวโพดพ่องครับ  :)  :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 11:47:13
วันนี้หักข้าวโพด ฮ้อนๆๆ อิดๆๆ ขนาด แต่เงินๆๆทั้งนั้น เห็นเขาว่ากิโล หกบาทปลาย ป๊าดโถะ........ แต่ข้าวโพดมันล้มหมดเจ้า มันโดนลม หญ้าหวันมันต๋วย กำนี้บ่ใส่ละเจ้า หลาบ...

เอารูปเก็บเกี่ยวมาฝากกั๋นก็ดีเน้อครับ เผื่อมีคนสนใจ๋ปลูกข้าวโพดพ่องครับ  :)  :)
ฮ้อนขนาดเจ้า ตะวาป่อบ่ามีแฮงก้าวขา ตึงบ่ได้ถ่ายรูปเจ้าข้าวโพดบ่งาม จะหว่านถั่วเขียวอ่ะเจ้า ช่วยแนะนำหน่อย ให้มันเป็นปุ๋ยอ่ะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 12:34:30
555  จะไปสอนสังฆราชป่าวน๊า...  ช่วยให้ข้อมูลอีกแรงครับ


พืชที่ใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีที่สุดนั้น คือพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปอเทือง โสน ฯลฯ เพราะพืชตระกูลถั่วมีคุณสมบัติ พิเศษ คือที่รากมีปมเรียกว่าปมรากถั่ว ในปมเหล่านี้มีเชื้อจุลินทรีย์ จำพวก ไรโซเบียมอยู่เป็นจำนวนมาก ไรโซเบียมนี้สามารถดึงธาตุไนโตรเจนจาก อากาศมาใช้ เมื่อพืชเน่าเปื่อย ก็จะเพิ่มธาตุไนโตรเจน และอินทรีย์วัตถุ ให้แก่ดิน
 
ลักษณะของพืชที่ปลูกเป็นพืชปุ๋ยสด

1. ปลูกง่าย เติบโต และออกดอกใน ระยะเวลาอันสั้น
2. ให้น้ำหนักพืชสดสูง คือมากกว่า 2,000 กิโลกรัม
3. เป็นพืชทนแล้ง ทนต่อสภาพน้ำขัง 2-3 วันได้ และสามารถปลูกได้ทุกฤดู
4. มีความต้านทานโรคและแมลงได้ดี
5. ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้มาก ขยายพันธุ์ได้ รวดเร็ว
6. เก็บเกี่ยว ตัดสับ และไถกลบง่าย ไม่ควรเป็นเถาเลื้อยมากนัก เพราะไม่สะดวกใน การไถกลบ
7. ลำต้นอ่อน เมื่อไถกลบแล้วเน่าเปื่อยผุพังเร็ว
8. กำจัดง่าย หรือม่มีลักษณะกระจายพันธุ์เป็นวัชพืช 
 
พืชปุ๋ยสดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. พืชตระกูลถั่ว เหมาะที่จะปลูกเป็นพืช ปุ๋ยสดมากที่สุด เพราะสลายตัวเร็ว เพิ่มอาหาร พืช ให้แก่ดินได้ดี รากเก็บอาหารพืชได้มาก ปลูกง่าย โตเร็ว มีราก ใบ ลำต้นมาก พืชตระกูล ถั่วยังสามารถแบ่งตามความเหมาะสมในการ ปลูกได้ ดังนี้
 1.1 ถั่วที่ไถกลบแล้ว เปลี่ยนเป็นปุ๋ยได้รวดเร็วขึ้นได้ในสภาพ พื้นที่ต่าง ๆ กัน เช่น ปอเทือง โสนอินดีย โสนไต้หวัน โสนคางคก ฯลฯ
 1.2 ถั่วที่ปลูกคลุมดินในสวนผลไม้ เพื่อปราบวัชพืช ต้นและใบ ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยบำรุงดิน เช่น ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า ไมยราบไร้หนามไร้หนาม คาโลโปโกเนียม ถั่วอัญชัน ถั่วกระด้าง ถั่วพร้า ฯลฯ
 1.3 ถั่วที่ให้เมล็ดและฝักเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ หลังจาก เก็บเกี่ยวแล้วไถกลบลำต้นลงไปในดิน ไม่นิยมปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดโดยตรง แต่ถ้าจะใช้เป็นปุ๋ยพืชสด ก็จะให้น้ำหนักสดต่อไร่ต่ำ เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วพรู ถั่วแขก ฯลฯ
 1.4 พืชตระกูลถั่วทรงพุ่มหรือยืนต้น นอกจากจะเป็นปุ๋ยพืชสดแล้ว ยังสามารถใช้ประโบชน์อย่างอื่นอีกด้วย เช่น กระถินยักษ์ คราม ถั่วมะแฮะ ขี้เหล็กผี ฯลฯ
2. พืชอื่นนอกเหนือจากพืชตระกูลถั่ว เช่น พืชตระกูลหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่ จะให้อินทรียวัตถุแต่มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่ำกว่าพืชตระกูลถั่ว ดังนั้นจึงควร หว่านปุ๋ยที่มีไนโตรเจน เป็นองค์ประกอบในขณะที่ทำการไถกลบโดยใช้อัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่
 
3. พืชน้ำ เช่น ผักตบชวา จอก แหนมแดง เป็นต้น มีการใช้แหนแดง เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าว ซึ่งสามารถให้ไนโตรเจน 5-6 กิโลกรัมต่อไร่ และเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินในอัตราสูงด้วย
 
การปลูกพืชปุ๋ยสด

การปลูกพืชปุ๋ยสด ควรพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ
  1. ลักษณะของดิน พืชตระกูลถั่วชนิดต่าง ๆ ขึ้นได้ดีใน สภาพดินต่างกัน ฉะนั้นก่อนปลูกต้องปรับปรุงสภาพของดินให้เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นดินเปรี้ยว ควรใส่ปูน ดินทรายควรใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก.ต่อไร่ หว่านเป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก 
  2. เวลาและฤดูกาลที่ปลูก เวลาที่เหมาะที่สุด คือ ต้นฤดูฝน หรือ หลังเก็บเกี่ยวพืช ดินยังมีความชื้นอยู่ หรือปลูกก่อนการปลูกพืชหรือปักดำ ประมาณ 3 เดือน ช่วงปลายฤดูฝนก็ปลูกได้ถ้าดินยังมีความชื้นอยู่บ้าง
  3. วิธีการปลูก มี 3 วิธีคือ ปลูกแบบโรยเมล็ดเป็นแถว หยอดเป็น หลุม และหว่านเมล็ดลงทั่วแปลง ส่วนใหญ่นิยมวิธีหว่านเมล็ด ซึ่งสะดวกและ ประหยัดแรงงาน ควรไถดะก่อนการหว่านเมล็ด แล้วคราดกลบเมล็ด ถ้าเมล็ด พืชมีขนาดใหญ่ ต้องคราดกลบให้ลึกพอควรจะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น

อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด น้ำหนัก (กิโลกรัม) ต่อ 1  ไร่

ปอเทือง โสนอินเดีย โสนคางคก ถั่วพร้า ถั่วเขียว  5 กก
ถั่วเหลือง ถั่วพุ่ม ถั่วข้าว ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า         8 กก
ไมยราบไร้หนาม คาโลโปเนียม                        2 กก
โสนไต้หวัน                                                4 กก
ถั่วขอ                                                      10 กก
อัญชัน                                                       3 กก

1. ปลูกในพื้นที่แปลงใหญ่ แล้วตัดสับและไถกลบ ก่อนปลูกพืชหลัก 
2. ปลูกแซมระหว่างร่องพืชหลัก โดยปลูกพืชปุ๋ยสดหลังจากพืชหลัก โตเต็มที่แล้ว เพื่อป้องกันการแย่งธาตุอาหารในดิน เมื่อพืชปุ๋ยสดเริ่มออกดอก จนถึงดอกบานก็ทำการตัดสับและไถกลบลงไปในร่อง
3. ปลูกพืชปุ๋ยสดในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า หรือตามหัวไร่ปลายนา แล้วตัดสับเอาส่วนของพืชปุ๋ยสดนั้นมาใส่ในแปลงพืชหลักไถกลบ
 
 
การตัดสับและไถกลบปุ๋ยพืชสด
         การตัดสับและไถกลบต้องพิจารณาอายุของพืชเป็นสำคัญ พืชปุ๋ยสด จะมีปริมาณธาตุไนโตรเจน และน้าหนักพืชสดสูงสุด เมื่อเริ่มออกดอกจนถึง ดอกบานเต็มที่ จึงควรทำการตัดสับและไถกลบในช่วงนี้ ทั้งยังเป็นช่วงที่พืช สลายตัวได้เร็ว ถ้าอายุของพืชเกินช่วงนี้ไป ปริมาณธาตุไนโตรเจนจะลดลง พืชปุ๋ยสดส่วนมากสามารถทำการตัดสับ และไถกลบได้เมื่อมีอายุ ระหว่าง 50-90 วัน
          พืชปุ๋ยสดชนิดที่ลำต้นเตี้ย ให้ทำการไถยกลบด้วยแรงงานสัตว์ แต่ถ้าพืชมีลำต้นสูง หรือเป็นเถาเลื้ย ควรตัดให้ติดผิวดิน และขาดเป็นท่อน ๆ แล้วจึงเลื้อย ควรตัดให้ติดผิวดิน และขาดเป็นท่อน ๆ แล้วจึงไถกลบ พืชจะเริ่มเน่าเปื่อย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ ก็จะกลายเป็นปุ๋ย ทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและอายุของพืช สภาพอากาศและความชื้นในดินด้วย

ประโยชน์ของปุ๋ยพืชสด
1. เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุและธาตุไนโตรเจนให้แก่ดิน
2. บำรุงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
3. รักษาความชุ่มชื้นให้ดิน และช่วยให้ดินอุ้มน้าดีขึ้น 
4. ลดการสูญเสียหน้าดินอันเกิดจากการชะล้าง
5. ทำให้ดินร่วนซุย สะดวกในการเตรียมดินและไถพรวน
6. ปราบวัชพืชบางชนิดได้
7. กรดที่เกิดจากการเน่าเปื่อยผุพังช่วยละลายธาตุอาหาร ในดินให้แก่พืชได้มากยิ่งขึ้น 
8. ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงลงได้บ้าง
9. เพิ่มผลผลิตของพืชให้สูงขึ้น
 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: TG475 ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 13:30:33
ขอบังอาจแนะนำหนังสืออีกสักเรื่องครับ  สำหรับมือใหม่หัดขับทั้งหลาย  :D หากซ้ำก็ ขออภัยตวยเน้อ..บางท่านเขาบอกว่าเป็นสุดยอดคัมภีย์ปลูกข้าวเลยทีเดียวเน้อ  มือใหม่ทั้งหลายควรมีไว้ติดบ้านน่ะครับ .. "ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ​ข้าว" โดย ดร.ประสูติ สิทธิสรวง กรมวิชาการเกษตร ปี 2524
แปล/อ้างอิงจากหนังสือ "A Farmer's Primer On Growing Rice" by Dr. Benito S. Vergara (IRRI)
Read more at http://www.4shared.com/office/ZEJsE0a7/_online.html#PElO15XlSfWd8IlR.99
http://www.4shared.com/office/ZEJsE0a7/_online.html


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2012, 14:48:49
ขอบคุณมากเลยครับ  ทำให้รู้เรื่องข้าวมากขึ้นถึงหนังสือเก่าไปนิดแต่นำมาปรับใช้ในปัจจุบันก็มีประโยชน์มากครับ  :D  :D




หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: nopa11 ที่ วันที่ 12 ตุลาคม 2012, 13:38:35
ดรีมคิดว่าดรีมอายุยังน้อย แม่มีที่นา 12 ไร่ ซึ่งซื้อไว้ให้ดรีม แต่ดรีมไม่เคยไปช่วยแม่ทำเลย พอแม่ศึกษาธรรมของ พระวชิรเมธี มีโรงเรียนชาวนา แม่ก็บอกว่า ไม่มีอาชีพไหนจะมั่นคงได้ เพราะแม่ก็ไม่ให้ลูกไปทำงานเป็นลูกน้องใครแน่ๆ ดรีมเลยคิดว่า อาชีพของดรีมที่อยากทำมากที่สุดคือ อาชีพ ชาวนา โดยมีแม่ให้ความรู้ กดดัน ต่างๆๆนาๆ ถึงเวลาแล้วเจ้า คนรุ่นใหม่ต้องหันมาทำนาได้แล้ว ดรีมเริ่มดูจากพี่อุ้ม แล้วจะเข้าไปศึกษาที่โรงเรียนชาวนา ต.ท่าสาย ดรีมขอพื้นที่เล็กๆ เอาคลิปของพี่อุ้ม มาแชร์ เน้อเจ้า เผื่อมีใครได้ดูจะได้อยากทำนาเหมือนดรีมบ้าง ขอบคุณเจ้า

ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ มีข้าวเป็นพืชส่งออกเป็นอันดับ1 ของโลก(เริ่มรองลงมาแล้ว) เรามาช่วยกันทำนาให้ได้ผลผลิตเยอะ ๆ และได้ข้าวให้มีคุณภาพ ตรงตามสายพันธุ์ไม่ปลอมปนจะขายได้ราคาสูง ๆ "เริ่มต้นให้ถูกปลูกด้วยพันธุ์ดีทำถูกวิธีจะได้ผลผลิตดีในอนาคต" มีปัญหาปรึกษาได้ที่ 081-6024656 มีเมล็ดพันธุ์ข้าวจำหน่ายทุกพันธุ์ท้้งนาปีและนาปรัง ขอให้ประสพกับความสำเร็จเป็นชาวนาของชาติต่อไป.


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: yonok ที่ วันที่ 12 ตุลาคม 2012, 23:38:52
สวัสดีครับ
ขอร่วมวงตวยคนครับ "ฉันจะเป็นชาวนา"
ผมอยู่แม่จัน เพิ่งเป็นจาวนามาได้ สองปี๋ครับ
ปี๋แรกน้ำท่วม มาปี๋นี้ยังแควนครับ
ตั้งใจ๋จะทำข้าวอินทรีย์ แต่ตอนนี้ทำแบบผสมผสานก่อน(ข้าวปลอดภัย)
ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะจาวนารุ่นใหม่
และความรู้ที่มาจากของจริงทั้งนั้น ขอบคุณอีกครั้งครับ



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ~Oo เบียร์ _ ซ่าส์ oO~ ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 16:12:19
ผมนี่แหละชาวนาในอนาคต มาให้กำลังใจทุกคนนะคับ



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 20:59:07
ผมนี่แหละชาวนาในอนาคต มาให้กำลังใจทุกคนนะคับ

น่ารักดีครับ  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ~Oo เบียร์ _ ซ่าส์ oO~ ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:01:21
ผมนี่แหละชาวนาในอนาคต มาให้กำลังใจทุกคนนะคับ

น่ารักดีครับ  :D  :D


ขอบคุณเจ้า. บะฮู้ว่าใหญ่มาจะยอมไปต่งตวยป่อก่อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: April Lady ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:04:28
* เป็นกำลังใจให้ค่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:09:53
ไม่ได้แวะนา 2 วัน เย็นวันนี้แวะไปดูนา ปรากฎว่าข้าวเริ่มออกรวงแล้วครับ  กข.15  ภาพอาจไม่ชัดเท่าไหร่นะครับเพราะไปตอนเย็นเริ่มมืดแล้ว  ปีนี้ข้าวงามกว่าปีก่อนต้องรอเก็บเกี่ยวเดือนหน้าดูอีกทีว่าจะได้ผลผลิตมากกว่าปีที่ก่อนหรือป่าว  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:19:18
ในนาพบด้วงเต่าอยู่เยอะ ทำให้เห็นถึงระบบนิเวศ ความเป็นธรรมชาติ ถ้าใช้สารเคมีทั้งยาฆ่าแมลง หรือ ยารักษาโรคเชื้อรา อาจค่อยไม่พบสัตว์พวกนี้อยู่  ชาวนาแถวบ้านบางคนเข้าใจว่าด้วงเต่าเป็นศัตรูข้าว จะกัดกินใบข้าวก็เลยเอายามาพ่นก็มี ด้วงเต่ามีหลายชนิดซึ่งมีขนาดและมีสีสรรแตกต่างกันออกไป เช่น ด้วง เต่าลายจุด ด้วงเต่าลายขวาง ด้วงเต่าลายหยัก ด้วงเต่าแดง ทั้งตัวอ่อนตัวเต็มวัยจะกินเพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยกระโดด เพลี้ยหอย แมลงหวี่ขาวและไรเป็นอาหารด้วงเต่ามักจะอยู่ทางส่วนบนของกอข้าว ตัวเต็มวัยและตัวอ่อนของด้วงเต่ากินเพลี้ยกระโดด หนอนตัวเล็กๆ หรือไข่แมลงที่ไม่มีสิ่งห่อหุ้มเป็นอาหาร  มีประโยชน์เยอะจริง ๆ  เหมือนเรามีคนดูแลข้าวให้เราไม่ให้แมลงมาทำลาย สบายจริง ๆ เลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:35:40
วันนี้ปั่นจักรยานเกือบทั้งวัน 60 กม.พอดี เส้นทางเวียงชัย - เวียงเชียงรุ้ง ปั่นผ่านทุ่งนาหลายแห่งเลยเก็บภาพมาฝากครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 13 ตุลาคม 2012, 21:38:00
อีกหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 13:30:25
บ่ได้เข้ามาหลายวันมั่วหักข้าวโพดแล้วก็ไปเซาะซื้อไม้ ไปตัดไม้บงมาแปงโรงเห็ดเจ้า กว่าจะได้แต่ละเล่มดึงออกกันอิดหมด เจ้า 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 13:34:18
วันนี้ปั่นจักรยานเกือบทั้งวัน 60 กม.พอดี เส้นทางเวียงชัย - เวียงเชียงรุ้ง ปั่นผ่านทุ่งนาหลายแห่งเลยเก็บภาพมาฝากครับ
ว่างๆ ปั่นมาแอ่วตางบ้านไม้ยา ห้วยก้าง ผ่องเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 14:52:11
วันนี้ปั่นจักรยานเกือบทั้งวัน 60 กม.พอดี เส้นทางเวียงชัย - เวียงเชียงรุ้ง ปั่นผ่านทุ่งนาหลายแห่งเลยเก็บภาพมาฝากครับ
ว่างๆ ปั่นมาแอ่วตางบ้านไม้ยา ห้วยก้าง ผ่องเน้อเจ้า

กลัวท่าจะบ่าไหวก้าหา .. ไปวัดครูบาพรชัย เอารถนิสสันมาร์ชไป ข้ามดอย ยังได้ใช้เกียร์1 ขึ้น  เอารถถีบไปสงสัยได้ จูงรถขึ้นลงดอยหลายกิโลเหียก้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ืkn007 ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:01:06
บ่ได้เข้ามาหลายวันมั่วหักข้าวโพดแล้วก็ไปเซาะซื้อไม้ ไปตัดไม้บงมาแปงโรงเห็ดเจ้า กว่าจะได้แต่ละเล่มดึงออกกันอิดหมด เจ้า 
น้องดรีมหมั่นแต้ว่า เอาเหียกู่อย่าง จะเป็นแม่เลี้ยงขายเห็ดแหมละก๊ะนี่ หาวิธีอยู่เหมือนกั๋นมีแนวดีดี มาแชร์กั๋นจิ่มเน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: partner ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:02:09
 ขอศึกษาหาความรู้ในห้องนี้ด้วย สนใจเรื่องเกษตรพอเพียงมานานแล้วครับ ตอนนี้ปลูกผักไฮโดรหลังห้องพอได้เก็บกินบ้าง ยังทำงานเก็บเงินอยู่ อยากมีที่ไว้ทำเกษตรครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:20:46
ยินดีเจ้าความรู้มีเยอะแยะเลยแต่ดรีมยังบ่มีประสบการณ์เจ้าอิอิก็ศึกษาอยู่หลายๆด้านเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:24:45
บ่ได้เข้ามาหลายวันมั่วหักข้าวโพดแล้วก็ไปเซาะซื้อไม้ ไปตัดไม้บงมาแปงโรงเห็ดเจ้า กว่าจะได้แต่ละเล่มดึงออกกันอิดหมด เจ้า 
น้องดรีมหมั่นแต้ว่า เอาเหียกู่อย่าง จะเป็นแม่เลี้ยงขายเห็ดแหมละก๊ะนี่ หาวิธีอยู่เหมือนกั๋นมีแนวดีดี มาแชร์กั๋นจิ่มเน้อ
อยู่บ้านว่างเจ้า เลยไขยะเห็ดจะแปงโรงเซาะไม้อยู่เจ้า เอากู่อย่างเจ้า ปกติดรีมนอนดึกพอได้ยะกานสองทุ่มหลับแล้ว5555บ่ไหวอิดขนาดเจ้าแต่พอหายเหนื่อยก็ชื่นใจกับผลงานเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:26:18
วันนี้ปั่นจักรยานเกือบทั้งวัน 60 กม.พอดี เส้นทางเวียงชัย - เวียงเชียงรุ้ง ปั่นผ่านทุ่งนาหลายแห่งเลยเก็บภาพมาฝากครับ
ว่างๆ ปั่นมาแอ่วตางบ้านไม้ยา ห้วยก้าง ผ่องเน้อเจ้า

กลัวท่าจะบ่าไหวก้าหา .. ไปวัดครูบาพรชัย เอารถนิสสันมาร์ชไป ข้ามดอย ยังได้ใช้เกียร์1 ขึ้น  เอารถถีบไปสงสัยได้ จูงรถขึ้นลงดอยหลายกิโลเหียก้า
วัดดรีมใกล้ๆวัดครูบาพรชัยแระเจ้า แต่นาอยู่ทางบ้านสักเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: partner ที่ วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:41:50
ฝากรูปที่ไปเที่ยวมาครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 19:20:49
วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: WAt31 ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 23:25:27
 :)   ทุกอย่างที่ท่านต้องการ  วิธีการดูแลรักษา 6 ขั้นตอน  ผมมีให้ท่านพร้อมหมด
สนใจติดต่อเข้ามาครับ  ผมก็ชาวนาคนหนึง  ตอนนี้าข้าวผมสุดยอด
อย่าพึ่งงงนะครับค่อย ๆ อ่านกัน

ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช          พืชมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซึ่งธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชจะมีอยู่ด้วยกัน 16 ธาตุ คือ คาร์บอน, ไฮโดรเจน, ออกซิเจน, ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม, เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน โดยธาตุคาร์บอน, ไฮโดรเจน และออกซเจน พืชได้จากน้ำและอากาศ ส่วนที่เหลืออีก 13 ธาตุ แบ่งออกเป็นธาตุหลัก 6 ธาตุ และธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ดังนี้

          ธาตุหลัก 6 ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช และพืชต้องการในปริมาณที่มากจากดินคือ ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม

          ธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ที่พืชใช้ในปริมาณที่น้อง แต่พืชจะขาดธาตุเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน คือ เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน

          ปกติแล้วธาตุอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในดินอยู่แล้ว แต่ในปริมาณที่น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเราจึงต้องมีการเสริมธาตุในดินทดแทน

         เมื่อเราทราบถึงความต้องการของพืชว่าต้องการธาตุต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตแล้ว เรามาดูถึงหน้าที่และความสำคัญของธาตุต่าง ๆ กันดีกว่า


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุไนโตรเจน

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

          ช่วยทำให้พืชตัวตัวได้เร็วในระยะแรกของการเจริญเติบโต ช่วยเสริมใบและลำต้นให้มีสีเขียวเข้ม และช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนให้แก่พืชที่ใช้เป็นพืชอาหาร เช่น ข้าวหรือหญ้าเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องควบคุมการออกดอกออกผลของพืช ช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยเฉพาะพืชที่ให้ผลและเมล็ด

          อาการของพืชที่ขาดธาตุไนโตรเจน

ใบจะเหลืองผิดปกติจากใบล่างไปสู่ยอด
ลำต้นจะผอม กิ่งก้านลีบเล็ก และมีใบน้อย
พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นสีเหลือง หรืออาจจะมีสีชมพูเจือปนด้วย
ใบพืชที่มีสีเหลือง ปลายใบและขอบใบจะค่อย ๆ แห้งและลุกลามเข้ามาเรื่อย ๆ จนใบร่วงจากลำต้นก่อนกำหนด
พืชจะไม่เติบโต หรือโตช้ามาก

--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุฟอสฟอรัส

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ช่วยให้ราดดึงดูดโปแตสเซียมเข้ามาใช้เป็นประโยช์ได้มากขึ้น
ช่วยแก้ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากพืชได้รับไนโตรเจนมากเกินไป
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากฝอยและรากแขนงในระยะแรกของการเจริญเติบโต
ช่วยเร่งให้พืชแก่เร็ว ช่วนในการออกดอก และสร้างเมล็ดของพืช
เพิ่มความต้านทานต่อโรคบางชนิด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
ทำให้ลำต้นของพืชจำพวกข้างแข็งขึ้นไม่ล้มง่าย 
          อาการของพืชที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส

พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นบิดเป็นเกลียว เนื้อไม้จะแข็ง แต่เปราะและหักง่าย
รากจะเจริญเติบธตและแพร่กระจายลงในดินช้างกว่าที่ควร ดอกและผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจหลุดร่วงไป หรืออาจมีขนาดเล็ก
พืชจำนวกลำต้นอวบน้ำหรือลำต้นอ่อน ๆ จะล้มง่าย
ใบแก่จะเปลี่ยนสีหรือพืชบางชนิดใบจะเป็นสีม่วง
อาการจะเกิดขึ้นกับใบล่าง ๆ ของต้นขึ้นไปหายอด
--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโปแตสเซียม

       หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากดูดน้ำได้ดีขึ้น
มีความจำเป็นต่อการสร้างเนื้อของผลไม้ให้มีคุณภาพดี
ทำให้พืชมีคามต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ
ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ
ช่วยป้องกันผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพืช เนื่องจากการได้รับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเมากเกินไป
ช่วยเพิ่มคุณภาพของพืชผักและผลไม้ โดยทำให้พืชมีสีสัน ขนาด ความหวาน และคงทนต่อสภาวะแวดล้อมได้
          อาการของพืชที่ขาดธาตุโปแตสเซียม

ขอบใบเหลือง และกลายเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มต้นจากปลายใบเข้าส่งกลางใบ ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลจะแห้งเหี่ยวไป จะเกิดจากใบล่างก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ลามขึ้นข้างบน พืชที่เห็นชัดคือข้าวโพด
ทำให้ผลผลิตตกต่ำ พืชจำนวกธัญพืชจะทำให้เมล็ดลีบ มีน้ำหนักเบา พืชหัวจะมีแป้งน้อยและน้ำมาก ข้าวโพดจะมีเมล็ดไม่เต็มฝัก ฝักจะเล็กมีรูปร่างผิดปกติ ใบยาสูบมีคุณภาพต่ำ ติดไฟยาก กลิ่นไม่ดี พืชจำพวกฝ้ายใบจะมีสำน้ำตาลปนแดง สมอฝ้ายที่เกิดขึ้นจะไม่อ้าเต็มที่เมื่อแก่

--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแคลเซียม

        เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในตัวพืช ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้เห้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป
          อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตาย และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้ว ๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุกำมะถัน

          กำมะถันมีความจำเป็นต่อการสร้างโปรตีนพืช เป็นองค์ประกอบของวิตามินบางตัวที่มีผลทางอ้อมต่อการสร้างสีเขียวของพืช ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหายใจและการปรุงอาหารพืช
          พืชที่ขาดกำมะถันจะมีเสียเขียวอ่อน หรือเหลืองคล้าย ๆ อาการขาดไนโตรเจน ใบขนาดเล็กลง ยอดของพืชจะชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นและกิ่งก้านลีบเล็ก อาการขาดธาตุกำมะถันจะมีอาการแตกต่างจากขาดธาตุไนโตรเจน คือจะปรากฏที่ยอดอ่อนก่อน ส่วนใบล่างยังคงปกติ ถ้าอาการรุนแรงใบล่างก็จะมีอาการด้วยเช่นกัน ซึ่งจะตรงข้ามกับอาการของการขาดไนโตรเจน จะแสดงอาการที่ใบล่างก่อน
          ดินที่มักพบเสมอว่าขาดธาตุกำมะถันคือ ดินทราย ซึ่งมีอินทรีย์วัตถุน้อย การเพิ่มกำมะถันในดิน นอกจากจะมีการใส่กำมะถันผงโดยตรงแล้ว การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาการขาดธาตุกำมะถันในดินได้เช่นกัน
          แต่ข้อควรระวังในการใส่กำมะถันก็คืน หากใส่มากเกินความจำเป็นจะทำให้ดินเป็นกรดได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแมกนีเซ๊ยม

          เป็นองค์ประกอบของส่วนที่เป็นสีเขีย ทั้งที่ใบและส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารและโปรตีนพืช
          อาการขาดแมกนีเซียมจะสั่งเกตได้จาบใบพืช ที่เหลืองซีดบริเวณเส้นกลางใบที่อยู่ใกล้กับผล ถ้าหากอาการขาดรุ่นแรงใบแก่จะมีอาการมากกว่าใบอ่อน
          การขาดธาตุแมกนีเซียม จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลงและต้นพืชทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่พืชขาดธาตุแมกนีเซียมนั้น เพราะปริมาณแมกนีเซียมที่อยู่ในดินถูกชะล้างลึกลงไปเกินกว่าที่รากพืชจะดึงดูดมาใช้ได้ และการที่มีปริมาณโปแตสเซียมสะสมในดินมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ
          การแก้ไข สามารถทำได้โดยการปรับปรุงสภาพดิน ความเป็นกรด ด่างของดินให้เหมาะสมต่อการดูดเข้าไปใช้ของพืช และมีการใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมที่พอเหมาะ ที่สำคัญก็คือ การฉีดพ่นทางใบด้วยธาตุอาหารเสริม ซึ่งมีธาตุแมกนีเซียมในรูปที่พืชสามารถนำปใช้ได้ทันที


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุเหล็ก

         ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีน และมีบทบาทสำคัญในการปรุงอาหารของพืช ช่วยกระตุ้นให้การหายใจและการปรุงอาหารของพืชเป็นไปอย่างสมบูรณ์
          อาการขาดธาตุเหล็กจะแสดงออกทั้งทางใบและทางผล อาการเริ่มแรกจะสังเกตพบว่าใบอ่อนบริเวณเส้นใบยังคงมีคามเขียว แต่พื้นใบจะเริ่มเหลืองซีด ส่วนใบแก่ยังคงมีอาการปกติ ระยะต่อมาจะเหลืองซีดทั้งใบ ขนาดใบจะเล็กลงกว่าปกติและจะร่วงไปก่อนใบแก่เต็มที่ กิ่งแห้งตาย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นกับผลผลิตคือผลผลิตจะลดลง ขนาดของผลเล็กและผิวไม่สวย ผิวเรียบและเกรียม การขาดธาตุเหล็กยังมีผลต่อการนเจริญของยอดอ่อนด้วย

          การแก้ไข ตามปกติช่งความเป็นกรด-ด่างของดินที่พืชสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ได้คือ ค่า pH ระหว่าง 5.5-5.6 แต่ถ้าค่า pH ต่ำกว่านี้ จะทำให้ปริมาณของธาตุเหล็กมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้ ธาตุเหล็กจะไปตรึงธาตุฟอสฟอรัสไว้จนพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ การแก้ไขด้วยการฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการขาดธาตุเหล็กได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุทองแดง

          หน้าที่ของธาตุทองแดง มีผลต่อพืชโดยอ้อม ในการสร้างส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช ช่วยเพิ่มโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ และป้องกันการถูกทำลายส่วนสีเขียว นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบของน้ำย่อยในพืช ซึ่งมีผลต่อการปรุงอาหารยังผลต่อการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผล
          ธารุทองแดงยังช่วยให้ต้นพืชสามารถดูดเอาธาตุเหล็กที่อยู่ในดินนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

          อาการของพืชที่ขาดธาตุทองแดง

          ใบพืชจะมีสีเขียวจัดผิดปกติ แล้วต่อมาจะค่อย ๆ เหลืองลง ๆ โดยแสดงอาการจะยอดลงมาถึงโคน อาการขาดธาตุทองแดงพบมากในเขตดินเปรี้ยว การใช้ปุ๋ยฟอสเฟตอาจช่วยได้ หรือฉีดพ่นด้วยธาตุอาหารเสริม (ที่มีทองแดงประกอบ) ทางใบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุสังกะสี

          สังกะสีมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนพืช กล่าวคือ พืชที่ขาดธาตุสังกะสีจะให้ปริมาณฮอร์โมน IAA ในตายอดลดลง ทำให้ตายอดและข้อปล้องไม่ขยาย ใบออกมาซ้อน ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำย่อยของพืชหลายชนิดในการสร้างอาหารและสังเคราะห์แสง จึงมีผลทางอ้อมในการสร้างส่วนสีเขียวของพืช
          การแก้ไขที่และและให้ผลแน่นอนคือการฉีดพ่นทางใบ ด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีธาตุสังกะสีเป็นองค์ประกอบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุแมงกานีส

         ธาตุนี้มีผลกระทบต่อใบ เนื่องจากมีบทบาทในการสั่งเคราะห์แสง เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อยในต้นพืช และยังควบคุมกิจกรรมของธาตุเหล็กและไนโตรเจนในต้นพืชอีกด้วย
          พืชที่ขาดธาตุแมงกานีสใบจะออกสีเหลือง ๆ ส่วนเส้นใบจะเขียวอยู่ปกติ โดยเฉพาะใบอ่อนอาจเกิดเป็นจุดขาว ๆ หรือจุดเหลืองที่ใบ ต้นโตช้า ใบไม่สมบูรณ์ พุ่มต้นโปร่ง
          พืชที่แสดงอาการขาดธาตุแมงกานีส ต้องฉีดพ่นเข้าทางใบด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีองค์ประกอบของธาตุแมงกานีส


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโบรอน

         มีบทบาทเกี่ยวข้องต่อการดูดดึงธาตุอาหารพืช ช่วยให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมและไนโตรเจนไปใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชใช้ธาตุโปแตสเซียมได้มากขึ้น มีบทบาทในการสังเกคราะห์แสง การย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มคุณภาพทั้งรสชาติ ขนาด และน้ำหนักของผล เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต เพราะโบรอนจะควบคุมการดูดและคายน้ำของพืชในขบวนการปรุงอาหารอีกทางหนึ่ง
          หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคืนยอดและใบ่อ่อน ส่วนที่ยอดและตายอดจะบิดงอ ใบอ่อนบางและโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนากร้าน และตกกระ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น กิ่งก้านจะแลดูเหี่ยว ผลเล็กและแข็งผิดปกติ มีเปลือกหน้า บางทีผลแตกเป็นแผลได้
          อาการขาดธาตุนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อต้นพืชกระทบแล้งหรือขาดน้ำมาก ๆ ควรทำการปรับปรุงดินอย่าให้เป็นกรด-ด่างมาก และควรฉีดพ่นอาหารเสริมทางใบที่มีองค์ประกอบของโบรอนด้วย


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโมลิบดินัม

         บทบาทและหน้าที่ของธาตุโมลิบดินัมในพืชนั้น ทำให้การทำงานของธาตุไนโตรเจนในพืชสมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นสำหรับขบวนการสร้างสารสีเขียวและน้ำย่อยภายในพืชบางชนิดด้วย
          พืชที่ขาดธาตุนี้ ที่ใบแจะเป็นจุดด่างเป็นด้วย ๆ ในขนะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ ถ้าขาดธาตุนี้รุนแรง ใบจะม้วยเข้าข้างใน ลักษณะที่ปลายและขอบใบจะแห้ง ดอกร่วง และผลเคระแกรนไม่เติบโตเต็มที่


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุคลอรีน

          คอลรีนมีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสง มีผลทำให้พืชแก่เร็วขึ้น พืชที่ขาดธาตุคลอรีนใบจะซีด เหี่ยว และใบสีเหลืองบรอนซ์ ถ้ามีคลอรีนมากจำทำให้ของใบแห้ง ใบจะเหลืองก่อนกำหนด

 



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: WAt31 ที่ วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 23:30:40
วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ
เตรียมพื้นที่เพาะปลูกนาปลังไว้เลยครับ ผมพร้อมดูแลเรื่องดินให้

วัฒน์  0871740371


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 10:57:52
 :D....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 12:31:57
:D....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...

ได้ยินเสียงนกเอี้ยงร้อง..  " ป้อเลี้ยง ๆ "  หรือยังครับ  ;D  ;D  ช่วงนี้ข้าวเริ่มออกรวงแล้ว ถ้าใครปลูกข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงคงเกี่ยวกันแล้ว ผมก็ปั่นจักรยานไปนาทุกเย็นเลยไปดูแลและก็ถ่ายรูปบ้าง ยังไงขอให้ได้ผลผลิตเยอะ ๆครับ





หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 13:21:39
:D....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...

ได้ยินเสียงนกเอี้ยงร้อง..  " ป้อเลี้ยง ๆ "  หรือยังครับ  ;D  ;D  ช่วงนี้ข้าวเริ่มออกรวงแล้ว ถ้าใครปลูกข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงคงเกี่ยวกันแล้ว ผมก็ปั่นจักรยานไปนาทุกเย็นเลยไปดูแลและก็ถ่ายรูปบ้าง ยังไงขอให้ได้ผลผลิตเยอะ ๆครับ






 :D....แถวๆบ้านข้าวกข.15ออกรวงตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ....ของผมที่เริ่มออกรวงเป็นกข.6ธัญญสิริน......2-3วันก่อนไปแถวแม่สาย..เห็นบางพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวกันแล้วครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 20:02:09
วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ

แปลงนาสาธิตที่ไร่เชิญตะวัน ปีนึงจะทำครั้งเดียว หรือว่าหลายครั้งครับเพราะเห็นน้ำไม่ค่อยมีน่าจะอาศัยน้ำฝน หรือใช้วิธีสูบจากอ่างเก็บน้ำข้างล่างขึ้นมาใช้ ถ้ามีโอกาสจะได้เข้าไปศึกษาดูครับ

(http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?action=dlattach;topic=301090.0;attach=952444;image)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 20:29:48
ถ่ายรูปที่นาวันนี้มาฝากครับ ข้าวออกรวงพร้อมกันหมดแล้ว ผมทำนา 22 ไร่เลือกทำนาแบบลดต้นทุน เพราะเห็นว่า หากเราต้นทุนต่ำ ขายที่ราคาไหนก็มีกำไร แม้จะไม่ได้ทำเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซนต์ อาศัยปุ๋ยเคมีบ้างเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีมากเหมือนชาวนาทั่วไปทำให้ลดต้นทุนไปได้มาก  ผลผลิตนาปีที่แล้วปลูก กข.15 ขายได้ตกไร่ละหมื่นกว่าบาท ก็ใกล้เคียงกับชาวนาทั่วไป อาจได้มากกว่าบางคนด้วยซ้ำ แต่ต้นทุนเราต่ำกว่าเค้าเราก็มีกำไรมากกว่า ตอนนี้ความรู้อินเตอร์เน็ตมีมาก ทั้งบทความ  เว็ปต่าง ๆ  แม้แต่ Youtube ก็มีสอนมากมาย เป็นประโยชน์ให้พี่น้องได้ศึกษา  ไม่เข้าใจตรงไหนก็โพตส์ถามในบอร์ด (การเกษตรในเชียงราย) เชื่อว่าในบอร์ดก็มีคนเก่งมากมาย หลายท่านจบเกษตรมาโดยตรงก็เชื่อว่าน่าจะให้คำแนะนำดี ๆ ได้ ผมก็ไม่ได้จบเกษตรมาแต่ก็ได้ความรู้ในเน็ตและดูคำแนะนำจากหลาย ๆท่านในบอร์ดนี้แหล่ะครับ  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:18:31
ถ่ายรูปนาข้างเคียงมาให้เป็นกรณีศึกษาครับ  รูปนี้นาที่ติดผมด้านทิศตะวันตกจะเห็นมีข้าววัชพืช ทั้งที่ข้าวเหนียวอุบลยังไม่ออกรวงเลย

พันธุ์ข้าวนาแปลงนี้  ข้าวเหนียวอุบล
วิธีการปลูก            นาดำโดยใช้คน

ทำไมต้นข้าวถึงขึ้นไม่สม่ำเสมอ
-  ข้าวที่เห็นไม่ใช่ ข้าวเหนียวอุบลที่ตั้งใจจะปลูก แต่จัดเป็นข้าววัชพืชประเภทหนึ่ง ข้าววัชพืชได้แก่  “ข้าวหาง ข้าวนก ข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าวลาย หรือ ข้าวแดง” มีลักษณะเหมือนต้นข้าวจนแยกไม่ออกในระยะต้นกล้า  ข้าวหาง และ ข้าวดีด เพราะเป็นข้าววัชพืชชนิดร่วงก่อนเกี่ยว เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และสูงข่มข้าวปลูกในระยะแตกกอ ข้าวหางและข้าวดีดจะออกดอกและเมล็ดจะสุกแก่ก่อนก่อนปลูกข้าวประมาณ 2 สัปดาห์ ชาวนาไม่สามารถเก็บเกี่ยวได ้เพราะเมล็ดร่วงเกือบหมด ทำให้ผลผลิตข้าวเสียหาย

ทำไมถึงมีถึงข้าววัชพืชในนาดำได้
- ภาพนี้ไม่ค่อยพบบ่อยตามปกตินาดำถึงว่าผลผลิตมีคุณภาพสูงที่สุดก็ว่าได้ เพราะว่ามีคัดแยกวัชพืชพวกหญ้าออกในการดำนาแต่ถ้าเป็นข้าวในระยะกล้าก็แยกสายพันธุ์ไม่ออกเช่นกัน การทำนาแบบนี้แทบจะไม่ต้องใช้ยาคลุมหญ้าเลยเพราะใช้น้ำคลุมตลอด ในนาแปลงนี้ถึงแม้จะได้พันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวหรือข้าวแพค  แต่มาหว่านเมล็ดพันธุ์ในนาซึ่งไม่มีการจัดการแปลงนาโดยวิธีที่เหมาะสม  คือการหว่านลงในนาทั้งที่ไม่มีการกำจัดเมล็ดข้าวที่ตกอยู่ในนาก่อนหว่าน ทั้งพันธุ์ข้าวก่อนหน้านี้ ข้าววัชพืช ข้าวป่า พอหว่านข้าวพันธุ์ลงไปมันก็จะขึ้นมาพร้อมกัน ยากต่อการคัดแยก   ดังนั้นวิธีการทำนาดำควรเลือกพื้นที่ในการเพาะกล้าที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะปนกัน ชาวนาบางคนทุ้งกล้าที่ดินแห้งเลยก็มีไม่หว่านกล้าในนาเลย หากใช้รถปลูกมีการเพาะในกระบะก็ไม่ค่อยพบปัญหานี้นอกเสียจากได้เมล็ดพันธุ์ที่ปะปนกันมาก่อนแล้ว หรือบางคนก็ใช้วิธีเพราะกล้าในถาดนาโยนเพื่อมาโยน หรือปลูกมือก็มีช่วยลดปัญหาได้ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Auttapon ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:25:13
มาขอรับความรู้ครับ (ผมมีความรู้เรื่องธาตุอาหารพืช จากห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่เคยทำนาแบบจริงจัง ด้วยตัวเองเลยคับ) ดีใจมากครับ ที่มีคนหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ (ผมนึกว่า ผมเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:46:36
อีกรูปครับ  อันนี้แปลงนาติดกันทางทิศเหนือวิธีการปลูกข้าวโดยการหว่านเหมือนกับผม ทำไมถึงมีข้าววัชพืชและหญ้าในนา ก็มีหลายสาเหตุเหมือนกันข้าววัชพืชเกิดขึ้นง่ายอยู่แล้วหากไม่รู้วิธีกำจัดหรือป้องกัน ส่วนหญ้าทั้งที่มีการพ่นยาคลุมหญ้าแล้วก็ยังมีเกิดขึ้นหากควบคุมไม่ดี

ปัจจัยที่ทำให้เกิดหญ้าวัชพืชในนาหว่าน

-  ชนิด  คุณภาพ ยาคลุมหญ้า การผสม ตลอดจนการพ่น
-  ระยะเวลาที่พ่นยาคลุมหญ้าหากช้าเกินไปหญ้าไม่ตาย หรือมีฝนตกหลังพ่นทำให้ยาเจือจางไม่เกาะใบหญ้า
-  การปรับที่นาไม่เรียบ เป็นสันดอนน้ำคลุมไม่ถึงหญ้าจึงขึ้น
-  การหว่านห่างมากเกินไปทำให้มีแสงเล็ดลอดมากพอน้ำแห้งเป็นปัจจัยให้หญ้าเกิดขึ้นได้ หว่านถี่ข้าวเป็นโรคเชื้อราง่าย อาจพบแมลงศัตรู เพลี้ย หนอน และข้าวล้มหากจัดการไม่ดี
-  ปล่อยให้เมล็ดหญ้าร่วงในนา  หญ้าบางสายพันธุ์ทนต่อสภาพพื้นที่ ปราบยาก
-  การไถไม่มีการล่อให้หญ้าขึ้นก่อน ควรไถและเอาน้ำเข้าและปล่อยให้แห้งรอให้หญ้าขึ้นจากน้ำค่อยไถซ้ำจะช่วยลดปริมาณหญ้าวัชพืชได้ระดับหนึ่ง
-  การปล่อยให้น้ำแห้งในระยะเดือนแรกเพราะข้าวยังไม่โตพอที่จะบังแสงในแปลงนาได้ พอดินแห้งมีแสงแดดก็เป็นปัจจัยให้หญ้าขึ้นได้  หากแสงน้อยหญ้าเจริญเติบโตช้า ช่วงที่ข้าวโตพอหรือเริ่มแตกกอแล้วก็ลดระดับน้ำลงได้บ้างไม่จำเป็นต้องน้ำแช่ตลอดก็ได้

อาจมีสาเหตุอีกมากครับตอนนี้ผมนึกออกแค่นี้ครับ  ;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:55:35
มาขอรับความรู้ครับ (ผมมีความรู้เรื่องธาตุอาหารพืช จากห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่เคยทำนาแบบจริงจัง ด้วยตัวเองเลยคับ) ดีใจมากครับ ที่มีคนหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ (ผมนึกว่า ผมเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ)

ไว้วันหลังผมก็ขอรับความรู้บ้างนะครับ เรื่องธาตุอาหาร หรือมีอะไรดี ๆ ก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: 60RADIO ที่ วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 22:01:40
อยากไปดูจัง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:23:44
เจ้าของกระทู้หาย อัพให้หน่อย  เข้าดูนาของชาวเวียดนามแล้วทำให้อยากกลับไปเล่นกล้องถ่ายรูปอีกครั้งหลังจากขายกล้อง DSLR เลนส์ L ไปเมื่อ 3 ปีก่อนเพราะไม่มีเวลาเป็นช่วงที่เริ่มทำนายังยุ่งกับนา แปลงกล้องเป็นทุน มาใช้กล้อง cannon ราคาพันกว่าบาท  ตอนนี้ทำนาสบายแล้วไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เห็นภาพทุ่งนาที่เวียดนาม ทำให้นึกถึงหมู่บ้านชิระงะวะโง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมญี่ปุ่นถูกจัดเป็นเมืองมรดกโลกด้วย  ทำไมผมเห็นภาพทุ่งนาที่เวียดนามถึงประทับใจ  ต้องตามไปชมภาพเองนะครับ

หมู่บ้านนี้เรียกว่า  "บ้านแม่" ช่างเป็นชื่อหมู่บ้านที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะเป็นหมู่บ้านของชาวไท หรือ ชาวไต ชนเผ่าน้อยในเวียดนามที่มีต้นตระกูลเดียวกับเรา เราสามารถใช้ภาษาไทยพูดคุยกับเค้าได้รู้เรื่อง ที่นี่เป็นหมู่บ้านเกษตรดั้งเดิมที่ยังคงเอกลักษณ์ อาจจะเรียกว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ก็ว่าได้ อาจไม่พบเห็นรถไถนา รถเกี่ยวข้าวที่นี่ และเป็นจุดขาย มีที่พักที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม ณ หมู่บ้านแห่งนี้ครับถือเป็นรายได้เสริมหรือว่าหลักเลยก็ว่าได้ บ้านเราหากมีแบบนี้ก็คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งอาจจะดังกว่าปายเลยก็ว่าได้ครับ





หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:30:49
อยากเห็นกับตาเดี๋ยวปีหน้าต้องหาโอกาสไปให้ได้ครับ 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:40:15
หมู่บ้านทางประวัติศาสตร์แห่งชิระงะวะโง เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขาและตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นระยะเวลานาน ทำให้หมู่บ้านยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นและยังคงรักษาบ้านแบบโบราณที่เป็นแบบฉบับของที่นี่ได้เป็นอย่างดี บ้านที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นรูปทรงที่เรียกว่า บ้านพนมมือ เนื่องจากหลังคาที่ชันและประกบกันคล้ายนพนมมือ ที่มีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น หลังคามุงด้วยกกและมีความชันเพื่อรับมือกับหิมะที่ตกหนักในเขตนี้ บ้านแต่ละหลังมีสามถึงสี่ชัน และชั้นบนสุดมักจะมีการเลี้ยงไหมด้วย



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 21:23:06
เคยคิดไหมครับว่าทำไมญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจริญมาก แม้ว่าการปลูกข้าวจะมีเครื่องจักรที่ทันสมัยแต่ทำไมไม่ได้เน้นเคมีมากมายเหมือนบ้านเราเค้าใส่ใจมากเกี่ยวกับผลผลิตว่าจะต้องไม่มีสารพิษตกค้าง เด็ก ๆ สามารถอยู่ร่วมกับท้องนาได้ต่างจากบ้านเราช่วงหว่านข้าวใหม่ ๆ ไม่มีใครให้เด็กไปนาเลยเพราะเต็มไปด้วยสารเคมีทั้งยาคลุมหญ้า ยาฆ่าหอยเชอรี่ชนิดน้ำ ( ยาฆ่าแมลง ) มาดูแนวคิดของชาวญี่ปุ่นกันครับ ไม่ได้มาโฆษณาหรือขายสินค้าอะไรนะครับแค่เอามาให้ได้ศึกษากัน บางประเทศก็ไม่ได้คิดแบบนี้เพราะพื้นที่และปัจจัยต่างกัน แต่สิ่งไหนที่ดีสามารถนำมาใช้ได้เราก็ควรนำมาเป็นแบบอย่างครับ

"ข้าว" เป็นวิถีชีวิต เป็นเศรษฐกิจ เป็นอาหารหลัก  
คนญี่ปุ่นมีอายุที่ยืนยาว ก็มาจากเเปลงนา มีอาหารปลอดสาร
ส่งออกอาหารญี่ปุ่น เป็นวัฒนธรรม ที่ขายได้ มีคุณค่า

เช่นเดียวกันการทำนา ก็ต้องมี
 "การจัดระเบียบการปลูกข้าว"
1.ให้ "ต้นข้าว" สามารถใช้ปัจจัยการผลิตจากธรรมชาติ (แสงเเดด ดิน น้ำ อากาศ สารอาหาร ) มาช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 
2.การจัดการ พัฒนาคน พัฒนาเด็กให้รู้จักระเบียบวินัย กันตั้งแต่เเปลงนา  คนมีคุณภาพ มีการศึกษา เป็น "ทุน" ที่ได้เปรียบของญี่ปุ่น
3.ตามมาด้วยการพัฒนาเครื่องจักร เพื่อรองรับ อายุที่มากขึ้นของคน ประชากรโลก "ของเกษตรกร ญี่ปุ่น(สังคมญี่ปุ่นเข้าสู่ยุค คนชรามานานแล้ว)"
 
4.ญี่ปุ่นสร้างรายได้จากการส่งออก เทคโนโลยี เครื่องจักร รถยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร  ให้ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น มีความสะดวกสะบายและปลอดภัย มากขึ้น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศอุตสาหกรรม และการเกษตรที่ก้าวหน้า ส่วนหนึ่งก็คือการพัฒนามาจาก ความมีระเบียบวินัย ของคนในชาติ ที่ฝึกฝนกันตั้งแต่เด็กรวมถึงการจัดระเบียบการปลูกข้าว...เค้าสอน เด็กๆ กันตั้งแต่ในเเปลงนา ครับ


"ดินดีหญ้าต้องขึ้น"  อยู่แล้วครับ
 เมื่อหญ้าขึ้น นอกแถวนอกกอข้าว ก็สามารถจัดการได้ง่าย
ไม่ต้องใช้ยา กำจัดวัชพืช ยาฆ่าหญ้า ที่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม = อาหารมีความปลอดภัยตั้งแต่เเปลงนา

อายุโดยเฉลี่ยเกษตรกร ญี่ปุ่น = 60-70 ปี ยังแข็งแรงนะครับ


สำหรับบ้านเรามีหลายตัวแปรหลาย ๆ ด้าน ในการทำนาแต่ละแบบทั้งราคาเครื่องจักร  ราคาปุ๋ย ราคาสารเคมี  ค่าแรง  วัสดุอุปกรณ์ในการเพาะปลูก  อีกทั้งการส่งเสริมความรู้กับชาวนาเกี่ยวกับข้าวตลอดจนการใช้สารเคมี ทั้งผลดีผลเสียในด้านต่าง ๆ และที่สำคัญส่งเสริมการทำนาแบบลดต้นทุน รู้จักทำบัญชีควบคุมค่าใช้จ่ายตัวเอง เพื่อให้ชาวนามีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงชีพและเหลือเก็บได้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2012, 14:58:01
ภาครัฐน่าจะปรับปรุงส่งเสริมแก้ไขให้ดีกว่านี้นะคับ :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2012, 21:05:08
มองญี่ปุ่น :บทเรียนรู้ สังคมเกษตร และสังคมชนบท ญี่ปุ่น ภาคแรก   เครดิต สุภชัย ปิติวุฒิ

"จัดระเบียบการปลูกข้าว จากเเปลงนา สู่การพัฒนาประเทศ "บทเรียนรู้จากญี่ปุ่น ที่ผู้ใหญ่ต้องศึกษา"ศาสตร์เรื่องของการปลูกข้าว ของญี่ปุ่น น่าทึ่งมาก ครับ ว่ากันด้วยพัฒนาอย่างเป็น ระบบ ระเบียบ และความปราณีต เอาใจใส่ทุกขั้นตอน ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

พัฒนาคน : มีคุณภาพ มีการศึกษา มีจิตวิญญาณของเกษตรกร ห่วงใยสิ่งแวดล้อม
พัฒนาพันธุ์ :ให้ได้ผลผลิตสูง ต้านทานโรคเเมลง รสชาตถูกปากผู้บริโภค
พัฒนาเครื่องจักร: รองรับแรงงานภาคเกษตรที่หายไป ซึ่งปัจจุบันเหลือประมาณ ร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด คนรุ่นหนุ่มสาวออกไปเป็น salary man และ กลับมาเป็นชาวนาวันหยุด

การเพาะกล้า-เป็นระบบสายพานลำเลียงผลิตแผ่นกล้า ใช้เมล็ดพันธุ์ จำนวน 8-10 กิโลกรัมต่อไร่ มีการอนุบาลก่อนลงเเปลง อายุตั้งแต่ 8-15 วัน แต่ไม่เกิน 25 วัน ความสูงไม่เกิน25 เซนติเมตร ต้นกล้าข้าวไม่ต้องลงไปโตแข่งกับหญ้าในแปลงนา
เตรียมดิน -ใช้แทรกเตอร์ติดโรตารี เตรียมดินให้เรียบเสมอ  ลึกในระดับที่เหมาะสม 12-18 cm.พร้อมสำหรับการปักดำ

ปักดำ - เป็นแถว ความกว้าง 30 ซม. เป็นแนว มีระเบียบ มีช่องว่างให้อากาศผ่าน แสงแดดส่องถึงพื้น(แถวตามแนวขี้น-ลงของพระอาทิตย์:ต้นข้าวไม่บังแสงแดดกันเอง) ต้นข้าวสุขภาพดี แข็งแรง การจัดการดูแลในเเปลงนาก็ง่ายขึ้น     





หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2012, 21:07:25
การดูแลหลังการปักดำ -ใช้เครื่องพรวนหญ้า (weeder) ในร่องนาดำ ลดการใช้ยาปราบวัชพืช และใช้เครื่องชักร่องน้ำ ระบายน้ำได้ น้ำไม่ท่วมขังเเปลงนา ช่วย ลดก๊าชมีเทน

เก็บเกี่ยว -ใช้ระบบนวด "เฉพาะคอรวง" ใช้พลังงานในการนวดนวดน้อยลง ได้ข้าวที่มีความชื้นต่ำ เนื่องจากไม่ต้องเอาต้นข้าวเข้าตู้นวด (ซึ่งบริเวณโคนต้นข้าวมีความชื้นสูง) ประหยัดพลังงานในการอบลดความชื้น หลังการเก็บเกี่ยว

การจัดเก็บ -ไซโล ขนาดเล็ก เก็บข้าวที่โรงนาเกษตรกร ไว้ทยอยสีขายทั้งปี สีเป็นข้าวกล้อง และข้าวขาว หรือบรรจุเป็นข้าวเปลือกใส่ถุง กระดาษรีไซเคิล


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2012, 21:09:26
การสีข้าว - มีเครื่องสีข้าวที่โรงนาของเกษตรกรเอง ทำให้ได้ทั้ง ข้าวกล้อง
ข้าวสาร รำ  และแกลบ เก็บไว้ใช้ประโยชน์ที่บ้าน
มีตู้สีข้าวหยอดเหรียญตามชุมชน เพื่อผู้บริโภคได้สารอาหารครบถ้วน กรณีซื้อข้าวกล้อง มาไว้ที่บ้าน แล้วต้องการบริโภคข้าวกล้องเเบบสีสดๆร้อน

หลังการเก็บเกี่ยว : เครื่อง กระจายฟาง รวมฟาง อัดฟาง ไว้ใช้ประโยชน์ทำปุ๋ย เลี้ยงสัตว์ต่อ   มีการหมัก และโรยใส่เเปลงนาบำรุงดินก่อนการเพาะปลูก
 
พัฒนาระบบชลประทาน : ควบคุมน้ำ ได้ก็ประหยัดน้ำ จัดการในเเปลงนาได้ดั่งใจ ที่ระดับ 5cm. น้ำสลับเเห้ง  ข้าวก็ไม่ต้องโตยืดตัว หนีน้ำ (มีผลต่อปัจจัยการผลิตอย่างอื่นต่อ ปุ๋ย ยา การร่วงหล่น ) หรือเเห้งตาย เพราะไม่มีน้ำ ลดต้นทุนเกษตรกรไม่ต้องสูบน้ำเข้านา

พัฒนาตลาดการเกษตร :ผ่านระบบสหกรณ์ หรือ JA ทำให้เกษตรกรได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรม และการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 18 ตุลาคม 2012, 21:12:06
ไม่ใช่ ทำ Marketing ข้าวบรรจุถุงขาย อย่างเดียวเหมือนบ้านเรา ที่ใครปลูกก็ไม่รู้ ปลูกดูแลกันอย่างไร ก็ไม่รู้อีก  คนกิน คนซื้อ รู้แค่ว่าข้าวยี่ห้ออะไร รู้ กันอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ตราห้าง... ตราร่ม... ตราหัวเรือ...  ตรา ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่  ...

"ชาวนาญี่ปุ่น ไม่ขายข้าวเปลือกทีเดียวหลังเก็บเกี่ยวครับ แต่จะเก็บและทยอยสีขายตลอดทั้งปี ทำ packing ติด brand เจ้าของนา brand เเหล่งผลิต ทำให้ปริมาณข้าวไม่ล้นตลาด (มี Buffer stock ที่โรงนาเกษตรกร) "และมีของเหลือ จำพวกเเกลบและรำ ไว้ใช้ประโยชน์ต่อ...

ไม่ต้องขายข้าวโรงสี แล้วตามไปซื้อ แกลบ รำ ของตัวเองที่โรงสีครับ นั่นมันของของเรานะครับ !!!



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: TG475 ที่ วันที่ 19 ตุลาคม 2012, 11:16:44
เยี่ยมเลยครับ...เทียบกับชาวนาบ้านเราคงห่างกัน 40-50 ปี ปุ้นละน้อ..  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 19 ตุลาคม 2012, 19:36:18
 :D...ข้าวญี่ปุ่นก่ะต่าวเหมือนกั๋นน่อ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 19 ตุลาคม 2012, 19:40:28
อยากเห็นกับตาเดี๋ยวปีหน้าต้องหาโอกาสไปให้ได้ครับ 

 :D....เห็นชาวนาเวียดนามแล้ว(ภาพล่างสุด)....อยากไปเวียดนามจริงๆครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 10:33:22
ดรีมซื้อนกกระทามาเลี้ยง 150 ตัว 2 กรง สั่งในห้องเกษตรนี่แระเจ้า ตอนนี้หมาขบกรง ตายไปเป็นสิบตัวละเจ้า เอ็นดูขนาด ตอนนี้เก็บไว้ในโรงรถเจ้า ตอนแรกดรีมเอาไว้ที่คอกควายเก่าเจ้า มีแค่เสากับหลังคา ดรีมก็ไปซื้อตาข่ายพลาสติกมาล้อม หมาลักเข้ามาขบกรง ขบนกกระทาดรีม อารมณ์เสียวันนี้เลยย้ายให้มาอยู่ในโรงรถก่อนเจ้า รอเอาไม้มารอบๆ คอกควายเก่า ค่อยย้ายออกมา เจ้า อิอิ จะได้กำไรก่อนิเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 10:38:22
มาขอรับความรู้ครับ (ผมมีความรู้เรื่องธาตุอาหารพืช จากห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่เคยทำนาแบบจริงจัง ด้วยตัวเองเลยคับ) ดีใจมากครับ ที่มีคนหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ (ผมนึกว่า ผมเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ)

ไว้วันหลังผมก็ขอรับความรู้บ้างนะครับ เรื่องธาตุอาหาร หรือมีอะไรดี ๆ ก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ  :D  :D
ว้าวๆๆ ไว้ช่วยแนะนำดรีมบ้างเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: pudongsan ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 10:49:40
 8)  8) 8)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 10:53:18
อยากเห็นกับตาเดี๋ยวปีหน้าต้องหาโอกาสไปให้ได้ครับ 

 :D....เห็นชาวนาเวียดนามแล้ว(ภาพล่างสุด)....อยากไปเวียดนามจริงๆครับ
ท่าน bm ไขได้สาวเวียดนามมาช่วยทำนาต๋วยก่าเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 19:12:10
http://k2499.blogspot.com/  ของอาจารย์ กมล  พรหมหมากเจ้า มีสูตรปุ๋ยต่างๆ แม่ดูเป็นประจำเจ้า มีการเผาศพแบบพอเพียง เรียบง่าย ต๋วยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: yonok ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 12:08:51
ธรรมชาติกับวิถีชีวิต เป็นของคู่กัน
ดูก็เย็นตา เดินเข้าหาก็สุขใจ
ขอบคุณที่มีชาวนารุ่นใหม่ ใส่ใจทุ่งนา
เห็นเขาไปทุ่งนาโดยไม่ใส่รองเท้า งง!!!!!


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 14:31:16
ไม่ใช่ ทำ Marketing ข้าวบรรจุถุงขาย อย่างเดียวเหมือนบ้านเรา ที่ใครปลูกก็ไม่รู้ ปลูกดูแลกันอย่างไร ก็ไม่รู้อีก  คนกิน คนซื้อ รู้แค่ว่าข้าวยี่ห้ออะไร รู้ กันอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ตราห้าง... ตราร่ม... ตราหัวเรือ...  ตรา ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่  ...

"ชาวนาญี่ปุ่น ไม่ขายข้าวเปลือกทีเดียวหลังเก็บเกี่ยวครับ แต่จะเก็บและทยอยสีขายตลอดทั้งปี ทำ packing ติด brand เจ้าของนา brand เเหล่งผลิต ทำให้ปริมาณข้าวไม่ล้นตลาด (มี Buffer stock ที่โรงนาเกษตรกร) "และมีของเหลือ จำพวกเเกลบและรำ ไว้ใช้ประโยชน์ต่อ...

ไม่ต้องขายข้าวโรงสี แล้วตามไปซื้อ แกลบ รำ ของตัวเองที่โรงสีครับ นั่นมันของของเรานะครับ !!!



 :D...ขายอยู่ครับ....แต่ยังไม่มีเครื่องสีข้าวกับแบรนด์ของตัวเอง...กำลังหาทุนมาซื้อเครื่องสีข้าวครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 21:35:21
ช่วงนี้ไปนาบ่อยใกล้ระยะเก็บเกี่ยวเลยถ่ายรูปห่วงโซ่อาหารมาให้ดูครับ แมงมุมสวยดี  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 21:47:42
ช่วงนี้ไปนาแทบทุกวันเป็นระยะใกล้เก็บเกี่ยว วันก่อนฝนตกลมแรงเล่นทำซะข้าวล้มไปบางส่วนเสียหายประมาณ 5 % ของพื้นที่ต้องระบายน้ำบ้าง  ตอนนี้ข้าวเริ่มสร้างน้ำนมแล้วครับลองแกะเมล็ดดู ปกติระยะข้าวออกรวงจะมีดังนี้ครับ

วันที่ 1-7     เป็นช่วงระยะผสมเกสร
วันที่ 8-10   ระยะข้าวเป็นน้ำนม
วันที่ 14-20  ระยะเป็นเมล็ดหรือข้าวเม่า
วันที่ 30      ระยะเก็บเกี่ยว

อีกประมาณ 20 วันก็เก็บเกี่ยวได้แล้วครับ อาจช้าได้อีกหน่อยหากข้าวออกรวงไม่พร้อมกัน ช่วงนี้ต้องตรวจดูนาบ่อย เผื่อข้าวเป็นโรคไหม้คอรวงข้าวซึ่งพบมากในนาหว่าน ถ่ายรูปนาข้าวปัจจุบันมาให้ดูครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 22:10:41
ช่วงนี้ไปนาทุกเย็น หากวันหยุดก็ไปตอนเช้าด้วย ไปตรวจดูข้าวว่ามีสิ่งไหนผิดปกติบ้าง ไหน ๆ ก็ปลูกมาหลายเดือนละครับ  นารอบข้างบางคนก็ข้าวล้มแช่น้ำบ้างควรอาจต้องปล่อยน้ำทิ้งเพื่อให้ข้าวชูคอรวงขึ้นได้บ้างจะได้ไม่เสียหายมากหากแช่น้ำทำใบทั้งรวงข้าวนาน ๆก็จะเสียหายมากยิ่ง ๆหลาย ๆ วันด้วย   ช่วงข้าวออกรวงอาจพบโรคไหม้คอรวง   เมล็ดด่าง  หนู นก  และอื่น ๆ  ข้าวเหมือนกับคน คลอดลูกใหม่ ๆ อาจไม่แข็งแรงเท่าไหร่ต้องเอาใจใส่ทั้งแม่และลูก แม้แต่ตอนข้าวตั้งท้องเช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 22:20:11
ในช่วงข้าวออกรวงจนถึงเป็นเมล็ด ช่วงนี้ข้าวไม่ควรขาดน้ำ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องให้ดินมีความชื้นบ้าง  แต่หากมีน้ำขังนาน ๆ มาก ๆ ยิ่งบริเวณที่ดินหล่มข้าวอาจล้มง่ายมากมีลมพัดแรง ๆ หรือข้าวงามมากเกินไป คือต้นจะสูงเมล็ดมากก็ล้มเช่นกัน  ต้องประมาณพอดี ๆ ของผมล้มบ้างก็เลยต้องปล่อยน้ำออกก่อน แต่ก็ต้องตรวจดูดิน บางทีดูผิวหน้าดินไม่ได้อาจลองเอานิ้วจิ้มดินดูก็ได้ว่ามีน้ำอยู่ในดินหรือไม่ถ้าดินแห้งเกินก็ต้องเอาน้ำลงบ้างแล้วปล่อยออก  บางคนก็ใช้ท่อ PVC มาใส่ก็ได้เหมือนน้ำบ่อบ้านเราคล้าย ๆ วิธีการแกล้งข้าวครับ ข้อดีที่ไม่แช่น้ำก็คือเวลาเกี่ยวรถนาไม่เสียหายมากเวลาไถก็ง่าย แต่ก็ต้องดูเรื่องหนูด้วยครับเพราะดินแห้ง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 22:25:47
เนื่องจากที่นาผมมีคลองชลประทานผ่ากลาง ฝั่งหนึ่ง 13 ไร่อีกฝั่ง 9 ไร่ เวลามีลมมาผ่านคลองชล ลมจะมุดทำให้นาอีกฝั่งข้าวจะล้มทำนาใหม่ ๆตัดหญ้าซะเกรียนข้าวล้มเป็นแถว ตอนนี้ช่วงใกล้เก็บเกี่ยวก็เลยปล่อยให้เป็นแนวกันลมครับ ช่วยได้มากครับนาเสียหายลดลงเยอะครับ เกี่ยวเสร็จค่อยตัด  ;D  ;D  เพราะข้าวไวแสงพวก กข15 มะลิ 105 ต้นค่อนข้างมีความสูง ถ้าเป็นข้าวพันธุ์เตี้ยมักไม่ค่อยล้มครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 22:51:05
ไม่ใช่ ทำ Marketing ข้าวบรรจุถุงขาย อย่างเดียวเหมือนบ้านเรา ที่ใครปลูกก็ไม่รู้ ปลูกดูแลกันอย่างไร ก็ไม่รู้อีก  คนกิน คนซื้อ รู้แค่ว่าข้าวยี่ห้ออะไร รู้ กันอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ตราห้าง... ตราร่ม... ตราหัวเรือ...  ตรา ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่  ...

"ชาวนาญี่ปุ่น ไม่ขายข้าวเปลือกทีเดียวหลังเก็บเกี่ยวครับ แต่จะเก็บและทยอยสีขายตลอดทั้งปี ทำ packing ติด brand เจ้าของนา brand เเหล่งผลิต ทำให้ปริมาณข้าวไม่ล้นตลาด (มี Buffer stock ที่โรงนาเกษตรกร) "และมีของเหลือ จำพวกเเกลบและรำ ไว้ใช้ประโยชน์ต่อ...

ไม่ต้องขายข้าวโรงสี แล้วตามไปซื้อ แกลบ รำ ของตัวเองที่โรงสีครับ นั่นมันของของเรานะครับ !!!



 :D...ขายอยู่ครับ....แต่ยังไม่มีเครื่องสีข้าวกับแบรนด์ของตัวเอง...กำลังหาทุนมาซื้อเครื่องสีข้าวครับ...

สนใจเครื่องสีข้าวอยู่เหมือนกั๋นครับแต่ยังบ่าได้ศึกษาเลย ถ้ามีข้อมูลเครื่องสีข้าวแนะนำผมโตยเน้อครับ อยากได้เครื่องที่ทั้งสีข้าวขาวและข้าวกล้องได้ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 23:07:11
ช่วงนี้ไปนาทุกเย็น หากวันหยุดก็ไปตอนเช้าด้วย ไปตรวจดูข้าวว่ามีสิ่งไหนผิดปกติบ้าง ไหน ๆ ก็ปลูกมาหลายเดือนละครับ  นารอบข้างบางคนก็ข้าวล้มแช่น้ำบ้างควรอาจต้องปล่อยน้ำทิ้งเพื่อให้ข้าวชูคอรวงขึ้นได้บ้างจะได้ไม่เสียหายมากหากแช่น้ำทำใบทั้งรวงข้าวนาน ๆก็จะเสียหายมากยิ่ง ๆหลาย ๆ วันด้วย   ช่วงข้าวออกรวงอาจพบโรคไหม้คอรวง   เมล็ดด่าง  หนู นก  และอื่น ๆ  ข้าวเหมือนกับคน คลอดลูกใหม่ ๆ อาจไม่แข็งแรงเท่าไหร่ต้องเอาใจใส่ทั้งแม่และลูก แม้แต่ตอนข้าวตั้งท้องเช่นกันครับ
ข้าวสวยขนาดเลยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2012, 10:25:01
หากใครเคยเห็นการทำนาแบบขั้นบันไดบ้านเราแล้ว หากได้เห็นการทำนาขั้นบันไดของชาวฟิลิปปินส์ แล้วจะทึ่ง  ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีศูนย์วิจัยข้าวนานาชาติ(International Rice Research Institute: IRRI)  ซึ่งมีวิทยาการความรู้มากมายแม้แต่ไทยก็ยังต้องไปศึกษาที่นั่น อีกทั้งเป็นแหล่งรวมพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆซึ่งมากกว่าไทยหลายเท่า  ลองมาดูการทำนาขั้นบันไดที่ บานาเวก่อนครับ

นาขั้นบันไดที่บานาเว เป็นสถานที่ที่มีการปลูกข้าวแบบขั้นบันได บนเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1995 และมักจะถูกเรียกว่า สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก

นาขั้นบันไดเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณที่สวยงาม เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนด้วยเทคนิคดั้งเดิม ถูกสร้างขึ้นสำหรับการเพาะปลูกข้าวโดยชนเผ่า Ifugao ที่อพยพจากประเทศไต้หวัน มาสู่ฟิลิปปินส์ เมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว พวกเขาใช้เครื่องมือธรรมดาสกัดพื้นที่บนไหล่เขา และที่ลาดเชิงเขาและสร้างระบบชลประทานโดยปราศจากการใช้เครื่องจักรกล ปรับภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่ นาขั้นบันไดตั้งอยู่บนความสูง 1500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ≤5,000 ฟุต≥ และครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางไมล์ ≤10,500 ตารางกิโลเมตร≥

ชนพื้นเมืองเหล่านี้ยังคงดำเนินการเพาะปลูกด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัฏจักรและฤดูกาลของการปลูก, การควบคุมศัตรูพืชและการเก็บเกี่ยวซึ่งจะเชื่อมโยงกับรอบดวงจันทร์และพิธีกรรมทางศาสนา

ถึงแม้ว่านาขั้นบันไดทีบานาเวจะมีชื่อเสียงมาก แต่ยังมีการทำนาขั้นบันไดในลักษณะนี้อีกหลายแห่งในประเทศฟิลิปปินส์ เช่น นาขั้นบันไดที่ Battad, Mayoyao, Hapao และ Kiangan ระบบชลประทานของนาขั้นบันไดเหล่านี้สามารถควบคุมปริมาณน้ำจากธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับการเพาะปลูกข้าว



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีความรู้มาแชร์กันเยอะๆเน้อเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:23:24
ไม่ใช่ ทำ Marketing ข้าวบรรจุถุงขาย อย่างเดียวเหมือนบ้านเรา ที่ใครปลูกก็ไม่รู้ ปลูกดูแลกันอย่างไร ก็ไม่รู้อีก  คนกิน คนซื้อ รู้แค่ว่าข้าวยี่ห้ออะไร รู้ กันอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ตราห้าง... ตราร่ม... ตราหัวเรือ...  ตรา ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่  ...

"ชาวนาญี่ปุ่น ไม่ขายข้าวเปลือกทีเดียวหลังเก็บเกี่ยวครับ แต่จะเก็บและทยอยสีขายตลอดทั้งปี ทำ packing ติด brand เจ้าของนา brand เเหล่งผลิต ทำให้ปริมาณข้าวไม่ล้นตลาด (มี Buffer stock ที่โรงนาเกษตรกร) "และมีของเหลือ จำพวกเเกลบและรำ ไว้ใช้ประโยชน์ต่อ...

ไม่ต้องขายข้าวโรงสี แล้วตามไปซื้อ แกลบ รำ ของตัวเองที่โรงสีครับ นั่นมันของของเรานะครับ !!!



 :D...ขายอยู่ครับ....แต่ยังไม่มีเครื่องสีข้าวกับแบรนด์ของตัวเอง...กำลังหาทุนมาซื้อเครื่องสีข้าวครับ...

สนใจเครื่องสีข้าวอยู่เหมือนกั๋นครับแต่ยังบ่าได้ศึกษาเลย ถ้ามีข้อมูลเครื่องสีข้าวแนะนำผมโตยเน้อครับ อยากได้เครื่องที่ทั้งสีข้าวขาวและข้าวกล้องได้ครับ

 :D...ก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนี่ละครับ....ตอนนี้สนใจเครื่องสีข้าวของนาทวีอยู่ครับ...ข้อดีข้อเสียยังไง..ต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มอีกครับ...

http://www.natrawee.co.th/index.asp?ContentID=10000022&title=%E0%A4%C3%D7%E8%CD%A7%CA%D5%A2%E9%D2%C7+%A1%C5%E9%CD%A7+%A2%E9%D2%C7%A2%D2%C7+%A2%E9%D2%C7%AB%E9%CD%C1%C1%D7%CD&getproduct=9&keyword=&catid=4


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:25:35
หากใครเคยเห็นการทำนาแบบขั้นบันไดบ้านเราแล้ว หากได้เห็นการทำนาขั้นบันไดของชาวฟิลิปปินส์ แล้วจะทึ่ง  ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีศูนย์วิจัยข้าวนานาชาติ(International Rice Research Institute: IRRI)  ซึ่งมีวิทยาการความรู้มากมายแม้แต่ไทยก็ยังต้องไปศึกษาที่นั่น อีกทั้งเป็นแหล่งรวมพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆซึ่งมากกว่าไทยหลายเท่า  ลองมาดูการทำนาขั้นบันไดที่ บานาเวก่อนครับ

นาขั้นบันไดที่บานาเว เป็นสถานที่ที่มีการปลูกข้าวแบบขั้นบันได บนเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1995 และมักจะถูกเรียกว่า สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก

นาขั้นบันไดเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณที่สวยงาม เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำการเกษตรแบบยั่งยืนด้วยเทคนิคดั้งเดิม ถูกสร้างขึ้นสำหรับการเพาะปลูกข้าวโดยชนเผ่า Ifugao ที่อพยพจากประเทศไต้หวัน มาสู่ฟิลิปปินส์ เมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว พวกเขาใช้เครื่องมือธรรมดาสกัดพื้นที่บนไหล่เขา และที่ลาดเชิงเขาและสร้างระบบชลประทานโดยปราศจากการใช้เครื่องจักรกล ปรับภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่ นาขั้นบันไดตั้งอยู่บนความสูง 1500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ≤5,000 ฟุต≥ และครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางไมล์ ≤10,500 ตารางกิโลเมตร≥

ชนพื้นเมืองเหล่านี้ยังคงดำเนินการเพาะปลูกด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัฏจักรและฤดูกาลของการปลูก, การควบคุมศัตรูพืชและการเก็บเกี่ยวซึ่งจะเชื่อมโยงกับรอบดวงจันทร์และพิธีกรรมทางศาสนา

ถึงแม้ว่านาขั้นบันไดทีบานาเวจะมีชื่อเสียงมาก แต่ยังมีการทำนาขั้นบันไดในลักษณะนี้อีกหลายแห่งในประเทศฟิลิปปินส์ เช่น นาขั้นบันไดที่ Battad, Mayoyao, Hapao และ Kiangan ระบบชลประทานของนาขั้นบันไดเหล่านี้สามารถควบคุมปริมาณน้ำจากธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับการเพาะปลูกข้าว



 :D...นาแบบนี้..หมดทางเอารถไถไปรับจ้างเลยครับ..


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:30:27
สุดยอดนาขั้นบันไดครับ จุดขายคงเป็นการท่องเที่ยว
แต่ยอมรับทึ่งมากกับการทำนาแบบนี้มากครับ  


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:34:00
 :D....ถ่ายไว้หลายวันละครับ..ตั้งแต่ข้าวเริ่มออกรวง....ภาพแรกแปลงนา23ไร่....ปลูกข้าวกข.6ธัญญสิรินทั้งหมด...ภาพ2,3แปลงนา25ไร่...แบ่งปลูกข้าวหอมมะลิ2ไร่..ปลูกกข.6ทำเมล็ดพันธุ์ให้สหกรณ์การเกษตรเชียงแสน10ไร่...ที่เหลือปลูกกข.6ธัญญสิริน...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:37:11
 :D....ช่วงนี้งานในนาไม่ค่อยมีละครับ...เดินดูข้าวออกรวงอย่างเดียว...ภาพแรกนี่..กข.6ธัญญสิรินครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 20:41:28
 :D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2012, 23:07:48
เข้ามาอ่านอีกรอบ จำไว้ จำไว้   ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2012, 10:15:51
ข้าวท่านbm งามขนาดครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2012, 15:43:35
ข้าวงามขนาดน้อครับ ถ่ายรูปก็งามครับ  ปีนี้ท่าจะขายข้าวได้หลายตังค์  แล้วข้าว กข.6ธัญญสิริน  รสชาติเป็นจะใดพ่องครับทุกทีกิ๋นแต่ กข.6 ธรรมดา  เห็นว่าพันธุ์นี้ต้นข้าวจะเตี้ยกว่า กข.6 ปกติแต่ว่าจะได้ผลผลิตมากกว่า แถมต้านทานโรคมากกว่า บ่าฮู้ว่าแม่นก่อต้องถามคนปลูกแหมกำน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2012, 19:19:33
ข้าวงามขนาดน้อครับ ถ่ายรูปก็งามครับ  ปีนี้ท่าจะขายข้าวได้หลายตังค์  แล้วข้าว กข.6ธัญญสิริน  รสชาติเป็นจะใดพ่องครับทุกทีกิ๋นแต่ กข.6 ธรรมดา  เห็นว่าพันธุ์นี้ต้นข้าวจะเตี้ยกว่า กข.6 ปกติแต่ว่าจะได้ผลผลิตมากกว่า แถมต้านทานโรคมากกว่า บ่าฮู้ว่าแม่นก่อต้องถามคนปลูกแหมกำน้อ

 :D...แม่นละครับ....กลิ่นข้าวธัญญสิรินจะหอมกว่า........ยังไม่เคยได้เอาไปสีและหุงกิน...ปีที่แล้วแม่ผมได้เมล็ดพันธุ์มา5กิโลกรัม...ก็เอามาปลูก..พอเก็บเกี่ยวผลผลิตเอาเก็บไว้ทำพันธุ์นาปีปีนี้....ส่วนที่เหลือขายเป็นเมล็ดพันธุ์ไปจนหมด.....ปีนี้ลงปลูกข้าวธัญญสิรินไว้เกือบ36ไร่คงได้ชิมรสชาติละครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 24 ตุลาคม 2012, 22:54:57
เสี่ย bm ปลูกข้าว พันธุ์นี้ 36 ไร่   :o พันธุ์อื่นน่าจะสามร้อยกว่าไร่
ขาดคนงาน โทรบอกเน้อจะไปทันที  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 25 ตุลาคม 2012, 08:24:09
เสี่ย bm ปลูกข้าว พันธุ์นี้ 36 ไร่   :o พันธุ์อื่นน่าจะสามร้อยกว่าไร่
ขาดคนงาน โทรบอกเน้อจะไปทันที  ;D
;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 25 ตุลาคม 2012, 16:38:05
เสี่ย bm ปลูกข้าว พันธุ์นี้ 36 ไร่   :o พันธุ์อื่นน่าจะสามร้อยกว่าไร่
ขาดคนงาน โทรบอกเน้อจะไปทันที  ;D

ป้าดที่นานักแต้ครับ...  ไปไหน นกเอี้ยงก็ฮ้อง ป้อเลี้ยง ๆ น่ะก่านี่  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 29 ตุลาคม 2012, 09:49:24
:D....ช่วงนี้งานในนาไม่ค่อยมีละครับ...เดินดูข้าวออกรวงอย่างเดียว...ภาพแรกนี่..กข.6ธัญญสิรินครับ...
ท่าน bm ครับถ้ามี กข6 ธัญสิริญ แบ่งขายที่ทำพันธ์ได้แจ้งผมหน่อยเน้อครับอยากได้สัก 30-40 โล จะไดก็ขอขอบคูณล่วงหน้าเน้อครับป้อเลี้ยง ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 08:26:42
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 13:58:17
http://www.youtube.com/watch?v=saVynp75ldo&feature=related

อยากได้แบบนี้สักเครื่อง เชียงรายมีขายก่อเจ้า มีข้อดีข้อเสีย อย่างไดผ่องเจ้า


saVynp75ldo&feature


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 14:13:16
http://www.youtube.com/watch?v=6-fwkH88E-A&feature=fvwp&NR=1

เป็นดีไขได้สักเครื่องน่อเจ้า ลวกขนาด ยะกานคนเดียวก็ได้

6-fwkH88E-A&feature


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 19:32:20
เสี่ย bm ปลูกข้าว พันธุ์นี้ 36 ไร่   :o พันธุ์อื่นน่าจะสามร้อยกว่าไร่
ขาดคนงาน โทรบอกเน้อจะไปทันที  ;D

 :D...มีบัตรแรงงานรึเปล่าครับ....ถ้ามีก็รับครับท่าน......อิอิ

:D....ช่วงนี้งานในนาไม่ค่อยมีละครับ...เดินดูข้าวออกรวงอย่างเดียว...ภาพแรกนี่..กข.6ธัญญสิรินครับ...
ท่าน bm ครับถ้ามี กข6 ธัญสิริญ แบ่งขายที่ทำพันธ์ได้แจ้งผมหน่อยเน้อครับอยากได้สัก 30-40 โล จะไดก็ขอขอบคูณล่วงหน้าเน้อครับป้อเลี้ยง ;D ;D

 :D....มีแน่นอนครับ...ตอนนี้มีคนจองมาแล้ว2ตันครับ...ถ้าเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว...ผมจะมาแจ้งหื้ออีกทีครับ....อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 19:35:42
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....

 :D...เจาะน้ำบาดาลได้ก่อน้อง.....ถ้านาข้างเคียงเขาทำนาปรัง...ก็ควรจะทำครับ....อย่างน้อยทำซัก4-5ไร่ก็ยังดีครับ....เอาแค่สูบน้ำใส่ไหว....



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 ตุลาคม 2012, 20:07:08
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....

 :D...เจาะน้ำบาดาลได้ก่อน้อง.....ถ้านาข้างเคียงเขาทำนาปรัง...ก็ควรจะทำครับ....อย่างน้อยทำซัก4-5ไร่ก็ยังดีครับ....เอาแค่สูบน้ำใส่ไหว....


ข้างๆมันก็เป็นหัวฝายหนาเจ้า ไว้เขาไปเกี่ยวข้าวก่อนน้องจะถ่ายรูปมาให้ดู น้ำมันมาสามทา
เลยอ่ะเจ้า แต่ไม่รู้ว่านาข้างๆเขาทำนาปรังกันหรือป่าว ต้องดูก่อนเจ้า ว่าแต่เหลือข้าวเจื่อไว้ขายให้น้องดรีมต๋วยหนาเจ้า .........


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ittisara ที่ วันที่ 31 ตุลาคม 2012, 11:35:31
แอบมาเก็บความรู้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 31 ตุลาคม 2012, 14:20:12
เห็นข้าวออกรวงแล้วชื่นใจ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 01 พฤศจิกายน 2012, 21:13:08
 :D....กข.15เริ่มเก็บเกี่ยวกันแล้ว.....เมื่อวานราคารับซื้ออยู่ก.ก.ละ15.50บาทครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 พฤศจิกายน 2012, 22:39:16
เมาะราคาซัก 16 บาทขึ้นน้อ  15.50 ต้องได้ผลผลิต กข 15 ที่ 646 กก/ไร่ ถึงจะได้จับเงินหมื่น ของผมแหม 10 กว่าวันก็จะฮู้ละได้เท่าไหร่นาปีนี้   :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 02 พฤศจิกายน 2012, 18:06:03
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....

 :D...เจาะน้ำบาดาลได้ก่อน้อง.....ถ้านาข้างเคียงเขาทำนาปรัง...ก็ควรจะทำครับ....อย่างน้อยทำซัก4-5ไร่ก็ยังดีครับ....เอาแค่สูบน้ำใส่ไหว....


ข้างๆมันก็เป็นหัวฝายหนาเจ้า ไว้เขาไปเกี่ยวข้าวก่อนน้องจะถ่ายรูปมาให้ดู น้ำมันมาสามทา
เลยอ่ะเจ้า แต่ไม่รู้ว่านาข้างๆเขาทำนาปรังกันหรือป่าว ต้องดูก่อนเจ้า ว่าแต่เหลือข้าวเจื่อไว้ขายให้น้องดรีมต๋วยหนาเจ้า .........

 :D....บ่อ3นิ้ว...ค่าเจาะ1,500บาท..ค่าท่อ+ค่าอุปกรณ์800บาท...ใช้ปั๊มหอยโข่ง3นิ้ว+เครื่องคูโบต้า8แรงฉุดปั๊ม...ใช้กับนาปรัง10ไร่ได้สบายๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 02 พฤศจิกายน 2012, 18:08:59
เมาะราคาซัก 16 บาทขึ้นน้อ  15.50 ต้องได้ผลผลิต กข 15 ที่ 646 กก/ไร่ ถึงจะได้จับเงินหมื่น ของผมแหม 10 กว่าวันก็จะฮู้ละได้เท่าไหร่นาปีนี้   :D :D


 :D....เหมือนหูเสียงนกเอี้ยงแถวๆนี้แต้ว่าครับ....อิอิ...ฮ้องซ่าวไว้...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: attacha1 ที่ วันที่ 03 พฤศจิกายน 2012, 10:43:42
ข้าวพันธุ์ธัญญสิริน ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 พฤศจิกายน 2012, 12:30:50
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....

 :D...เจาะน้ำบาดาลได้ก่อน้อง.....ถ้านาข้างเคียงเขาทำนาปรัง...ก็ควรจะทำครับ....อย่างน้อยทำซัก4-5ไร่ก็ยังดีครับ....เอาแค่สูบน้ำใส่ไหว....


ข้างๆมันก็เป็นหัวฝายหนาเจ้า ไว้เขาไปเกี่ยวข้าวก่อนน้องจะถ่ายรูปมาให้ดู น้ำมันมาสามทา
เลยอ่ะเจ้า แต่ไม่รู้ว่านาข้างๆเขาทำนาปรังกันหรือป่าว ต้องดูก่อนเจ้า ว่าแต่เหลือข้าวเจื่อไว้ขายให้น้องดรีมต๋วยหนาเจ้า .........

 :D....บ่อ3นิ้ว...ค่าเจาะ1,500บาท..ค่าท่อ+ค่าอุปกรณ์800บาท...ใช้ปั๊มหอยโข่ง3นิ้ว+เครื่องคูโบต้า8แรงฉุดปั๊ม...ใช้กับนาปรัง10ไร่ได้สบายๆ
น่าสนใจขนาดเจ้า ปั้มหอยโข่ง หาซื้อได้ที่ไหนเจ้า ราคาเท่าไหร่ ดรีมบ่มีเครื่องคูโบต้า มีแต่เครื่องสูบน้ำอ่ะเจ้า จะใช้แทนกั๋นได้ก่อเจ้า แล้วที่ไหนเขารับจ้างทำอ่ะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 03 พฤศจิกายน 2012, 19:05:03
:D...กข.6ธัญญสิรินนี่แตกกอดี..ลำต้นไม่ค่อยสูงมาก...เลยไม่มีล้มครับ....
รูปสวยๆๆ ข้าวสวยขนาดเจ้า เมื่อไหร่ดรีมจะได้ทำแบบนี้บ้างน่า..... นาปรังปีนี้ไม่ทำละเจ้า กลัวน้ำบ่มี รอเอาข้าวออกแล้ว

จะขุดสระเจ้า....

 :D...เจาะน้ำบาดาลได้ก่อน้อง.....ถ้านาข้างเคียงเขาทำนาปรัง...ก็ควรจะทำครับ....อย่างน้อยทำซัก4-5ไร่ก็ยังดีครับ....เอาแค่สูบน้ำใส่ไหว....


ข้างๆมันก็เป็นหัวฝายหนาเจ้า ไว้เขาไปเกี่ยวข้าวก่อนน้องจะถ่ายรูปมาให้ดู น้ำมันมาสามทา
เลยอ่ะเจ้า แต่ไม่รู้ว่านาข้างๆเขาทำนาปรังกันหรือป่าว ต้องดูก่อนเจ้า ว่าแต่เหลือข้าวเจื่อไว้ขายให้น้องดรีมต๋วยหนาเจ้า .........

 :D....บ่อ3นิ้ว...ค่าเจาะ1,500บาท..ค่าท่อ+ค่าอุปกรณ์800บาท...ใช้ปั๊มหอยโข่ง3นิ้ว+เครื่องคูโบต้า8แรงฉุดปั๊ม...ใช้กับนาปรัง10ไร่ได้สบายๆ
น่าสนใจขนาดเจ้า ปั้มหอยโข่ง หาซื้อได้ที่ไหนเจ้า ราคาเท่าไหร่ ดรีมบ่มีเครื่องคูโบต้า มีแต่เครื่องสูบน้ำอ่ะเจ้า จะใช้แทนกั๋นได้ก่อเจ้า แล้วที่ไหนเขารับจ้างทำอ่ะเจ้า

 :D...ปั๊มมีขายตามร้านอุปกรณ์เกษตรทั่วๆไปครับ...แต่ของอ้ายซื้อที่ร้านสากลการเกษตร...ยี่ห้อTORAราคา3,500+ปั๊มโยกมือราคา750.....เครื่องสูบน้ำของน้องดรีมที่ใช้น้ำมันเบนซินนั้นแม่นก่อ....เครื่องนั้นเอามาฉุดปั๊มหอยโข่งบ่ไหวก้า...แห๋มอย่างเบนซินมันแพงกว่าดีเซลหนา...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 04 พฤศจิกายน 2012, 07:27:24
ถ้านาอยู่ใกล้บ้าน  น่าจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า จะประหยัดกว่าเยอะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 พฤศจิกายน 2012, 09:41:43
ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงเจ้า ถ้าทำสัก3 บ่อ จะพอสำหรับนา12ไร่น่อเจ้า แล้วที่ไหนเขารับขุดอะเจ้า ถ้ามำแล้วได้ทำนาปรังถือว่าคุ้มมากๆๆๆ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 04 พฤศจิกายน 2012, 20:44:34
มีละอ่อนแถวบ้านรับเจาะบาดาลครับ น่าจะบ่แปงเต้าใด
วันที่ 9 วันประชุมเรื่องปาล์มน้ำมัน จะแนะนำหื้อครับ
อีอ...ลืมบอกครับ  วันที่ 9 เปิ้นจะปาไปผ่อสวนปาล์มสด ในภาคบ่ายตวยเน๊อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Number9 ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 11:58:37

กระทู้นี้ได้รับความรู้จากหลากหลายท่าน

หลากหลายประสบการณ์ มีประโยชน์แต้ๆเลยเจ้า

(((ขอเป๋นกำลังใจ๋หื้อเจ้าของกระทู้ตวยเน้อ)))  :D



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 12:36:33
 :D....แม่อ้ายขับรถไถเน้อน้องดรีม.....นาปรังปีที่แล้วมา...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 13:02:50
:D....แม่อ้ายขับรถไถเน้อน้องดรีม.....นาปรังปีที่แล้วมา...
ป๊าดโถะๆๆๆๆสุดยอดเจ้า อิอิ ไว้รอซื้ิอรถไถจะลองขับผ่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 13:03:47

กระทู้นี้ได้รับความรู้จากหลากหลายท่าน

หลากหลายประสบการณ์ มีประโยชน์แต้ๆเลยเจ้า

(((ขอเป๋นกำลังใจ๋หื้อเจ้าของกระทู้ตวยเน้อ)))  :D


ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(หน้า 10-11 มีความรู้เรื่องข้าวเวียดนามกับญี่ปุ่นต๋วยเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 13:05:03
มีละอ่อนแถวบ้านรับเจาะบาดาลครับ น่าจะบ่แปงเต้าใด
วันที่ 9 วันประชุมเรื่องปาล์มน้ำมัน จะแนะนำหื้อครับ
อีอ...ลืมบอกครับ  วันที่ 9 เปิ้นจะปาไปผ่อสวนปาล์มสด ในภาคบ่ายตวยเน๊อ
เจ้า อาจารย์


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 14:01:56
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย
สั่งไปตะกี้นี่เจ้า หัวเชื้อ 1แพ็ค หัวเชื้อสด 1 กิโล เอามาศึกษาดูเจ้า คุณสมบัติเยอะเหลือเกิน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 20:38:30
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย
สั่งไปตะกี้นี่เจ้า หัวเชื้อ 1แพ็ค หัวเชื้อสด 1 กิโล เอามาศึกษาดูเจ้า คุณสมบัติเยอะเหลือเกิน

พอดีบ่าได้เข้าเน็ตช่วงบ่ายซักกำ วันนี้อ้ายก็เอารถใหม่ไปเจิมที่วัดครูบาพรชัยครับใกล้บ้านน้อง  ถ้าฮู้ว่าสนใจเชื้อราจะได้เอาหัวเชื้อสดไปแบ่งฮื้อครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 16:52:22
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย
สั่งไปตะกี้นี่เจ้า หัวเชื้อ 1แพ็ค หัวเชื้อสด 1 กิโล เอามาศึกษาดูเจ้า คุณสมบัติเยอะเหลือเกิน

พอดีบ่าได้เข้าเน็ตช่วงบ่ายซักกำ วันนี้อ้ายก็เอารถใหม่ไปเจิมที่วัดครูบาพรชัยครับใกล้บ้านน้อง  ถ้าฮู้ว่าสนใจเชื้อราจะได้เอาหัวเชื้อสดไปแบ่งฮื้อครับ
บ้านดรีมจะอยู่ซอยวัดม่อนหินแก้วอะเจ้า เข้าไปในซอยเรื่อยๆๆ จะอยู่ตีนดอยวัดอะเจ้า ซื้อรถใหม่อายังอ่ะเจ้า พ่อเลี้ยงเวียงชัยขายข้าวได้หลาย ออกรถใหม่เลยห่อ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 20:57:40
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย
สั่งไปตะกี้นี่เจ้า หัวเชื้อ 1แพ็ค หัวเชื้อสด 1 กิโล เอามาศึกษาดูเจ้า คุณสมบัติเยอะเหลือเกิน

พอดีบ่าได้เข้าเน็ตช่วงบ่ายซักกำ วันนี้อ้ายก็เอารถใหม่ไปเจิมที่วัดครูบาพรชัยครับใกล้บ้านน้อง  ถ้าฮู้ว่าสนใจเชื้อราจะได้เอาหัวเชื้อสดไปแบ่งฮื้อครับ
บ้านดรีมจะอยู่ซอยวัดม่อนหินแก้วอะเจ้า เข้าไปในซอยเรื่อยๆๆ จะอยู่ตีนดอยวัดอะเจ้า ซื้อรถใหม่อายังอ่ะเจ้า พ่อเลี้ยงเวียงชัยขายข้าวได้หลาย ออกรถใหม่เลยห่อ อิอิ

เอาอัลเมร่าออกแหมคันครับเอาไว้พาคนเฒ่าไปแอ่ว...นาผมยังบ่าได้เกี่ยวข้าวเลยครับตอนแรกคำนวณไว้จะเกี่ยวข้าว กข.15  วันที่ 10 พ.ย. ครับ พอดีช่วงนี้รถเกี่ยวบ่าค่อยมีนักเพราะไปเกี่ยวทางเชียงของหมดเลย เลยต้องเกี่ยวก่อนล่วงหน้าซักน้อยก่อนคนอื่น ช่วงวันที่ 10 ไปข้าว กข15 จะเริ่มเกี่ยวกันนักเดียวรถบ่าว่าง  วันนี้ไปดูนาข้าวก็พอเกี่ยวได้ละพรุ่งนี้จะเกี่ยวละครับ..จะได้เห็นผลงานของปีนี้ละว่าจะได้นักกว่าปีที่แล้วก่อ....  เห็นข่าวที่แม่อ้อ พานแล้วเอ็นดูเปิ้นน้อครับ ลมแฮงพัดหลังคาบ้านปึ้งหมด ข้าวในนาก็เสียหายโตย ข้าวต้าวหมด เห็นว่าแถวนั้นถ้าเกี่ยวข้าวปกติไร่ละ 550 บาท ถ้าข้าวต้าวจะคิด 600 บาท ต้นทุนสูงขึ้นแหมแล้ว....เพื่อนที่อยู่แม่อ้อแม่แก้วก็มาบ่นฮื้อฟัง


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/164729/1.jpg)

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/164729/4.jpg)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(มีรูปเพิ่มหน้า 6 เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 พฤศจิกายน 2012, 08:26:05
เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าที่ใช้ครับ  จะสั่งซื้อติดต่อตามเบอร์ได้เลยครับ ถุงนี้พอดีผมไปฝาง แถวบ้านพี่เค้าพอดี พี่เค้าก็ใจดีครับ ขับรถยนต์เอาเชื้อรามาให้ตั้งหลายกิโล ได้เงินไปร้อยกว่าบาท 555 คงเป็นเพราะผมเป็นลูกค้าแกหลายปี ปกติแกจะส่ง EMS ให้ทางไปรษณีย์ครับ  พี่เค้าแนะนำให้ดีเยี่ยมเลยปัจจุบันดูเหมือนแกผลิตเชื้อส่งให้กลุ่มปลูกข้าวญี่ปุ่นอยู่ ความรู้พี่เค้าหายห่วงครับจบ ป.โท ทางด้านนี้เลย
สั่งไปตะกี้นี่เจ้า หัวเชื้อ 1แพ็ค หัวเชื้อสด 1 กิโล เอามาศึกษาดูเจ้า คุณสมบัติเยอะเหลือเกิน

พอดีบ่าได้เข้าเน็ตช่วงบ่ายซักกำ วันนี้อ้ายก็เอารถใหม่ไปเจิมที่วัดครูบาพรชัยครับใกล้บ้านน้อง  ถ้าฮู้ว่าสนใจเชื้อราจะได้เอาหัวเชื้อสดไปแบ่งฮื้อครับ
บ้านดรีมจะอยู่ซอยวัดม่อนหินแก้วอะเจ้า เข้าไปในซอยเรื่อยๆๆ จะอยู่ตีนดอยวัดอะเจ้า ซื้อรถใหม่อายังอ่ะเจ้า พ่อเลี้ยงเวียงชัยขายข้าวได้หลาย ออกรถใหม่เลยห่อ อิอิ

เอาอัลเมร่าออกแหมคันครับเอาไว้พาคนเฒ่าไปแอ่ว...นาผมยังบ่าได้เกี่ยวข้าวเลยครับตอนแรกคำนวณไว้จะเกี่ยวข้าว กข.15  วันที่ 10 พ.ย. ครับ พอดีช่วงนี้รถเกี่ยวบ่าค่อยมีนักเพราะไปเกี่ยวทางเชียงของหมดเลย เลยต้องเกี่ยวก่อนล่วงหน้าซักน้อยก่อนคนอื่น ช่วงวันที่ 10 ไปข้าว กข15 จะเริ่มเกี่ยวกันนักเดียวรถบ่าว่าง  วันนี้ไปดูนาข้าวก็พอเกี่ยวได้ละพรุ่งนี้จะเกี่ยวละครับ..จะได้เห็นผลงานของปีนี้ละว่าจะได้นักกว่าปีที่แล้วก่อ....  เห็นข่าวที่แม่อ้อ พานแล้วเอ็นดูเปิ้นน้อครับ ลมแฮงพัดหลังคาบ้านปึ้งหมด ข้าวในนาก็เสียหายโตย ข้าวต้าวหมด เห็นว่าแถวนั้นถ้าเกี่ยวข้าวปกติไร่ละ 550 บาท ถ้าข้าวต้าวจะคิด 600 บาท ต้นทุนสูงขึ้นแหมแล้ว....เพื่อนที่อยู่แม่อ้อแม่แก้วก็มาบ่นฮื้อฟัง


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/164729/1.jpg)

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/164729/4.jpg)
แถวบ้านดรีมถามป้านั้นตะวา รถเกี่ยว ไร่ละ 600 ข้าวต้าวอีกราคานึง อี้หนาเจ้า เป็นเกษตรกรต้องพึ่งฟ้าพึ่งฝน ดรีมใส่ข้าวโพดก็ลุ้นว่าฝนจะตกก่อ พอตกมาก็ดีใจขนาด บ้างครั้งก็ให้โทษเนาะเจ้า เอ็นดูเปิ้ลแต้ๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 9 พ.ย ไปฟังอบรมให้ความรู้เรื่อง "ปาล์มน้ำมัน"เจ้า )
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 07 พฤศจิกายน 2012, 22:05:16
วันนี้บ่าได้เกี่ยวข้าวซักกำ รถเกี่ยวยังเกี่ยวคิวก่อนหน้าบ่าเสร็จครับ คิวก่อนหน้าเป็นนาปลูกเอาน้ำแช่ตลอดกำลังมาหยุดน้ำก่อนเกี่ยวได้ซัก 2 สัปดาห์ ฝนมาตกเข้าใส่แหมสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น คนเกี่ยวข้าวปอถอดใจสองสามรอบ นาสิบไร่บ่าดายเกี่ยวตั้งแต่บ่ายสองถึงสองทุ่มได้กึ่งเดียวนาหล่มต้องถอยเข้าถอยออก ข้ามคันนาก็บ่าค่อยได้ นาหล่มเป็นร่องลึก ดินก็เหนียว เอาน้ำลงก็บ่าได้เพราะข้าวต้าว ตอนนี้รถเกี่ยวละไว้ที่กลางโต้งปู้นละพรุ่งนี้ค่อยหาทางต่อ นาผมท่าจะได้เกี่ยวช่วงบ่ายปู้นล่ะถ้ารถบ่าหลุเหียก่อน ....  :-\ :-\


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 16:04:55
วันที่ชาวนารอคอยก็มาถึง  วันนี้ได้เกี่ยวข้าวแล้ว เริ่มเกี่ยวตอนเที่ยง แว๊ปไปดูได้แป๊ปเดียว ตอนนี้ก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จไม่รู้ว่าจะได้ผลผลิตเท่าไหร่  ทำนารอบนี้ ถ้าได้ไร่ละหมื่นกว่าบาทก็ถือว่าน่าพอใจละครับ ราคาแถวบ้านรับซื้อ กข.15 ที่ 15.50 บาทครับ  :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 16:32:14
เข้ามาดูเศรษฐีข้าว ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 20:14:24
วันที่ชาวนารอคอยก็มาถึง  วันนี้ได้เกี่ยวข้าวแล้ว เริ่มเกี่ยวตอนเที่ยง แว๊ปไปดูได้แป๊ปเดียว ตอนนี้ก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จไม่รู้ว่าจะได้ผลผลิตเท่าไหร่  ทำนารอบนี้ ถ้าได้ไร่ละหมื่นกว่าบาทก็ถือว่าน่าพอใจละครับ ราคาแถวบ้านรับซื้อ กข.15 ที่ 15.50 บาทครับ  :D  :D

 :D....นกเอี้ยงฮ้องซ้าวๆเน้อป้อเลี้ยง......แห๋ม5-6วันผมก็จะเกี่ยวเหมือนกั๋นครับ...กข.6ธัญสิริน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 23:36:19
วันที่ชาวนารอคอยก็มาถึง  วันนี้ได้เกี่ยวข้าวแล้ว เริ่มเกี่ยวตอนเที่ยง แว๊ปไปดูได้แป๊ปเดียว ตอนนี้ก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จไม่รู้ว่าจะได้ผลผลิตเท่าไหร่  ทำนารอบนี้ ถ้าได้ไร่ละหมื่นกว่าบาทก็ถือว่าน่าพอใจละครับ ราคาแถวบ้านรับซื้อ กข.15 ที่ 15.50 บาทครับ  :D  :D

 :D....นกเอี้ยงฮ้องซ้าวๆเน้อป้อเลี้ยง......แห๋ม5-6วันผมก็จะเกี่ยวเหมือนกั๋นครับ...กข.6ธัญสิริน

กำลังปิ๊กมาครับเกี่ยวเสร็จตอนสามทุ่ม นาปีนี้ผมทำบ่าเหมือนทำนาปีที่แล้วครับ  หว่านข้าว กข.15 จำนวน 18 กก/ไร่  ไม่พ่นฮอโมน ไม่พ่นยาป้องกันและกำจัดเชื้อรา ( ที่จริงถ้ามีเวลาควรทำ )  ใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง   นา 22 ไร่ ( จริงน่าจะ 21 ไร่ 3 งาน เพราะเอาพื้นที่บางส่วนไปทำห้าง )  รวมใช้ปุ๋ยเคมี  46-0-0  จำนวน  3 กส.   15-15-15  อีก  4 กส. (  สูตรไม่เหมือนกับใส่นาปรังที่ใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง  พอดีข้าวนาปีนี้ข้าวงามเกินลำต้นจะสูงเลยไม่ใส่ปุ๋ยช่วงแตกกอ ) ประมาณทำแบบปล่อยทิ้งปล่อยขว้างให้ธรรมชาติจัดการกันเอง  นาปีนี้ขายข้าวได้  225,758 บาท ตกไร่ละ หมื่นกว่าหน่อย  ๆ ทำนารอบนี้ทำให้รู้อะไรขึ้นเยอะเลยครับ เพราะเราทำแตกต่างจากปีที่แล้ว เหมือนได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ ทำนาปีรอบนี้ผมว่าได้เงินปานกลาง ไม่น้อย ไม่มาก แต่ไม่เหนื่อย ไม่ลงทุนเยอะด้วยครับ  แต่นาปีรอบหน้าผมก็ไม่ทำแบบนี้ละเพราะรู้ว่าต้องปรับอะไรเพิ่มอีกบ้าง ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 09:14:17
วันที่ชาวนารอคอยก็มาถึง  วันนี้ได้เกี่ยวข้าวแล้ว เริ่มเกี่ยวตอนเที่ยง แว๊ปไปดูได้แป๊ปเดียว ตอนนี้ก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จไม่รู้ว่าจะได้ผลผลิตเท่าไหร่  ทำนารอบนี้ ถ้าได้ไร่ละหมื่นกว่าบาทก็ถือว่าน่าพอใจละครับ ราคาแถวบ้านรับซื้อ กข.15 ที่ 15.50 บาทครับ  :D  :D

 :D....นกเอี้ยงฮ้องซ้าวๆเน้อป้อเลี้ยง......แห๋ม5-6วันผมก็จะเกี่ยวเหมือนกั๋นครับ...กข.6ธัญสิริน

กำลังปิ๊กมาครับเกี่ยวเสร็จตอนสามทุ่ม นาปีนี้ผมทำบ่าเหมือนทำนาปีที่แล้วครับ  หว่านข้าว กข.15 จำนวน 18 กก/ไร่  ไม่พ่นฮอโมน ไม่พ่นยาป้องกันและกำจัดเชื้อรา ( ที่จริงถ้ามีเวลาควรทำ )  ใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง   นา 22 ไร่ ( จริงน่าจะ 21 ไร่ 3 งาน เพราะเอาพื้นที่บางส่วนไปทำห้าง )  รวมใช้ปุ๋ยเคมี  46-0-0  จำนวน  3 กส.   15-15-15  อีก  4 กส. (  สูตรไม่เหมือนกับใส่นาปรังที่ใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง  พอดีข้าวนาปีนี้ข้าวงามเกินลำต้นจะสูงเลยไม่ใส่ปุ๋ยช่วงแตกกอ ) ประมาณทำแบบปล่อยทิ้งปล่อยขว้างให้ธรรมชาติจัดการกันเอง  นาปีนี้ขายข้าวได้  225,758 บาท ตกไร่ละ หมื่นกว่าหน่อย  ๆ ทำนารอบนี้ทำให้รู้อะไรขึ้นเยอะเลยครับ เพราะเราทำแตกต่างจากปีที่แล้ว เหมือนได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ ทำนาปีรอบนี้ผมว่าได้เงินปานกลาง ไม่น้อย ไม่มาก แต่ไม่เหนื่อย ไม่ลงทุนเยอะด้วยครับ  แต่นาปีรอบหน้าผมก็ไม่ทำแบบนี้ละเพราะรู้ว่าต้องปรับอะไรเพิ่มอีกบ้าง ;D ;D

นาปี ปีต่อไปช่วยแนะนำดรีมด้วยเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเหน่ง ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 09:27:03
ตอนนี้จีนก็ออเดอร์ข้าวเพิ่มเป็น 5 ล้านตัน/ปี สัญญา 3 ปี  อินโดก็เพิ่ม 15-20 % ต่อปี
ส่วนอาหรับได้ข่าวว่าท่านทักษิณไปเจรจาไว้ว่าจะรับซื้อแลกกับน้ำมัน อีก 4 ล้านตัน/ปีสัญญา 4 ปี และกำลังจะจับมือกับทางพม่าเรื่องท่าเรื่องขนส่งข้าวทางทวาย ( กาญจนบุรี ) เราจะได้ไม่ออมมากในการขนส่ง   ทีนี้แหละครับ  รวยแน่ๆ555
 ผมว่าโอกาสมาแล้วครับ สู้ๆครับ เพราะถ้าเราขายข้าวได้ราคาดี เงินก็หมุน 10 กว่ารอบ เศรษฐกิจเจริญ คนก็จะได้สร้างบ้าน   ผมก็จะได้มีงานทำครับ อิอิ  สู้ๆครับพี่น้อง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 09:52:15
ตอนนี้จีนก็ออเดอร์ข้าวเพิ่มเป็น 5 ล้านตัน/ปี สัญญา 3 ปี  อินโดก็เพิ่ม 15-20 % ต่อปี
ส่วนอาหรับได้ข่าวว่าท่านทักษิณไปเจรจาไว้ว่าจะรับซื้อแลกกับน้ำมัน อีก 4 ล้านตัน/ปีสัญญา 4 ปี และกำลังจะจับมือกับทางพม่าเรื่องท่าเรื่องขนส่งข้าวทางทวาย ( กาญจนบุรี ) เราจะได้ไม่ออมมากในการขนส่ง   ทีนี้แหละครับ  รวยแน่ๆ555
 ผมว่าโอกาสมาแล้วครับ สู้ๆครับ เพราะถ้าเราขายข้าวได้ราคาดี เงินก็หมุน 10 กว่ารอบ เศรษฐกิจเจริญ คนก็จะได้สร้างบ้าน   ผมก็จะได้มีงานทำครับ อิอิ  สู้ๆครับพี่น้อง
:D :D :D :D :D :D สู้ๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 17:56:55
ตอนนี้จีนก็ออเดอร์ข้าวเพิ่มเป็น 5 ล้านตัน/ปี สัญญา 3 ปี  อินโดก็เพิ่ม 15-20 % ต่อปี
ส่วนอาหรับได้ข่าวว่าท่านทักษิณไปเจรจาไว้ว่าจะรับซื้อแลกกับน้ำมัน อีก 4 ล้านตัน/ปีสัญญา 4 ปี และกำลังจะจับมือกับทางพม่าเรื่องท่าเรื่องขนส่งข้าวทางทวาย ( กาญจนบุรี ) เราจะได้ไม่ออมมากในการขนส่ง   ทีนี้แหละครับ  รวยแน่ๆ555
 ผมว่าโอกาสมาแล้วครับ สู้ๆครับ เพราะถ้าเราขายข้าวได้ราคาดี เงินก็หมุน 10 กว่ารอบ เศรษฐกิจเจริญ คนก็จะได้สร้างบ้าน   ผมก็จะได้มีงานทำครับ อิอิ  สู้ๆครับพี่น้อง
ลาจากเป๋นขี้ข้า มาเป๋นเจ้านายตั๋วเก่าดีก๊า ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 22:06:38
วันนี้วันหยุดเลยตรวจเช็คเครื่องมือการเกษตร เตรียมสำหรับทำนารอบต่อไป ปกติเป็นคนชอบดัดแปลงนู่นนี่อยู่แล้ว  เลยลองดัดแปลงตัวลูบเทือกใหม่และชักร่อง เพื่อจะได้ลดการใช้เครื่องมือและรวดเร็วมากขึ้นครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 22:23:39
รถเกี่ยวข้าวเป็นรถที่มีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างน่าสนใจ ส่วนใหญ่จะเห็นเป็น Made in Thailand  พิษณุโลกนี่เอง การนำเครื่องและช่วงล่างมือสองจากญี่ปุ่นมาดัดแปลงประกอบ รถเกี่ยวมีทั้งระบบขับเครื่อง ระบบเกี่ยว ระบบนวดข้าว และระบบลำเลียง ส่วนใหญ่ใช้ระบบไฮโดรลิกและสายพานเป็นสำคัญ ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่น่าจะสิบล้อ ช่วงนี้มีโอกาสได้ศึกษาการทำงาน การซ่อมบำรุงค่อนข้างบ่อย เผื่อได้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถเกี่ยวบ้าง  วันก่อนไปช่วยเปลี่ยนสายพานรถเกี่ยวข้าวอย่างเกษตรพัฒนาด้านซ้าย...แม่เจ้านับสายพานได้ตั้ง 18 เส้น  เครื่องยนต์อีก 2 เส้นด้านขวาอีกนับ 10 เส้น การเปลี่ยนเมื่อสายพานยานหรือขาด แต่วันนี้ช่วงเย็นไปช่วยดูระบบช่วงล่างครับคือช่วงล่างรถแบคโฮ ดีดีนี่เอง ล้อตีนตะขาบมีอาการเสียงดังเวลาถอย ลองอัดน๊อตล้ออาการไม่หายโทรถามศูนย์สุดท้ายต้องลองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ดูก่อนครับ..

รุ่น
 จ้าวช้างไวไฟ KPH-22T
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) ขณะพับถังเก็บ    มม. 3,400 x 6,600 x 2,980
ความกว้างเฟรมโรลเลอร์                     มม. 1,600
ใบแทรค (กว้างxยาวxหนา)                 มม. 127 x 750 x 45
ใบแทร็คโรงงาน
 127 x 750 x 20
ใบแทร็คแบ็คโฮ
ความจุถังเก็บข้าว                             กก. 2,500
ความสูงท่อส่งข้าวเมื่อกางออก              มม. 4,600
น้ำหนัก (น้ำมันเต็มถัง)                       กก. 9,000
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง                    ลิตร 120
เกจ์วัดระดับและอุณหภูมิข้างถังน้ำมัน
ไฮดรอลิก แสดงระดับน้ำมันไฮดรอลิก และแสดงอุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส
และองศาฟาเรนไฮต์
เครื่องยนต์ MITSUBISHI, HINO
กำลังเครื่องยนต์                             แรงม้า 210-225
ระบบเกี่ยวตัด ระบบตัดแบบใบมีดปัตตาเลียน ใบมีดแข็งพิเศษ
ความยาวของราวใบมีด                        มม. 3,050 (40 ใบ)
ระบบควบคุมหัวเกี่ยว ระบบไฮดรอลิกยกหัวเกี่ยวอิสระ
ระบบนวด ลูกนวด SPIKE TOOTH แบบไหลตามแนวแกน
ความยาวลูกนวด                               มม. 1,740 (6 ฟุต)
เส้นผ่านศูนย์กลางลูกนวด                     มม. 559 (22 นิ้ว)
ระบบทำความสะอาด พัดลมและตะแกรงโยก
ระบบขับเคลื่อน แบบตีนตะขาบโซ่แทร็คและโรลเลอร์
ความยาวโซ่แทร็ค                        ข้อ/เส้น 48
โรลเลอร์                                   ลูก/ข้าง 12 ลูก (บน 2 ลูก, ล่าง 10ลูก)
ระบบถ่ายทอดกำลัง ปั๊มไฮดรอลิก ปั๊มคู่ (TANDEM PUMP)
ระบบควบคุมการขับเคลื่อน ควบคุมความเร็วซ้าย-ขวา แยกอิสระจากกัน ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
ระบบช่วงล่าง 12 HT
ความเร็วสูงสุด                             กม./ชม. 11
ความเร็วที่เหมาะสม                      กม./ชม. 3-5
สมรรถนะการทำงาน                       ไร่/ชม. 4-8 (ขึ้นอยู่กับสภาพแปลงนา และสภาพข้าว)
การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง                 ลิตร/ไร่ 2-4 (ขึ้นอยู่กับสภาพแปลงนา และสภาพข้าว)
อัตราการสูญเสีย น้อยกว่า 5% (ขึ้นอยู่กับสภาพแปลงนา และสภาพข้าว)
จำนวนผู้ปฏิบัติงาน 1
ผู้ผลิต KASET PHATTANA INDUSTRY CO.,LTD.


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 10:15:46
รถเกี่ยวข้าวกับรถเกี่ยวข้าวโพดครับ  เผื่อแม่เลี้ยงดรีมจะซื้อซักคัน  เห็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดแถวแม่สรวยก็มีมากแต่ก็น่ากลัวเป็นพื้นที่บนดอย  ที่น่านก็ปลูกกันมากครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 10:24:49
ช่วงกลางปีได้ออกทริปไป สปป ลาว โดยเดินทางเข้าทางด่านห้วยโก๋น จ.น่าน เข้าไชยะบุรี เข้าไปทางปากแบ่ง เพื่อเดินทางไป แขวงอุดมไชย ทางผ่านพบหมู่บ้านชาวม้งที่ปลูกข้าวโพดกันเป็นพัน ๆ ไร่หรือมากกว่านั้น ที่นี่ทางรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนให้โดยแบ่งอัตราส่วนรายได้กันครับ ถ้ามาอยู่ในไทยนี่รวยกันเละเลย....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 14:02:42
รถเกี่ยวข้าวกับรถเกี่ยวข้าวโพดครับ  เผื่อแม่เลี้ยงดรีมจะซื้อซักคัน  เห็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดแถวแม่สรวยก็มีมากแต่ก็น่ากลัวเป็นพื้นที่บนดอย  ที่น่านก็ปลูกกันมากครับ
ราคาเป็นล้านสู้บ่ไหวเจ้า ดรีมอยากได้เครื่องแบบนี้ก็ป่อละเจ้า เอารูปมาจาก มูลนิธิขวัญข้าว สุพรรณ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2012, 08:59:34
ใส่ข้าวโพดแล้งใหญ่ละเจ้า มีแต่คนไขหัวใส่ว่าบ่ฝนแล้ว ใส่ได้สองสามวันฝนตก ช่วงนี้ก็ตกใส่ตลอดเลยเจ้า เอาแน่เอานอนบ่าได้ฟ้าฝนมะเดี๋ยวนี้ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2012, 15:13:55
มาให้กำลังใจคับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: panupan ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 21:29:13
 :) :) :) เก่งขนาดคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:00:39
วันนี้ไปเดินเล่นกาดคนม่วน เวียงชัยครับ มีการออกร้านต่าง ๆ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องเล่นมากมาย  แต่ที่สนใจคือพวกการเกษตรครับ  มีการออกบูธอุปกรณ์นาโยนด้วย....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:08:01
ถาดนาโยนครับ...ในท้องตลาดมีทั้งแบบพลาสติกที่ทำจาก PP และ  PVC  ส่วนใหญ่จะพบเห็นแบบ PVC ครับสีใสซึ่งมีทั้งแบบบางและแบบหนาซึ่งจะทนกว่าในราคาไม่ค่อยต่างกัน เมื่อก่อนเคยซื้อแต่ไม่มากตกถาดละ 10 กว่าบาทครับใช้ได้ 2 ครั้งถาดเสียเลย แต่ถาดนี้หนาใช้ได้ครับ สนใจติดต่อเองเลย เห็นว่าพี่เค้าขายราคาส่งนะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:14:34
เครื่องโรยดินครับ เหมาะสำหรับคนทำมาก ๆ ถ้าทำน้อย ๆ ผมเคยใช้ตะกร้าที่เป็นรูมาร่อนแต่ปริมาณดินก็ไม่ค่อยสม่ำเสมอเหมือนเครื่องครับ  นาโยนเหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะไม่ต้องคลุกคลีกับสารเคมีที่เป็นอันตรายจำพวกยาคลุมหญ้า  เพราะการปลูกทำเทือกเสร็จ คายน้ำออก จากนั้นก็โยนกล้าลงพื้นนา  ถ้าตามทฤษฎี เค้าว่าจะใช้ 70-80  ถาด/ไร่ ใช้พันธุ์ข้าวเพียง 4-5 กก/ไร่  ประหยัดกว่าการทำนาแบบอื่นมาก แต่ถ้านาปรังต้องการให้ข้าวขึ้นหนาแน่นมากขึ้นเราก็เพิ่มจำนวนถาดเข้าไปอาจจะ 90-100 ถาด/ไร่ ก็น่าจะดี  ถ้าทำนาปีก็ลดจำนวนถาดลงเพราะฝนตกมาก ข้าวถี่กันมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นโรคอีก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:33:35
ดิน...  ดินที่ใช้กับถาดนาโยนต้องเป็นดินละเอียดเพื่อให้เกาะกับรากข้าวเวลาเราถอนกล้าออกจากถาดและโยนไปในนาจะได้จมดินและมีน้ำหนักเหมือนลูกขนไก่เวลาลงพื้น    ดินที่เหมาะสำหรับนาโยน ถ้าเป็นดินเหนียวทั่วไปมาบด กับดินที่มีการผสมปุ๋ยหรือมีธาตุอาหารอยู่ จะพบว่ามีความแตกต่างกัน เหมือนข้าวที่ปลูกในดินที่สมบูรณ์ใบก็จะเขียวกว่า ลำต้นแข็งแรงกว่าเป็นธรรมดา  ข้าวที่ปลูกจากนาโยน ก็เหมือนกับนาปลูกที่สามารถนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้ไปเป็นข้าวพันธุ์ได้ต่างจากนาหว่านที่อาจพบข้าวดีดข้าวเด้งมากกว่า  แต่นาปลูกปัจจุบันลงทุนค่อนข้างสูงอย่างจ้างปลูกก็ 1200-1400/ไร่  รถดำนาก็ประมาณ 1200 /ไร่ นาโยนจะใช้คนน้อยกว่า การลงทุนจะเป็นถาดตกอยู่ที่ 700-750 บาท/ไร่ แต่ถาดใช้ได้ 5-6 ครั้งขึ้นอยู่กับการดูแลหรือมากกว่านี้ มีดินที่ต้องใช้แต่คงไม่แพงเท่าไหร่ ต้นทุนค่อนข้างถูกกว่านาปลูก ผมว่าอีกหน่อยอาจมีรับจ้างทำนาโยนแพร่หลายมากขึ้นแน่ ๆ ไม่ต้องลงทุนค่าอุปกรณ์สูงกับการซื้อรถดำนา เพราะเรารับจ้างนาโยน 100 ไร่ใช้ถาด  10000 ถาดราคาถาดละ 7.5 บาท ตก 7 หมื่นห้า ค่าดิน เครื่องโรยคงประมาณไม่เกิน 1 แสนบาท  สมมุติรับจ้างนาโยนไร่ละ 1000 บาท ครั้งแรก ก็คงได้ทุนคืนแล้วครับ และถาดยังเก็บไปทำครั้งต่อไปได้อีก ครั้งต่อไปก็คงกำไรมากขึ้นเพราะจะเหลือแต่ค่าแรงและค่าดินแล้ว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:36:43
เครื่องโรยข้าวครับ ช่วยให้โรยข้าวลงในถาดสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่ถ้าใครทำไม่มากก็ใช้ถาดตะกร้ามาร่อนก็ได้ครับแต่คงสม่ำเสมอด้อยกว่าและช้ากว่าใช้เครื่องโรยครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:40:15
ใครจะตรวจสอบค่าดินลองปรึกษาพี่เค้าดูครับ ถ้าเราไปซื้อมาตรวจสอบเองชุดหนึ่งก็หลายพันแถมน้ำยาหมดอายุอีกหากเปิดใช้งานแล้ว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:44:09
เครื่องนี้ดูเหมือนเป็นเครื่องตีดินครับให้ละเอียดหากต้องการดินไปทำนำโยนหรืออาจนำไปตีขี้หมู ขี้วัวให้ละเอียดหากจะนำไปทำปุ๋ย หรือนำไปอัดเม็ดครับ ส่วนราคาผมไม่ทราบเหมือนกันสนใจลองโทรถามเองครับ..


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 23:53:16
แถมท้ายบรรยากาศในงานอีกหน่อยครับ....  ;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 00:04:39
นาโยนใครนึกภาพไม่ออกดูรูปประมาณนี้ครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 00:33:55
รถเกี่ยวข้าวกับรถเกี่ยวข้าวโพดครับ  เผื่อแม่เลี้ยงดรีมจะซื้อซักคัน  เห็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดแถวแม่สรวยก็มีมากแต่ก็น่ากลัวเป็นพื้นที่บนดอย  ที่น่านก็ปลูกกันมากครับ
ราคาเป็นล้านสู้บ่ไหวเจ้า ดรีมอยากได้เครื่องแบบนี้ก็ป่อละเจ้า เอารูปมาจาก มูลนิธิขวัญข้าว สุพรรณ เจ้า
น้องดรีมลูกชาวนา 100000000000 %  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 18:14:24
วันพรุ้งนี้ไปเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนา ท่าสาย เจ้า เห็นว่ามีรถคูโบต้ามาสาธิตเกี่ยวข้าว อัดก้อนฟาง ใครว่างๆๆ ไปแอ่วหากั๋นเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 18:15:50
นาโยนใครนึกภาพไม่ออกดูรูปประมาณนี้ครับ...
ปีหน้าจะทำนาโยนนี่แระเจ้า  คริๆๆ ถาดยังไม่มี เดี๋ยวจะติดต่อซื้อเจ้า ขอบคุณจาดนักเน้อเจ้าที่เอามาลงให้ดู อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 18:17:38
นาโยนใครนึกภาพไม่ออกดูรูปประมาณนี้ครับ...
ปีหน้าจะทำนาโยนนี่แระเจ้า  คริๆๆ ถาดยังไม่มี เดี๋ยวจะติดต่อซื้อเจ้า ขอบคุณจาดนักเน้อเจ้าที่เอามาลงให้ดู อิอิ

ถ้าทำแล้วถ่ายรูปมาลงหน่อยนะครับ อยากเห็นนาโยนแบบนี้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 19:18:32
นาโยนใครนึกภาพไม่ออกดูรูปประมาณนี้ครับ...
ปีหน้าจะทำนาโยนนี่แระเจ้า  คริๆๆ ถาดยังไม่มี เดี๋ยวจะติดต่อซื้อเจ้า ขอบคุณจาดนักเน้อเจ้าที่เอามาลงให้ดู อิอิ

ผมบ่าได้ขายเน้อ... ตอนนี้แค่เป็นพนักงานบริษัทกับทำนาวันหยุด ก็ปอละครับเดียวจะบ่ามีเวลาพักผ่อน ลองโทรติดต่อเจ้าตั๋วเปิ้นเองละกั๋นเน้อ  พอดีไปแอ่วงานป๊ะใส่ เข้าท่าดีครับเพราะมีอุปกรณ์ครบดี เมื่อก่อนผมเคยลองทำนาโยนเครื่องมือก็บ่าค่อยมี มีก่าถาดขาย ดินต้องมาบดเอง เครื่องโรยก็บ่ามีมาร่อนใช้ตะกร้าเองก็เจ็บหลังเจ็บเอวครับ แต่อุปกรณ์สำเร็จแบบนี้ก็คงช่วยฮื้อการทำนาโยนได้ง่ายขึ้นครับ... :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 19:47:43
กิจกรรมวันว่างวันนี้ เอาขี้หมูไปใส่ในนาข้าวครับ เพื่อตากและเป็นการฆ่าเชื้อราด้วย ก่อนจะไถกลบตากหน้าดินก็จะเอาจุลินทรีย์หมักไปพ่นเพื่อช่วยย่อยสลายขี้หมูเป็นเป็นธาตุอาหารกับต้นข้าวและช่วยบำรุงดินด้วยอีกทางหนึ่ง

รถเทลเลอร์อาจดูแปลก ๆ นะครับเพราะทำเองต้นทุนอยู่ที่ 3 พันกว่าบาท ทำไว้นานแล้วตอนเริ่มทำนาใหม่ ๆ รูปทรงเลยไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ แต่พอเอาใช้งานได้ครับเพื่อลากลงไปในนาเพื่อความสะดวกรวดเร็วขึ้น ที่ขนไปวันนี้จะหว่านได้ประมาณซัก 5 ไร่ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 19:49:59
เส้นทางไปนาระยะทางประมาณ 1.4 km เป็นดินแดงซะ 400 เมตรครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 19:53:44
ทางสาธารณะ ในช่วงหน้าฝนถนนมักจะเสีย เลยต้องใช้ใบดันดินปรับซะหน่อย เผื่อให้ชาวนาที่ใช้เส้นทางนี้เดินทางสบายขึ้น บางคนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่มัวแต่หลบหลุม รถล้มไปจะลำบาก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 19:57:41
ใช้เวลาหว่านไป 2 ชม.ได้ 4 ไร่กว่าต้องหยุดเพราะพื้นนายังไม่แห้งพอ เพราะมีฝนตกลงมาบ่อย ต้องปล่อยทิ้งไว้อีกซัก 1-2 สัปดาห์ค่อยมาหว่านอีกครั้ง แล้วก็เดินทางกลับมาบ้านครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 20:08:33
เยี่ยมครับ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 22:01:00
ใช้เวลาหว่านไป 2 ชม.ได้ 4 ไร่กว่าต้องหยุดเพราะพื้นนายังไม่แห้งพอ เพราะมีฝนตกลงมาบ่อย ต้องปล่อยทิ้งไว้อีกซัก 1-2 สัปดาห์ค่อยมาหว่านอีกครั้ง แล้วก็เดินทางกลับมาบ้านครับ

 :D....เทรลเลอร์คันเล็กกะทัดรัดดีครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ปวดตับ ที่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 22:31:55

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 06:56:44

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D
สงสัยจะเป็นสาวลูก 2 เหียก๊าหา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 10:05:04

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D
สงสัยจะเป็นสาวลูก 2 เหียก๊าหา

;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 13:01:23

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D
สงสัยจะเป็นสาวลูก 2 เหียก๊าหา

 :D....เหอๆๆๆ....เก็บหลักฐานไว้ก่อนครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 17:20:38

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D
สงสัยจะเป็นสาวลูก 2 เหียก๊าหา

 :D....เหอๆๆๆ....เก็บหลักฐานไว้ก่อนครับ....
นั้นเตอะ ลูกสองลูกสาม สำหรับผมไม่มีปัญหา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 21:42:28
รถแบบนี้แปลกดีน้อ แต่ก็ใช้ได้ครับ  ;D  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 21:50:38
อีกหน่อยที่นาผมก็คงจะทำแบบนี้แล้วครับ ในไทยก็มีหลายท่านที่ทำแล้วแม้ลงทุนสูงแต่ก็อยู่ได้เป็นสิบปีแถมการซ่อมแซมก็ง่ายครับ เพราะอีกหน่อยอายุเยอะขึ้นจะมาตัดหญ้าคันนาก็คงบ่าไหว หน้าฝนหญ้าก็ขึ้นเร็วแถมเป็นที่อยู่ของแมลงศัตรูข้าว มีทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย แถมบ่าปอตึงปู งู ปลาไหล ก็ยังคอยทำฮื้อคันนาเป็นรู เก็บน้ำบ่าอยู่ต้องคอยซ่อม แถมบ่าปอต้องได้ขึ้นคันนาใหม่แหม ถ้าจะเอายาพ่นก็เสียต่อสุขภาพแหมครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 21:58:46
เข้ามาดมกลิ่นอายดิน  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 07:32:10

สาวบ้านนี้ ... ได้ใครคู่ครอง ... มีัข้าวกินทั้งปีทั้งชาติ  :D :D
สงสัยจะเป็นสาวลูก 2 เหียก๊าหา

 :D....เหอๆๆๆ....เก็บหลักฐานไว้ก่อนครับ....
นั้นเตอะ ลูกสองลูกสาม สำหรับผมไม่มีปัญหา
ฮาๆๆๆ โดนเต็มๆๆๆ ยังโสดๆๆอยู่ทางนี้ เน้อเจ้า ฮาๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 08:10:27
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 08:12:26
คูโบต้าก็เอารถอักฟางมาสาธิตให้ดูด้วยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 08:13:18
 ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 11:36:56
คูโบต้าก็เอารถอักฟางมาสาธิตให้ดูด้วยเจ้า

เครื่องอัดฟางราคาเต้าใดครับนี่ น่าสนใจดี  แต่รถเกี่ยวบ่าไหวคนแถวบ้านซื้อมาใช้งานขายปอจะบ่าตันเพราะนาแถวบ้านส่วนใหญ่จะหล่มกั๋นนัก ตีนตะขาบมันเล็กเกินไปมันติดท้องรถจะต้องได้เอา
แบคโฮลากออก แต่บางที่ก็เห็นมีใช้กันอยู่หนาที่นาบ่าหล่ม แต่ถ้าซื้อทั้งทีก็น่าจะเอารถที่สามารถใช้งานได้ทุกสภาพพื้นที่ดีกว่าครับ..

tTa29D-LbUU



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 12:59:23
ใกล้เริ่มทำนาปรังกันแล้วมาทบทวนความรู้กันหน่อย...จะได้เตรียมตัวได้ทัน...  :D  :D

ชัยพร พรหมพันธุ์ นาข้าวอินทรีย์ต้นทุนต่ำ

(http://www.monmai.com/media/2012/09/chaiyaporn.jpg)

ชัยพร พรหมพันธ์  เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2538 บ้านเลขที่ 31 หมู่ 1 ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ. สุพรรณบุรี 72450 ห่างจาก อ. บางปลาม้าประมาณ  5 กิโลเมตร

การลดต้นทุนทำนาของคุณชัยพร พรหมพันธ์ มีดังนี้

- ต้นทุนแรงงาน ทำเอง ให้คนอื่นทำ เหยียบข้าวล้มหมด จึงต้องเอาไม้แหวกต้นข้าวไว้เดิน หากตัวเองทำตะแคงฝ่าเท้าเดินอย่างสบายๆ เอายาฆ่าหญ้าลูบข้าวดีด ก็ไม่ไปถูกข้าวดี เหมือนจ้างเขา คนอื่นทำเสียเงิน 600 บาท ทำเองแค่  3 ชั่วโมงก็เสร็จก็จะได้ประหยัดไปแล้ว 600 บาท
- ต้นทุนค่าเช่านา ไม่มี เพราะซื้อเป็นเจ้าของเอง แรกๆ อาจเช่า พอมีเงินก็ซื้อเลย
- ต้นทุนค่าปุ๋ย ใช้ปุ๋ยขี้หมู มาหมักอีเอ็มใส่ขี้หมู 4-5 กระสอบ/ไร่ กระสอบละ 20 กก. ซื้อมาใส่รถกระบะปิกอัพของตัวเอง เที่ยวละ 50 ลูก ต้นทุนแค่ 1,000 บาท ใส่ได้ 10 ไร่ ตกต้นทุนปุ๋ย 100 บาท/ไร่ ใส่ปุ๋ยขี้หมูแห้งก่อนทำเทือก หรือ พร้อมๆ กับทำเทือก โดยวิธีใส่กระบุ้งลงบนรถอีโกร่ง ปาดนาให้เรียบพร้อมๆกับหว่านปุ๋ยแห้งลงไปด้วย
- ต้นทุนปุ๋ยน้ำหมักและฮอร์โมน  ก็ทำปุ๋ยน้ำหมักเอง ทำหัวเชื้ออีเอ็มเอง เอามาจากป่าห้วยขาแข็ง นอกจากนี้ยังทำฮอร์โมนไข่  และฮอร์โมนนมสดใช้งานเองด้วย
- ต้นทุนยาสมุนไพรไล่แมลง ทำเองที่บ้าน ก็ปลูกต้นบอระเพ็ดด้วย ให้ขึ้นตามต้นมะม่วง ไม่ต้องดูแลมาก
- ต้นทุนปลูกข้าว ใช้วิธีแช่น้ำข้าวเปลือกพันธุ์ 1 คืน พองอก ผสมไตรโคเดอร์ม่า แล้วเอาไปทิ้งเป็นจุดๆ เตรียมหว่านโดยวิธีพ่นกระจายทั้งนา หากทำเองไม่ทัน ต้นข้าวก็ไม่เป็นรากเน่า
- ต้นทุนพันธุ์ข้าว ให้พันธุ์ข้าวสุพรรณ 60 เมล็ดพันธ์ก็เลือกเกี่ยว เอาต้นที่มีรวงเมล็ดมากๆ ไว้ทำพันธ์ เอามาผึ่งแดดลมให้แห้ง โดยใส่กระสอบปุ๋ยโป่งๆ ให้ล้มระบายได้อย่างน้อยๆ  45 วัน จึงจะปลูกได้ ตอนใช้งานช่วยแช่น้ำไตรโดเคอม่า  จะปาดเอาข้าวลีบเบาลอยน้ำออกไปขาย ไม่เอาทำพันธุ์
- ต้นทุนไถนา ซื้ออีโกร่ง มาใช้งานเอง ช่วงวิ่งบนถนนก็ เอายางนอกรถยนต์หุ้มไว้เวลาลงนาก็ถอดออก การไถนาจะทำทีเดียว ถึงทำเทือกเลย ไม่มีไถดะก่อน

0LnunIz4txw

การทำนาหมักปุ๋ยขี้หมู เลี้ยงต้นกล้าข้าวอ่อน  18 วัน

สูตรการทำนี้หมักจุลินทรีย์ขี้หมู
ขี้หมูแห้ง                           1        ส่วน   (20 กก.)
น้ำธรรมดา                         10      ส่วน   (180 ลิตร)
ใส่อีเอ็มห้วยขาแข็ง              0.5     ส่วน   (1 ลิตร)
แช่น้ำ                                         2-3     คืน     (200 ลิตร)
ไม่ต้องใส่น้ำตาล

สูตรการใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ขี้หมู
น้ำหมัก                                       1        ลิตร
น้ำธรรมดา                         20      ลิตร
ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เมื่อข้าวอายุได้ประมาณ 18 วัน

การทำฮอร์โมนนมเลี้ยงต้นอ่อน 18 วัน

สูตรการทำหมักฮอร์โมนนม
บีทาเก็นหรือยาคูลน์ (นมเปรี้ยวจุลินทรีย์)   1 ขวด
นมจืด                                             1 กระป๋อง
แป้งข้าวหมาก                                  1  ลูก
หมัก  3 วัน จนมีกลิ่นหอม
สูตรการใช้
นำน้ำสมุนไพรไล่แมลงผสมน้ำหมักฮอร์โมนนม  ฉีดบำรุงต้นข้าว และไล่แมลงไปพร้อมๆ กันจนได้ไม่เปลืองแรงงาน

เร่งดอกออกรวงด้วยฮอร์โมนไข่ (ข้าว 45 วัน)
สูตรการทำ ฮอร์โมนไข่
- ไข่ไก่หรือรกวัวแทน           5  กก. (ไข่ประมาณ  100 ฟอง)
- กากน้ำตาล                      5  กก.
- ลูกแป้งข้าวหมาก              1  ลูก
- ยาคูลน์ หรือบีทาเก็น หรือนมเปรี้ยว  1 ขวด
วิธีการทำ
นำไข่ไก่ทั้งฟอง ปั่นให้ละเอียดแล้ว แล้วนำไปใส่ภาชนะ ผสมการน้ำตาลคลุกเคล้าให้เข้ากัน ต่อจากนั้นบดแป้งข้างหมากให้ละเอียดแล้วผสมกับยาคูลน์และนมเปรี้ยว แล้วนำไปบรรจุใส่ถังพลาสติก แล้วคนให้เข้ากัน แล้วปิดฝาหมักทิ้งไว้ 14 วัน โดยจะต้องเปิดคนทุกวัน จึงนำไปใช้ได้ ถ้าหมักนานเกินไป จะทำให้แห้งจะต้องเติมน้ำมะพร้าวอ่อน ที่มีเนื้อเป็นวุ้น  2 ลูก
สูตรการใช้งาน
เมื่อข้าวอายุ 45 วัน จะเริ่มตั้งท้อง  100 ไร่ ใช้ฮอร์โมนประมาณ  5 กก. โดยใช้  30 ซซ. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
หลังออกรวงแล้ว จะฉีดฮอร์โมนไข่ อีกครั้งก็ได้ การฉีดพ่น  10-15 วันต่อครั้ง และควรฉีดพ่นขณะแดดอ่อน หรือในช่วงเช้า เพราะกลัวว่าจุลินทรีย์จะตายจากความร้อน

การทำเทือก

ลูบเพื่อกดให้ระดับเรียบ นามีน้ำ ให้ไล่ดินก่อนแล้วลาก ตั้งระดับได้ มีกระดานลูบหลังเสมอเลย  หากท้องนาเสมอเรียบ จะใช้น้ำเข้านาน้อย ไม่เปลืองน้ำค่าสูบน้ำ คุมน้ำคุมหญ้าได้ง่าย และป้องกันน้ำแห้งเป็นจุดๆ ในที่ดอน
น้ำเข้านาวันที่ 7-25   ของวันปลูกข้าว  หลังจากวันที่ 25  แล้ว  ปล่อยให้น้ำในนาแห้งเอง

การหว่านข้าว
เอาข้าวเปลือกแช่ลงไปในน้ำในปลอกบ่อที่เตรียมไว้ใส่น้ำ  70% ที่ใส่เชื้อไตรโคเดอร์ม่าไว้แล้ว เอาข้าวเปลือกลอยๆ ออกทันที เพราะเป็นข้าวเบาข้าวล้ม ไม่มีน้ำหนักแช่ไว้  1 คืน แล้วตักใส่กระสอบปุ๋ย เอาไปค้างที่นาได้เลย วางกระสอบไว้เป็นจุดๆ ทั่วแปลง

การหว่านใช้วิธีหว่านเครื่อง เป็นเครื่องพ่นหว่านโดยถอดลิ้นให้ล้มลง เอาตัวกันน้ำออก
เครื่องหว่านเหมือนกัน 2  เครื่อง เอาไว้หว่านปุ๋ยแห้งปุ๋ยเม็ด และเอาไว้หว่านข้าว  1 เครื่อง
อีกเครื่องลิ้นปิด ก็จะพ่นปุ๋ยน้ำ พ่นน้ำหมัก พ่นน้ำสมุนไพร น้ำฮอร์โมนได้
พ่นเครื่องหนึ่งๆ  ห่างจากตัวผู้พ่นประมาณ  7 เมตร อัตราการใช้ข้าวเปลือก  2.5  ถัง/ไร่
หว่านไม่หมดก็ไม่เป็นไร หากไม่แช่เชื้อไตรโคเดอร์ม่า ข้าวเปลือกจะขึ้นรา  ข้าวที่แช่แล้ว  1 คืน วางทิ้งไว้ในกระสอบชื้น จะเกิดตุ่มตา หากความชื้นหมด ตาจะหด จะใช้อีกก็จะนำกระสอบข้าวเปลือกแช่น้ำอีก เรียกตุ่มตาใหม่ก่อนเอาไปใช้งาน
จำไว้ข้าวล้มให้เอาออกเลย เอาไว้ไม่ดีเพราะอาหารน้อยมีแค่ครึ่งเมล็ด เติบโตไม่ดีแล้ว เมล็ดลีบก็จะออกลูกเป็นเมล็ดลีบเช่นกัน
การแช่น้ำ แค่น้ำเปล่าก็พอ ไม่ต้องใช้น้ำเกลือเพราะแค่น้ำเปล่าก็คัดเมล็ดนั้นออกไปมากแล้ว ต้องรีบตักข้าวลอยน้ำออก เพราะทิ้งไว้นาน ๆ ข้าวจะจมลงเพราะอุ้มน้ำเต็มที

แก้ปัญหาเพลี้ยไฟในนาข้าว
ใช้สมุนไพรไล่แมลง ก็จะเหลือตัวห้ำตัวเบียน คอยกินเพลี้ย
อีกเทคนิคหนึ่งคือ อย่าหว่านข้าวหนาไป  จากเดิม  4-5 ถัง/ไร่ หนาไป ลดเหลือ  2.5 ถัง/ไร่ ก็พอดี หากต้นข้าวหนา แดดจะร่ม มีร่มเงามาก เพลี้ยชอบความชื้นและร่มเงา หากหว่านให้บาง  เพลี้ยจะหมดไป
เป็นชาวนาต้องหมั่นเป็นนักสังเกตุ เคยทำนา  3 แปลง ทำแปลงต้นน้ำก่อน แล้วไล่น้ำลงมาแปลงสองและไปแปลงสาม

บังเอิญข้าวงอกครึ่งเดียว ทั้งๆ ที่หว่านหนาคิดว่าจะรื้อนา หว่านใหม่ แต่ทำใจไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลยปล่อยไปแบบข้าวนาดำ แรกๆ ดูข้าวบางๆ ไม่เต็มนา รู้สึกเบาๆ ไม่มั่นใจ ว่าข้าวต้องได้น้อยแน่ แต่ตรงกันข้ามหว่านไว้หนา กลับได้ข้าวถัง/ไร่ น้อยกว่าหว่านบางอีก ก็เลยหันมาหว่านแบบบางๆ  ตั้งแต่นั้นมา

ต้นทุนทำนา
เดิมทีมีแค่  30 ไร่  พอต้นทุนต่ำก็มีกำไรมาก ก็ขยายนา ซื้อไปเรื่อยๆ จนได้ 107 ไร่

ต้นทุนปี 2550 ประมาณ 2,000 บาท/ไร่  ปี 2551 ประมาณ 2,500 บาท/ไร่ เพราะราคาน้ำมันขึ้น   ต้นทุนนี้ไม่รวมค่ารถเกี่ยวข้าว (รถอุ้ม) กำไรไร่ละ 10,000 บาท หากปีไหนได้ผลผลิตมากกว่า 100 ถัง/ไร่ จะซื้อเครื่องประดับให้กำลังใจตัวเอง ในส่วนที่เกิด 100 ถัง/ไร่

ทำนา  10 ไร่ เท่ากับเงินเดือน 5,000-10,000 บาท/เดือน ทำ 2 รอบ/ปี ที่สุพรรณบุรี ดังนี้
รอบแรก         ธันวาคม-เมษายน
รอบสอง        พฤษภาคม-กันยายน
พักให้น้ำท่วม  ตุลาคม-พฤศจิกายน

การรักษาดินนา
ให้ตรวจดินดูโดยการเดินย่ำนา หากนุ่มเท้าดินจะดี เพราะประกอบด้วยฟางจุลินทรีย์มากมาย   หากเป็นดินแย่ จะแข็งกระด้าง เดินไม่สบายเท้า มักเกิดจากการเผานาแบบรุนแรง คือ เผาขณะลมนิ่ง
ยามจำเป็นต้องเผาฟาง  จะใช้เทคนิคการเผาฟางแบบลอกผ่าน โดยเลือกช่วงลมแรงๆ ไฟจะเผาฟางแบบผ่านๆ เผาไม่หมด

การทำเทือกโดยวิธีควักดิน

รถควัก ทำงาน  10 ไร่/วัน ดินนิ่มและยกเท้าเปื้อน ข้าวอายุ 45 วัน  เปิดน้ำทิ้งก่อนปลายข้าวเหลืองให้แห้งก่อน
รถทำเทือกแบบที่ขายกัน จะตัดดินจนเละ  ดินข้างใต้ถูกตัดเสมอกันหมด  และพื้นแข็ง    สู้ควักเป็นจุด จะดีกว่า

ใส่ปุ๋ยขี้หมูช่วงข้าวอายุ 45 วัน
ช่วง 45 วัน หากข้าวออกรวงช้า ให้เอาขี้หมูแห้งใส่กระสอบวางขวางน้ำเข้านา ให้น้ำชะล้าง ละลายออกไป ใช้ประมาณขี้หมู  1  กระสอบ/ไร่
หนที่ 2 อายุข้าว 50-55 วัน ใส่ปุ๋ยอีก
หากเมล็ดข้าวเล็กไป ให้บำรุงเมล็ดข้าวโดยฉีดฮอร์โมน
- ฉีดพ่นฮอร์โมนก่อนข้าวออกรวง     1 ครั้ง
- หลังออกรวงแล้ว ฉีดพ่นฮอร์โมน    1 ครั้ง
เกสรตัวเมียข้าวจะเปิดปากช่วง  9 โมงเช้าถึงบ่าย  2 ช่วงนี้  ห้ามฉีดพ่นฮอร์โมนหรือปุ๋ยใดๆ เพราะเมล็ดข้าวจะอมสารเข้มข้นเข้าไป เมล็ดจะแตก

ทำนาข้าวไร้สารเคมีฉีดแล้วเทียวต่อได้
ทำนาข้าวไร้สารเคมี ไร้พิษภัยอันตรายฉีดเสร็จก็ไปช่วยงานสังคมได้ต่อเลย

ปราบหอยเชอรี่ด้วยนก
หอยเชอรี่ไม่มี เพราะนกกินหมด หลังจากทำเทือกแล้ว ปล่อยน้ำแห้ง นกจะลงมากินหอยในนา นกกินหลังทำเทือกเลย  กิน 1- 2 วัน หอยก็หมด แล้วนกจะไม่มาลงนาอีก เพราะอาหารหมด หากในนามีหอยอยู่ มีต้นกล้าอ้วน นกจะเดินย่ำกล้าอ่อน ทำให้ต้นกล้าตายได้ พอนกกินหอยหมด ก็จะไม่มาลงนาอีก เพราะรู้ว่าอาหารหมดแล้ว จากนั้นก็ค่อยหว่านข้าวลงนา
การแหวกร่องน้ำ บางคนนิยมสวยงามดี ใช้แหวกเป็นเส้นคู่ขนานไปเลย ในทางประหยัดแรงงาน  ก็ไปดูว่าน้ำขังอยู่ตรงไหน ก็ลากแหวกเฉพาะตรงนั้นให้น้ำระบายออกไป ไม่เน้นความสวยงาม เน้นหน้าที่ร่องน้ำ ปลูกข้าวขึ้นหมดก็จะปกคลุมบังมิด ไม่เห็นร่องน้ำแล้ว

ดูแลแมลงศัตรูข้าว
มีแมลงมีหนอน ช่วงแรก หนอนจะห่อใบข้าว และมีเพลี้ยกระโดด ในนาข้าวอินทรีย์มีแมลงบ้าง แต่ไม่เสียหายใบหักไปบ้างไม่เป็นไร อย่ามากินรวงข้าว ก็แล้วกัน เพราะเราทำนาเองรวงข้าวเมล็ดข้าว  ไม่ใช่เอาใบข้าว
หนอนกินใบลงนามากๆ นกจะรู้ แล้วลงมาหาหนอน  กินแล้วนกจะเหยียบรวงข้าวหัก
ต้องฉีดสมุนไพร ได้ผลแน่นอนอยู่ที่ใจว่ามั่นใจในสมุนไพรไล่แมลง สมุนไพรต้องเก็บสะสม   ที่ใช้บ่อยๆ ก็มี บอระเพ็ด ผักคูณ สะเดา ยาสูบ (ยาฉุน) หางไหล (โลตั๋น)

จงทำใจเมื่อทำนาอินทรีย์
คนเริ่มทำนาอินทีรย์ใหม่ๆ จะมีปัญหามาก มีชาวนาอยุธยา จะโทรมาถามถึงคุณชัยพรบ่อยๆ   พอติดปัญหาก็โทรมาถาม แล้วก็เอาไปปฏิบัติ ได้ผลเกินคาดจริงๆ
ทำนาอินทรีย์ ต้องทำใจให้ได้ หากต้นข้าวไม่งามใบไม่เขียว ปุ๋ยเคมีพอช่วยได้บ้างในช่วงแรกๆ แต่อย่ามาก เพราะชาวนาจะชินต่อการทำให้ใบข้าวเขียว แต่สารเคมีฆ่าแมลงให้ห้ามเด็ดขาด
ข้าวใบงามเกินไป เมล็ดลีบ  ให้สังเกตุดู เขาเรียกว่าบ้าใบ หรือวัวพันธุ์เนื้อตัวใหญ่แต่น้ำนมน้อย  แต่วัวพันธุ์นม ตัวจะเล็กกว่า แต่ให้น้ำนมมากกว่า ข้าวใบรวงสั้น เมล็ดจะแกร่ง เมล็ดจะเต็มเปลือก

ใบข้าวนาอินทรีย์ใบจะคมบาดขาลายไปหมด

แนวคิดจูงใจตัวเองให้ทำเองดีกว่าจ้าง
ทำนาทั้งปี  2   ครั้ง ช่วง  3  ว่าง 3  เดือน รอน้ำท่วม นับวันแต่ละรอบทำนา วันทำงานจริง 30 วัน  นั้นคือ ทำงานทั้งปี แค่ 60 วัน/ปี วันว่างมีมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงแต่ขี้เกียจทำ ไปจ้างเขาหมด ลองทำเองบ้าง
ไปจ้างเขาฉีดพ่นปุ๋ยใบ  10 ไร่ เขามา 2 คน ทำแค่ 2  คน หมดไป 500 บาท ลองมาทำเองเสียเวลาแค่  3   ชั่วโมง ครึ่งวัน ประหยัดได้  500  บาท
เราทำเองอาจเร็วกว่า เพราะเราทำไปคิดไปว่าจะลดขั้นตอนงานให้น้อยลงอย่างไร สำรวจแปลงนาไปด้วย ประสิทธิภาพมากกว่า ระมัดระวังมากกว่า เพราะเป็นเจ้าของเอง การเดินก็ไม่เหยียบต้นกล้า จนเสียหาย คนอื่นเขาระวังน้อยกว่า
การบนไว้กับตัวเองและภรรยา ว่าหากเกิน 100  ถัง/ไร่ (1 เกวียน/ไร่) จะขอส่วนเกินไปซื้อเครื่องประดับทองคำมาแต่งตัวแล้ว หากทำไม่ถึงก็อด ท้าท้ายตัวเอง หากจ้างคนอื่น ไม่มีทางทำได้มาก ต้องทำเอง จึงเกิดพลังใจในการทำงาน  มากกว่าจ้าง
ชาวบ้านเพื่อนบ้านไม่เชื่อว่า ทำนาได้มากกว่า  100  ถัง/ไร่ ต้องเก็บกากตั๋วขายข้าวมาให้ดู
แนวคิดเรื่องปุ๋ยเคมี  มีพนักงานขายมากระตุ้นให้ชาวนาซื้อมากๆ แล้วมีชิงรางวัลเลี้ยงโต๊ะจีนพาไปดูงานต่างประเทศ  อย่าใจอ่อน ให้ทำเองใช้เกษตรอินทรีย์ อยากเที่ยว ก็ให้เก็บเงินไปเที่ยวเอง เขาต้องกำไรมากๆ มิเช่นนั้นเขาจะเอาโต๊ะจีนมาเลี้ยงได้อย่างไร ต้องคิดว่าเขาฟันเรา จะได้มีฤทธิ์สู้ ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ซึ่งต้องตอบโต้  โดยการต่อสู้  ทำปุ๋ยใช้เอง  ไม่ยอมซื้อเด็ดขาด

แรงดลใจให้เป็นชาวนาอินทรีย์

ตอนนี้เป็นชาวนาเกษตรอินทรีย์ไปแล้ว รับนักศึกษาเกษตรมาฝึกงาน โดยไม่คิดเงินเลย เลี้ยงอยู่เสร็จ มาจากมหาวิทยาลัยเกษตรบางแสน และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แรงดลใจ  มีดังนี้
-         มีอาจารย์ด้านเกษตรมาช่วยสอนเรื่องทำนาให้
-         คนโบราณยังไม่เห็นใช้ยาเคมีเลย ยังทำนาได้
-         นาปรังบอกว่าทำนาไม่พอกิน ลองไม่ทำอะไรเลย ก็เห็นได้ผลผลิตออกมาพออยู่ได้
-         ข้าวนาเพลี้ยลง บางคนถึงกับถอดใจ เอาน้ำออกจนนาแห้ง  ปรากฏว่าข้าวรอด เพราะเพลี้ยอยู่ไม่ได้ เพราะร้อนและขาดความชื้น
-         ลองฉีดสมุนไพรดู ปรากฏว่าข้าวเต็มเมล็ดดี
-         ทำใจได้ อยากลองดู เพราะเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุ มีนิสัยเป็นนักทดลองอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

ลองทำนาอินทรีย์ดู
ทำนาอินทรีย์มาแล้ว ประมาณ  25 ปีมาแล้ว แรกๆ ก็ทดลองน้อยๆ ก่อน  8  ไร่เป็น
นาอินทรีย์ ที่เหลือ 14 ไร่ เป็นนาเคมี ปรากฏกว่านาเคมีมีเพลี้ยมาก นาเคมีกับนาอินทรีย์
เป็นคนละเลนกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จุลินทรีย์ในนาอินทรีย์ พอกับมาที่นาเคมี จุลินทรีย์ถูกสารเคมีก็ตายหมด
เชื่อราที่ใช้  ก็มี
-         เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า (ราเขียว) ใช้ตรวจเมล็ดพันธุ์ และฉีดพ่นฆ่าเชื้อราสนิมใบข้าว
-         เชื้อจุลินทรีย์ห้วยขาแข้ง (อีเอ็ม)  เพาะหัวเชื้อจุลินทรีย์เอง โดยไปเอาจากป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี ลักษณะนุ่มเป็นแผ่น หอมคล้ายเห็ด  อีเอ็มนี้มาทำเป็นอีเอ็มผงก่อน เก็บเอาไว้ โดยใช้ไปขอบบ่อเอาฟางคลุม เอาฝาปิดอีกที แล้วเอาไปใช้เป็นอีเอ็มน้ำ ใช้มาหลายปีแล้ว ยังไม่หมดเลย  ใครมาขอก็ยกให้ฟรีๆ อีเอ็มเราหมักไว้ย่อยฟางข้าวในนา และหมักขี้หมู และสมุนไพรไล่แมลง

การทำแผนนาอินทรีย์
แรกๆ เราใช้ปุ๋ยเคมีอยู่ เราใส่ปุ๋ยอะไรบ้าง มีไร่แล้วค่อยๆลดลง
การทำนาอินทรีย์มี  2  วิธี คือ
-         ทำนาอินทรีย์บางส่วนสัก 5-10% ของพื้นที่ที่เหลือเป็นนาเคมี แล้วค่อยๆ  ขยาย พื้นที่นาอินทรีย์จนเต็มแปลงภายในกี่ปี ตามที่แผนเรากำหนดไว้
-         ทำนาอินทรีย์ทั้งหมดทั่วพื้นที่ โดยกระบวนการ ลดเคมีฆ่าแมลงก่อน แล้วมาใช้สมุนไพรแทน จากนั้นก็ค่อยๆ ลงปริมาณปุ๋ยเคมีลง โดยทดแทนตัวปุ๋ยอินทรีย์และจุลินทรีย์ชีวภาพ ให้มาก
พื้นที่ทำนาเคมีเสียและเสื่อมโทรมมากๆ ก็จะฟื้นยากหน่อย จะปรับตัวไม่เท่ากัน อีกอย่างนี้เคมีจากแปลงอื่นใกล้เคียงก็ไหลเข้ามา เพราะมีการถ่ายน้ำนาจากแปลงโน่นไปใส่แปลงนี้ หรือใช้คลองห้วยร่วมกัน ให้ลองเอาดินและน้ำไปตรวจดูสารปนเปื้อนโลหะหนักมีพิษ  เคมีฆ่าแมลง
ให้เลิกใช้เคมียูเรียเลย เพราะมีแต่ใบและเป็นโรคง่าย ให้ใช้สูตรเคมี 16-20-0 ไปก่อนแล้วค่อยๆ ลดลง

สมุนไพรฆ่าแมลงตัวเก่ง
เมล็ดมันแกว   :- ฤทธิ์แรงฆ่าแมลงได้เร็ว ฆ่าหนอน บดแล้วให้สุนัขกิน อาจตายได้
กลอย            :- จะมีฤทธิ์เมา ฆ่าแมลงและหอยได้

ชาวนาต้องเก่งเครื่องจักรจึงจะลดต้นทุนได้
เคยมีอาชีพหล่อเสาปูนขาย มีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งข้าว เคยเป็นช่างอู่ จึงมีความรู้เรื่องช่าง
หากทำเองมีพื้นที่มาก ทำไม่ทันฤดูกาลและเวลาที่ให้ จะจ้างก็แพง ปกติทำนาเขาจะจุดไฟตอซังก่อนแล้วไถ  เห็นว่าไม่ดีก็เปลี่ยนวิธีใหม่
เริ่มจากการทำแบบไถกลบฟาง  เห็นข้าวงามดี เพราะมีปุ๋ยจากฟาง ก็เลยประดิษฐ์รถควัก วิ่ง  3  ที ก็เสร็จแล้ว ทุ่นแรงเครื่องมือทำแรง
วิธีการทำเทือกที่รวดเร็วลดงาน
1.     หลักการ
-         จุดเลี้ยวพื้นจะไม่เสมอ เนื่องจากล้อบิดเป็นแอ่งลึก หากเลี้ยวเป็นวงแคบ ดังนั้นการเลี้ยวต้องเป็นวงกลม
-         ใช้คลื่นน้ำ กระแทกดินที่เป็นเลนพอดีๆ เรียบเอง ใช้หลักธรรมชาติช่วยทำงานให้
2.     วิธีการทำ
-         เริ่มจากแบ่งพื้นที่เป็น 2 ซีก
-         วิ่งผ่ากลางแปลง จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ใช้แนวตรง
-         เมื่อชนสุด ให้เลี้ยวขวา (ด้านขวาแปลง) ตั้งฉากไปจนสุดแปลงนาแล้ววิ่งกลับมาใช้เส้นเดิม
-         พอเจอเส้นกลางก็ทำเทือกทางขวาของเส้นกลาง
-         วิ่งมาสุดอีกด้านของเส้นผ่ากลาง ก็เลี้ยวไปทางขวา (ด้านซ้ายแปลง)
-         วิ่งสุดก็วิ่งกลับมาจนเส้นกลาง
-         แล้วทำเทือกด้านซ้ายเส้นกลาง
-         แล้วทำซ้ำๆ ในลักษณะตัวเอส-ฉาก
-         เส้นกลางก็จะเป็นพื้นที่ขยายไปซ้ายขาวเรื่อยๆ
-         ดินเทือกก็จะถูกกระแทกไปเรื่อยๆ จนเรียบ
-         สุดท้ายให้ทำเทือกเรียบโดยวิ่งตามกรอบ รอบแปลงนา

สูตรน้ำสกัดสมุนไพรป้องกันและกำจัดแมลงและศัตรูข้าว
สมุนไพรจำเป็นแต่ละชนิดอย่างละ  5   กก. ดังนี้
ยาสูบหัวกลอย หนอนตายอยาก บอระเพ็ด หางไหลแดง เปลือกมังคุด เมล็ดมันแกว ขมิ้นชัน ไพล เปลือกสะเดา สมุนไพรเหล่านี้ สามารถปลูกเองได้รอบๆบ้าน จะได้ไม่ต้องซื้อหา
สมุนไพร (หากมี) แต่ละชนิดอย่างละ 5 กก. ดังนี้
ตะไคร้หอม  ว่านน้ำ ลูกมะกรูด เถามะระขี้นก ฝักคูณแก่
ใช้กากน้ำตาล  10  กก. หัวเชื้ออีเอ็ม 1 ลิตร หากกากน้ำตาลต้องซื้อ ก็ปลูกอ้อยสัก  1 งาน ก็สามารถใช้แทนกากน้ำตาลได้
วิธีทำ  สับส่วนประกอบทั้งหมดให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ละเอียด (ยกเว้นกากน้ำตาลและหัวเชื้ออีเอ็ม) นำไปบรรจุในถังพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด ใส่กากน้ำตาล อีเอ็มและน้ำ  โดยให้ท่วมส่วนผสมขึ้นมาประมาณ 15  ซม. คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาให้สนิทแล้วเปิดคนกวนทุกวัน เป็นเวลา 14 วัน จึงจะนำไปใช้ได้
การใช้ อัตรา 100-150   ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร การฉีดพ่น ควรทำในช่วงเช้า จึงจะมีประสิทธิภาพสูง ส่วนกากที่เหลือ จากการคั่นน้ำหมดแล้ว ให้นำไปเทลาดเวลาสูบน้ำเข้านา

การผลิตเชื้อไตรโคเดอร์ม่า ชนิดสด
เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า มาใช้ตอนแช่ข้าวพันธุ์ก่อนปลูก และรักษาโรคเพลี้ย  โรครากเน่าได้ ตลอดจนเพิ่มฟอสเฟตในดินได้
การเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ มีดังนี้
-         หุงปลายข้าวด้วยหม้ออุ่นข้าวไฟฟ้า ไม่นิ่มไม่แข็ง พอข้าวสุก ก็ใช้ทัพพีซุบขณะร้อน
-         ตักปลายข้าวสุกขณะร้อน ระวังเชื้ออื่นเข้าใส่ในถุงพลาสติกทนร้อน 8X12 นิ้ว หรือ 250  กรัม/ถุง
-         กดข้าวให้แบนพับปากถุง รอจนข้าวอุ่นเกือบเย็น
การใส่หัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่า
-         ใช้เหยาะหัวเชื้อลงในถุงข้าวในที่ลมสงบ 2-3  ครั้ง หรือประมาณ 1 กรัม/ถุง
-         รัดยางตรงปากถุงให้แน่น เขย่าหรือบีบเบาๆ ให้เชื้อกระจายทั่วถุง
-         สวมถุงให้ปากถุงพองอากาศ แล้วใช้เข็มแหลมแทงบริเวณรอบๆ ปากถุงที่ยางรัดไว้
การบ่มเชื้อราไตรโคเดอร์มา
-         กดข้าวในถุงให้แน่น ห้ามวางถุงซ้อนทับกัน ดึงกลางถุงให้พองออก ไม่ให้ถุงติดข้าว ให้อากาศเข้าได้
-         บ่ม 2 วัน โดยวางถุงในห้องที่ปราศจากมด ไร และ สัตว์อื่น ๆ อากาศไม่ร้อน ไม่ถูกแสงแดด แต่มีแสงสว่าง  
6-10 ชั่วโมง/วัน หากแสงไม่พอใช้หลอดนีออนช่วยแทน
-         ครบ  2  วัน บีบเขย่าข้าวที่มีเส้นใยให้แตก วางถุงในที่เดิม ดึงถุงให้อากาศเข้าอีกเหมือนเดิม
-         บ่มต่ออีก  4-5 วัน บีบดึงถุงอีก
-         ครบ 15 วัน จึงนำไปใช้

ปัญหาที่พบ
-         เชื้อขึ้นขาวแต่ไม่เขียว ข้างแฉะไป ต้องลดน้ำหุ้งข้าว
-         ปากถุงราเขียวก้นถุงราขาว อากาศไม่พอแสงไม่พอ ให้เจาะรูเพิ่มให้ใช้ไฟนีออนช่วย
-         เกิดหยดน้ำในถุง วางถุงข้าวในที่ร้อน ให้วางในที่เย็น
-         เชื้อดำเสียในถุงข้าว มีจุลินทรีย์ปนเปื้อน ต้องทิ้งถุงข้าวโดยไม่ต้องแกะ
-         เชื้อเขียวแล้วกลายเป็นเชื้อขาว เชื้ออายุเกิน 7 วัน ให้บ่มเชื้อครบ 7 วัน แล้วเก็บถุงเชื้อในตู้เย็น
-         เกิดการปนเปื้อน เชื้อราไตรโคเคอร์ม่ากลายพันธุ์

วิธีการดูว่าเป็นนาอิทรีย์แล้ว
1.     สัมภาษณ์ แนวคิดชาวนา
-         มีความรู้เรื่องจุลินทรีย์ ทำนาอินทรีย์
-         ตอบปัญหาได้ในมุมของเกษตรอินทรีย์ จุลินทรีย์ชีวภาพได้ ในเรื่องลดต้นทุนปุ๋ย ยาฆ่าแมลง วัชพืช เนื้อดิน
-         สามารถบอกเวลาข้าวปิดเปิดเกสรตัวเมียได้
-         ค้นหาวิธีการลดงานลงโดยวิธีการตัดหรือรวมขั้นตอนการทำนา
-         วิธีการทำนาในแต่ละขั้นตอนสอดคล้อง
-         ผลงาน ผลผลิต
2.     เยี่ยมบ้านชาวนา
-         พบตุ่ม ไห ถังหมักจุลินทรีย์ ถุงปุ๋ยอินทรีย์
-         มีการปลูกพืชสมุนไพรใกล้บ้าน
-         มีการทำน้ำฮอร์โมนพืช
-         มีการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมัก ใช้เอง หรือเลือกซื้อได้
-         มีถังข้าวแช่น้ำจุลินทรีย์
-         มีรถไถนาขนาดเล็ก, และอุปกรณ์ทำนา เชิงระบบนิเวศน์
-         มีอุปกรณ์ตรวจสอบต่างๆ เช่น ทดสอบดินและน้ำ
3.     ตรวจนาอินทรีย์ภาพสนาม สถานที่ทั่วไป
-         มีเสียงกบเขียดร้อง
-         พบตัวหำตัวเบียน  มวลเพชรฆาต  แมงมุม ตามระยะเวลาการปลูกข้าว
-         ดินนาร่วนซุ่ย เดินแล้วนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง ดินมีกลิ่นหอม ไม่เหม็น มีแก๊สบริสุทธิ์ ไม่มีแก๊สมีเทน หรือแก๊สไข่เน่า
-         น้ำสะอาดใส่ ไม่เน่าดำ เอาน้ำไปวิเคราะห์ไม่พบโลหะหนัก หรือมีน้อยมาก
-         มีซากอินทรีย์ ตอซังข้าว ที่มีลักษณะเป็นฮิวมัสแล้ว
-         เอาดินจากนา มาลอยเพาะเชื้อจุลินทรีย์ดู โดยการทดสอบกับน้ำผสมน้ำตาล จะมีแก๊สหอมชื้น
-         พบวิธีการทำนา เช่น การวางกระสอบปุ๋ยคอกวางขวางทางน้ำ
-         พบวิธีการ ฆ่าแมลงทางกล และชีวภาพ
-         มีเทคนิคการทำนาที่ใช้ในเชิงระบบนิเวศน์ เช่นการปลูกห่างและใบโปร่ง เพื่อกำจัดเพลี้ยและราสนิม โดยวิธีสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

-         ตรวจดูรวงข้าว เมล็ดเต็ม ไม่ลีบ จำนวนเมล็ดมาก จำนวนกอมีกี่ต้น ต้นละกี่รวง รวงละกี่เมล็ด
-         การกระจายความหนาแน่นต้นข้าวและรวงข้าว ในแต่ละไร่ ของแปลงนาว่าสม่ำเสมอ หรือแตกต่าง  สามารถอธิบายสาเหตุและผลได้
-         อธิบายธรรมชาติของนกกินหอย และแมลงศัตรูพืชได้ ในแง่โทษและประโยชน์พฤติกรรม นิสัย ที่สอดคล้องกับการควบคุมป้องกัน จำนวนประชากรแมลงไม่ให้มากถึงขั้นเสียหาย

คุณชัยพร พรหมพันธุ์ เป็นชาวนาที่ทำเกษตรอินทรีย์มามากกว่า 20 ปี มาแล้ว อาศัยที่ตัวเองเป็นช่างเทคนิค เป็นคนชอบสังเกตุ ชอบคิดใหม่ทำใหม่ คิดปรับปรุงงานให้ทำงานน้อยลง ตัดงานบางอย่าง อย่างไรโดยการรวมงาน การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องทุนแรง มาช่วยลดแรงคน การดัดแปลงเครื่องมือที่มีอยู่แล้ว มาทำหน้าที่หว่านเมล็ดข้าวและปุ๋ยเม็ดได้ การทำอุปกรณ์สูบข้าวดีดอย่างง่ายๆ ราคาถูก การยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำเอง ใช้จ่ายประหยัด ใช้สารสมุนไพรไล่แมลงแทนเคมีฆ่าแมลง รู้จักธรรมชาติของนกในการลงนา การที่มีอุปนิสัยดี ที่ชอบสอนด้วย และมีแนวคิดกุศโลบายในการจูงใจตนเอง ให้ทำงานอย่างไร โดยไม่พึ่งคนอื่นมากนัก  การเป็นนักลดต้นทุนอยู่เป็นนิสัยรากฐาน  หากซื้อก็ซื้อน้อยที่สุด หากเป็นเครื่องจักรราคาแพงก็จะซื้อรถเก่า เช่น รถเกี่ยวข้าว รถใหม่ราคา 2  ล้านบาท ก็จะรอหาที่คนร้อนเงิน ขายรถเก่า ราคา 5 แสนบาท  1  ปี ก็ถอนทุนแล้ว เพราะไปรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วย  การลดเวลาป้ายข้าวดีด โดยการเอาถังน้ำยาสะพายติดหลัง  คนเดียวกันทำได้  ไม่ต้องใช้ 2 คน แบบคนอื่น และไม่ต้องเดินย้อนไปมา  เดินเที่ยวเดียวไปทั่วไป งานจึงเสร็จเร็วและไม่เหนื่อย

ที่มา http://www.monmai.com


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 13:11:00
คูโบต้าก็เอารถอักฟางมาสาธิตให้ดูด้วยเจ้า

เครื่องอัดฟางราคาเต้าใดครับนี่ น่าสนใจดี  แต่รถเกี่ยวบ่าไหวคนแถวบ้านซื้อมาใช้งานขายปอจะบ่าตันเพราะนาแถวบ้านส่วนใหญ่จะหล่มกั๋นนัก ตีนตะขาบมันเล็กเกินไปมันติดท้องรถจะต้องได้เอา
แบคโฮลากออก แต่บางที่ก็เห็นมีใช้กันอยู่หนาที่นาบ่าหล่ม แต่ถ้าซื้อทั้งทีก็น่าจะเอารถที่สามารถใช้งานได้ทุกสภาพพื้นที่ดีกว่าครับ..

tTa29D-LbUU


สามแสนปลาย ตอนแรกดรีมเข้าใจว่า มันจะตัดตอฟางแล้วอัดออกมา ที่แท้มันเอาฟางจากรถเกี่ยว แต่ฟางเป็นกองก็ทำได้ ดรีมว่ามันแพงล้ำไปอะเจ้า คูโบต้าเขาจะมาสาธิตแหมกำตอนดำนาปรัง เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 13:29:33
ใกล้เริ่มทำนาปรังกันแล้วมาทบทวนความรู้กันหน่อย...จะได้เตรียมตัวได้ทัน...  :D  :D

ชัยพร พรหมพันธุ์ นาข้าวอินทรีย์ต้นทุนต่ำ

(http://www.monmai.com/media/2012/09/chaiyaporn.jpg)

ชัยพร พรหมพันธ์  เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2538 บ้านเลขที่ 31 หมู่ 1 ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ. สุพรรณบุรี 72450 ห่างจาก อ. บางปลาม้าประมาณ  5 กิโลเมตร

การลดต้นทุนทำนาของคุณชัยพร พรหมพันธ์ มีดังนี้

- ต้นทุนแรงงาน ทำเอง ให้คนอื่นทำ เหยียบข้าวล้มหมด จึงต้องเอาไม้แหวกต้นข้าวไว้เดิน หากตัวเองทำตะแคงฝ่าเท้าเดินอย่างสบายๆ เอายาฆ่าหญ้าลูบข้าวดีด ก็ไม่ไปถูกข้าวดี เหมือนจ้างเขา คนอื่นทำเสียเงิน 600 บาท ทำเองแค่  3 ชั่วโมงก็เสร็จก็จะได้ประหยัดไปแล้ว 600 บาท
- ต้นทุนค่าเช่านา ไม่มี เพราะซื้อเป็นเจ้าของเอง แรกๆ อาจเช่า พอมีเงินก็ซื้อเลย
- ต้นทุนค่าปุ๋ย ใช้ปุ๋ยขี้หมู มาหมักอีเอ็มใส่ขี้หมู 4-5 กระสอบ/ไร่ กระสอบละ 20 กก. ซื้อมาใส่รถกระบะปิกอัพของตัวเอง เที่ยวละ 50 ลูก ต้นทุนแค่ 1,000 บาท ใส่ได้ 10 ไร่ ตกต้นทุนปุ๋ย 100 บาท/ไร่ ใส่ปุ๋ยขี้หมูแห้งก่อนทำเทือก หรือ พร้อมๆ กับทำเทือก โดยวิธีใส่กระบุ้งลงบนรถอีโกร่ง ปาดนาให้เรียบพร้อมๆกับหว่านปุ๋ยแห้งลงไปด้วย
- ต้นทุนปุ๋ยน้ำหมักและฮอร์โมน  ก็ทำปุ๋ยน้ำหมักเอง ทำหัวเชื้ออีเอ็มเอง เอามาจากป่าห้วยขาแข็ง นอกจากนี้ยังทำฮอร์โมนไข่  และฮอร์โมนนมสดใช้งานเองด้วย
- ต้นทุนยาสมุนไพรไล่แมลง ทำเองที่บ้าน ก็ปลูกต้นบอระเพ็ดด้วย ให้ขึ้นตามต้นมะม่วง ไม่ต้องดูแลมาก
- ต้นทุนปลูกข้าว ใช้วิธีแช่น้ำข้าวเปลือกพันธุ์ 1 คืน พองอก ผสมไตรโคเดอร์ม่า แล้วเอาไปทิ้งเป็นจุดๆ เตรียมหว่านโดยวิธีพ่นกระจายทั้งนา หากทำเองไม่ทัน ต้นข้าวก็ไม่เป็นรากเน่า
- ต้นทุนพันธุ์ข้าว ให้พันธุ์ข้าวสุพรรณ 60 เมล็ดพันธ์ก็เลือกเกี่ยว เอาต้นที่มีรวงเมล็ดมากๆ ไว้ทำพันธ์ เอามาผึ่งแดดลมให้แห้ง โดยใส่กระสอบปุ๋ยโป่งๆ ให้ล้มระบายได้อย่างน้อยๆ  45 วัน จึงจะปลูกได้ ตอนใช้งานช่วยแช่น้ำไตรโดเคอม่า  จะปาดเอาข้าวลีบเบาลอยน้ำออกไปขาย ไม่เอาทำพันธุ์
- ต้นทุนไถนา ซื้ออีโกร่ง มาใช้งานเอง ช่วงวิ่งบนถนนก็ เอายางนอกรถยนต์หุ้มไว้เวลาลงนาก็ถอดออก การไถนาจะทำทีเดียว ถึงทำเทือกเลย ไม่มีไถดะก่อน

0LnunIz4txw

การทำนาหมักปุ๋ยขี้หมู เลี้ยงต้นกล้าข้าวอ่อน  18 วัน

สูตรการทำนี้หมักจุลินทรีย์ขี้หมู
ขี้หมูแห้ง                           1        ส่วน   (20 กก.)
น้ำธรรมดา                         10      ส่วน   (180 ลิตร)
ใส่อีเอ็มห้วยขาแข็ง              0.5     ส่วน   (1 ลิตร)
แช่น้ำ                                         2-3     คืน     (200 ลิตร)
ไม่ต้องใส่น้ำตาล

สูตรการใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ขี้หมู
น้ำหมัก                                       1        ลิตร
น้ำธรรมดา                         20      ลิตร
ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เมื่อข้าวอายุได้ประมาณ 18 วัน

การทำฮอร์โมนนมเลี้ยงต้นอ่อน 18 วัน

สูตรการทำหมักฮอร์โมนนม
บีทาเก็นหรือยาคูลน์ (นมเปรี้ยวจุลินทรีย์)   1 ขวด
นมจืด                                             1 กระป๋อง
แป้งข้าวหมาก                                  1  ลูก
หมัก  3 วัน จนมีกลิ่นหอม
สูตรการใช้
นำน้ำสมุนไพรไล่แมลงผสมน้ำหมักฮอร์โมนนม  ฉีดบำรุงต้นข้าว และไล่แมลงไปพร้อมๆ กันจนได้ไม่เปลืองแรงงาน

เร่งดอกออกรวงด้วยฮอร์โมนไข่ (ข้าว 45 วัน)
สูตรการทำ ฮอร์โมนไข่
- ไข่ไก่หรือรกวัวแทน           5  กก. (ไข่ประมาณ  100 ฟอง)
- กากน้ำตาล                      5  กก.
- ลูกแป้งข้าวหมาก              1  ลูก
- ยาคูลน์ หรือบีทาเก็น หรือนมเปรี้ยว  1 ขวด
วิธีการทำ
นำไข่ไก่ทั้งฟอง ปั่นให้ละเอียดแล้ว แล้วนำไปใส่ภาชนะ ผสมการน้ำตาลคลุกเคล้าให้เข้ากัน ต่อจากนั้นบดแป้งข้างหมากให้ละเอียดแล้วผสมกับยาคูลน์และนมเปรี้ยว แล้วนำไปบรรจุใส่ถังพลาสติก แล้วคนให้เข้ากัน แล้วปิดฝาหมักทิ้งไว้ 14 วัน โดยจะต้องเปิดคนทุกวัน จึงนำไปใช้ได้ ถ้าหมักนานเกินไป จะทำให้แห้งจะต้องเติมน้ำมะพร้าวอ่อน ที่มีเนื้อเป็นวุ้น  2 ลูก
สูตรการใช้งาน
เมื่อข้าวอายุ 45 วัน จะเริ่มตั้งท้อง  100 ไร่ ใช้ฮอร์โมนประมาณ  5 กก. โดยใช้  30 ซซ. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
หลังออกรวงแล้ว จะฉีดฮอร์โมนไข่ อีกครั้งก็ได้ การฉีดพ่น  10-15 วันต่อครั้ง และควรฉีดพ่นขณะแดดอ่อน หรือในช่วงเช้า เพราะกลัวว่าจุลินทรีย์จะตายจากความร้อน

การทำเทือก

ลูบเพื่อกดให้ระดับเรียบ นามีน้ำ ให้ไล่ดินก่อนแล้วลาก ตั้งระดับได้ มีกระดานลูบหลังเสมอเลย  หากท้องนาเสมอเรียบ จะใช้น้ำเข้านาน้อย ไม่เปลืองน้ำค่าสูบน้ำ คุมน้ำคุมหญ้าได้ง่าย และป้องกันน้ำแห้งเป็นจุดๆ ในที่ดอน
น้ำเข้านาวันที่ 7-25   ของวันปลูกข้าว  หลังจากวันที่ 25  แล้ว  ปล่อยให้น้ำในนาแห้งเอง

การหว่านข้าว
เอาข้าวเปลือกแช่ลงไปในน้ำในปลอกบ่อที่เตรียมไว้ใส่น้ำ  70% ที่ใส่เชื้อไตรโคเดอร์ม่าไว้แล้ว เอาข้าวเปลือกลอยๆ ออกทันที เพราะเป็นข้าวเบาข้าวล้ม ไม่มีน้ำหนักแช่ไว้  1 คืน แล้วตักใส่กระสอบปุ๋ย เอาไปค้างที่นาได้เลย วางกระสอบไว้เป็นจุดๆ ทั่วแปลง

การหว่านใช้วิธีหว่านเครื่อง เป็นเครื่องพ่นหว่านโดยถอดลิ้นให้ล้มลง เอาตัวกันน้ำออก
เครื่องหว่านเหมือนกัน 2  เครื่อง เอาไว้หว่านปุ๋ยแห้งปุ๋ยเม็ด และเอาไว้หว่านข้าว  1 เครื่อง
อีกเครื่องลิ้นปิด ก็จะพ่นปุ๋ยน้ำ พ่นน้ำหมัก พ่นน้ำสมุนไพร น้ำฮอร์โมนได้
พ่นเครื่องหนึ่งๆ  ห่างจากตัวผู้พ่นประมาณ  7 เมตร อัตราการใช้ข้าวเปลือก  2.5  ถัง/ไร่
หว่านไม่หมดก็ไม่เป็นไร หากไม่แช่เชื้อไตรโคเดอร์ม่า ข้าวเปลือกจะขึ้นรา  ข้าวที่แช่แล้ว  1 คืน วางทิ้งไว้ในกระสอบชื้น จะเกิดตุ่มตา หากความชื้นหมด ตาจะหด จะใช้อีกก็จะนำกระสอบข้าวเปลือกแช่น้ำอีก เรียกตุ่มตาใหม่ก่อนเอาไปใช้งาน
จำไว้ข้าวล้มให้เอาออกเลย เอาไว้ไม่ดีเพราะอาหารน้อยมีแค่ครึ่งเมล็ด เติบโตไม่ดีแล้ว เมล็ดลีบก็จะออกลูกเป็นเมล็ดลีบเช่นกัน
การแช่น้ำ แค่น้ำเปล่าก็พอ ไม่ต้องใช้น้ำเกลือเพราะแค่น้ำเปล่าก็คัดเมล็ดนั้นออกไปมากแล้ว ต้องรีบตักข้าวลอยน้ำออก เพราะทิ้งไว้นาน ๆ ข้าวจะจมลงเพราะอุ้มน้ำเต็มที

แก้ปัญหาเพลี้ยไฟในนาข้าว
ใช้สมุนไพรไล่แมลง ก็จะเหลือตัวห้ำตัวเบียน คอยกินเพลี้ย
อีกเทคนิคหนึ่งคือ อย่าหว่านข้าวหนาไป  จากเดิม  4-5 ถัง/ไร่ หนาไป ลดเหลือ  2.5 ถัง/ไร่ ก็พอดี หากต้นข้าวหนา แดดจะร่ม มีร่มเงามาก เพลี้ยชอบความชื้นและร่มเงา หากหว่านให้บาง  เพลี้ยจะหมดไป
เป็นชาวนาต้องหมั่นเป็นนักสังเกตุ เคยทำนา  3 แปลง ทำแปลงต้นน้ำก่อน แล้วไล่น้ำลงมาแปลงสองและไปแปลงสาม

บังเอิญข้าวงอกครึ่งเดียว ทั้งๆ ที่หว่านหนาคิดว่าจะรื้อนา หว่านใหม่ แต่ทำใจไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลยปล่อยไปแบบข้าวนาดำ แรกๆ ดูข้าวบางๆ ไม่เต็มนา รู้สึกเบาๆ ไม่มั่นใจ ว่าข้าวต้องได้น้อยแน่ แต่ตรงกันข้ามหว่านไว้หนา กลับได้ข้าวถัง/ไร่ น้อยกว่าหว่านบางอีก ก็เลยหันมาหว่านแบบบางๆ  ตั้งแต่นั้นมา

ต้นทุนทำนา
เดิมทีมีแค่  30 ไร่  พอต้นทุนต่ำก็มีกำไรมาก ก็ขยายนา ซื้อไปเรื่อยๆ จนได้ 107 ไร่

ต้นทุนปี 2550 ประมาณ 2,000 บาท/ไร่  ปี 2551 ประมาณ 2,500 บาท/ไร่ เพราะราคาน้ำมันขึ้น   ต้นทุนนี้ไม่รวมค่ารถเกี่ยวข้าว (รถอุ้ม) กำไรไร่ละ 10,000 บาท หากปีไหนได้ผลผลิตมากกว่า 100 ถัง/ไร่ จะซื้อเครื่องประดับให้กำลังใจตัวเอง ในส่วนที่เกิด 100 ถัง/ไร่

ทำนา  10 ไร่ เท่ากับเงินเดือน 5,000-10,000 บาท/เดือน ทำ 2 รอบ/ปี ที่สุพรรณบุรี ดังนี้
รอบแรก         ธันวาคม-เมษายน
รอบสอง        พฤษภาคม-กันยายน
พักให้น้ำท่วม  ตุลาคม-พฤศจิกายน

การรักษาดินนา
ให้ตรวจดินดูโดยการเดินย่ำนา หากนุ่มเท้าดินจะดี เพราะประกอบด้วยฟางจุลินทรีย์มากมาย   หากเป็นดินแย่ จะแข็งกระด้าง เดินไม่สบายเท้า มักเกิดจากการเผานาแบบรุนแรง คือ เผาขณะลมนิ่ง
ยามจำเป็นต้องเผาฟาง  จะใช้เทคนิคการเผาฟางแบบลอกผ่าน โดยเลือกช่วงลมแรงๆ ไฟจะเผาฟางแบบผ่านๆ เผาไม่หมด

การทำเทือกโดยวิธีควักดิน

รถควัก ทำงาน  10 ไร่/วัน ดินนิ่มและยกเท้าเปื้อน ข้าวอายุ 45 วัน  เปิดน้ำทิ้งก่อนปลายข้าวเหลืองให้แห้งก่อน
รถทำเทือกแบบที่ขายกัน จะตัดดินจนเละ  ดินข้างใต้ถูกตัดเสมอกันหมด  และพื้นแข็ง    สู้ควักเป็นจุด จะดีกว่า

ใส่ปุ๋ยขี้หมูช่วงข้าวอายุ 45 วัน
ช่วง 45 วัน หากข้าวออกรวงช้า ให้เอาขี้หมูแห้งใส่กระสอบวางขวางน้ำเข้านา ให้น้ำชะล้าง ละลายออกไป ใช้ประมาณขี้หมู  1  กระสอบ/ไร่
หนที่ 2 อายุข้าว 50-55 วัน ใส่ปุ๋ยอีก
หากเมล็ดข้าวเล็กไป ให้บำรุงเมล็ดข้าวโดยฉีดฮอร์โมน
- ฉีดพ่นฮอร์โมนก่อนข้าวออกรวง     1 ครั้ง
- หลังออกรวงแล้ว ฉีดพ่นฮอร์โมน    1 ครั้ง
เกสรตัวเมียข้าวจะเปิดปากช่วง  9 โมงเช้าถึงบ่าย  2 ช่วงนี้  ห้ามฉีดพ่นฮอร์โมนหรือปุ๋ยใดๆ เพราะเมล็ดข้าวจะอมสารเข้มข้นเข้าไป เมล็ดจะแตก

ทำนาข้าวไร้สารเคมีฉีดแล้วเทียวต่อได้
ทำนาข้าวไร้สารเคมี ไร้พิษภัยอันตรายฉีดเสร็จก็ไปช่วยงานสังคมได้ต่อเลย

ปราบหอยเชอรี่ด้วยนก
หอยเชอรี่ไม่มี เพราะนกกินหมด หลังจากทำเทือกแล้ว ปล่อยน้ำแห้ง นกจะลงมากินหอยในนา นกกินหลังทำเทือกเลย  กิน 1- 2 วัน หอยก็หมด แล้วนกจะไม่มาลงนาอีก เพราะอาหารหมด หากในนามีหอยอยู่ มีต้นกล้าอ้วน นกจะเดินย่ำกล้าอ่อน ทำให้ต้นกล้าตายได้ พอนกกินหอยหมด ก็จะไม่มาลงนาอีก เพราะรู้ว่าอาหารหมดแล้ว จากนั้นก็ค่อยหว่านข้าวลงนา
การแหวกร่องน้ำ บางคนนิยมสวยงามดี ใช้แหวกเป็นเส้นคู่ขนานไปเลย ในทางประหยัดแรงงาน  ก็ไปดูว่าน้ำขังอยู่ตรงไหน ก็ลากแหวกเฉพาะตรงนั้นให้น้ำระบายออกไป ไม่เน้นความสวยงาม เน้นหน้าที่ร่องน้ำ ปลูกข้าวขึ้นหมดก็จะปกคลุมบังมิด ไม่เห็นร่องน้ำแล้ว

ดูแลแมลงศัตรูข้าว
มีแมลงมีหนอน ช่วงแรก หนอนจะห่อใบข้าว และมีเพลี้ยกระโดด ในนาข้าวอินทรีย์มีแมลงบ้าง แต่ไม่เสียหายใบหักไปบ้างไม่เป็นไร อย่ามากินรวงข้าว ก็แล้วกัน เพราะเราทำนาเองรวงข้าวเมล็ดข้าว  ไม่ใช่เอาใบข้าว
หนอนกินใบลงนามากๆ นกจะรู้ แล้วลงมาหาหนอน  กินแล้วนกจะเหยียบรวงข้าวหัก
ต้องฉีดสมุนไพร ได้ผลแน่นอนอยู่ที่ใจว่ามั่นใจในสมุนไพรไล่แมลง สมุนไพรต้องเก็บสะสม   ที่ใช้บ่อยๆ ก็มี บอระเพ็ด ผักคูณ สะเดา ยาสูบ (ยาฉุน) หางไหล (โลตั๋น)

จงทำใจเมื่อทำนาอินทรีย์
คนเริ่มทำนาอินทีรย์ใหม่ๆ จะมีปัญหามาก มีชาวนาอยุธยา จะโทรมาถามถึงคุณชัยพรบ่อยๆ   พอติดปัญหาก็โทรมาถาม แล้วก็เอาไปปฏิบัติ ได้ผลเกินคาดจริงๆ
ทำนาอินทรีย์ ต้องทำใจให้ได้ หากต้นข้าวไม่งามใบไม่เขียว ปุ๋ยเคมีพอช่วยได้บ้างในช่วงแรกๆ แต่อย่ามาก เพราะชาวนาจะชินต่อการทำให้ใบข้าวเขียว แต่สารเคมีฆ่าแมลงให้ห้ามเด็ดขาด
ข้าวใบงามเกินไป เมล็ดลีบ  ให้สังเกตุดู เขาเรียกว่าบ้าใบ หรือวัวพันธุ์เนื้อตัวใหญ่แต่น้ำนมน้อย  แต่วัวพันธุ์นม ตัวจะเล็กกว่า แต่ให้น้ำนมมากกว่า ข้าวใบรวงสั้น เมล็ดจะแกร่ง เมล็ดจะเต็มเปลือก

ใบข้าวนาอินทรีย์ใบจะคมบาดขาลายไปหมด

แนวคิดจูงใจตัวเองให้ทำเองดีกว่าจ้าง
ทำนาทั้งปี  2   ครั้ง ช่วง  3  ว่าง 3  เดือน รอน้ำท่วม นับวันแต่ละรอบทำนา วันทำงานจริง 30 วัน  นั้นคือ ทำงานทั้งปี แค่ 60 วัน/ปี วันว่างมีมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงแต่ขี้เกียจทำ ไปจ้างเขาหมด ลองทำเองบ้าง
ไปจ้างเขาฉีดพ่นปุ๋ยใบ  10 ไร่ เขามา 2 คน ทำแค่ 2  คน หมดไป 500 บาท ลองมาทำเองเสียเวลาแค่  3   ชั่วโมง ครึ่งวัน ประหยัดได้  500  บาท
เราทำเองอาจเร็วกว่า เพราะเราทำไปคิดไปว่าจะลดขั้นตอนงานให้น้อยลงอย่างไร สำรวจแปลงนาไปด้วย ประสิทธิภาพมากกว่า ระมัดระวังมากกว่า เพราะเป็นเจ้าของเอง การเดินก็ไม่เหยียบต้นกล้า จนเสียหาย คนอื่นเขาระวังน้อยกว่า
การบนไว้กับตัวเองและภรรยา ว่าหากเกิน 100  ถัง/ไร่ (1 เกวียน/ไร่) จะขอส่วนเกินไปซื้อเครื่องประดับทองคำมาแต่งตัวแล้ว หากทำไม่ถึงก็อด ท้าท้ายตัวเอง หากจ้างคนอื่น ไม่มีทางทำได้มาก ต้องทำเอง จึงเกิดพลังใจในการทำงาน  มากกว่าจ้าง
ชาวบ้านเพื่อนบ้านไม่เชื่อว่า ทำนาได้มากกว่า  100  ถัง/ไร่ ต้องเก็บกากตั๋วขายข้าวมาให้ดู
แนวคิดเรื่องปุ๋ยเคมี  มีพนักงานขายมากระตุ้นให้ชาวนาซื้อมากๆ แล้วมีชิงรางวัลเลี้ยงโต๊ะจีนพาไปดูงานต่างประเทศ  อย่าใจอ่อน ให้ทำเองใช้เกษตรอินทรีย์ อยากเที่ยว ก็ให้เก็บเงินไปเที่ยวเอง เขาต้องกำไรมากๆ มิเช่นนั้นเขาจะเอาโต๊ะจีนมาเลี้ยงได้อย่างไร ต้องคิดว่าเขาฟันเรา จะได้มีฤทธิ์สู้ ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ซึ่งต้องตอบโต้  โดยการต่อสู้  ทำปุ๋ยใช้เอง  ไม่ยอมซื้อเด็ดขาด

แรงดลใจให้เป็นชาวนาอินทรีย์

ตอนนี้เป็นชาวนาเกษตรอินทรีย์ไปแล้ว รับนักศึกษาเกษตรมาฝึกงาน โดยไม่คิดเงินเลย เลี้ยงอยู่เสร็จ มาจากมหาวิทยาลัยเกษตรบางแสน และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แรงดลใจ  มีดังนี้
-         มีอาจารย์ด้านเกษตรมาช่วยสอนเรื่องทำนาให้
-         คนโบราณยังไม่เห็นใช้ยาเคมีเลย ยังทำนาได้
-         นาปรังบอกว่าทำนาไม่พอกิน ลองไม่ทำอะไรเลย ก็เห็นได้ผลผลิตออกมาพออยู่ได้
-         ข้าวนาเพลี้ยลง บางคนถึงกับถอดใจ เอาน้ำออกจนนาแห้ง  ปรากฏว่าข้าวรอด เพราะเพลี้ยอยู่ไม่ได้ เพราะร้อนและขาดความชื้น
-         ลองฉีดสมุนไพรดู ปรากฏว่าข้าวเต็มเมล็ดดี
-         ทำใจได้ อยากลองดู เพราะเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุ มีนิสัยเป็นนักทดลองอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

ลองทำนาอินทรีย์ดู
ทำนาอินทรีย์มาแล้ว ประมาณ  25 ปีมาแล้ว แรกๆ ก็ทดลองน้อยๆ ก่อน  8  ไร่เป็น
นาอินทรีย์ ที่เหลือ 14 ไร่ เป็นนาเคมี ปรากฏกว่านาเคมีมีเพลี้ยมาก นาเคมีกับนาอินทรีย์
เป็นคนละเลนกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จุลินทรีย์ในนาอินทรีย์ พอกับมาที่นาเคมี จุลินทรีย์ถูกสารเคมีก็ตายหมด
เชื่อราที่ใช้  ก็มี
-         เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า (ราเขียว) ใช้ตรวจเมล็ดพันธุ์ และฉีดพ่นฆ่าเชื้อราสนิมใบข้าว
-         เชื้อจุลินทรีย์ห้วยขาแข้ง (อีเอ็ม)  เพาะหัวเชื้อจุลินทรีย์เอง โดยไปเอาจากป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี ลักษณะนุ่มเป็นแผ่น หอมคล้ายเห็ด  อีเอ็มนี้มาทำเป็นอีเอ็มผงก่อน เก็บเอาไว้ โดยใช้ไปขอบบ่อเอาฟางคลุม เอาฝาปิดอีกที แล้วเอาไปใช้เป็นอีเอ็มน้ำ ใช้มาหลายปีแล้ว ยังไม่หมดเลย  ใครมาขอก็ยกให้ฟรีๆ อีเอ็มเราหมักไว้ย่อยฟางข้าวในนา และหมักขี้หมู และสมุนไพรไล่แมลง

การทำแผนนาอินทรีย์
แรกๆ เราใช้ปุ๋ยเคมีอยู่ เราใส่ปุ๋ยอะไรบ้าง มีไร่แล้วค่อยๆลดลง
การทำนาอินทรีย์มี  2  วิธี คือ
-         ทำนาอินทรีย์บางส่วนสัก 5-10% ของพื้นที่ที่เหลือเป็นนาเคมี แล้วค่อยๆ  ขยาย พื้นที่นาอินทรีย์จนเต็มแปลงภายในกี่ปี ตามที่แผนเรากำหนดไว้
-         ทำนาอินทรีย์ทั้งหมดทั่วพื้นที่ โดยกระบวนการ ลดเคมีฆ่าแมลงก่อน แล้วมาใช้สมุนไพรแทน จากนั้นก็ค่อยๆ ลงปริมาณปุ๋ยเคมีลง โดยทดแทนตัวปุ๋ยอินทรีย์และจุลินทรีย์ชีวภาพ ให้มาก
พื้นที่ทำนาเคมีเสียและเสื่อมโทรมมากๆ ก็จะฟื้นยากหน่อย จะปรับตัวไม่เท่ากัน อีกอย่างนี้เคมีจากแปลงอื่นใกล้เคียงก็ไหลเข้ามา เพราะมีการถ่ายน้ำนาจากแปลงโน่นไปใส่แปลงนี้ หรือใช้คลองห้วยร่วมกัน ให้ลองเอาดินและน้ำไปตรวจดูสารปนเปื้อนโลหะหนักมีพิษ  เคมีฆ่าแมลง
ให้เลิกใช้เคมียูเรียเลย เพราะมีแต่ใบและเป็นโรคง่าย ให้ใช้สูตรเคมี 16-20-0 ไปก่อนแล้วค่อยๆ ลดลง

สมุนไพรฆ่าแมลงตัวเก่ง
เมล็ดมันแกว   :- ฤทธิ์แรงฆ่าแมลงได้เร็ว ฆ่าหนอน บดแล้วให้สุนัขกิน อาจตายได้
กลอย            :- จะมีฤทธิ์เมา ฆ่าแมลงและหอยได้

ชาวนาต้องเก่งเครื่องจักรจึงจะลดต้นทุนได้
เคยมีอาชีพหล่อเสาปูนขาย มีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งข้าว เคยเป็นช่างอู่ จึงมีความรู้เรื่องช่าง
หากทำเองมีพื้นที่มาก ทำไม่ทันฤดูกาลและเวลาที่ให้ จะจ้างก็แพง ปกติทำนาเขาจะจุดไฟตอซังก่อนแล้วไถ  เห็นว่าไม่ดีก็เปลี่ยนวิธีใหม่
เริ่มจากการทำแบบไถกลบฟาง  เห็นข้าวงามดี เพราะมีปุ๋ยจากฟาง ก็เลยประดิษฐ์รถควัก วิ่ง  3  ที ก็เสร็จแล้ว ทุ่นแรงเครื่องมือทำแรง
วิธีการทำเทือกที่รวดเร็วลดงาน
1.     หลักการ
-         จุดเลี้ยวพื้นจะไม่เสมอ เนื่องจากล้อบิดเป็นแอ่งลึก หากเลี้ยวเป็นวงแคบ ดังนั้นการเลี้ยวต้องเป็นวงกลม
-         ใช้คลื่นน้ำ กระแทกดินที่เป็นเลนพอดีๆ เรียบเอง ใช้หลักธรรมชาติช่วยทำงานให้
2.     วิธีการทำ
-         เริ่มจากแบ่งพื้นที่เป็น 2 ซีก
-         วิ่งผ่ากลางแปลง จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ใช้แนวตรง
-         เมื่อชนสุด ให้เลี้ยวขวา (ด้านขวาแปลง) ตั้งฉากไปจนสุดแปลงนาแล้ววิ่งกลับมาใช้เส้นเดิม
-         พอเจอเส้นกลางก็ทำเทือกทางขวาของเส้นกลาง
-         วิ่งมาสุดอีกด้านของเส้นผ่ากลาง ก็เลี้ยวไปทางขวา (ด้านซ้ายแปลง)
-         วิ่งสุดก็วิ่งกลับมาจนเส้นกลาง
-         แล้วทำเทือกด้านซ้ายเส้นกลาง
-         แล้วทำซ้ำๆ ในลักษณะตัวเอส-ฉาก
-         เส้นกลางก็จะเป็นพื้นที่ขยายไปซ้ายขาวเรื่อยๆ
-         ดินเทือกก็จะถูกกระแทกไปเรื่อยๆ จนเรียบ
-         สุดท้ายให้ทำเทือกเรียบโดยวิ่งตามกรอบ รอบแปลงนา

สูตรน้ำสกัดสมุนไพรป้องกันและกำจัดแมลงและศัตรูข้าว
สมุนไพรจำเป็นแต่ละชนิดอย่างละ  5   กก. ดังนี้
ยาสูบหัวกลอย หนอนตายอยาก บอระเพ็ด หางไหลแดง เปลือกมังคุด เมล็ดมันแกว ขมิ้นชัน ไพล เปลือกสะเดา สมุนไพรเหล่านี้ สามารถปลูกเองได้รอบๆบ้าน จะได้ไม่ต้องซื้อหา
สมุนไพร (หากมี) แต่ละชนิดอย่างละ 5 กก. ดังนี้
ตะไคร้หอม  ว่านน้ำ ลูกมะกรูด เถามะระขี้นก ฝักคูณแก่
ใช้กากน้ำตาล  10  กก. หัวเชื้ออีเอ็ม 1 ลิตร หากกากน้ำตาลต้องซื้อ ก็ปลูกอ้อยสัก  1 งาน ก็สามารถใช้แทนกากน้ำตาลได้
วิธีทำ  สับส่วนประกอบทั้งหมดให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ละเอียด (ยกเว้นกากน้ำตาลและหัวเชื้ออีเอ็ม) นำไปบรรจุในถังพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด ใส่กากน้ำตาล อีเอ็มและน้ำ  โดยให้ท่วมส่วนผสมขึ้นมาประมาณ 15  ซม. คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาให้สนิทแล้วเปิดคนกวนทุกวัน เป็นเวลา 14 วัน จึงจะนำไปใช้ได้
การใช้ อัตรา 100-150   ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร การฉีดพ่น ควรทำในช่วงเช้า จึงจะมีประสิทธิภาพสูง ส่วนกากที่เหลือ จากการคั่นน้ำหมดแล้ว ให้นำไปเทลาดเวลาสูบน้ำเข้านา

การผลิตเชื้อไตรโคเดอร์ม่า ชนิดสด
เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า มาใช้ตอนแช่ข้าวพันธุ์ก่อนปลูก และรักษาโรคเพลี้ย  โรครากเน่าได้ ตลอดจนเพิ่มฟอสเฟตในดินได้
การเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ มีดังนี้
-         หุงปลายข้าวด้วยหม้ออุ่นข้าวไฟฟ้า ไม่นิ่มไม่แข็ง พอข้าวสุก ก็ใช้ทัพพีซุบขณะร้อน
-         ตักปลายข้าวสุกขณะร้อน ระวังเชื้ออื่นเข้าใส่ในถุงพลาสติกทนร้อน 8X12 นิ้ว หรือ 250  กรัม/ถุง
-         กดข้าวให้แบนพับปากถุง รอจนข้าวอุ่นเกือบเย็น
การใส่หัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่า
-         ใช้เหยาะหัวเชื้อลงในถุงข้าวในที่ลมสงบ 2-3  ครั้ง หรือประมาณ 1 กรัม/ถุง
-         รัดยางตรงปากถุงให้แน่น เขย่าหรือบีบเบาๆ ให้เชื้อกระจายทั่วถุง
-         สวมถุงให้ปากถุงพองอากาศ แล้วใช้เข็มแหลมแทงบริเวณรอบๆ ปากถุงที่ยางรัดไว้
การบ่มเชื้อราไตรโคเดอร์มา
-         กดข้าวในถุงให้แน่น ห้ามวางถุงซ้อนทับกัน ดึงกลางถุงให้พองออก ไม่ให้ถุงติดข้าว ให้อากาศเข้าได้
-         บ่ม 2 วัน โดยวางถุงในห้องที่ปราศจากมด ไร และ สัตว์อื่น ๆ อากาศไม่ร้อน ไม่ถูกแสงแดด แต่มีแสงสว่าง  
6-10 ชั่วโมง/วัน หากแสงไม่พอใช้หลอดนีออนช่วยแทน
-         ครบ  2  วัน บีบเขย่าข้าวที่มีเส้นใยให้แตก วางถุงในที่เดิม ดึงถุงให้อากาศเข้าอีกเหมือนเดิม
-         บ่มต่ออีก  4-5 วัน บีบดึงถุงอีก
-         ครบ 15 วัน จึงนำไปใช้

ปัญหาที่พบ
-         เชื้อขึ้นขาวแต่ไม่เขียว ข้างแฉะไป ต้องลดน้ำหุ้งข้าว
-         ปากถุงราเขียวก้นถุงราขาว อากาศไม่พอแสงไม่พอ ให้เจาะรูเพิ่มให้ใช้ไฟนีออนช่วย
-         เกิดหยดน้ำในถุง วางถุงข้าวในที่ร้อน ให้วางในที่เย็น
-         เชื้อดำเสียในถุงข้าว มีจุลินทรีย์ปนเปื้อน ต้องทิ้งถุงข้าวโดยไม่ต้องแกะ
-         เชื้อเขียวแล้วกลายเป็นเชื้อขาว เชื้ออายุเกิน 7 วัน ให้บ่มเชื้อครบ 7 วัน แล้วเก็บถุงเชื้อในตู้เย็น
-         เกิดการปนเปื้อน เชื้อราไตรโคเคอร์ม่ากลายพันธุ์

วิธีการดูว่าเป็นนาอิทรีย์แล้ว
1.     สัมภาษณ์ แนวคิดชาวนา
-         มีความรู้เรื่องจุลินทรีย์ ทำนาอินทรีย์
-         ตอบปัญหาได้ในมุมของเกษตรอินทรีย์ จุลินทรีย์ชีวภาพได้ ในเรื่องลดต้นทุนปุ๋ย ยาฆ่าแมลง วัชพืช เนื้อดิน
-         สามารถบอกเวลาข้าวปิดเปิดเกสรตัวเมียได้
-         ค้นหาวิธีการลดงานลงโดยวิธีการตัดหรือรวมขั้นตอนการทำนา
-         วิธีการทำนาในแต่ละขั้นตอนสอดคล้อง
-         ผลงาน ผลผลิต
2.     เยี่ยมบ้านชาวนา
-         พบตุ่ม ไห ถังหมักจุลินทรีย์ ถุงปุ๋ยอินทรีย์
-         มีการปลูกพืชสมุนไพรใกล้บ้าน
-         มีการทำน้ำฮอร์โมนพืช
-         มีการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมัก ใช้เอง หรือเลือกซื้อได้
-         มีถังข้าวแช่น้ำจุลินทรีย์
-         มีรถไถนาขนาดเล็ก, และอุปกรณ์ทำนา เชิงระบบนิเวศน์
-         มีอุปกรณ์ตรวจสอบต่างๆ เช่น ทดสอบดินและน้ำ
3.     ตรวจนาอินทรีย์ภาพสนาม สถานที่ทั่วไป
-         มีเสียงกบเขียดร้อง
-         พบตัวหำตัวเบียน  มวลเพชรฆาต  แมงมุม ตามระยะเวลาการปลูกข้าว
-         ดินนาร่วนซุ่ย เดินแล้วนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง ดินมีกลิ่นหอม ไม่เหม็น มีแก๊สบริสุทธิ์ ไม่มีแก๊สมีเทน หรือแก๊สไข่เน่า
-         น้ำสะอาดใส่ ไม่เน่าดำ เอาน้ำไปวิเคราะห์ไม่พบโลหะหนัก หรือมีน้อยมาก
-         มีซากอินทรีย์ ตอซังข้าว ที่มีลักษณะเป็นฮิวมัสแล้ว
-         เอาดินจากนา มาลอยเพาะเชื้อจุลินทรีย์ดู โดยการทดสอบกับน้ำผสมน้ำตาล จะมีแก๊สหอมชื้น
-         พบวิธีการทำนา เช่น การวางกระสอบปุ๋ยคอกวางขวางทางน้ำ
-         พบวิธีการ ฆ่าแมลงทางกล และชีวภาพ
-         มีเทคนิคการทำนาที่ใช้ในเชิงระบบนิเวศน์ เช่นการปลูกห่างและใบโปร่ง เพื่อกำจัดเพลี้ยและราสนิม โดยวิธีสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

-         ตรวจดูรวงข้าว เมล็ดเต็ม ไม่ลีบ จำนวนเมล็ดมาก จำนวนกอมีกี่ต้น ต้นละกี่รวง รวงละกี่เมล็ด
-         การกระจายความหนาแน่นต้นข้าวและรวงข้าว ในแต่ละไร่ ของแปลงนาว่าสม่ำเสมอ หรือแตกต่าง  สามารถอธิบายสาเหตุและผลได้
-         อธิบายธรรมชาติของนกกินหอย และแมลงศัตรูพืชได้ ในแง่โทษและประโยชน์พฤติกรรม นิสัย ที่สอดคล้องกับการควบคุมป้องกัน จำนวนประชากรแมลงไม่ให้มากถึงขั้นเสียหาย

คุณชัยพร พรหมพันธุ์ เป็นชาวนาที่ทำเกษตรอินทรีย์มามากกว่า 20 ปี มาแล้ว อาศัยที่ตัวเองเป็นช่างเทคนิค เป็นคนชอบสังเกตุ ชอบคิดใหม่ทำใหม่ คิดปรับปรุงงานให้ทำงานน้อยลง ตัดงานบางอย่าง อย่างไรโดยการรวมงาน การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องทุนแรง มาช่วยลดแรงคน การดัดแปลงเครื่องมือที่มีอยู่แล้ว มาทำหน้าที่หว่านเมล็ดข้าวและปุ๋ยเม็ดได้ การทำอุปกรณ์สูบข้าวดีดอย่างง่ายๆ ราคาถูก การยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำเอง ใช้จ่ายประหยัด ใช้สารสมุนไพรไล่แมลงแทนเคมีฆ่าแมลง รู้จักธรรมชาติของนกในการลงนา การที่มีอุปนิสัยดี ที่ชอบสอนด้วย และมีแนวคิดกุศโลบายในการจูงใจตนเอง ให้ทำงานอย่างไร โดยไม่พึ่งคนอื่นมากนัก  การเป็นนักลดต้นทุนอยู่เป็นนิสัยรากฐาน  หากซื้อก็ซื้อน้อยที่สุด หากเป็นเครื่องจักรราคาแพงก็จะซื้อรถเก่า เช่น รถเกี่ยวข้าว รถใหม่ราคา 2  ล้านบาท ก็จะรอหาที่คนร้อนเงิน ขายรถเก่า ราคา 5 แสนบาท  1  ปี ก็ถอนทุนแล้ว เพราะไปรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วย  การลดเวลาป้ายข้าวดีด โดยการเอาถังน้ำยาสะพายติดหลัง  คนเดียวกันทำได้  ไม่ต้องใช้ 2 คน แบบคนอื่น และไม่ต้องเดินย้อนไปมา  เดินเที่ยวเดียวไปทั่วไป งานจึงเสร็จเร็วและไม่เหนื่อย

ที่มา http://www.monmai.com

สุดยอดแห่งความรู้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 18:07:59
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 18:36:05
คูโบต้าก็เอารถอักฟางมาสาธิตให้ดูด้วยเจ้า

 :D....เอามาใช้ร่วมกับเครื่องอัดฟางครับ...

qEizu9qQ1dI&feature

zp0BqIkTP4o&feature

zYnVRY1mgq8&feature

U9Zd1m5njqM&feature


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 09:08:23
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
ฮาๆๆๆ ต๊ายแล้ว เดี๋ยวรอยะนาค่อยลดเอาเจ้า ช่วงนี้กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเท่าเดิม คริๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 09:13:23
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
ฮาๆๆๆ ต๊ายแล้ว เดี๋ยวรอยะนาค่อยลดเอาเจ้า ช่วงนี้กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเท่าเดิม คริๆๆๆ
ท่าจะได้ฮ้องปี่ละครับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 09:23:22
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
ฮาๆๆๆ ต๊ายแล้ว เดี๋ยวรอยะนาค่อยลดเอาเจ้า ช่วงนี้กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเท่าเดิม คริๆๆๆ
ท่าจะได้ฮ้องปี่ละครับ ;D ;D
ดรีมอายุ 25 ละเจ้า แอ๊บฮ้องตัวเก่าน้องเอา อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 11:41:00
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
ฮาๆๆๆ ต๊ายแล้ว เดี๋ยวรอยะนาค่อยลดเอาเจ้า ช่วงนี้กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเท่าเดิม คริๆๆๆ
ท่าจะได้ฮ้องปี่ละครับ ;D ;D
ดรีมอายุ 25 ละเจ้า แอ๊บฮ้องตัวเก่าน้องเอา อิอิ
อั้นกะบ่าต่างกันเต่าได ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 12:40:49
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
ฮาๆๆๆ ต๊ายแล้ว เดี๋ยวรอยะนาค่อยลดเอาเจ้า ช่วงนี้กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นเท่าเดิม คริๆๆๆ
ท่าจะได้ฮ้องปี่ละครับ ;D ;D
ดรีมอายุ 25 ละเจ้า แอ๊บฮ้องตัวเก่าน้องเอา อิอิ
นึกว่า 15


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 13:29:03
บ่งาม แต่ใจดี มีนายะ หนา อิอิ พี่จิมมี่บ่าต้องมาแซวเลย ดรีม 18 อยู่ คริๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:02:22
เล่าเรื่องด้วยภาพครับ หลากหลายวิถีชีวิตชาวนา

การไถนา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:04:57
ระยะปลูก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:10:17
เด็กพวกนี้ดูมีความสุขจริง ๆ แถวบ้านผมไม่ค่อยจะมีให้เห็นแล้วครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:15:29
ใส่ปุ๋ย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:19:35
เกี่ยวข้าว...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:21:15
อีก


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:24:34
แถมท้าย..


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:46:38
วิวัฒนาการการทำนา ย้อนกลับไปอดีตคงยากเนาะคะ ดรีมจำได้ตอนเด็กๆก็ไปนากับอุ้ยเอ้ย ซ้อนรถถีบไป เก็บปู ม่วนขนาดเจ้า ขอบคุณภาพจาก พี่ ubuntuthaith ทำให้เราย้อนกลับไปคิดถึงอดีตๆ เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 11:27:32
แม้แต่เวียดนามในปัจจุบัน วิถีชาวนายังคงเป็นแบบเดิมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก เพราะประชากรของเวียดนามมีมาก แต่ทุกปีพื้นที่ทำการเกษตรของเวียดนามก็ต้องสูญเสียไปกับ พื้นที่ชุมชน พื้นที่อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวซึ่ง 10 ปีที่ผ่านมาสูญเสียไปแล้ว 2,187,500 ไร่  จากในปัจจุบันเวียดนามมีพื้นที่เกษตรราว 25,625,000 ไร่  และคาดว่าอีกไม่ถึงสิบปีจะสูญเสียไปอีก 1,875,000 ไร่ คนรุ่นใหม่ก็จะหันไปเป็นพนักงานโรงงาน พนักงานบริษัทมากขึ้น คล้าย ๆ กับไทยในปัจจุบันเลย แต่ก็น่าชื่นชมที่เวียดนามมีระบบชลประทานที่ทั่วถึงทำให้ทำนาได้อย่างเต็มที่ได้ตลอดปี ดูในไทยอย่างรถเกี่ยวในช่วงนาปี แย่งกันหัวแตกแต่พอช่วงนาปรังรถเกี่ยวมีเยอะแยะไม่ต้องรอคิวนานเลยก็เพราะนาปรังทำได้เฉพาะพื้นที่เป็นนาระบบชลประทานซะส่วนใหญ่  ไทยมีพื้นที่ทำนา 65-70 ล้านไร่ จังหวัดสุพรรณบุรีมีพื้นที่ชลประทานมากที่สุดในประเทศ 1.768 ล้านไร่ เชียงรายอยู่ในลำดับที่ 25 มีพื้นที่ในเขตชลประทานประมาณ 0.46 ล้านไร่


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2012, 14:55:56
ข้าวเวียดนามเขาเกี่ยวทั้งกอเลยก่าเจ้า หรือว่าต้นมันเตี้ย มัดกำน้อยเดียว อิอิบ้านเฮากำบะเล็กบ่าเล่น


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2012, 16:19:59
 :D...ขอบคุณภาพสวยๆครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2012, 16:45:32
ข้าวเวียดนามเขาเกี่ยวทั้งกอเลยก่าเจ้า หรือว่าต้นมันเตี้ย มัดกำน้อยเดียว อิอิบ้านเฮากำบะเล็กบ่าเล่น
เกี่ยววันนอนวันครับข้าวเวียดนานนี้หนา เกี่ยวต่ำแต้ว่า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2012, 23:04:40
ข้าวเวียดนามเขาเกี่ยวทั้งกอเลยก่าเจ้า หรือว่าต้นมันเตี้ย มัดกำน้อยเดียว อิอิบ้านเฮากำบะเล็กบ่าเล่น

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าห้องเกษตรมัวแต่ไปห้องชมรมคนรักรถเพราะเป็นช่วงงาน Motor Expo  พอดีครับ ข้าวที่ชาวเวียดนามปลูกคือพันธุ์พวก IR 50404  ซึ่งต้นมีความสูงประมาณ 85 - 90 cm ต้นเตี้ยอายุสั้น แตกกอไม่ใหญ่เท่าข้าวนาปีบ้านเรา วิธีการปลูกที่นู่นยังคงใช้การปลูกนาดำแบบดั้งเดิมอยู่ครับ ทำให้ข้าวเป็นกอสาเหตุที่ต้องเกี่ยวแทบติดดินเลยก็เพราะข้าวมันเตี้ยนี่แหล่ะครับเวลาไปฟาดหรือนวดจะได้พอดี เวียดนามมีพื้นที่รวม 331,689 ตารางกิโลเมตร (เล็กกว่าประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่รวม 513,115 ตารางกิโลเมตร) แบ่งออกเป็น 58 จังหวัด และ 5 เทศบาลนคร  มีประชากรกว่า 89 ล้านคน ใช้ระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ มีประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ มีเมืองหลวงคือ “ฮานอย” ใช้ภาษา “เวียดนาม” ในการสื่อสาร  ชาวเวียดนามมีบรรพบุรุษคือชาวจีน มีแนวคิด วัฒนธรรม และความเชื่อคล้ายชาวจีนในยุคก่อนการปฏิวัติ เวียดนามปลูกข้าวเฉลี่ยปีละ 3 ครั้ง (บางพื้นที่ 2 ครั้ง บางพื้นที่ 4 ครั้ง) ผลผลิตข้าวประมาณ 880-980 กก./ไร่   ที่ดินเวียดนามมักไม่ค่อยเห็นที่ว่างหรือป่ารกร้าง แต่เป็นที่นาเขียวขจีปลูกข้าวทุกตารางนิ้ว เวียดนามใช้แรงงานคนและควายในการทำนา 70% อีก 30% ใช้แรงงานจากเครื่องยนต์ การใช้ปุ๋ยของเวียดนาม จะเป็นการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ/ปุ๋ยคอกกว่า 70%  อีก 30% ใช้ปุ๋ยเคมี เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศสังคมนิยม พื้นที่ทุกตารางนิ้วเป็นของรัฐ แต่เดิมประชาชนทำนาเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายแล้ว ต้องจ่าย “ภาษี” ให้แก่รัฐบาลร้อยละ 30 ในปัจจุบันมีการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรเพื่อทำการเพาะปลูก โดยไม่เก็บภาษี (เพิ่งยกเลิกภาษีที่ดินไปแล้ว) การถือครองที่ดินได้ตามแรงงานที่ทำงานได้ และมีการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินใหม่ทุก 5-10 ปี ตามความเหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น นั่นคือมีสิทธิ์ครอบครองทำกินได้ แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ส่งต่อเป็นมรดกให้รุ่นลูกหลาน   ส่วนหากมองประเทศจีนก็ปกครองในระบอบเผด็จการประชาธิปไตยสังคมนิยม ที่มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว  ด้วยหลักการทางสังคมนิยม บรรดาทรัพยากรของประเทศทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยเฉพาะทรัพยากรที่ดินนั้น เอกชนไม่สามารถซื้อมาครอบครองสิทธ์ขาดเป็นการส่วนตัวได้ (ผิดกับบ้านเราที่ใครมือยาว สาวได้สาวเอา แต่ละคนครอบครองกันเป็นหมื่นแสนพันไร่) ถ้าผู้ต้องการใช้ที่ดินทำประโยชน์ ก็ให้ยื่นขอแสดงความจำนงในการครอบครองที่ดินเพื่อก่อประโยชน์ได้เป็นเวลา 100 ปี เมื่อครบกำหนด ก็ต้องมอบคืนกลับให้รัฐดังเดิม (หรืออาจยื่นขอต่ออายุใหม่ได้) เมื่อเป็นดังนี้ การปั่นราคาที่ดินก็ไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีการซื้อขายที่ดินกักตุนหวังผลกำไรเหมือนบ้านเรา ต้นทุนคงที่ด้านที่ดินจึงไม่สูงเหมือนบ้านเรา นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ราคาสินค้าประเทศจีนมีต้นทุนต่ำกว่า นอกจากค่าแรงงาน อันเนื่องมาจากค่าครองชีพที่ต่ำกว่าอีกด้วย   :D :D



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 01 ธันวาคม 2012, 23:41:18
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Maxza555 ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 01:31:35
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น
;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 07:13:11
5555+
หันแล้วจาหนาว อิ อิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 08:10:11
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น
;D ;D
ฮาๆๆๆ กินลำ กำใหญ่ ใส่ก่าจิ้น เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 08:58:28
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น
;D ;D
ฮาๆๆๆ กินลำ กำใหญ่ ใส่ก่าจิ้น เจ้า
เปิง อ่ะ  ???


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 09:07:27
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น
;D ;D
ฮาๆๆๆ กินลำ กำใหญ่ ใส่ก่าจิ้น เจ้า
เปิง อ่ะ  ???
พี่จิมมี่บ่เข้าข้างดรีมเลย เชอะๆๆ เดี๋ยวยะนาบ่แบ่งข้าวหื้อหนา คริๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 10:36:32
ป้อเลี้ยงแม่เลี้ยงปลูกข้าวพันธุ์หยังกั๋นครับ :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 10:40:06
ป้อเลี้ยงแม่เลี้ยงปลูกข้าวพันธุ์หยังกั๋นครับ :)
ดรีมยังบ่ได้ปลูกนาปรังเน้อเจ้า ต้องรอพี่ๆๆลุงๆ ที่เปิ้ลปลูกมาตอบเน้อเจ้าา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 15:01:37
 :D....พยากรณ์อากาศภาคเหนือในช่วง7วันนี้ครับ...  ในช่วงวันที่ 2-3 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 15:02:34
:D....พยากรณ์อากาศภาคเหนือในช่วง7วันนี้ครับ...  ในช่วงวันที่ 2-3 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 


 :'(....ตอนนี้ฝนตกมาอีกละ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 17:32:00
:D....พยากรณ์อากาศภาคเหนือในช่วง7วันนี้ครับ...  ในช่วงวันที่ 2-3 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 


 :'(....ตอนนี้ฝนตกมาอีกละ

ผมก็อุตส่าห์บ่าไปออกทริปมอเตอร์ไซด์กับเจ้าหมู่ มาตัดหญ้าคันชลประทานที่นา เพราะต้องใช้เวลาตัดหลายวัน ตัดได้ 5 ชม. ฝนก็ดันมาตกไล่เหีย หน้าหนาวปีนี้ฝนตกหมั่นขนาดน้อ ข้าวบางคนกำลังเกี่ยวเสร็จยังบ่าได้กอง ฝนก็มาตกใส่เสียหายกั๋นขนาดน้อ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 02 ธันวาคม 2012, 20:57:22
:D....พยากรณ์อากาศภาคเหนือในช่วง7วันนี้ครับ...  ในช่วงวันที่ 2-3 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอย อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 


 :'(....ตอนนี้ฝนตกมาอีกละ
ตอนนี้ยิ่งตกหนักมาก ๆ ครับ  :( :( :( :( :(


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 08:33:20
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 08:51:12
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน

 :D...ถ้านาดำน่าจะได้700-800...ขึ้นอยู่กับสภาพดินกับแหล่งน้ำอีกทีครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: กระเจียว ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 08:58:24
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน
ผมว่ามันน้อยไปนะครับอย่างน้อยๆผมว่านะจะ 500 อัพนะ ไม่ว่าจะเป็น กข หรือ มะลิ
 11 ไร่ได้ 400 ถังเฉลี่ยแล้วไม่ถึง 40ถัง/ไร่ นอกจากแห้งมันแห้งแล้งจริงๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(25 พ.ย ไปเกี่ยวข้าวโรงเรียนชาวนาท่าสายเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 09:12:39
คูโบต้ามาสาธิตรถเกี่ยวข้าวที่โรงเรียนชาวนาท่าสาย เจ้า

 :D....แม่เลี้ยงเสื้อม้อฮ้อมหุ่นบึกบึนใช้ได้....
อวบอั๋น
;D ;D
ฮาๆๆๆ กินลำ กำใหญ่ ใส่ก่าจิ้น เจ้า
น้องดครีม นอกจากจะงาม อู้ก๊อม่วน ยังยะกิ๋นรำแหมต่างเน๊อพี่น้อง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 12:49:33
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน
ผมว่ามันน้อยไปนะครับอย่างน้อยๆผมว่านะจะ 500 อัพนะ ไม่ว่าจะเป็น กข หรือ มะลิ
 11 ไร่ได้ 400 ถังเฉลี่ยแล้วไม่ถึง 40ถัง/ไร่ นอกจากแห้งมันแห้งแล้งจริงๆ
ดรีมก็ว่าอะเจ้า น้อยไปเนาะ เก็บสถิติไว้ เดี๋ยวรอดูดรีมทำ ผ่อจะได้กี่ถัง เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 12:53:54
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน
ผมว่ามันน้อยไปนะครับอย่างน้อยๆผมว่านะจะ 500 อัพนะ ไม่ว่าจะเป็น กข หรือ มะลิ
 11 ไร่ได้ 400 ถังเฉลี่ยแล้วไม่ถึง 40ถัง/ไร่ นอกจากแห้งมันแห้งแล้งจริงๆ
ดรีมก็ว่าอะเจ้า น้อยไปเนาะ เก็บสถิติไว้ เดี๋ยวรอดูดรีมทำ ผ่อจะได้กี่ถัง เจ้า
เอาให้ได้เงินล้านเลยเน้อน้องดรีมเก่งอยู่แล้ว ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 12:55:55
นาของดรีมที่ให้ลุงทำ11ไร่ได้ข้าว400ถัง ถือว่ามากหรือน้อยเจ้าเป็นนาหว่านหนาเจ้า แม่ดรีมถอดข้าวเอาแค่100ถังเจ้า ฝนก็ตกมาตึงวัน ข้าวโพดตอนดรีมใส่มีแต่คนไขหัวใส่ เสียฝนตกใส่ตั้งแต่หว่านสามวันแรก ตอนนี้งามขนาดเจ้า ได้ฝนตึงวัน
ผมว่ามันน้อยไปนะครับอย่างน้อยๆผมว่านะจะ 500 อัพนะ ไม่ว่าจะเป็น กข หรือ มะลิ
 11 ไร่ได้ 400 ถังเฉลี่ยแล้วไม่ถึง 40ถัง/ไร่ นอกจากแห้งมันแห้งแล้งจริงๆ
ดรีมก็ว่าอะเจ้า น้อยไปเนาะ เก็บสถิติไว้ เดี๋ยวรอดูดรีมทำ ผ่อจะได้กี่ถัง เจ้า
เอาให้ได้เงินล้านเลยเน้อน้องดรีมเก่งอยู่แล้ว ;D ;D
สาธุๆๆๆ สมพรเจ้า เพี้ยงๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 12:57:51
เมื่อตอนเที่ยงวันที่ผ่านมา ผมโทรคุยกับ อ.ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน เปิ้นว่าวันที่
5 ธ.ค. นี้บ่าได้มาไร่เชิญตะวันซักกำเน้อ..  เพราะว่าติดงานที่ปู้น วันก่อนก็มีคนมาดูงานเกือบสองร้อยคน แหมครึ่งเดือนเปิ้นก็จะเริ่มทำนาที่สุพรรณและอีก 20 วันเปิ้นจะไปทำนาที่มูลนิธิข้าวขวัญอีก 20 ไร่ครับ ใครสนใจก็ไปดูงานที่นู่นได้ครับผมก็ว่าจะไปแอ่วหาอยู่ครับ  ส่วนวันที่ 5 ที่ไร่เชิญตะวันเปิ้นฮื้อดูจากซีดีเอา เพราะมีรายละเอียดเหมือนกั๋นครับ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 13:06:31
เมื่อตอนเที่ยงวันที่ผ่านมา ผมโทรคุยกับ อ.ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน เปิ้นว่าวันที่
5 ธ.ค. นี้บ่าได้มาไร่เชิญตะวันซักกำเน้อ..  เพราะว่าติดงานที่ปู้น วันก่อนก็มีคนมาดูงานเกือบสองร้อยคน แหมครึ่งเดือนเปิ้นก็จะเริ่มทำนาที่สุพรรณและอีก 20 วันเปิ้นจะไปทำนาที่มูลนิธิข้าวขวัญอีก 20 ไร่ครับ ใครสนใจก็ไปดูงานที่นู่นได้ครับผมก็ว่าจะไปแอ่วหาอยู่ครับ  ส่วนวันที่ 5 ที่ไร่เชิญตะวันเปิ้นฮื้อดูจากซีดีเอา เพราะมีรายละเอียดเหมือนกั๋นครับ....
เสียดายแต้เนาะเจ้า บ่ได้มาสักกำ เดือนม.ค ที่มูลนิธิขวัญข้าวก็มีอบรมหนาเจ้า คนละประมาณ 3700 บาท อยากไปแต่แม่ไม่อนุมัติงบ เจ้า อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 14:07:47
เมื่อตอนเที่ยงวันที่ผ่านมา ผมโทรคุยกับ อ.ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน เปิ้นว่าวันที่
5 ธ.ค. นี้บ่าได้มาไร่เชิญตะวันซักกำเน้อ..  เพราะว่าติดงานที่ปู้น วันก่อนก็มีคนมาดูงานเกือบสองร้อยคน แหมครึ่งเดือนเปิ้นก็จะเริ่มทำนาที่สุพรรณและอีก 20 วันเปิ้นจะไปทำนาที่มูลนิธิข้าวขวัญอีก 20 ไร่ครับ ใครสนใจก็ไปดูงานที่นู่นได้ครับผมก็ว่าจะไปแอ่วหาอยู่ครับ  ส่วนวันที่ 5 ที่ไร่เชิญตะวันเปิ้นฮื้อดูจากซีดีเอา เพราะมีรายละเอียดเหมือนกั๋นครับ....
เสียดายแต้เนาะเจ้า บ่ได้มาสักกำ เดือนม.ค ที่มูลนิธิขวัญข้าวก็มีอบรมหนาเจ้า คนละประมาณ 3700 บาท อยากไปแต่แม่ไม่อนุมัติงบ เจ้า อิอิ

ที่จริงถ้าไม่ได้ไปอบรม  ก็ศึกษาเองก็ได้จ้า แต่อาจจะใช้เวลาศึกษานานกว่าอบรมนิดนึงเพราะต้องเรียนรู้ทฤษฎีและปฎิบัติด้วยตนเองจึงจะได้ผลดี การไปอบรมเหมือนได้รับการถ่ายทอดประสพการณ์ทำให้ใช้เวลาน้อยลงเพราะผ่านการลองผิดลองถูกมาบ้างแล้ว ผมก็ไม่เคยไปอบรมที่ไหนเลยเหมือนกันครับ อยากไปแต่ไม่มีโอกาสครับ

    ส่วนตัวแล้วผมชอบคุณเดชา ศิริภัทธ มากซึ่งเป็นประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์เดชา ที่เราคุ้น ๆ กันคือ  คุณชัยพร  พรหมพันธุ์  ชาวนาเงินล้าน เกษตรกรดีเด่นสาขาทำนาปี 2538 และ ลุงทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ปราชญ์ชาวบ้าน เกษตรกรดีเด่นสาขาทำนาปี 2549 ทั้ง 3 คนต่างเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรีทั้งหมดครับ



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 20:51:50
นาข้าว-สวนหอม 13 หมู่บ้านพะเยาเสียหายยับ เจอฝนถล่มกลางหนาว

(http://www.chiangraifocus.com/news/attachments/1354520444.jpg)

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพะเยา แจ้งว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่าน(2 ธ.ค.55)ได้เกิดฝนตกอย่างหนักทั่วจังหวัดพะเยา โดยเฉพาะในเขต ต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา ทั้งที่ก่อนหน้านี้สภาพอากาศทั่วไปเริ่มหนาวเย็นบ้างแล้ว ส่งผลให้นาข้าวกว่า 500 ไร่ถูกน้ำท่วมขัง ได้รับความเสียหาย รวมไปถึงหอมแดงก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 350 ไร่
       
       นายสมาน ปิงเมือง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา ระบุว่า ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้มีชาวบ้านหมู่ที่ 1-13 ของ ต.จำป่าหวาย ได้ทยอยมาแจ้งความเสียหายผลผลิตทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
       
       เบื้องต้นมีเกษตรกรมาแจ้งความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 13 หมู่บ้านแล้ว ซึ่งจะได้รายงานให้ทางอำเภอและจังหวัดทราบ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือต่อไป 
   
แหล่งข่าว : ผู้จัดการออนไลน์ 
นำเสนอโดย : เชียงรายโฟกัสดอทคอม

---------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านข่าวแล้วทำฮื้อคิดได้หลายอย่างน้อ หนาวปีนี้หยังมาฝนตกหมั่น.. ถ้าเฮามองไปที่เวียดนาม จะเห็นว่าเวียดนามมีฝนตกในฤดูหนาวซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ สภาพภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว โดยฝนจะตกตลอดปี เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีฝนเยอะการทำนาจึงบ่ามีปัญหาภัยแล้ง แต่มีปัญหาน้ำท่วมแต่รัฐบาลจัดการโดยใช้ระบบชลประทาน ซึ่งมีทั้งระบบชลประทานเพื่อการส่งน้ำที่ยาวเป็นหมื่นกว่ากิโลเมตรและมีชลประทานระบายน้ำซึ่งหากน้ำท่วมที่เกิดจากพายุก็มีเสียหายบ้างเป็นบางพื้นที่แต่ก็ช่วยลดความเสียหายได้เพราะน้ำไม่ได้ท่วมขังนาน  แต่บ้านเฮาก็ต้องเข้าใจบ้านเฮาเวลาจะหยังทีมันยาก  การสร้างเขื่อนทีก็มีการประท้วงขนาดหนัก  บ้านเฮาโชคดีที่มีอาหารเหลือกิ๋นเหลือใช้ส่งขายต่างประเทศได้  แต้ถ้าประเทศไหนอาหารบ่าพอก็ต้องทำระบบชลประทาน ค้นคว้าวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตฮื้อพอเลี้ยงคนทั้งประเทศ  แหมน้อยนาปีบ้านเฮาบางพื้นที่สงสัยจะได้ปลูกข้าว ไม่ไวต่อช่วงแสงอย่างเวียดนามเหียก้าเพราะลำต้นสั้นกว่าข้าวบ่าล้มเพราะเจอทั้งลมและฝนแบบนี้ ข้าวบ่าเสียหายนัก ดีกว่าบ่าได้หยังเลยน้อ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 20:58:34
รถไถนาที่ชาวพม่าใช้กั๋นครับ...ชอบขนาดฮื้อบรรยากาศเหมือนขี่มอเตอร์ไซด์ดีน้อครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2012, 18:09:23
รถไถนาพม่าเข้าท่าดีคับ ราคาประมาณเท่าใดคับ :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2012, 19:35:54
รถไถนาพม่าเข้าท่าดีคับ ราคาประมาณเท่าใดคับ :D
.

พยายามหาข้อมูลเหมือนกั๋นครับ อยากฮู้ว่าใช้งานเป็นใด กลไกจะใด บ่าฮู้ว่านำเข้าจากจีนหรือว่าอินเดียครับเอาไว้ถ้าได้ข้อมูลจะนำมาลงฮื้อแหมกำครับ    :D  :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2012, 23:37:49
เป็นคนชอบศึกษา ได้ข้อมูลก็มาแบ่งปันครับ..  ดูการทำนาของพม่าเห็นชาวนาพม่าใช้ไม้ปลูกครับไม่ต้องก้มแบบบ้านเราเพื่อใครสนใจจะลองนำไปใช้ครับ...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 04 ธันวาคม 2012, 23:48:20
ดูการทำนาของชาวพม่ากัน ผมเข้าเว็ปต่างประเทศเอาไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 00:02:30
ดูการทำนาของชาวพม่ากัน ผมเข้าเว็ปต่างประเทศเอาไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ

 :D....อีกหน่อยถ้าไม่มีน้ำมันใช้....คงต้องกลับไปใช้วัว-ควายช่วยไถนาแบบนี้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 00:07:44
ชาวนาแต่ละประเทศ ลักษณะการแต่งกายไม่เหมือนกันแล้วแต่วัฒนธรรม ประเพณี เดาออกป่าวครับรูปไหนประเทศอะไร


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 00:43:50
ดูการทำนาของชาวพม่ากัน ผมเข้าเว็ปต่างประเทศเอาไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ

 :D....อีกหน่อยถ้าไม่มีน้ำมันใช้....คงต้องกลับไปใช้วัว-ควายช่วยไถนาแบบนี้

พม่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเกือบ 68 ปี วิถีชีวิตในเขตชนบทของเมียนมาร์แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โค-กระบือยังคงเป็นแรงงานหลักในการทำนา เครื่องมือทุ่นแรงที่ทันสมัยยังไม่ค่อยแพร่หลาย แต่หลังสิ้นสุดระบอบเผด็จการทหาร คาดว่าอีกไม่อีกกี่ปี พม่าจะเป็นคู่แข่งไทยอีกประเทศ เพราะสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พม่าส่งออกข้าวอยู่ที่ 7 ล้านตันต่อปีครับ ปีนี้ก็เห็นตั้งเป้าส่งออกข้าว 1.5 ล้านตัน หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรมาหลายสิบปี


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 10:34:38
555เพิ่งเคยเห็นงัวโดนตะกร้อครอบปาก ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ขี้เหล้าอาวุโส ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 11:29:54
555เพิ่งเคยเห็นงัวโดนตะกร้อครอบปาก ;D ;D
เพื่อบ่าฮื้อมันลักกิ๋นข้าวก้าครับ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 11:48:56
น่าเอ็นดูขนาด หายใจ๋ก็ไม่สะดวกเหนื่อยก็เหนื่อย ทำไปได้  :( :(


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 05 ธันวาคม 2012, 20:20:06
ดูการทำนาของชาวพม่ากัน ผมเข้าเว็ปต่างประเทศเอาไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ
ผมหวังว่า วันหนึ่งคงจะสามารถดึงพี่น้องเกษตรกรชาวเชียงราย กลับอยู่อย่างวิถีเดิม
อยู่อย่างพอเพียง ไม่วิ่งตามวิถีของเทคดนโลยีสมัยใหม่ที่มอมเมาพวกเราให้ตกเป็นทาสโดยที่ไม่รู้สึกตัว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:24:05
ชอบรถไถนาพม่าครับ เท่ห์ดี  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 09:01:56
ไปไร่เชิญตะวันเมื่อวันที่5 ดรีมบ่ได้อยู่เสวนา ปลูกอย่างพุทธ กินอย่างพุทธ ใครได้ไปมั้งค่ะ มาเล่าให้ดรีมฟังหน่อยเจ้า มีโจนจันได ด้วยดรีมกลับมาก่อน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 14:56:59
ประเทศอินเดีย ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในปัจจุบันจากอดีตที่เป็นผู้นำเข้าข้าว ประชากรของอินเดียมีประมาณ 1.193 พันล้านคนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีอัตราการเพิ่มประชากรอยู่ที่ 1.8 % นั่นหมายถึง ปีละ 20 ล้านคน 10 ปีก็200 ล้านคน ทำให้ต้องเร่งในการผลิตอาหารให้พอเลี้ยงคนในประเทศ  ผลผลิตข้าวของอินเดียอยู่ที่ 104.3 ล้านตัน (ผลผลิตข้าวไทยปี 55ประมาณ 37 ล้านตัน ) แต่มีคาดการว่าในปีหน้า ผลผลิตข้าวของอินเดียในปี 2556 จะลดลงร้อยละ 10 เหลือ 94 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปริมาณผลผลิตข้าว 104.3 ล้านตันในปี 2555 ซึ่งเป็นปริมาณผลผลิตต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอินเดียประสบปัญหาภัยแล้งจากปริมาณน้ำฝนน้อยในปีนี้ (ระดับน้ำฝนต่ำกว่าปกติร้อยละ 17) และจะส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวของอินเดียลดลงจาก 44.4 ล้านเฮคตาร์ (ปี 2555) เหลือ 42 ล้านเฮคตาร์ ขณะที่ผลผลิตข้าว 3.5 ตันต่อเฮคตาร์จะลดลงเหลือประมาณ 3.35 ตันต่อเฮคตาร์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะลดปริมาณการส่งออกข้าวในปีหน้าก็เป็นได้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 15:34:12
ดูการทำนาของชาวพม่ากัน ผมเข้าเว็ปต่างประเทศเอาไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ
ผมหวังว่า วันหนึ่งคงจะสามารถดึงพี่น้องเกษตรกรชาวเชียงราย กลับอยู่อย่างวิถีเดิม
อยู่อย่างพอเพียง ไม่วิ่งตามวิถีของเทคดนโลยีสมัยใหม่ที่มอมเมาพวกเราให้ตกเป็นทาสโดยที่ไม่รู้สึกตัว
ถูกกกกต้องนะคับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 16:30:28
วัวอินเดียเขางามแต้งามว่าเนาะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: jaroonsak ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 20:33:47
พึงให้เพื่อนไปไถนาให้ แต่ไม่สำเร็จเพราะรถไถติด ต้องใช้คันเล็กแทน เมื่อวันที่ 5 นี้เอง พี่ลองไถนาเอง เหนี่อยเหมือนกัน คิดว่าจะลองทำแบบ ดร.แสวง ดูนะ คงเป็นปีหน้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 21:48:03
พึงให้เพื่อนไปไถนาให้ แต่ไม่สำเร็จเพราะรถไถติด ต้องใช้คันเล็กแทน เมื่อวันที่ 5 นี้เอง พี่ลองไถนาเอง เหนี่อยเหมือนกัน คิดว่าจะลองทำแบบ ดร.แสวง ดูนะ คงเป็นปีหน้า
อิอิ สู้ๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 21:58:01
ควายชื่อ สติ กับ ปัญญา ที่ไร่เชิญตะวันเจ้า :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 21:58:48
เครดิต ชาวนาวันหยุด  เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ⒷⒼ* ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 22:01:43
สุดยอดกระทู้ชาวนาจริงๆ  ;)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 ธันวาคม 2012, 22:07:05
สุดยอดกระทู้ชาวนาจริงๆ  ;)
นี่ขนาดน้องดรีมยังบ่ได้ทำนาหนาเจ้า แปดพันปลายละ คริๆๆ เป็นเพราะมีพี่ๆชาวนา มันแชร์ความรู้อะเจ้า ความรู้แน่น อิอิ :D :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2012, 07:58:57
สุดยอดกระทู้ชาวนาจริงๆ  ;)
นี่ขนาดน้องดรีมยังบ่ได้ทำนาหนาเจ้า แปดพันปลายละ คริๆๆ เป็นเพราะมีพี่ๆชาวนา มันแชร์ความรู้อะเจ้า ความรู้แน่น อิอิ :D :D :D
เรตติ้งดีขนาดน่อ  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Khunplong ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2012, 13:43:43
เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามหาความรู้จากกระทู้นี้ครับ ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันกันครับ คงมีสักวันที่จะได้กินข้าวที่ปลูกด้วยมือตัวเอง "ฉันจะเป็นชาวนา"(ด้วยคน) ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 11 ธันวาคม 2012, 23:03:26
เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามหาความรู้จากกระทู้นี้ครับ ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันกันครับ คงมีสักวันที่จะได้กินข้าวที่ปลูกด้วยมือตัวเอง "ฉันจะเป็นชาวนา"(ด้วยคน) ;D
ยินดีเจ้า อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: *•นิทๅนก่oนนoน*• ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 02:22:36
แปบเดียวมาหน้า20ล่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 09:14:07
แปบเดียวมาหน้า20ล่ะ  ;D
;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2012, 12:02:14
กระทู้ตก อิอิ ขออัพหน่อยเจ้า วันที่ 25 ม.ค 2556 ดรีมจะไปอบรมการทำนาที่ มูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัด สุพรรณบุรี โอนตังแล้ว 3700 บาท มีใครสนใจไปต๋วยดรีมก่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2012, 12:07:00
อีกหน่อยถ้าจะได้สั่งข้าวจากเจียงฮายมากิน ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: herospur ที่ วันที่ 15 ธันวาคม 2012, 21:50:09
ผมก้ออยากทำไร่ทำนานะ แต่ติดที่ผมไมมีที่นาให้ทำนี่สิครับเรื่องใหญ่ ใครใจดีพอมีที่ดินหรือที่สวนที่ไม่ได้ใช้งานจะแบ่งให้ผมสักไร่สองไร่ได้หรือเปล่าครับ อยากทำอาชีพกรเกษตรมากครับ ตอนนี้ผมอยู่ท่าสาย เมืองเชียงรายครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Badin ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 16:34:29
ว่าใด แม่เลี้ยงดรีม  นกกระทาที่เลี้ยงไว้ไข่กี่ฟองละครับ  อยากลองจิมหน่อยเลอะ  ถ้าตัวไหนไข่หมดแล้ว บะดีลืมฮ้องกันเน้อ  รออยู่ นกกระทาทอดกระเทียม  ฮู้ๆๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 18:00:33
ว่าใด แม่เลี้ยงดรีม  นกกระทาที่เลี้ยงไว้ไข่กี่ฟองละครับ  อยากลองจิมหน่อยเลอะ  ถ้าตัวไหนไข่หมดแล้ว บะดีลืมฮ้องกันเน้อ  รออยู่ นกกระทาทอดกระเทียม  ฮู้ๆๆๆๆๆ
ฮาๆๆ ได้ก่า ลาบน่อพ่อเลี้ยงข้าวโพด


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ck 401 ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 19:06:10
เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามหาความรู้จากกระทู้นี้ครับ ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันกันครับ คงมีสักวันที่จะได้กินข้าวที่ปลูกด้วยมือตัวเอง "ฉันจะเป็นชาวนา"(ด้วยคน) ;D
ความรู้มีให้เรียนรู้ตลอดครับน้องดรีม ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 21:19:25
 
เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามหาความรู้จากกระทู้นี้ครับ ขอบคุณความรู้ดีๆที่แบ่งปันกันครับ คงมีสักวันที่จะได้กินข้าวที่ปลูกด้วยมือตัวเอง "ฉันจะเป็นชาวนา"(ด้วยคน) ;D
ความรู้มีให้เรียนรู้ตลอดครับน้องดรีม ;D ;D ;D
:) :) :) :) :) เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 21:21:57
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%94/174480659289126?fref=ts

เพจ ชาวนาวันหยุด ดรีมเห็นเขาทำ แกล้งข้าว บ้านเฮาจะยะได้ก่ออะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 18 ธันวาคม 2012, 22:06:39
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%94/174480659289126?fref=ts

เพจ ชาวนาวันหยุด ดรีมเห็นเขาทำ แกล้งข้าว บ้านเฮาจะยะได้ก่ออะเจ้า

ทำได้ทุกพื้นที่ครับอย่างของลุงทวีก็เหมาะสำหรับนำผลผลิตไปทำข้าวพันธุ์ต้นทุนอาจสูงนิดนึง แต่ถ้านำวิธีมาประยุกต์กับนาทั่วไปก็เป็นประโยชน์ครับอย่างที่เค้าว่า

ปัญหาการทำนาในปัจจุบัน มีสาเหตุ และมีแนวทางแก้ไข
1.มีทั้งที่ทำ "เรื่องง่าย" ให้เป็น "เรื่องยาก"
2.ทำให้ "เรื่องยาก" เป็น "เรื่องง่าย"
3.ทำ "เรื่องง่าย" ให้ยาก และมี "ค่าใช้จ่ายสูง"
4.ทำ "เรื่องยากๆ ให้ง่าย และมี ค่าใช้จ่ายต่ำสุด"

ที่ชาวนาไทยทำเองได้ภายใต้ความเข้าใจและการคิดวิเคราะห์ เพื่อ ตอบโจทย์
เรื่องเหล่านี้
1. "หญ้า" ทำนาอย่างไร ไม่ใช้ยาคุม ยาฆ่าหญ้า
2. "ข้าวดีด ข้าวเด้ง"
3. "นาหล่ม" ความเหนื่อยยากในการทำนา
4."ข้าวล้ม" ตอนเก็บเกี่ยว
5."ปุ๋ยเเพง"

ลองศึกษาดูครับ  http://www.gotoknow.org/posts/471090? (http://www.gotoknow.org/posts/471090?)







หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 19 ธันวาคม 2012, 21:08:40
 :D....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Boris Ivanov ที่ วันที่ 20 ธันวาคม 2012, 11:04:54
เป็นความรู้ที่มีประโยชน์มากครับ ยังไงช่วยกับอัพความรู้ขึ้นเรื่อยๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกกะทู้ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 16:13:26
:D....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....
ไม่มีที่เก็บเงินแล้วมั้งคับ.....เสี่ย ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 20:04:14
:D....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....

ช่วงนี้บ่าค่อยมีเวลาเข้าเว็ปเลยครับ  ต้องตัดหญ้าคันนา คลองชล โชคดีได้อ้ายต้นนาโยนมาช่วยไถดินฮื้อครับ ผมก็ได้แต่ไถปรับดินทั้งที่ดอนที่ลุ่มและซ่อมคันนาครับปีนี้ทำนาหว่านเหมือนเดิม เดียวถ้าตัดหญ้าเสร็จจะเอาน้ำลงละครับเพื่อล่อหญ้าและข้าวดีดขึ้น น้ำคลองชลก็นักขนาดครับนักจนล้นถนนเลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 20:54:41

อินเดีย จัดเป็นชาติที่มีคนจนมากที่สุดในโลก แต่!! อินเดียก็จัดเป็นชนชาติที่ฉลาดที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน

อินเดีย มีมหาเศรษฐีระดับเกิน100ล้านบาท ประมาณ 60-70 ล้านคน จากจำนวนประชากรประมาณ 1,200ล้านคน แค่เศรษฐีในอินเดียก็มีมากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศ

อินเดีย ยังมีมหาเศรษฐีรวยติดอันดับ1ใน10 ของโลกด้วย และมหาเศรษฐีของอินเดียที่ติดอันดันในฟอร์บส์ มีมากร่วมๆ 50 คน

อินเดีย เป็นแหล่งกำเนิดศาสนาที่สำคัญของโลกหลายศาสนา

หลังจากไทยหลุดจากแชมป์ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกปีนี้ ก็มีอินเดียกับเวียดนาม ที่ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ1 และ 2 ของโลก ซึ่งยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่า ชาติไหนจะคว้าแชมป์ไปแน่นอนในปีนี้

แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวนาอินเดียเหมือนกับชาวนาไทยอย่างหนึ่งก็คือ ต้นทุนสูง ถ้าไทยไม่ได้โครงการรับจำนำมาช่วยก็คงลำบาก   ชาวนาอินเดีย ก็โดนหลอกให้ปลูกข้าวเชิงเดี่ยว เพื่อการจำหน่ายและส่งออก เหมือนที่เกษตรกรไทยโดนหลอก โดยหลอกว่า ปลูกข้าวจำนวนเยอะๆ ใช้ปุ๋ยเร่งผลผลิตเยอะๆ ใช้ยาฆ่าแมลงเยอะๆ จะทำให้ได้ผลผลิตข้าวที่มากมาย ซึ่งจะทำให้ชาวนารวย

ซึ่งนั่นคือผลพวงจากการปฏิวัติสีเขียว (green revolution) โดยสหรัฐอเมริกา ธนาคารโลก และบริษัทการเกษตรของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันหลอกให้ประเทศด้อยพัฒนาหลงเชื่อทำเกษตรเชิงเดี่ยวเน้นปริมาณเพื่อการส่งออก และเพราะหลงเชื่อสหรัฐอเมริกา และบริษัทเอกชนอเมริกา ทำให้จนแล้วจนรอด ชาวนาอินเดียก็ไม่เคยได้รวยสักที เพราะสุดท้ายเงินก็ไปหมดกับค่าปุ๋ย ค่ายา เสียหมด นั่นเพราะเกษตรเชิงเดี่ยวคือต้นตอที่ทำให้เกษตรกรอินเดียต้องตกเป็นทาสของบริษัทการเกษตรต่างชาติไป

             แถมเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมต่างๆ เกษตรกรอินเดียก็สูญเสียความเป็นเจ้าของ เพราะล้วนแต่ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์แล้วจากบริษัทเกษตรต่างชาติ ซึ่งพอเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทเกษตรต่างชาติแล้ว ก็เพาะปลูกได้แค่รุ่นเดียว ก็ต้องขายผลผลิตไปจนหมด เพราะไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกในฤดูกาลต่อไปได้

เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อจากบริษัทต่างชาติ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิศวพันธุศาสตร์ (รวมถึงพืชGMO) ซึ่งเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เหมือนถูกวางระเบิดเวลาไว้คือ ปลูกได้แค่รุ่นเดียว หากเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกในคราวต่อไปอีก พืขชนิดนั้นจะไม่ให้ผลผลิตดีเท่าซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่จากบริษัทการเกษตรต่างชาติ

(ถ้าในไทยก็มี บ.เจีย... ในเครือซี....เป็นบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ขาย คุมตลาดเมล็ดพันธุ์ อันดับ1ของไทย)

อีกทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อจากบริษัทเกษตรต่างชาติไม่สามารถทนทานต่อโรคและแมลงได้เท่าพันธุ์พื้นเมืองเดิมๆ จึงต้องเร่งปุ๋ยเร่งยาเท่านั้น จึงได้จะผลผลิตมากๆ ตามที่ต้องการ

โฆษณาเรื่องปุ๋ย ยา ในอินเดียจึงระบาดแพร่หลายเหมือนโฆษณาปุ๋ยยาในประเทศไทย รายการเกี่ยวกับการเกษตร ก็มักจะมีโฆษณาชวนเชื่อให้เกษตรกรอินเดียซื้อปุ๋ยซื้อยา ยี่ห้อนั้นๆ มาใช้ เพราะใช้แล้วจะรวย

สุดท้ายแล้ว เกษตรกรก็ไม่รวยสักที ในขณะที่พวกขายปุ๋ยขายยารวยเอาๆ เมื่อบางปีเกษตรกรเจอภัยธรรมชาติ เงินที่เกษตรกรไปกู้มาทำการเกษตรก็พลอยเจ๊งไปด้วย สุดท้ายไม่มีเงินจ่ายค่ายาค่าปุ๋ย และค่าเมล็ดพันธุ์

เพราะเกษตรกรต่างหลงเชื่อที่บริษัทปุ๋ยยาโฆษณา  จึงใช้ยาใช้ปุ๋ยมาก จนดินเกิดความแห้งแล้ง ผลกระทบทำให้ดินเสีย สุดท้ายก็เจ๊งอีก บริษัทปุ๋ยก็หลอกขายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ต่อไปอีกว่า ต้องใช้ตัวนี้แทนถึงจะดีขึ้น เกษตรกรก็เชื่ออีก

หรืออย่างเช่นยาฆ่าแมลง พอแมลงมันดื้อยา เกษตรกรก็ต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่อีก ซึ่งพอเปลี่ยนยาตัวใหม่ทีไร ราคายาก็แพงขึ้นทุกครั้ง

สุดท้ายนี่คือวงจรที่เกษตรกรอินเดีย ชาวนาอินเดียเผชิญมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี (เช่นเดียวกับเกษตรกรไทย)

จนในที่สุด จึงมีเกษตรกร ชาวนา ฆ่าตัวตายเพราะหนี้มันท่วมหัว เพราะความรวยไปตกอยู่ที่บริษัทปุ๋ยยาแทบทั้งหมด จึงมีชาวนาอินเดียล้มละลายจากหนี้สิน จนฆ่าตัวตายปีละหลายคน

Av6dx9yNiCA&feature

ปัญหาทั้งหมดเกิดจากอะไรล่ะ?
ก็เกิดจากโดนรัฐบาล นายทุน บริษัทต่างชาติหลอกใช้เกษตรกรอินเดีย ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ละทิ้งการเกษตรผสมผสานแบบดั้งเดิม ละทิ้งความขยันในเรือกสวนไร่นา หันไปใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างปุ๋ยและยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธฺุ์ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์จากบริษัทเกษตรต่างชาติแทน เพื่อหวังผลผลิตเยอะๆ เพื่อการส่งออก

สุดท้าย มีแต่นักการเมือง นายทุน และบริษัทเกษตรต่างชาติที่รวยเอาๆ

นั่นจึงทำให้ชาวนาอินเดียวต้องยากจนอยู่ทุกวันนี้

แล้วทางรอดคืออะไร ? ทางรอดของชาวนาอินเดีย ก็ไม่ต่างจากชาวนาไทยคือ ต้องหันกลับมาใช้เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ เกษตรพอเพียง แบบที่ในหลวงเราทรงสอนไง

ที่อินเดีย เขามี Dr. Vandana Shiva ที่พยายามส่งเสริมให้เกษตรกรอินเดีย หันกลับมาเลิกใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงในการทำเกษตร เพื่อลดต้นทุนการผลิต หันมาผลิตเมล็ดพันธุ์ขึ้นเอง ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์จากบริษัทต่างชาติ ซึ่งการเกษตรแบบนี้เหมือนกับที่ในหลวงเราทรงสอน แต่ที่อินเดียเขาเรียกการเกษตรแบบนี้ว่า การเกษตรแบบชีวภาพ

ดร.วานนาดา ชีวา เป็นผู้รณรงค์ให้เกษตรกรและชาวนาอินเดีย ออกจากวงจรที่บริษัทเกษตรต่างชาติหลอกไว้ ด้วยการให้เกษตรกรเลิกใช้เมล็ดพันธุ์จากบริษัทต่างชาติ เลิกใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ให้เกษตรกรหันกลับมาทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ที่ไม่พึ่งพาเครื่องทุ่นแรงเหล่านั้น ซึ่งเหมือนกันกับทฤษฎีใหม่ของในหลวงของเรา โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบกันเลย

vi1FTCzDSck&feature

นั่นเพราะเกษตรพอเพียง เกษตรธรรมชาติ คือสิ่งที่มีมาแล้วแต่บรรพบุรุษของชนทุกชาตินั่่นเอง ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 21:42:58
:D....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....

ช่วงนี้บ่าค่อยมีเวลาเข้าเว็ปเลยครับ  ต้องตัดหญ้าคันนา คลองชล โชคดีได้อ้ายต้นนาโยนมาช่วยไถดินฮื้อครับ ผมก็ได้แต่ไถปรับดินทั้งที่ดอนที่ลุ่มและซ่อมคันนาครับปีนี้ทำนาหว่านเหมือนเดิม เดียวถ้าตัดหญ้าเสร็จจะเอาน้ำลงละครับเพื่อล่อหญ้าและข้าวดีดขึ้น น้ำคลองชลก็นักขนาดครับนักจนล้นถนนเลย

 :D....ผมก็ทำคันนากับไถนาทุกวันครับ....เร่งทำที่รับจ้างเขามาก่อน....เสร็จแล้วค่อยลุยของผมเองต่อ.....


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: MSCR ที่ วันที่ 23 ธันวาคม 2012, 09:43:45
(http://upic.me/i/3a/16y6k.jpg) (http://upic.me/show/42160645)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: jesdath ที่ วันที่ 23 ธันวาคม 2012, 19:31:04
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะบังเกิดเมื่อหนูดรีมเอาแต๊ละบ่าเฮ้ย  ยังไงก็นับว่าเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากมายนะครับ--เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
 ข้าวเป็นพืชที่มีความพิเศษในตัว น้ำท่วมก็ไม่ตาย เพราะมีส่วนที่ดึงออกซิเจนมาเลี้ยงรากได็
---เอาเม็ดข้าว1เม็ดเพราะในดินที่น้ำหมาดๆ จะได้ ข้าว32ต้นหรือไงนี่ไม่แน่ใจ  แม้จะเป็นข้าวที่เราแกะเปลือกออกก็งอกแต่ข้าวสารเป็นสิ่งที่จมูกข้าวหรือต้นอ่อนหลุดไปแล้ว ก็ไม่งอกนะครับ  การปลูกข้าวทีละเมล็ดก็มีคนทำอยู่นะ เรียกว่า เกษตรประณีตก็ได้ ประหยัดค่าพันธุ์ข้าวไปได้มากมาย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 24 ธันวาคม 2012, 08:18:43
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะบังเกิดเมื่อหนูดรีมเอาแต๊ละบ่าเฮ้ย  ยังไงก็นับว่าเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากมายนะครับ--เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
 ข้าวเป็นพืชที่มีความพิเศษในตัว น้ำท่วมก็ไม่ตาย เพราะมีส่วนที่ดึงออกซิเจนมาเลี้ยงรากได็
---เอาเม็ดข้าว1เม็ดเพราะในดินที่น้ำหมาดๆ จะได้ ข้าว32ต้นหรือไงนี่ไม่แน่ใจ  แม้จะเป็นข้าวที่เราแกะเปลือกออกก็งอกแต่ข้าวสารเป็นสิ่งที่จมูกข้าวหรือต้นอ่อนหลุดไปแล้ว ก็ไม่งอกนะครับ  การปลูกข้าวทีละเมล็ดก็มีคนทำอยู่นะ เรียกว่า เกษตรประณีตก็ได้ ประหยัดค่าพันธุ์ข้าวไปได้มากมาย
สิ่งมหัศจรรย์เลยก่าเจ้า คริๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 11:18:33
เข้าช่วงเตรียมทำนาปรังกันแล้วครับ เลยเอาฤกษ์มาฝาก  คนไทยโบราณเรานิยมในการปลูกข้าวหรือเพาะปลูก ในวันธงไชย  วันฟู วันลอย  หลีกเลี่ยงในการปลูกหรือหว่านข้าวในวันจมครับเดี๋ยวนี้อาจมีการลืมเลือนไปบ้างแล้วทั้งปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีโอกาศก็ต้องรีบทำ การนับวันในปัจจุบัน  อย่างปฏิทินก็มีนำเสนอผ่านสื่อหลายรูปแบบทั้งปฏิทินกระดาษ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราคุ้นเคยใช้งานจะเป็นปฏิทินแบบสุริยคติตามนานาๆประเทศ การใช้งานคงไม่มีปัญหามากนัก อาจมีเวลาที่อ้างอิงต่างกันเท่านั้น สำหรับประเทศไทยนอกจากปฏิทินแบบสุริยคติที่ใช้กันอยู่แล้ว ยังมีปฏิทินอีกแบบซึ่งมีใช้แต่โบราณ คือปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นปฏิทินที่นับตามคติการโคจรของดวงจันทร์ โดยหมายดูจากปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรม วันสำคัญทางพุทธศาสนานั้นก็ใช้ดิถีของดวงจันทร์ ซึ่งเราคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่อาจไม่เอะใจเท่าไหร่   วิวัฒนาการของคนผ่านกาลเวลา พบกับภัยธรรมชาติ ทั้ง ฟ้าผ่า ไฟไหม้ น้ำท่วม ความแห้งแล้ง ทำให้เกิดการบอกเล่าและสังเกต จดจำ ทำสถิติจดบันทึก เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานนับร้อย นับพันปี เป็นขุมความรู้ของมนุษย์ ว่าฤดูกาลใดควรทำสิ่งใด วันใดเวลาใดทำการแล้วได้ผลดี วันใดทำแล้วเกิดผลเสีย

วันจมวันฟู

วันจมคือวันไม่ควรทำการอันเป็นมงคลต่างๆ ทุกอย่าง เพราะจะนำไปสู่ความล่มจมหายนะ ต้องทำการในวันฟูคือวันที่เฟื่องฟู นำไปสู่ความก้าวหน้า ควรทำการมงคลในวันนี้



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 13:11:59
การทำนาในบ้านเราจะมีการเลี้ยงเจ้าที่เจ้าทางหลังการเก็บเกี่ยวครับซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อที่ทำมาแต่โบราณซึ่งมีอยู่ทุกพื้นต่างกันที่วิธีการ เพื่อความสุขทางใจ ความประณีตในการทำนา แต่ละประเทศก็มีพิธีกรรมแตกต่างกันไปตามความเชื่อแต่ละแห่ง เรามาดูประเพณีของไทยกันว่ามีวิธีการอย่างไร


ประเพณีทำขวัญแม่โพสพ (ข้าว)

              ประเพณีปฏิบัติตามความเชื่อ แม่โพสพมีพระคุณต่อชีวิตของชาวนาสืบเนื่องจากปู่ย่าตายายอันยาวนาน ชาวนาจึงมีพิธีกรรมสืบสานมรดกประเพณีในแต่ละท้องถิ่นต่อๆกันมา การประกอบพิธีกรรมทำขวัญข้าวเป็นการกล่าวขอขมาต่อต้นข้าวทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับข้าว ทั้งการเกิดเองตามธรรมชาติ  และจากการที่มนุษย์จะกระทำอะไรก็ตามกับต้นข้าว เช่น พิธีกรรมก่อนการหว่านข้าว การปักดำข้าว หรือพิธีกรรมทำขวัญรับขวัญการตั้งท้อง ก่อนการเกี่ยวข้าว และพิธีอันเชิญแม่โพสพเข้ายุ้งฉางเป็นต้น ซึ่งเป็นประเพณีพิธีกรรมที่ปฏิบัติอันสำคัญของชาวนาสืบเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันทุกขั้นตอนนี้สมควรอนุลักษณ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง

โอม  แม่ไพรี  แม่นพดารา  แม่จันทราเทวี  แม่ศรีโสภา  ได้เลี้ยงลูกมาใหญ่กล้าเพียงนี้  ลูกขอบวงสรวงด้วยพะวงมาลี  ธูปเทียนอัคคี  ตามมีบูชา  ขอเทพเจ้าปกเกล้าเกศา  ทำไร่ทำนา  ให้ผลมากมาย  อีกทั้งตะกวดเหี้ย  ทั้งเพลี้ยลงนา  อีกทั้งโจรรา  และอัคคีภัย  จงวินาศฉิบหาย  โอมประสิทธิ์แก่ข้าเจ้า  สวาหะ” เป็นคำกล่าวในพิธีกรรมการขอเข้ามาทำกินในพื้นที่

              ก่อนการไถคราดในพิธีกรรมเริ่มแรกจะทำกระทง  9  ใบ  ใส่ขนมกระทงละอย่างเพื่อเป็นเครื่องบัตรพลี (บัดพะลี-เครื่องเซ่นสังเวย)  จุดธูปเทียนบูชาเทวดา บอกกล่าว  และ “ขอน้ำขอข้าว”  การไถคราดเชื่อว่าจะต้องเวียนตามเกล็ดพญานาค  หรือเวียนซ้ายก่อน 3 รอบ  แล้วปลดไถหรือแอกวางนอนลงเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย  ในช่วงเดือนกรกฎาคม  จะเริ่มหว่านเมล็ดข้าวให้ทั่วแปลงเป็นการตระเตรียมต้นกล้าสำหรับทำนา

วันนี้เป็นวันดี แรม  ........( 9 ) ค่ำ  พวกเราจะหว่านข้าวลงนากัน

              คาถาชุมนุมเทวดา  (จุดธูป ๑๒ ดอก)

              ตั้งนะโม ๓ จบ  ศรี  ศรี  ศรี  วันนี้เป็นวันดี   อยู่ไร่ปลายนา มิ่งมาขวัญมา อยากกินเปรี้ยวให้กินเปรี้ยว อยากกินหวานให้กินหวาน ส้มสุก มะพร้าว ถั่วงา เชิญมารับประทาน มิ่งมาขวัญมา กันนก กันหนู กันปู กันปลา   กันตะกวด กันเพลี้ยลงนา กันหนอนอัปรีย์อย่าได้มีมา  มิ่งมาขวัญมา  สัพพะทานัง  สัพพะโภคัง  ภะวันตุเม

คาถาหว่านข้าว
ตั้งนะโม ๓ จบ        
พุทธัง      เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ
ธัมมัง       เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ
สังฆัง        เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ

              คุณพระแม่โพสพ ๓๙ คุณพระพุทธเจ้า ๕๖ แม่โพศรี แม่โพสพ แม่ธรณี แม่คงคา ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องเข้ามาทำมาหากินในถิ่นนี้ เชิญมาคุ้มครอง มาเถิดแม่มา ลูกปลูกข้าวในนา ขอให้ได้ผลดี ขอให้ลูกนี้เป็นเศรษฐีชาวนา ขอให้ลูกเป็นพ่อค้าบ้านนอก ขอให้มีข้าวเต็มยุ้ง ช่วยมาคุ้มแอกคุ้มไถ คุ้มไร่ คุ้มนา คุ้มเคราะห์ คุ้มโศก คุ้มโรคโรคา กันนก กันหนู กันปู กันปลา กันตะกวด กันเหี้ย กันเพลี้ยลงนา ผลผลิตให้ได้ไร่ละเกวียนกว่า อ้ายหนอนอัปรีย์อย่าให้มีเข้ามา  อ้ายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลตัวดี ขอให้หายหนีหน้า มิ่งมาขวัญมา สัพพะโภสา วินาดสันติ

ตั้งจิตอธิษฐาน ๓ กำแรก
กำที่ ๑     ขอเลี้ยงชีวิต
กำที่ ๒    เหลือกินแล้วทำบุญ
กำที่ ๓    เหลือกินแล้วขอทำทานที่เหลือหว่าน

              อุกาสะ  อุกาสะ  ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณของแม่โพสพ  แม่ธรณี  แม่คงคา  คุณพระพุทธจ้า  คุณพระธรรมเจ้า  คุณพระสังฆะเจ้า  คุณพระบิดามารดา  คุณครูอุปัชฌา  จงมาดลบันดาลให้ข้าพเจ้า  ทำนาปีนี้ให้เกิดผลดีเทอญ....

ต้นกล้าเริ่มโตแข็งแรง ( 20 – 30 วัน ) จึงถอนครั้งละเต็มกำมือเอาตอกมัดแล้ววางไว้ให้รากชุ่มน้ำ  นำต้นกล้าประมาณ 10 มัดมารัดรวมกัน  หามด้วยคานไม้เพื่อนำไปปักดำ  แล้วต้องตัดปลายด้านกล้าออกก่อนนะ  เพื่อให้แตกปลายโดยเร็ว  เมื่อฝนเริ่มชุกขึ้นในเดือนสิงหาคม  หรือเรียกเดือนหัวข้าวหัวปลา  จะเป็นช่วงดำนามักเริ่มดำนาในวันจันทร์ข้างขึ้น  แล้วมีการทำกระทงใส่เครื่องบัตรพลีอีกครั้ง

              ประเพณีทำขวัญข้าว ช่วงที่ข้าวเริ่มตั้งท้องประมาณเดือน 10 ถึง เดือน 12  (เดือน ก.ย. – พ.ย.)  พอถึงเดือน 10  แรม 15 ค่ำ  จะมีการทำขวัญข้าวอีกครั้ง จะเตรียมทำชะลอมขนาดเล็กเพื่อบรรจุบายศรี  กล้วยสุก 1 ลูก มันต้ม  เผือกต้ม  ดอกไม้  ธูป 3 ดอก  เทียน 2 เล่ม  ข้าวสุกปากหม้อ 1 ปั้น  แป้งหอม  น้ำอบ  น้ำสะอาด  ส้ม  ขนม  นำลำไผ่ขนาดยาวประมาณ 1 วา ปักในนาข้าวแล้วผูกชะลอมเครื่องเซ่นหันไปทางทิศหรดี(ทิศตะวันตกเฉียงใต้)  จุดธูปกราบสามครั้ง  กล่าวอัญเชิญแม่โพสพว่า  “วันนี้ก็เป็นวันลาภดี วันดี  เชิญแม่โพสพมาทานขนมส้มสุกลูกไม้  อย่าได้มีโรคมีภัย  ขอให้ได้ข้าวดี ๆ ทำน้อยได้มากให้ข้าวงอกออกรวงดี”  กล่าวเสร็จแล้วจึงลาแม่โพสพ  ของสังเวยห้ามนำกลับต้องปล่อยให้นกกาจิกกิน

การเก็บเกี่ยว ในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน  ข้าวจะเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้จะมีการบูชาเทวดาทั้ง 8 ทิศ  โดยเริ่มในวันเสาร์ถือเป็นวันแรกเกี่ยว  ส่วนวันจันทร์จะเริ่มแรกถากลาน  โดยหันไปทางทิศทักษิณ (ทิศใต้)  เพื่อให้ขี้ดินและตอข้าวออกให้หมด  ปรับหน้าดินให้เรียบนำเสาไม้ยาวประมาณ 2 วา  สลักให้มีปลายแหลมด้านบนเรียกว่า “เสาเกียด”  ปักไว้  กลางลานนำบายศรี  ดอกไม้  ด้ายแดงขาว  มัดปลายเสาเกียดที่รอบเสาจะนำมูลวัวควายผสมน้ำ  เทยาให้ทั่วลานด้วยไม้กวาดเรียกหว่า  การยาลาน  ตากแดด ทิ้งไว้วันหนึ่งจนแห้ง  เพื่อป้องกันไม่ให้ขี้ดิน  ขี้ฝุ่นฟุ้งกลบเมล็ดข้าวเวลานวด  หลังจากยาลานจึงนำฟ่อนข้าววางเรียงโดยรอบเสาเกียด  ช่วงนี้อาจทำบุญลานโดยการทำบุญตักบาตรที่ลานข้าวเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการนวดโดยวางฟ่อนข้าวซ้อนกันเป็นชิ้น ๆ ให้รวงข้าวตั้งขึ้น  ตัดออกเพื่อให้ข้าวร่วงทั่วถึงเมื่อวัวเหยียบ  เพื่อนวดข้าวให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง  นำวัวหลาย ๆ ตัวมาผูกต่อเป็นพะวงแล้วนำไปคล้องไว้กับเสาเกียดย่ำให้ข้าวหลุดจากรวง   (ซึ่งเป็นที่มาของการเล่นวัวลานในปัจจุบัน)  ใช้ขอคันฉาย  และคราดไม้โหย่ง (เขี่ย)  ฟางออก  ใช้ไม้กวาดรำพรวดที่ทำจากหนามไม้ผากวาดซ้ำ  นำคราดไม้คราดเศษฟางเล็ก ๆ ออกแล้วนำกะทากวาดเมล็ดข้าวให้มารวมกัน  ใช้พลั่วตักข้าวสาดสูงขึ้น  โดยใช้วีพัดเศษฟางจะปลิวแยกเมล็ดข้าว  อีกวิธีหนึ่งจะใช้  สีฝัด  เพื่อแยกเมล็ดข้าวออกจากฟางก็ได้  บางแห่งบางท้องถิ่นจะนำมัดข้าวฟ่อนข้าวมารวมทำเป็นลอมให้สูงเป็นชั้นๆแล้วจึงมีการลงแขกเอาแรงนวดกันโดยใช้ไม้ขนาดพอเหมาะกับมือสองท่อนมีเชือกร้อยรัดปลายทั้งสองสามารถขนาบรัดฟ่อนข้าวไม่ให้หลุดตีให้ เมล็ดข้าวออกได้ พอถึงเดือนอ้าย  เดือนยี่  หรือเดือนสาม  ก็จะทำพิธีอันเชิญแม่โพสพเข้ายุ้งฉางโดยจุดธูปบอกกล่าวว่า  “แม่โพสพเจ้าขา  เชิญมาขึ้นยุ้งฉางอย่าหลงอยู่ในทุ่งในทางในนาในไร่  ให้หมูกัดนกคาบ  เชิญไปอยู่ที่สำราญเป็นสุข  เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานให้เจริญ  มาเถิดมา  กรู๊”  เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของแม่เทพธิดาแห่งต้นข้าว

การทำนาแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ละประเพณีปฏิบัติพิธีกรรมแต่ละท้องถิ่นแต่ละภาคอาจแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามคนรุ่นหลังควรรักษาสืบทอดภูมิปัญญานี้ให้นานแสนนานสร้างสิ่งที่เป็นถาวรวัตถุรวมถึงจันโรงไว้ให้ลูกให้หลานได้มีความทรงจำ เช่นตำนานอนุสาวรีย์แม่โพสพที่หน้าเทศบาลตำบลชะอำ จ.เพชรบุรี  นั่นก็คือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเรา  การจัดตั้งโรงเรียนชาวนาที่จังหวัดสุพรรณบุรี หรือที่อื่นๆ

ขอบคุณข้อมูล  http://www.gotoknow.org/posts/298920? (http://www.gotoknow.org/posts/298920?)





หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 13:38:54
พระแม่โพสพ  คือใครสำหรับในประเทศไทยมีเรื่องเล่าและตำนานในแต่ละภาคที่แตกต่างกันออกไป   แต่ถ้าตามหลักศาสนาฮินดู-พราหมณ์แล้วจะกล่าวไว้ว่า  พระแม่โพสพ คือ พระแม่แห่งพืชพันธุ์ธัญหาร พระแม่โพสพเป็นร่างอวตารของพระลักษมี เพราะพระลักษมีทรงเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย และความเชื่อของเทพผู้ปกป้องรักษาพืชพันธุ์ธัญหารจึงเป็นที่เคารพบูชากันในชนชั้นที่ประกอบอาชีพชาวนา ซึ่งเชื่อว่าพระแม่จะประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผลผลิตทางการเกษตรของตน อย่างพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญก็เป็นเป็นพิธีพราหมณ์ เคยสังเกตุไหมทำไมถึงใช้โคหรือวัวในการเข้าร่วมพิธีในการไถหรือเสี่ยงทาย  ชาวนาอินเดียแม้แต่พม่าก็ใช้แรงงานจากโคหรือวัวในการไถนา แตกต่าง ไทย ลาว เวียดนามที่ใช้ควายในการไถนา

ด้วยอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า พระแม่โพสพนั้นมาจากคติทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจากชมพูทวีปว่า เป็นปางหนึ่งของพระแม่ลักษมี คือ พระธัญญลักษมี มีเรื่องเล่าอยู่ว่า มีเมืองหนึ่งที่เ้คยอุดมสมบูรณ์แต่กลับแห้งแล้่ง พื้นดินที่เคยสามารถปลูกข้าวปลูกผักได้ ก็แห้งจนไม่สามารถจะหว่านเมล็ดลงแล้วให้งอกงามไ้ด้ เมืองนี้จึงตกยุคข้าวยากหมากแพง บรรดาชนชั้นแพศย์ที่ทำงานอาชีพเกษตรกรรมจึงทำการสวดวิงวอนพระนารายณ์ให้ประทานความอุดมสมบูรณ์คืนสู่บ้านเมืองอีกครั้ง ซึ่งในช่วงนั้นพระนารายณ์ทรงบรรทม พระองค์จึงไม่ทรงได้ยินเสียงวิงวอน มีเพียงพระแม่ลักษมีผู้เดียวที่ได้ยิน คิดจะปลุกก็เกรงพระนารายณ์ซึ่งกำลังบรรทมสบายพระแม่จึงทรงลงมาช่วยเสียเอง โดยอวตารเป็น พระธัญญลักษมี โดยเนรมิตน้ำในสังข์ให้หลั่งเป็นสายฝนตกลงท้องไร่ท้องนา จนความอุดมสมบูรณ์กลับมายังเมืองนี้อีกครั้ง พอพระนารายณ์ทรงตื่นจากบรรทมทราบว่าพระลัีกษมีชายามีความเมตตาช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ผู้ตกทุกข์จึงประทานพรแด่พระแม่ และยกให้นกฮูกหรือนกเค้าแมวเป็นสัตว์ประจำองค์ของปางพระธัญญลักษมีหรือพระแม่โพสพต่อจากนั้นเป็นมา...

คติอินเดียก็คือ พระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ซึ่งคติอินเดีย นั้นเป็นอวตารของพระแม่ลักษมี ในคติลักษมีแปดปางที่ชื่อ ปางธัญญลักษมี มีเทวลักษณะ 4–6 พระกร ขึ้นกับจิตรกรจะวาดออกมา โดยพระหัตถ์ทั้งสองด้านจะทรงรวงข้าวและธัญพืช

       ส่วนแม่โพสพของไทยเรานั้น สันนิษฐานมาจากสองคติ คือ ทางหนึ่งมาจาก ธัญญลักษมี ที่กล่าวมา (ดังรูปด้านขวามือ มีปางหนึ่งชื่อ DHANYA LAKSHMI องค์ที่ทรงอาภรณ์สีเขียว) อีกทางหนึ่งว่า เป็นการแบ่งภาคจากพระพรหม มาเป็นเทพเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร โดยการแบ่งภาคนี้หากเป็นเทพบุรุษ ก็เรียกว่า พระไพรศรพณ์ เป็นเทพบุตรรูปงามถือพระขรรค์ ทรงหงส์เป็นสัตว์เทพพาหนะ ส่วน ภาคเทวนารี เป็น พระแม่โพสพ ซึ่งจะเป็นรูปนางงามถือรวงข้าวซึ่งคติอย่างหลังก็น่า จะมาจาก ธัญญลักษมี ของอินเดียเหมือนกัน เพราะตอนที่พระแม่ลักษมีผุดขึ้นตอนกวนเกษียรสมุทร มีพระพรหมเสด็จมารับเป็นเทพผู้ใหญ่ของพระแม่ลักษมี เพื่อเลือกคู่ ซึ่งก็มีการนำเอาพระพรหมมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน



หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(อัพรูปแล้วเจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 15:39:06
:D....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....
รวยกันใหญ่แล้ว  ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: kaewmarloon ที่ วันที่ 29 ธันวาคม 2012, 18:22:45
   เห็นการเกี่ยวข้าวแบบนี้ น่าสนุกดีครับ ไม่รู้เคยชมกันหรือยัง

WH8NGqHYqfU


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: jesdath ที่ วันที่ 30 ธันวาคม 2012, 20:27:28
เราสามารถปลูกไผ่ ปลูกถั่วเป็นรายได้เสริมอีกนะครับ ไปสุพรรณ ไปเที่ยวสวนนกท่าเสด็จ ชมนาของคุณอุ้มด้วยนะ
----หลายสิบปีมาแล้ว มีผู้หญิงเดินขึ้นมาจากท้องนา ปลอบใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เขาให้้เอาข่้าวไปส่งคนเกี่ยวข้าวตอนตีสอง-เด็กก็เข้าใจว่าพี่คนนี้ไปเล่นยี่เกมาเพราะใส่ชุดไทยสีเขียว
ปรากฏว่าหญิงคนนั้นคือพระแม่โพสพ และเด็กหญิงคนนั้นก็กลายเป็นภรรยาของผมเอง
--เหตุเกิดที่ลาดยาว นครสวรรค์--ปัจจุบันเศรษฐีเจ้าของนาก็ล้มละลายไปเพราะลูกผลาญหมด--เหตุเพราะไปยึดแหวนที่พระแม่ให้กับเด็กคนนั้นมาเป็นของตนและทุบตีเด็กด้วย
ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้พบกับท่านครับ--แต่ชาวนาบางส่วนก็หาของเปรี้ยวๆไว้ตามหัวไร่ปลายนายามเมื่อข้าวตั้งท้อง--แสดงว่าในอดีตก็ต้องมีคนเคยเห็นท่านครับ  ท่านอุ้มรวงข้าวด้วยมือซ้าย เอาพาดไว้ที่บ่าขวาคอยเดินตรวจทุ่งนาข้าวเป็นประจำครับ---ขอให้เคารพบูชาท่านไว้เพราะข้าวทุกเม็ดก็คือพระแม่โพสพเช่นกัน
--ก็ขอให้ได้ดังที่หวัง ดังที่เราเห็นคุณอุ้มเค้าประสพความสำเร็จและมีความสุขกับการเป็นชาวนาครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 02 มกราคม 2013, 10:28:31
สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน  ขอให้ทุกท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง การงานราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทุกคนครับ


yoZ6CabWU20


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 มกราคม 2013, 08:57:53
สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน  ขอให้ทุกท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง การงานราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทุกคนครับ


yoZ6CabWU20
สวัสดีปี๋ใหม่เจ้า ดรีมขอให้พี่ๆทุกท่านมีความสุข รวยๆ สุขภาพแข็งแรง เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ~ lทวดาไร้ปีก ~ ที่ วันที่ 06 มกราคม 2013, 18:04:00
ผมก็กำลังจะทำเหมือนกันครับ ว่างแค่เสาร์ - อาทิตย์ แต่อยากทำครับ ยังไงจะมาขอคำปรึกษานะครับ พี่ๆทั้งหลาย...


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: piyathap ที่ วันที่ 07 มกราคม 2013, 10:56:57
สวัสดีครับ อยากทำนาครับ เป็นคนพะเยา แต่มาอยู่ที่มหาสารคาม อยากถามว่าจะหาซื้ออุปกรณืต่อพ่วงรถไถเดินตามแถวเชียงรายได้ทีทไหน หรือต้องดัดแปลงเอา อย่างเช่นตัวตีดิน เพราะที่นี่เค้าใช้แบบเดินตาม และยังมีความคิดแบบเดิมๆคือ จะใช้ได้หรือไม่ มันจึงทำให้ยากต่อการเปลี่ยนทัศนคติสำหรับคนที่นี่ ปีนี้ผมว่าทำแบบหยอดครับ รบกวนขอข้อมูลด้วยครับ เวลากลับบ้านจะได้ปเชียงรายไปหาซื้อของครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 10 มกราคม 2013, 15:35:57
สวัสดีครับ อยากทำนาครับ เป็นคนพะเยา แต่มาอยู่ที่มหาสารคาม อยากถามว่าจะหาซื้ออุปกรณืต่อพ่วงรถไถเดินตามแถวเชียงรายได้ทีทไหน หรือต้องดัดแปลงเอา อย่างเช่นตัวตีดิน เพราะที่นี่เค้าใช้แบบเดินตาม และยังมีความคิดแบบเดิมๆคือ จะใช้ได้หรือไม่ มันจึงทำให้ยากต่อการเปลี่ยนทัศนคติสำหรับคนที่นี่ ปีนี้ผมว่าทำแบบหยอดครับ รบกวนขอข้อมูลด้วยครับ เวลากลับบ้านจะได้ปเชียงรายไปหาซื้อของครับ
เรื่องอุปกรณ์ต้องให้พี่ๆท่านอื่นตอบเน้อเจ้า ดรีมบ่มีความรู้เลยอะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 มกราคม 2013, 07:37:11
อัพๆๆหน่อย วันที่ 23 เดินทางไปมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้า เริ่มเรียน 25-27 ม.ค เจ้า สู้ๆๆ เอาความรู้กลับมาทำนา เจ้า ไว้จะมาชร์ความรู้เน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: chate ที่ วันที่ 22 มกราคม 2013, 14:52:12
อัพๆๆหน่อย วันที่ 23 เดินทางไปมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้า เริ่มเรียน 25-27 ม.ค เจ้า สู้ๆๆ เอาความรู้กลับมาทำนา เจ้า ไว้จะมาชร์ความรู้เน้อเจ้า
รออยู่น้อ ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 มกราคม 2013, 21:09:32
อัพๆๆหน่อย วันที่ 23 เดินทางไปมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้า เริ่มเรียน 25-27 ม.ค เจ้า สู้ๆๆ เอาความรู้กลับมาทำนา เจ้า ไว้จะมาชร์ความรู้เน้อเจ้า
รออยู่น้อ ;D ;D
เจ้า :) :) :) :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: pradi ที่ วันที่ 22 มกราคม 2013, 23:31:49
อัพๆๆหน่อย วันที่ 23 เดินทางไปมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้า เริ่มเรียน 25-27 ม.ค เจ้า สู้ๆๆ เอาความรู้กลับมาทำนา เจ้า ไว้จะมาชร์ความรู้เน้อเจ้า
ผุมเยะนามาสองปีแล้วยังไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลเลย มุ่งไปทางอินทรีย์ ไม่ใช้ยา ไม่ใช้สารเคมี เลี้ยงเป็ดขาวเป็ดดำกินหอย ถูกค่อนขอดน่าดู เพราะแถวนั้นเขาใช้ปุ๋ยใช้ยากันตรึม เห็นรายการจากhttp://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4183&action=search&ctype=3&pname=459&stype=2&ap=false (http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4183&action=search&ctype=3&pname=459&stype=2&ap=false) ที่มูลนิธิข้าวขวัญแจกพันธุ์ข้าวที่ปรับปรุงจากพันธุ์พื้นเมือง อยากได้มาขยายจัง ฝากขอรับมาให้บ้างได้ไหม ไม่กี่เมล็ดก็ได้ครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปบ้างจัง รู้ช้าไปหน่อย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 23 มกราคม 2013, 14:12:18
อัพๆๆหน่อย วันที่ 23 เดินทางไปมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้า เริ่มเรียน 25-27 ม.ค เจ้า สู้ๆๆ เอาความรู้กลับมาทำนา เจ้า ไว้จะมาชร์ความรู้เน้อเจ้า
ผุมเยะนามาสองปีแล้วยังไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลเลย มุ่งไปทางอินทรีย์ ไม่ใช้ยา ไม่ใช้สารเคมี เลี้ยงเป็ดขาวเป็ดดำกินหอย ถูกค่อนขอดน่าดู เพราะแถวนั้นเขาใช้ปุ๋ยใช้ยากันตรึม เห็นรายการจากhttp://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4183&action=search&ctype=3&pname=459&stype=2&ap=false (http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=4183&action=search&ctype=3&pname=459&stype=2&ap=false) ที่มูลนิธิข้าวขวัญแจกพันธุ์ข้าวที่ปรับปรุงจากพันธุ์พื้นเมือง อยากได้มาขยายจัง ฝากขอรับมาให้บ้างได้ไหม ไม่กี่เมล็ดก็ได้ครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปบ้างจัง รู้ช้าไปหน่อย
ไว้จะถามหื้อเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 25 มกราคม 2013, 20:03:48
อธิบายอย่างละเอียด


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 มกราคม 2013, 18:57:19
ไว้จะเข้ามาแชร์เน้อเจ้า ตอนนี้ไม่ค่อยว่างเลย ช่วยแม่งานต่างๆมากมาย ได้ความรู้มาเยอะค่ะ ดรีมนึกว่ามีดรีมบ้าคนเดียว พี่ๆที่ไปอบรม มีทั้งอาจารย์ หมอฟัน จบวิศวะกรท่าอากาศยานจุฬา ทำงานต่างประเทศลาออกมามาทำนาก็มีค่ะ นักข่าว ธุรกิจส่วนตัว ต่างๆมากมาย อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: bm farm ที่ วันที่ 31 มกราคม 2013, 21:23:51
อธิบายอย่างละเอียด

 :D....ทีหลังอย่าถ่ายรูปเอียงนะ....ปวดคอหมด


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ขี้เหล้าอาวุโส ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2013, 07:34:37
รอรับความฮู้ครับ :)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2013, 19:57:59
รอรับความฮู้ครับ :)
คริๆๆ รอสักสองวันเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา(วันที่ 25 ม.ค ไปอบรมที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี เจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013, 07:42:56
อธิบายอย่างละเอียด

 :D....ทีหลังอย่าถ่ายรูปเอียงนะ....ปวดคอหมด
อัพจากโทรสัพค่ะ เอียงไปหน่อย อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: jaroonsak ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013, 16:48:32
กลับมาเมื่อไหร่ อย่าลืมเอาเชื้อบิวเวอเรียที่มาจากหนอนธรรมชาติมาด้วยเน้อ และสุตรน้ำหมักไล่แมลงนะที่คุณชัยพร พรหมพันธุ์นะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: HARLEY DAVIDSON ที่ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2013, 19:33:42
 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2013, 20:49:49
กลับมาเมื่อไหร่ อย่าลืมเอาเชื้อบิวเวอเรียที่มาจากหนอนธรรมชาติมาด้วยเน้อ และสุตรน้ำหมักไล่แมลงนะที่คุณชัยพร พรหมพันธุ์นะครับ
ไม่ได้ขออาไรมาเลยเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013, 07:34:24
อย่าลืม     เข้าอบรมโครงการผลิตข้าว ที่ไร่เชิญตะวัน 4-6 มีนานี้เน๊อน้องดรีม


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ILoVePaNgYa ที่ วันที่ 02 มีนาคม 2013, 23:28:19
อิจฉาจัง ผมไม่มีผืนดินเป็นของตัวเลยมีแต่ของพ่อของปู่ เฮ้อ   :'( :'(เศร้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 03 มีนาคม 2013, 18:20:43
อิจฉาจัง ผมไม่มีผืนดินเป็นของตัวเลยมีแต่ของพ่อของปู่ เฮ้อ   :'( :'(เศร้า
ถ้าคิดจะทำ  มีแค่ไหนทำแค่นั้น ถ้าเราคิดจะอยู่อย่างพอเพียงครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 12:11:38
อย่าลืม     เข้าอบรมโครงการผลิตข้าว ที่ไร่เชิญตะวัน 4-6 มีนานี้เน๊อน้องดรีม
อาจาร์ยดรีมบ่ได้มาอ่าน แต่ดรีมไปเมื่อวันที่ 28 อะเจ้า ไปตอนช่วงเช้า มีอีกเมื่อไหร่ช่วยบอกต๋วยเน้อเจ้า ตอนนี้การอบรมกว้างใหญ่ไปมากๆๆเจ้า ชอบฟังๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 12:12:35
อิจฉาจัง ผมไม่มีผืนดินเป็นของตัวเลยมีแต่ของพ่อของปู่ เฮ้อ   :'( :'(เศร้า
มีพี่ที่ไปอบรมข้าวขวัญเขามีไร่เดียว เขาก็ทำค่ะทำแบบปราณีตด้วย เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 12:14:13
อาชีพที่ "ชาวไทย" ยกย่อง และให้เกียรติ มาก จนให้มีคำว่า "ของชาติ" ต่อท้าย
คือ "ชาวนา-กระดูสันหลังของชาติ" (อดีตนายกเรียกว่า "รากหญ้า") "ครู-แม่พิมพ์ของชาติ"
และ "ทหาร-รั้วของชาติ" ท่านๆ เหล่านี้จงภูมิใจในอาชีพ แม้ในยุคทุนนิยม จงยืนหยัด
"เพื่อประเทศชาติและลูกหลานเรานะครับ" ขออย่าดูแคลนอาชีพตน....เบสท์...
อี่เซื่ออี่แนวข่อย..มีเบิดซุอาชีพเด้อครับ...

เครดิต Facebook: Best Thitikamon


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Ck 401 ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 12:16:56
เอาแต้น่อ
เป็นกำลังใจให้ครับ

อธิบายอย่างละเอียด

 :D....ทีหลังอย่าถ่ายรูปเอียงนะ....ปวดคอหมด
คนนี้ก่อแซวน้องเปิ้นแต้เนอ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 13:02:48
เอาแต้น่อ
เป็นกำลังใจให้ครับ

อธิบายอย่างละเอียด

 :D....ทีหลังอย่าถ่ายรูปเอียงนะ....ปวดคอหมด
คนนี้ก่อแซวน้องเปิ้นแต้เนอ
อิอิ ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 07 มีนาคม 2013, 22:18:42
อย่าลืม     เข้าอบรมโครงการผลิตข้าว ที่ไร่เชิญตะวัน 4-6 มีนานี้เน๊อน้องดรีม
อาจาร์ยดรีมบ่ได้มาอ่าน แต่ดรีมไปเมื่อวันที่ 28 อะเจ้า ไปตอนช่วงเช้า มีอีกเมื่อไหร่ช่วยบอกต๋วยเน้อเจ้า ตอนนี้การอบรมกว้างใหญ่ไปมากๆๆเจ้า ชอบฟังๆๆเจ้า
เห็นทางสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงรายจะเปิดอบบรมอีกเป็นรุ่นสุดท้าย
เพื่อผลิตข้าวคุณภาพในจังหวัดภาคเหนือนะครับ และร่วมกับรุ่นสิงห์ 8 รุ่นที่ 9 จะเป็นเฉพาะเจ้าหน้าที่เกษตรแล้วจะยุติการอบรมนะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 08 มีนาคม 2013, 10:10:43
อย่าลืม     เข้าอบรมโครงการผลิตข้าว ที่ไร่เชิญตะวัน 4-6 มีนานี้เน๊อน้องดรีม
อาจาร์ยดรีมบ่ได้มาอ่าน แต่ดรีมไปเมื่อวันที่ 28 อะเจ้า ไปตอนช่วงเช้า มีอีกเมื่อไหร่ช่วยบอกต๋วยเน้อเจ้า ตอนนี้การอบรมกว้างใหญ่ไปมากๆๆเจ้า ชอบฟังๆๆเจ้า
เห็นทางสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงรายจะเปิดอบบรมอีกเป็นรุ่นสุดท้าย
เพื่อผลิตข้าวคุณภาพในจังหวัดภาคเหนือนะครับ และร่วมกับรุ่นสิงห์ 8 รุ่นที่ 9 จะเป็นเฉพาะเจ้าหน้าที่เกษตรแล้วจะยุติการอบรมนะครับ

จะบ่มีอบรมละกะเจ้า อั่นนักเรียนชาวนาก็มีเก้า รุ่นกะเจ้า ดรีมอยากรุ้ว่าที่เขาตั้งกลุ่มข้าวกัน เขาตั้งกันยังไงอะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 08 มีนาคม 2013, 20:25:24
อย่าลืม     เข้าอบรมโครงการผลิตข้าว ที่ไร่เชิญตะวัน 4-6 มีนานี้เน๊อน้องดรีม
อาจาร์ยดรีมบ่ได้มาอ่าน แต่ดรีมไปเมื่อวันที่ 28 อะเจ้า ไปตอนช่วงเช้า มีอีกเมื่อไหร่ช่วยบอกต๋วยเน้อเจ้า ตอนนี้การอบรมกว้างใหญ่ไปมากๆๆเจ้า ชอบฟังๆๆเจ้า
เห็นทางสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงรายจะเปิดอบบรมอีกเป็นรุ่นสุดท้าย
เพื่อผลิตข้าวคุณภาพในจังหวัดภาคเหนือนะครับ และร่วมกับรุ่นสิงห์ 8 รุ่นที่ 9 จะเป็นเฉพาะเจ้าหน้าที่เกษตรแล้วจะยุติการอบรมนะครับ

จะบ่มีอบรมละกะเจ้า อั่นนักเรียนชาวนาก็มีเก้า รุ่นกะเจ้า ดรีมอยากรุ้ว่าที่เขาตั้งกลุ่มข้าวกัน เขาตั้งกันยังไงอะเจ้า
ต้องลงชื่อที่ เกษตรตำบลนะครับสำหรับคนที่ผ่านการอบรมสิงห์ 1-8 น่าจะอนุโลม อีกโครงการหนึ่งก็คือ ชาวนามืออาชีพ" รวบรวมโดย บ.KUBOTA ต้องมีพื้นที่ติดกันมทีพื้นที่รวม 150 ไร่จำกัดคนละ  5 ไร่ ทาง บ.จะมาดูแลให้ตั้งแต่เตรียมดินจนะเก็บเกี่ยวครับ รวมได้แล้วแจ้งได้ที่เกษตรอำเภอทุกอำเภอ เฉพาะเชียงรายนะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 09 มีนาคม 2013, 13:38:11
ดรีมสนใจขนาดเจ้า แต่บ่ฮู้ว่าคนแถวนี้ เขาจะสนใจกันก่อ  ดรีมสามารถทำได้แม่นก่อเจ้า ถ้ารวบรวมได้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 10 มีนาคม 2013, 22:18:08
ดรีมสนใจขนาดเจ้า แต่บ่ฮู้ว่าคนแถวนี้ เขาจะสนใจกันก่อ  ดรีมสามารถทำได้แม่นก่อเจ้า ถ้ารวบรวมได้
ได้แน่นอนครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 11 มีนาคม 2013, 12:56:46
เข้ามาสองนาจ๊ะ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 24 มีนาคม 2013, 23:01:07
ดรีมสนใจขนาดเจ้า แต่บ่ฮู้ว่าคนแถวนี้ เขาจะสนใจกันก่อ  ดรีมสามารถทำได้แม่นก่อเจ้า ถ้ารวบรวมได้
ได้แน่นอนครับ
ดรีมเคยถามในเฟสบุ๊ค ชาวนาวันหยุด แล้วเขาบ่ตอบอะเจ้า  ดรีมบอกว่าขอข้อมูลหน่อย เผื่อจะได้รวบรวม นาแถวบ้านให้ครบ 150 ไร่ เขาอ่านแล้วบ่ตอบดรีมเลยหยุดคิดอะเจ้า ตอนนี้ก็จะลองทำนาของดรีมก่อนเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 25 มีนาคม 2013, 20:02:33
ดรีมสนใจขนาดเจ้า แต่บ่ฮู้ว่าคนแถวนี้ เขาจะสนใจกันก่อ  ดรีมสามารถทำได้แม่นก่อเจ้า ถ้ารวบรวมได้
ได้แน่นอนครับ
ดรีมเคยถามในเฟสบุ๊ค ชาวนาวันหยุด แล้วเขาบ่ตอบอะเจ้า  ดรีมบอกว่าขอข้อมูลหน่อย เผื่อจะได้รวบรวม นาแถวบ้านให้ครบ 150 ไร่ เขาอ่านแล้วบ่ตอบดรีมเลยหยุดคิดอะเจ้า ตอนนี้ก็จะลองทำนาของดรีมก่อนเจ้า
ถ้ารวบรวมได้ 150 ไร่ติดต่อผมก่อได้เน๊อ ยินดีให้คำปรึกษา ทำเองก็ยิ่งดี เข้าคอนเซ็ปของผมเลย ผมทดลองดูที่นาของตัวเองได้ผลยอดเยี่ยมเลย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: lisen ที่ วันที่ 25 มีนาคม 2013, 22:09:30
สำหรับผู้ที่ต้องการแนวทางและแรงบันดาลใจครับ
ฉันจะเป็นชาวนา ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบ หวังว่าคนที่ตั้ังใจจะเป็นชาวนาจะมีแนวทางเพื่อไปประยุคกับผืนแผ่นดินของตน เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนเป็นมรดกให้ลูกหลานสืบต่อไปครับ

http://www.youtube.com/playlist?list=PL9E0ECE4B290DF892


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: sabaidree ที่ วันที่ 26 มีนาคม 2013, 19:07:13
มีอะหยังดีๆบอกกั๋นผ่องเน้อครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nan99 ที่ วันที่ 27 มีนาคม 2013, 20:05:08
เริ่มทำ เริ่มศึกษา ธรรมชาติจะเป็นครูที่ดี
ทำนาอยากได้ข้าวเยอะไม่ยาก แค่ขยัน
ไปนาทุกวัน แล้วคุณจะได้รู้ว่าสิ่งที่ควรทำ
พรุ้งนี้คืออะไร ผมมีรูปการทำนาของผมเยอะ
แต่ลงรูปไม่ได้ ไฟล์ใหญ่เกินไปเสียดาย
ตั้งแต่ทำถึงเกี่ยว ว่าจะดูสักหน่อย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: sabaidree ที่ วันที่ 27 มีนาคม 2013, 20:37:42
เริ่มทำ เริ่มศึกษา ธรรมชาติจะเป็นครูที่ดี
ทำนาอยากได้ข้าวเยอะไม่ยาก แค่ขยัน
ไปนาทุกวัน แล้วคุณจะได้รู้ว่าสิ่งที่ควรทำ
พรุ้งนี้คืออะไร ผมมีรูปการทำนาของผมเยอะ
แต่ลงรูปไม่ได้ ไฟล์ใหญ่เกินไปเสียดาย
ตั้งแต่ทำถึงเกี่ยว ว่าจะดูสักหน่อย
รอครับรอ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 เมษายน 2013, 11:38:52
ดรีมสนใจขนาดเจ้า แต่บ่ฮู้ว่าคนแถวนี้ เขาจะสนใจกันก่อ  ดรีมสามารถทำได้แม่นก่อเจ้า ถ้ารวบรวมได้
ได้แน่นอนครับ
ดรีมเคยถามในเฟสบุ๊ค ชาวนาวันหยุด แล้วเขาบ่ตอบอะเจ้า  ดรีมบอกว่าขอข้อมูลหน่อย เผื่อจะได้รวบรวม นาแถวบ้านให้ครบ 150 ไร่ เขาอ่านแล้วบ่ตอบดรีมเลยหยุดคิดอะเจ้า ตอนนี้ก็จะลองทำนาของดรีมก่อนเจ้า
ถ้ารวบรวมได้ 150 ไร่ติดต่อผมก่อได้เน๊อ ยินดีให้คำปรึกษา ทำเองก็ยิ่งดี เข้าคอนเซ็ปของผมเลย ผมทดลองดูที่นาของตัวเองได้ผลยอดเยี่ยมเลย
เจ้า ของอาจารย์ทำแบบชาวนาวันหยุดกะเจ้า เอารถปลูกกะเจ้า เอารถปลูด ดูแลหญ้าง่ายมากเลยเนาะเจ้า ไขได้สักคันแต้ แต่ต้องรอทำปีนี้เพราะดรีมบ่ฮู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 เมษายน 2013, 11:39:20
สำหรับผู้ที่ต้องการแนวทางและแรงบันดาลใจครับ
ฉันจะเป็นชาวนา ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบ หวังว่าคนที่ตั้ังใจจะเป็นชาวนาจะมีแนวทางเพื่อไปประยุคกับผืนแผ่นดินของตน เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนเป็นมรดกให้ลูกหลานสืบต่อไปครับ

http://www.youtube.com/playlist?list=PL9E0ECE4B290DF892
ขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 02 เมษายน 2013, 11:40:05
เริ่มทำ เริ่มศึกษา ธรรมชาติจะเป็นครูที่ดี
ทำนาอยากได้ข้าวเยอะไม่ยาก แค่ขยัน
ไปนาทุกวัน แล้วคุณจะได้รู้ว่าสิ่งที่ควรทำ
พรุ้งนี้คืออะไร ผมมีรูปการทำนาของผมเยอะ
แต่ลงรูปไม่ได้ ไฟล์ใหญ่เกินไปเสียดาย
ตั้งแต่ทำถึงเกี่ยว ว่าจะดูสักหน่อย
ลดไฟล์รูป แล้วช่วยเอาลงให้ดูหน่อยเน้อเจ้า ทำนาอยู่แถวไหนเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nan99 ที่ วันที่ 04 เมษายน 2013, 02:44:00
ทำนาอยู่แถวอำเภอเทิงครับ
ใช้รถปลูก 4 แถวครับ
ได้สามสีปีแล้วครับ สี่แถวปลูกง่าย
อย่างอื่นบ่ดีครับ บ่เสมอ
รูปถ่ายรูปจากมือถือลดไฟล์ บ่ได้ครับเกิน
พยายามแล้วครับใน f.  ลงได้ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 เมษายน 2013, 20:37:13
ทำนาอยู่แถวอำเภอเทิงครับ
ใช้รถปลูก 4 แถวครับ
ได้สามสีปีแล้วครับ สี่แถวปลูกง่าย
อย่างอื่นบ่ดีครับ บ่เสมอ
รูปถ่ายรูปจากมือถือลดไฟล์ บ่ได้ครับเกิน
พยายามแล้วครับใน f.  ลงได้ครับ
ดรีมอยุ่บ้านไม้ยาอะเจ้า อ้ายอยุ่บ้านไหนเจ้า ไขไปผ่อนาแต้ เฟสบุ๊คดรีม maiya_internet@hotmail.com ดรีม หลานอุ้ยเอ้ย เจ้า แอดมาเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nan99 ที่ วันที่ 05 เมษายน 2013, 12:49:49
แอดไม่ได้ครับ
บอกผิดหรือเปล่า
นาอยู่ทางไป อ.บ.ต ไม้ยา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pakodam ที่ วันที่ 05 เมษายน 2013, 16:00:04
กะลังฮู้ว่าการเป็นจาวนาแล้วมันมีความสุขจะอี้ พอพ่อกะแม่เสียก็เลยต้องหันมาสนใจในการทำงาน เพิ่งเร่มทำเมื่อปีที่แล้ว มี 15 ไร่ (http://upic.me/i/p9/03-10-12-12-06-33.jpg) (http://upic.me/show/44155762)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 เมษายน 2013, 18:05:04
แอดไม่ได้ครับ
บอกผิดหรือเปล่า
นาอยู่ทางไป อ.บ.ต ไม้ยา
อั่นก็ใกล้ๆๆนาของดรีมอะจิ นาของดรีมเข้าตรงข้ามโรงเรียนสุขเจริญอะเจ้า
https://www.facebook.com/dreamdream053?ref=tn_tnmn 

เฟสบุ๊คบอกถูกแล้วหนาเจ้า ขอเบอร์โทรไว้ต๋วยได้ก่อเจ้าาาาา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 เมษายน 2013, 18:05:43
กะลังฮู้ว่าการเป็นจาวนาแล้วมันมีความสุขจะอี้ พอพ่อกะแม่เสียก็เลยต้องหันมาสนใจในการทำงาน เพิ่งเร่มทำเมื่อปีที่แล้ว มี 15 ไร่ (http://upic.me/i/p9/03-10-12-12-06-33.jpg) (http://upic.me/show/44155762)

ทำอยู่แถวไหนอะเจ้า ทำแบบอินทรีย์ก่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 08 เมษายน 2013, 09:12:44
มะวานพี่ nan99 ได้แวะมาดูนาให้ เพราะทำนาใกล้ๆกัน อ้ายเขาก็หื้อคำแนะนำเยอะเลย ขอบคุณมากๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 08 เมษายน 2013, 09:16:02
พี่Nan99 ก็เลยชวนไปดูนาปรังที่พี่เขาทำ เขาทำแบบบ่มีคันนาเยอะเจ้า ทำเป็นผืนใหญ่ๆ งามขนาดเจ้า ตรงนี้ 20 กว่าไร่ สวยงามสุดยอด เมื่อไหร่ของดรีมจะเป็นแบบนี้บ้างนะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: mara ที่ วันที่ 08 เมษายน 2013, 16:26:31
สวัสดีเจ้าน้องดรีมพี่ชื่อดวงจันทร์คนเจียงฮายเจ้าติดตามผลงานของน้องอยู่น้องเก่งขนาดเจ้าพี่ก็เติบใหญ่มาจากท้องนาบ้านเฮาความฝันไว้สักวันอยากจะทำนาพี่ขออนุญาตแอ๊ดเฟสบุ๊คของน้องจ่วยฮับแอ๊ดตวยเน้อขอบคุณเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 08 เมษายน 2013, 18:43:58
สวัสดีเจ้าน้องดรีมพี่ชื่อดวงจันทร์คนเจียงฮายเจ้าติดตามผลงานของน้องอยู่น้องเก่งขนาดเจ้าพี่ก็เติบใหญ่มาจากท้องนาบ้านเฮาความฝันไว้สักวันอยากจะทำนาพี่ขออนุญาตแอ๊ดเฟสบุ๊คของน้องจ่วยฮับแอ๊ดตวยเน้อขอบคุณเจ้า
ยินดีเจ้าพี่ดวงจันทร์ ยังบ่เห็นแอดเลยเจ้า ยินดีเจ้า แอดมาได้เลยเจ้า
https://www.facebook.com/dreamdream053?ref=tn_tnmn


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: sri2013 ที่ วันที่ 23 เมษายน 2013, 13:12:35
ยะนา มาซื้อเหล้ากิ๋น เฮ้ย จะบอกิ๋นก่อน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 29 เมษายน 2013, 20:32:04
ยะนา มาซื้อเหล้ากิ๋น เฮ้ย จะบอกิ๋นก่อน้อ
ดรีมบ่กินเหล้าหนาเจ้า อิอิ ตอนนี้เห็นเขาเริ่มไถขว้างกั๋นแล้ว ดรีมยังบ่ได้ยะหยังเลย คริๆๆ รอแหมสักน้อยก่อน
น่อเจ้าาาา จะมาอัพเดตใหม่ จะไปลืมกั๋นเตื้อหนาเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 01 พฤษภาคม 2013, 12:10:10
เข้ามาสองนาตางเจียงฮายเน้อ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: akoms ที่ วันที่ 01 พฤษภาคม 2013, 13:11:26
นาปีหรือนาปรังครับ
โทษทีไม่ได้อ่านทุกหน้าเลยไม่ทราบครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 พฤษภาคม 2013, 14:56:44
วันนี้แม่ถาม จะยะนาอย่างได๋นิ ดรีมตอบ นาหยังดีละ ฮาๆๆๆ นาโยน แต่ยังบ่ได้เตรียมหยังสักอย่างเลยเจ้า วันนี้จะไป

บอกหื้อลุงเขาไปไถขว้างก่อนเจ้า ทำนาปีเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 พฤษภาคม 2013, 19:10:24
เริ่มต้น ด้วยการไปหารถไถ มาไถขว้างก่อนเจ้า เขาว่าแหมสองสามวันจะมาไถหื้อ

สู้ๆ ต้องเอาขี้หมูไม่ใส่สีกหน่อย ใส่ปุ๋ยที่แม่หมักไว้ด้วย สู้ๆเจ้า จะออกมาเป็นเลขหยังบ่ฮู้ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 01 พฤษภาคม 2013, 20:08:02
เริ่มต้น ด้วยการไปหารถไถ มาไถขว้างก่อนเจ้า เขาว่าแหมสองสามวันจะมาไถหื้อ

สู้ๆ ต้องเอาขี้หมูไม่ใส่สีกหน่อย ใส่ปุ๋ยที่แม่หมักไว้ด้วย สู้ๆเจ้า จะออกมาเป็นเลขหยังบ่ฮู้ อิอิ

ใส่ขี้หมูก่อนที่จะไถตากจะง่ายกว่าครับเพราะเดินในนาง่าย เอาล้อพ่วงลากไปใส่ในนาก็ง่าย แต่ถ้าไถพลิกหน้าดินแล้วจะเดินใส่ขี้หมูลำบากครับ ดีบ่าดีข้อเท้าแพลงมาจะยุ่ง ใส่ขี้หมู และพ่นน้ำจุลินทรีย์ก่อนจะไถพลิกหน้าดินซัก 1 วัน  พ่นช่วงแลง ๆ เน้อครับแดดจัด ๆ เดียวจุลินทรีย์ตายครับ (แต่ถ้าเป็นปุ๋ยหมักแล้วบ่าต้องพ่นจุลินทรีย์ก็ได้)


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 พฤษภาคม 2013, 19:31:51
เริ่มต้น ด้วยการไปหารถไถ มาไถขว้างก่อนเจ้า เขาว่าแหมสองสามวันจะมาไถหื้อ

สู้ๆ ต้องเอาขี้หมูไม่ใส่สีกหน่อย ใส่ปุ๋ยที่แม่หมักไว้ด้วย สู้ๆเจ้า จะออกมาเป็นเลขหยังบ่ฮู้ อิอิ

ใส่ขี้หมูก่อนที่จะไถตากจะง่ายกว่าครับเพราะเดินในนาง่าย เอาล้อพ่วงลากไปใส่ในนาก็ง่าย แต่ถ้าไถพลิกหน้าดินแล้วจะเดินใส่ขี้หมูลำบากครับ ดีบ่าดีข้อเท้าแพลงมาจะยุ่ง ใส่ขี้หมู และพ่นน้ำจุลินทรีย์ก่อนจะไถพลิกหน้าดินซัก 1 วัน  พ่นช่วงแลง ๆ เน้อครับแดดจัด ๆ เดียวจุลินทรีย์ตายครับ (แต่ถ้าเป็นปุ๋ยหมักแล้วบ่าต้องพ่นจุลินทรีย์ก็ได้)
ดรีมพิมผิด ขี้หมู แม่ทำปุ๋ยหมักเป็นขี้วัว กับแกลบดำอะเจ้า เอาไปใส่ได้เลยน่อ เจ้า ถ้าทำก่อนสิ้นเดือนทันก่อเจ้า

บ่มีคนช่วย อะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ubuntuthaith ที่ วันที่ 05 พฤษภาคม 2013, 21:00:28
เริ่มต้น ด้วยการไปหารถไถ มาไถขว้างก่อนเจ้า เขาว่าแหมสองสามวันจะมาไถหื้อ

สู้ๆ ต้องเอาขี้หมูไม่ใส่สีกหน่อย ใส่ปุ๋ยที่แม่หมักไว้ด้วย สู้ๆเจ้า จะออกมาเป็นเลขหยังบ่ฮู้ อิอิ

ใส่ขี้หมูก่อนที่จะไถตากจะง่ายกว่าครับเพราะเดินในนาง่าย เอาล้อพ่วงลากไปใส่ในนาก็ง่าย แต่ถ้าไถพลิกหน้าดินแล้วจะเดินใส่ขี้หมูลำบากครับ ดีบ่าดีข้อเท้าแพลงมาจะยุ่ง ใส่ขี้หมู และพ่นน้ำจุลินทรีย์ก่อนจะไถพลิกหน้าดินซัก 1 วัน  พ่นช่วงแลง ๆ เน้อครับแดดจัด ๆ เดียวจุลินทรีย์ตายครับ (แต่ถ้าเป็นปุ๋ยหมักแล้วบ่าต้องพ่นจุลินทรีย์ก็ได้)
ดรีมพิมผิด ขี้หมู แม่ทำปุ๋ยหมักเป็นขี้วัว กับแกลบดำอะเจ้า เอาไปใส่ได้เลยน่อ เจ้า ถ้าทำก่อนสิ้นเดือนทันก่อเจ้า

บ่มีคนช่วย อะเจ้า

ชาวนาที่เปิ้นได้รับผลโล่ห์ผลผลิตสูงของประเทศ แกใส่ปุ๋ยอินทรีย์เม็ดในช่วงข้าวมีอายุ 20 วันและใส่ปุ๋ยเคมี 16-20-0  เมื่อข้าวอายุ 25 วัน หากไม่พร้อมใส่ตอนนี้ก็ไปใส่ช่วงข้าวมีอายุ 20 วันก็ได้ครับแต่ต้องมั่นใจว่าปุ๋ยหมักไม่ติดเชื้อรานะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 06 พฤษภาคม 2013, 09:27:41
อ่อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 18 พฤษภาคม 2013, 22:52:19
วันนี้พี่ไพลินนัดไปนวดข้าวเจื่อ มีสามพันธ มีข้าวเหนียวก่ำ หอมนิล แล้วอะไรอีกไม่รู้จำชื่อไม่ได้ค่ะ พี่ไพลินปลูกข้าวอินทรีย์ขาย เป็นข้าวสามสี เก็บเมล็ดพันธเอง พี่ไพลินอยุ่หมู่บ้านใกล้ๆ มีแนวร่วมอยุ่ใกล้ๆ ดีใจมากๆๆค่ะ ปีนี้ช่วยพี่ไพลินทำพันธก่อน ปีหน้าจะขอมาปลูก แล้วทำเป็นข้าวกล้องขายบ้าง สู้ๆๆค่ะ ยังอยากจะเป็นชาวนาอยุ่นะค่ะ ตอนนี้ไถทิ้งไว้ ค่าไถ 3000 ตอนนี้ดรีมรอซื้อเข้าเจื่ออยุ่เจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: sumitr191 ที่ วันที่ 20 พฤษภาคม 2013, 08:14:09
ยินดีต้อนรับครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 20 พฤษภาคม 2013, 08:27:43
ยินดีต้อนรับครับ
เจ้าาาาาาา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: mara ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2013, 03:04:55
เข้ามาแอ่วผ่อเจ้า ข้าว3สีนั่นข้าว3อย่างปนกันกะเจ้าน่ากินเนาะเจ้า :D
ไฟล์รูปใหญ่ขนาดเจ้า/พี่ดวงจันทร์ Daranee Wiang จำได้ก่อเจ้า ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนแผน ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2013, 07:29:25
ไค่ได้ สูตรดินผสมเพาะกล้านาโยนหนะครับ.
แนะนำหน่อยนะขอรับ  มือใหม่อยากทำ. :D :D :D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ton-ao ที่ วันที่ 21 พฤษภาคม 2013, 08:07:19
ไค่ได้ สูตรดินผสมเพาะกล้านาโยนหนะครับ.
แนะนำหน่อยนะขอรับ  มือใหม่อยากทำ. :D :D :D
     ใช้ส่วนผสม 8/1/1 คือ ดิน8 ปุ๋ยอินทรีย์ผง 1 แกลบดำ1 ครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chau ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 13:33:12
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 14:58:03
เข้ามาแอ่วผ่อเจ้า ข้าว3สีนั่นข้าว3อย่างปนกันกะเจ้าน่ากินเนาะเจ้า :D
ไฟล์รูปใหญ่ขนาดเจ้า/พี่ดวงจันทร์ Daranee Wiang จำได้ก่อเจ้า ;D
พี่ไพลินเขาจะทำเป็นข้าวกล้องงอกอะคะ น่ากินมากกคะ ดรีมไปชิมมาแล้ว ปีหน้านู้นอะคะ ดรีมจะทำแบบพี่ไพลิน


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 15:00:12
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM
ใจจริงดรีมอยากทำทุกอย่าง อยากลองทุกอย่าง แต่ติดตอนนี้ดรีมต้องทำคนเดียว ท้อมากๆๆเลยคะตอนนี้


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chau ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 17:26:53
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM
ใจจริงดรีมอยากทำทุกอย่าง อยากลองทุกอย่าง แต่ติดตอนนี้ดรีมต้องทำคนเดียว ท้อมากๆๆเลยคะตอนนี้
ทำร่องเดียว ทดลองก็ได้คับจะช่วยหว่านปุ๋ยให้ แต่ร่องเดียวนะคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 18:22:26
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM
ใจจริงดรีมอยากทำทุกอย่าง อยากลองทุกอย่าง แต่ติดตอนนี้ดรีมต้องทำคนเดียว ท้อมากๆๆเลยคะตอนนี้
ทำร่องเดียว ทดลองก็ได้คับจะช่วยหว่านปุ๋ยให้ แต่ร่องเดียวนะคับ
ร่องนึงนี่คือ ๑ช่องสี่เหลี่ยมแม่นก่อเจ้า น่าสนใจๆๆ พรุ่งนี้ดรีมโทรกับนะคะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chau ที่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2013, 22:12:01
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM
ใจจริงดรีมอยากทำทุกอย่าง อยากลองทุกอย่าง แต่ติดตอนนี้ดรีมต้องทำคนเดียว ท้อมากๆๆเลยคะตอนนี้
ทำร่องเดียว ทดลองก็ได้คับจะช่วยหว่านปุ๋ยให้ แต่ร่องเดียวนะคับ
ร่องนึงนี่คือ ๑ช่องสี่เหลี่ยมแม่นก่อเจ้า น่าสนใจๆๆ พรุ่งนี้ดรีมโทรกับนะคะ
ถูกต้องละคร๊าบ ทดลองดูก่อน ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร อย่างไรบอกพิกัดที่ตั้งนามาด้วยเน้อ จะีรอคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 23 พฤษภาคม 2013, 15:39:19
สนใจทำนาอินทรีย์ โดยการใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวมั้ยคับ ที่บ้านทำแล้วได้ผลดี กำลังขายข้าวไปอาิทิตย์ก่อน 9 ไร่ ให้รถเกี่ยวแล้วขายเลย ได้ 110,244 บาท สนใจติดต่อ 08 9552 1464 หรือทาง PM
ใจจริงดรีมอยากทำทุกอย่าง อยากลองทุกอย่าง แต่ติดตอนนี้ดรีมต้องทำคนเดียว ท้อมากๆๆเลยคะตอนนี้
ทำร่องเดียว ทดลองก็ได้คับจะช่วยหว่านปุ๋ยให้ แต่ร่องเดียวนะคับ
ร่องนึงนี่คือ ๑ช่องสี่เหลี่ยมแม่นก่อเจ้า น่าสนใจๆๆ พรุ่งนี้ดรีมโทรกับนะคะ
ถูกต้องละคร๊าบ ทดลองดูก่อน ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร อย่างไรบอกพิกัดที่ตั้งนามาด้วยเน้อ จะีรอคับ
เดียวน้อง pm หาเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: eyenazii ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2013, 06:07:48
นาในฝัน ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2013, 13:52:45
ไปแอ่วเมืองนอกลืมเมืองไทยละก๊าหา น้องดรีมขี้มูก  555


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2013, 07:31:26
ไปแอ่วเมืองนอกลืมเมืองไทยละก๊าหา น้องดรีมขี้มูก  555

แม่กลัยสวิสเจ้า ดรีมยังบ่ได้ไปเจ้า อ. บ่ดีลืมข้าวเจื่อน้องหนาเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2013, 07:32:40
นาในฝัน ;D
ไร่พาฝัน นาในฝัน เปิดป้ายดรีมจะชวนพี่มาเป็นคนเปิดนะค่ะ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2013, 18:07:14
เอาขี้ไก่ไปใส่นาเจ้าาาาา https://www.facebook.com/dreamdream053/posts/601256016565885

ดูในเฟสได้เน้อเจ้า เริ่มจะเป็นชาวนาแล้วน่าเจ้า ติดตามชาวนามือใหม่ ได้เน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: eyenazii ที่ วันที่ 25 พฤษภาคม 2013, 19:26:26
นาในฝัน ;D
ไร่พาฝัน นาในฝัน เปิดป้ายดรีมจะชวนพี่มาเป็นคนเปิดนะค่ะ อิอิ

จัดไปกะ นู๋ดรีม


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chau ที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2013, 12:39:17
อยากขับคันนั้นจัง วิ่งสักร้อย


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 29 พฤษภาคม 2013, 15:19:02
อยากขับคันนั้นจัง วิ่งสักร้อย
อีแต๋นก่าเจ้า ม่วนหนาเจ้า ขึ้นคันนาปุ้งจะโล่ๆๆๆ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ~ lทวดาไร้ปีก ~ ที่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2013, 00:26:12
เป็นแม่เลี้ยงดรีมแล้ว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 มิถุนายน 2013, 08:33:23
เป็นแม่เลี้ยงดรีมแล้ว
ยังเลยเจ้า ว่าจะหว่านยังบ่ได้หว่านเลย นาข้างๆ ออกหมดละเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: acer4741 ที่ วันที่ 03 มิถุนายน 2013, 15:20:35
ข้าวนาปี นี้ใช้พันธุ์ อะไรครับ ผมก็เพิ่งทำนาปลังที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในชีวิต และกะว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆครับ ปีนี้ยังไม่รู้เลย ว่าจะใส่อะ ว่าจะเอารถเกี่ยวแล้วขายเหมือนนาปลังเลย เห็นเขาบอกว่า มี พิโลก2 กะ สันป่าตอง 1 ใช่มั้ยครับที่เขาขายจำนำได้ ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือน ยังเก้ๆกัง ยังไงขอคำชี้แนะด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 มิถุนายน 2013, 12:42:51
ข้าวนาปี นี้ใช้พันธุ์ อะไรครับ ผมก็เพิ่งทำนาปลังที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในชีวิต และกะว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆครับ ปีนี้ยังไม่รู้เลย ว่าจะใส่อะ ว่าจะเอารถเกี่ยวแล้วขายเหมือนนาปลังเลย เห็นเขาบอกว่า มี พิโลก2 กะ สันป่าตอง 1 ใช่มั้ยครับที่เขาขายจำนำได้ ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือน ยังเก้ๆกัง ยังไงขอคำชี้แนะด้วยนะครับ
ดรีมก็ไม่แน่ใจอะค่ะ ดรีมปลูกกข.6 มะลิ  105 เอาไว้กินอะคะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chau ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 09:21:47
ดรีมไม้ยา
ว่างเข้าเมือง แวะมาซื้อปุ๋ยมูลค้างคาวได้เลยคับ รออยู่เน้อ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: D-max ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 11:06:28
ผมก็พึ่งจะเป็นชาวนาครับ ทำไม่กี่ไร่ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: pama ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 15:29:29
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 19:19:13
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี
ดรีมรอที่อ.เชษฐา อะคะ ศูนย์ข้าวในเมือง อาจารย์ยังบ่โทรมาเลยอะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 19:21:19
ผมก็พึ่งจะเป็นชาวนาครับ ทำไม่กี่ไร่ ;D
ตอนนี้ทำคนเดียว ดรีมต้องจ้างหมดเลยอะคะ รอหว่านอยู่อะเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 23:08:10
ขอบคุณกำลังใจจากพี่ๆ ที่ให้เน้อเจ้า ปีนี้ดรีมไม่ได้ทำ ให้ลุงทำคะ ไม่มีกำลังใจ ไม่มีคนช่วย ปีหน้าสู้กันต่อค่ะ ปีหน้าดรีมจะทำเองจิงๆๆ ละ ปีนี้ดูลุงทำไปก่อนค่ะ ขอบคุณพี่ๆที่ให้คำปรึกษา ตอนนี้ดรีมก็ศึกษาอยู่    ปีหน้าฟ้าใหม่ว่าแหมกำน่อเจ้า  ;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:06:37
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี
ดรีมรอที่อ.เชษฐา อะคะ ศูนย์ข้าวในเมือง อาจารย์ยังบ่โทรมาเลยอะเจ้า
ข้าวเจื้อยังอยู่ที่บ้านเลย นึกว่าลืมไปแล้วจะเอาหื้อไก่เหียละ 555


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 15:44:26
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี
ดรีมรอที่อ.เชษฐา อะคะ ศูนย์ข้าวในเมือง อาจารย์ยังบ่โทรมาเลยอะเจ้า
ข้าวเจื้อยังอยู่ที่บ้านเลย นึกว่าลืมไปแล้วจะเอาหื้อไก่เหียละ 555
เสียดายแต้เจ้า ดรีมก็บ่ได้โทรหาอาจาร์ยเลย สุมาเต๊อะเจ้า ดรีมนึกว่าบ่ได้

เสียดายขนาด สุมาแต้ๆๆเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: chetta2499 ที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 20:41:29
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี
ดรีมรอที่อ.เชษฐา อะคะ ศูนย์ข้าวในเมือง อาจารย์ยังบ่โทรมาเลยอะเจ้า
ข้าวเจื้อยังอยู่ที่บ้านเลย นึกว่าลืมไปแล้วจะเอาหื้อไก่เหียละ 555
เสียดายแต้เจ้า ดรีมก็บ่ได้โทรหาอาจาร์ยเลย สุมาเต๊อะเจ้า ดรีมนึกว่าบ่ได้

เสียดายขนาด สุมาแต้ๆๆเจ้า
บ่อเป๋นยั่งดอก ฝนตกมันหลับม่วน ก้เลยลืมตื่นน๊อ 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 สิงหาคม 2013, 13:45:01
คุณดรีมซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จากไหนค่ะ กำลังหาพันธุ์อยู่ ว่าจะปลุกข้าวนาปี
ดรีมรอที่อ.เชษฐา อะคะ ศูนย์ข้าวในเมือง อาจารย์ยังบ่โทรมาเลยอะเจ้า
ข้าวเจื้อยังอยู่ที่บ้านเลย นึกว่าลืมไปแล้วจะเอาหื้อไก่เหียละ 555
เสียดายแต้เจ้า ดรีมก็บ่ได้โทรหาอาจาร์ยเลย สุมาเต๊อะเจ้า ดรีมนึกว่าบ่ได้

เสียดายขนาด สุมาแต้ๆๆเจ้า
บ่อเป๋นยั่งดอก ฝนตกมันหลับม่วน ก้เลยลืมตื่นน๊อ 
อิอิ จ้าววววววว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 มกราคม 2014, 11:20:41
ขุดสระที่นา จ้าวว 15คูณ25 ลึก4 เมตรจ้าววว แหล่งน้ำเขียม ขุดเองเลยจ้าวว ขอคำแนะนำต๋วยเน้อเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: corolado4 ที่ วันที่ 30 มกราคม 2014, 11:31:30
แนะนำให้ขุดร่องน้ำเข้าสระแล้ว ท่อที่วาง น่าจะมีวาวส์เปิดปิด
น้ำหลากมามาก ก็เปิดเข้าสระ เต็มเสมอกันแล้วปิดวาวส์
เผลอหน้าแล้ง สระน้ำนี้มีน้ำมากกว่ารอบข้างเลยล่ะ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 30 มกราคม 2014, 12:07:07
แนะนำให้ขุดร่องน้ำเข้าสระแล้ว ท่อที่วาง น่าจะมีวาวส์เปิดปิด
น้ำหลากมามาก ก็เปิดเข้าสระ เต็มเสมอกันแล้วปิดวาวส์
เผลอหน้าแล้ง สระน้ำนี้มีน้ำมากกว่ารอบข้างเลยล่ะ
ตะวาดรีมก็ถามเขาอยู่ ว่าท่อนี่ยะ เวลาน้ำมามันจะไหลผ่านก่อ ดินมันนอุดอยู่ เขาว่าไหลอยู่ จะต้องแปงอย่างได๋อะจ้าว ดรีมคิดบ่ออก จ้าวว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: corolado4 ที่ วันที่ 30 มกราคม 2014, 23:00:05
เอาแนวร่องน้ำที่กำลังไหลในภาพเป็นแนววางท่อ ปรับให้แน่นน้ำไม่ผ่านรอบท่อ
หัวท้ายถ้าไม่อยากซื้อประตูน้ำมาปิด ก็หากระสอบปุ๋ยมามัดไว้ด้านบ่อ
ด้านนอกเป็นพวกถุงขยะดำมัดปิดกันพวกดิน หรือพวกสัตว์อื่นๆมาเข้าก็ได้นะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 08:03:43
เอาแนวร่องน้ำที่กำลังไหลในภาพเป็นแนววางท่อ ปรับให้แน่นน้ำไม่ผ่านรอบท่อ
หัวท้ายถ้าไม่อยากซื้อประตูน้ำมาปิด ก็หากระสอบปุ๋ยมามัดไว้ด้านบ่อ
ด้านนอกเป็นพวกถุงขยะดำมัดปิดกันพวกดิน หรือพวกสัตว์อื่นๆมาเข้าก็ได้นะครับ
ขอบคุณจ้าวว เดี๋ยวจ้างลุงไปมัดจ้าวว ดรัมบ่กล้ายะ อิอิ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: richly farm ที่ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 09:33:48
ขุดสระที่นา จ้าวว 15คูณ25 ลึก4 เมตรจ้าววว แหล่งน้ำเขียม ขุดเองเลยจ้าวว ขอคำแนะนำต๋วยเน้อเจ้า
ค่าขุดเท่าไหร่คะ ตอนนี้้คิดว่าจะไปขุดที่นาบ้าง


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: jaydai ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 14:53:49
สุดยอดเลยครับพี่ดรีม ตั้งใจ๋แต๋ๆเนอะครับ ผมก็กำลังทำสวนลำใยครัล พึ่งหัดทำ แต่ก็อยากทำนาข้าวเหมือนกั้นครับ  พี่ดรีมอยู่แถวไหนขอเจียงฮายคับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: สบายแมน ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 18:50:38
น้องดรีม สู้ๆเน้อ ;D


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 18:53:10
ขุดสระที่นา จ้าวว 15คูณ25 ลึก4 เมตรจ้าววว แหล่งน้ำเขียม ขุดเองเลยจ้าวว ขอคำแนะนำต๋วยเน้อเจ้า
ค่าขุดเท่าไหร่คะ ตอนนี้้คิดว่าจะไปขุดที่นาบ้าง
พอดีเจ้าของรถแมคโครเขาเอาไปถมที่ใกล้ๆอะจ้าว มีที่ลงดิน ดรีมเลยได้ช่วยน้ำมัน4000 ค่าแต่งขอบสระจ้าวว อยุ่แถวไหนจ้าว ถ้ามีที่ลงดินติดต่อได้หนาจ้าวว รถแมรโครอยุ่ ไม้ยา พญาเม็งราย จ้าว


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 18:56:03
สุดยอดเลยครับพี่ดรีม ตั้งใจ๋แต๋ๆเนอะครับ ผมก็กำลังทำสวนลำใยครัล พึ่งหัดทำ แต่ก็อยากทำนาข้าวเหมือนกั้นครับ  พี่ดรีมอยู่แถวไหนขอเจียงฮายคับ
อิอิ จะยะตั้งแต่ปีแล้วละบ่ได้ยะ ปีนี้จำเป็นต้องยะละเจ้า พี่ดรีมอยุ่ บ้านไม้ยา พญาเม็งราย จ้าววว สู้ๆๆเน้อพ่อเลี้ยงลำไย ภาวนาให้ราคางามๆๆๆ เนอะ จะได้คุ้มทุน คุ้มกำไรเฮา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 18:57:08
น้องดรีม สู้ๆเน้อ ;D
ขอบคุณจ้าววอ้ายแมน สู้ๆๆ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2014, 22:20:18
สองปีผ่านไป แม่หื้อลุงทำนาแล้วถอดข้าวจ้าวว ปีนี้แม่หว่านเอง ดูแลเอง หญ้ายังเยอะเหมือนเดิม ปุ๋ยใส่ไปรอบเดียว ได้ผลิตน้อยบ่เป็นหยังเจ้า อิอิ ปีนี้ที่เอาไว้กินดรีมจะเกี่ยวเอา ศึกษาอ่านนั้น อ่านนี้มาเยอะ ถึงเวลาที่จะจริงจังสักที ทำงานในกรุงเทพ อึดอัด ร้อน ง่อมหาบ้านที่สุดเจ้าา  ปิ๊กบ้านเฮาดีกว่าเนอะเจ้าาา


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: blueblood ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2014, 07:18:03
เข้ามาหื้อกำลังใจน้องก่อนเด๋วค่อยตามอ่าน  สู้ๆนะ งานทำนามันเหนื่อยกายแต่บ่ เหนื่อยใจเหมือนงานในเมืองกรุงแน่ๆ 


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: charoen chaiprasert ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2014, 08:55:53
สองปีผ่านไป แม่หื้อลุงทำนาแล้วถอดข้าวจ้าวว ปีนี้แม่หว่านเอง ดูแลเอง หญ้ายังเยอะเหมือนเดิม ปุ๋ยใส่ไปรอบเดียว ได้ผลิตน้อยบ่เป็นหยังเจ้า อิอิ ปีนี้ที่เอาไว้กินดรีมจะเกี่ยวเอา ศึกษาอ่านนั้น อ่านนี้มาเยอะ ถึงเวลาที่จะจริงจังสักที ทำงานในกรุงเทพ อึดอัด ร้อน ง่อมหาบ้านที่สุดเจ้าา  ปิ๊กบ้านเฮาดีกว่าเนอะเจ้าาา
การทำเกษตรเชิงเดียวเราว่ามันรอรายได้อย่างเดียวทำไมไม่ทำเกษตรผสมผสานเราเองก็ทำแบบผสมผสานมีรายได้ต่อวันดีนะไม่ต้องรออย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2014, 12:23:25
สองปีผ่านไป แม่หื้อลุงทำนาแล้วถอดข้าวจ้าวว ปีนี้แม่หว่านเอง ดูแลเอง หญ้ายังเยอะเหมือนเดิม ปุ๋ยใส่ไปรอบเดียว ได้ผลิตน้อยบ่เป็นหยังเจ้า อิอิ ปีนี้ที่เอาไว้กินดรีมจะเกี่ยวเอา ศึกษาอ่านนั้น อ่านนี้มาเยอะ ถึงเวลาที่จะจริงจังสักที ทำงานในกรุงเทพ อึดอัด ร้อน ง่อมหาบ้านที่สุดเจ้าา  ปิ๊กบ้านเฮาดีกว่าเนอะเจ้าาา
การทำเกษตรเชิงเดียวเราว่ามันรอรายได้อย่างเดียวทำไมไม่ทำเกษตรผสมผสานเราเองก็ทำแบบผสมผสานมีรายได้ต่อวันดีนะไม่ต้องรออย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
ที่สวนดรีมมี4ไร่ ปลูกบ้านไปประมาณเกือบไร่ ประมาณ2ไร่ปลายแม่ลงสปริงเกอร์เจ้า แม่ดรีมลงชะอมไปเยอะมาก แล้วก็มีไม้ผล หน่อหวาน เยอะแยะมากมาย แต่หญ้าออกเรวๆมากๆเจ้าๆ แม่ดูแลคนเดียวบ่ไหว ทุกทีจะมีลุงฝรั่งดูให้ ดรีมว่าจะกลับไปเลี้ยงไก่ ทำฟาร์มเห็ด แล้วก็ทำนาเจ้า


หัวข้อ: Re: ฉันจะเป็นชาวนา
เริ่มหัวข้อโดย: ดรีม ขี้เหล้าน้อย ที่ วันที่ 22 ตุลาคม 2014, 12:26:41
เข้ามาหื้อกำลังใจน้องก่อนเด๋วค่อยตามอ่าน  สู้ๆนะ งานทำนามันเหนื่อยกายแต่บ่ เหนื่อยใจเหมือนงานในเมืองกรุงแน่ๆ 
ขอบคุณจ้าวว